Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แตกประเด็น -->> จากใจ คนในวงการ(เอเจนซี่) ถึงประชนชาวพันทิป -{แตกประเด็นจาก Q11544040} ติดต่อทีมงาน

แตกประเด็นจากทู้นี้  

จากใจ คนในวงการ(เอเจนซี่) ถึงประชนชาวพันทิป

http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q11544040/Q11544040.html
---
เนื้อหาจากต้นกระทู้

จากใจ คนในวงการ(เอเจนซี่) ถึงประชนชาวพันทิป      

*ขออนุญาตแก้ไขนะคะ ขอบคุณสำหรับท่านที่แนะนำว่า ควรใช้คำว่า Beauty Blogger แทน
พอดีเห็นว่าพิมพ์ในห้องนี้ แต่ก็เกรงว่า หากกระทู้ถูกแชร์ไปยังที่อื่นๆ ก็ควรระบุให้ชัดเจน
รวมทั้งภาษาที่ใช้ไม่ถูกต้อง จึงกลับมาแก้ไขแล้วจ้า
และมาย้ำอีกครั้งว่า เราได้เขียนชัดเจนแล้วว่า blogger บางคน ย้ำค่ะ บางคน
เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจึงขออนุญาตมาใส่เครื่องหมาย อัญประกาศ "...." เพิ่มให้ค่ะ

วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้ก็คือ อยากให้ทุกท่านเชื่อว่า ความจริงใจนั้นอาจค่อนข้างหายาก
และตีแผ่ในอีกมุมมองหนึ่ง

ใช้วิจารณญาณเยอะ ๆ เพราะแม้แต่ คำว่า

CR review หรือ SR review / ซื้อเองหรือแบรนด์ให้มา / รีวิวเป็นภาพ รีวิวเป็นวีดีโอ / หรือแม้แต่ทำเป็น How to หรือ ทำเป็น review / อัพ status สั้น ๆ ใน facebook หรือ twitter เช่น ไปลองมาแล้วดีแฮะ หรือ ชอบอายไลน์เนอร์ตัวนี้จัง / ขอลงภาพใน instagram /
เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ก็"สามารถถูกซื้อได้ด้วยเงิน" (มีการขอจ่ายเงิน เพื่อให้ระบุว่า รีวิวแบบซื้อเอง ได้มาเอง เพราะทางพีอาร์เค้าก็รู้ว่า การเขียนแบบนี้คนจะให้ความเชื่อถือมากกว่า
(เพื่อนเราเป็น พีอาร์ และมักจะเสนอแบรนด์ให้ซื้อสิ่งเหล่านี้ เพราะน่าสนใจกว่า คนอ่านมักเชื่อว่านี่คือความจริง ไม่เหมือนพวกรีวิวหรือฮาวทู)

สิ่งที่ต้องการบอกคือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สิ่งใดผ่านมาจากใจหรือไม่ CR Review หรือ status facebook อันนี้ อาจถูกจ่ายเงินซื้อให้เขียนก็ได้ มีแค่ Beauty Blogger เท่านั้นที่รู้

แบรนด์หลายแบรนด์ก็ไม่โง่นะคะ
เพราะคนทำสื่อ ทำพีอาร์ โฆษณา เค้าก็ติดตามสื่อออนไลน์อยู่เหมือนกัน
เค้าก็เป็นผู้อ่านคนหนึ่ง และรู้ดีว่า Beauty Blogger ต้องเขียนรีวิว ฮาวทู
อย่างไรคนถึงจะเชื่อ คนถึงจะคิดว่าจริงใจ

เค้าก็จะ "ขอซื้อ"สิ่งนั้นด้วย"เงิน"ค่ะ Beauty Blogger บางคนใจไม่แข็งพอ
ก็ยอมขายวิญญาณให้


__________________________________________

หลังจากเห็นกระทู้แนะนำเรื่อง Blogger
เราถึงกับต้องไปสมัคร login มาเพื่อการนี้
ขอบอกสั้น ๆ ว่า เราอยุ่ในวงการ พีอาร์ และเอเจนซี่ มาซักพัก
ตั้งแต่ยังไม่มี Beauty Blogger จนวันหนึ่ง แบรนด์สั่งให้เพื่อนเราเชิญ Blogger
มาร่วมงาน นางถึงกับ งง และถามว่า อะไรคือ บล็อคเกอร์ แล้วฉันต้องไปปลูกมาจากไหน
นางจึงโทร.มาถามเรา และจากนั้น Beauty Blogger ก็เริ่มบูม
เกิดสิ่งที่เรียกว่า win-win ขึ้นระหว่าง แบรนด์ เอเจนซี่ และ Blogger
แต่ประชาชนจะวินด้วยหรือไม่นั้น
ใช้วิจารณญาณ กันเอาเอง


เนื่องจากจบด้านนี้มา และกลุ่มเพื่อนสาวเกือบทั้งหมดอยู่ในวงการนี้

ขอประกาศว่า

1.Beauty Blogger หลายท่านทำไปก็เพราะเงิน แต่มนุษย์ 95% บนโลกนี้ก็ทำหลายๆอย่างเพื่อเงินเพื่อความอยู่รอดทั้งนั้น

2. เอเจนซี่และแบรนด์ ตั้งค่าหัว ค่างาน ค่าพีอาร์ ค่าโฆษณา ให้ Beauty Blogger จาก จำนวน like ใน Fanpage จริง และ ขอบอกอีกนิดว่า ดูจากจำนวนผู้อ่านใน Blog ของ Beauty Blogger คนนั้น ๆ ด้วย

เนื่องจาก หากเราจะทำการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ ก็ตาม จำนวนผุ้บริโภคที่จะเกิดการรับรู้สารนั้น ๆที่เราส่งไป (หรือเรียกว่าผู้รับสาร) มีผลต่อราคาที่เราจะจ่าย
ก็ไม่แปลกที่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะมี "ราคาค่าหัว" ของมัน

3. เช่นกัน Beauty Blogger เอง"บางคน" ใช้จำนวน Fan ที่มา กด like เพจตัวเอง เป็นราคาต่อรองกับ แบรนด์และเอเจนซี่ อาทิ เดี้ยนมี แฟนเพจตั้ง 185 คน เดี้ยนคิด 10 บาท ต่อคน ฉนั้น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ 900 ตัวอักษรนี้ เดี้ยนคิด 1850 บาท ถ้วนค่ะ หลายต่อหลายครั้ง แบรนด์และเอเจนซี่ก็ยินดีจ่าย เนื่องจาก มัน คุ้มค่าค่ะ เพราะไอ้ 185 คนนั้นเป็น Active User จริง ๆ มีตัวมีตนจริง อ่านจริง ซื้อจริง เป็นต้น

4. Beauty Blogger "บางคน" ถึงกับกำหนดราคาให้แบรนด์หรือเอเจนซี่ เป็นส่วน ๆ อาทิ
ราคานี้สำหรับการพีอาร์ข่าวให้เฉย ๆ ไม่เขียนรีวิว ราคานี้สำหรับรีวิวเข้าข้าง หรือที่เรียกว่า อวยแบบเนียน ๆ จนไม่มีใครจับได้  (แบบนี้จริงๆ ค่ะ อยากให้ทุกคนรับรู้ตรงกัน และใช้วิจารญาณในการอ่าน) ราคานี้สำหรับรีวิวแบบซื่อตรง และสำหรับ Beauty Blogger "บางคน" จะไม่ยอมเขียนรีวิวเข้าข้างใคร ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็น่านับถือ

5. แบรนด์และเอเจนซี่สามารถต่อรองทุกอย่างได้ด้วย "เงิน" เพราะ มนุษย์กว่า 99% ทำทุกอย่างเพื่อเงิน และเงินเกือบจะเรียกไ้ด้ว่าเป็นปัจจัยในการครองชีพ

6. ฉนั้น เมื่อมี "เงิน" เข้ามาเกี่ยวข้อง ความเป็นกลางอาจหายไป

7.Beauty Blogger "บางคน" เจอผลิตภัณฑ์ไม่ดี ใช้แล้วแพ้ ก็จะไม่เขียนรีวิวว่า ไม่ดี เพราะเกรงว่า คราวหน้าคราวหลัง หากแบรนด์โกรธ อาจไม่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาให้อีก จึงมีการออมชอมกันเกิดขึ้น ผู้อ่านจึงได้รับแต่ข่าวสารในส่วนดี ๆ

8. อ่านถึงข้อนี้ อยากให้คิดกลับกันว่า หากคุณเป็น Beauty Blogger คุณก็(คง)อยากทำรีวิวแล้วได้เงิน มากกว่ารีวิวไปเฉยๆ ไม่เห็นได้อะไร

10. วิจารณญาณเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้  แ่ต่ขอใบ้ให้สั้น ๆ ว่า Beauty Blogger แบรนด์ และเอเจนซี่ สามารถใช้ความ"แยบยล" ในการ "ทำการตลาด" โดนไม่มีประชาชนท่านใดจับได้ว่า นี่คือ "การตลาดแบบแยบยล"

ฉนั้น เราขอบอกว่า รีวิวที่คุณ ๆ เห็นกันอยู่ตอนนี้ ไม่ต่ำกว่า 50% เป็นการรีวิวอวย โดยที่คุณไม่รู้ ถึงแม้คุณ ๆ จะบอกว่า ถ้าเค้าอวย เราซื้อมาใช้ แล้วมันไม่ดี เราก็จะรู้เอง แต่กว่าุคุณจะรู้ แบรนด์ก็ขายได้ไปหลายพันชิ้นแล้ว

ส่วน Beauty Blogger ก็เอาัตัวรอดได้ด้วยประโยคที่ว่า ก็มันดีสำหรับชั้น แต่มันอาจไม่ดีสำหรับคุณนี่คะ

จบไป win-win

11. คุณอ่านมาถึงข้อนี้จนลืมสังเกตว่า ข้อ 9. หายไป

12. คุณกลับไปดูว่า ไม่มีข้อ 9. จริงหรือไม่ อิอิ อย่าเครียดนะ  

13. จบละค่ะ บ๊ายบาย


แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 55 12:12:48

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 22:14:47

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 22:09:51

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 21:59:32

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 21:44:39

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 21:37:55

แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 55 21:28:56

จากคุณ : Zurina  
เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 11:55:42

จากคุณ : Homme-Mali
เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 21:04:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com