ความคิดเห็นที่ 1 ต่อนะคะ สมมุติชือ เอ พอเราเข้าไปดูในเฟสบุ๊คของเอเท่านั้นแหละค่ะ น้ำตาตกในเลย คือว่าเอตอน นี้ยังเรียนอยู่ ทำตัวไฮโซมาก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องอางค์ กินของหรูๆ เรารู้ฐานะทางบ้านน้องเค้าดี คือพ่อแม่และพี่ชายของน้องเอต้องออกไปรับจ้าง เพื่องส่งเงินให้น้องเอนี่แหละค่ะ ที่ จขกท รู้ดีเพราะตอนช่วงน้ำท่วมมีโอกาสกลับไปอยู่บ้านนานเลย บางวัน จขกท ต้องเอาลูกของพี่ชายน้องเอมาเลี้ยง เพื่อให้พี่ชายน้องเอไปทำงานได้ เรื่องความเป็นอยู่ที่บ้านน้องเออาจจะไม่ได้ถึงขั้นไม่มีกิน แต่ที่ จขกท เห็นคือ ทุกคนพยายามเก็บเงินไว้ให้น้องเอใช้ โดยไม่รู้เลยว่าน้องเอนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงตัวเจ้าของกระทู้เอง ขอโทษนะคะ ที่อาจเขียนวกไปวนมา แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ดีเลย สงสารหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ จากคุณ : kibkaebaby เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:12:53

ความคิดเห็นที่ 2 โอ แย่จังที่ยังมีคนแบบนี้ บอกได้เลยว่า การศึกษาไม่ได้ยกระดับสติปัญญาของคนเลย จากคุณ : Mrs. Maroc เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:24:25

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท. น่าจะเตือนสติน้องเอแบบอ้อมๆ บ้างนะคะ เขียนในข้อความก็ได้ เช่น วันนี้กลับบ้านไปเจอพ่อแม่ พี่ของน้องเอ เห็นเค้าทำงานกันเหนื่อยมาก บางวันก็เอาน้องมาฝากเลี้ยง อะไรประมาณนี้ค่ะ บอกตรงๆ เราได้ยินแบบนี้สงสารคนที่บ้านเค้ามาก ถ้าปล่อยต่อไป น้องเอก็จะผลาญเงินที่ได้มาอย่างยากลำบากไปเรื่อยๆ คนทำงานก็ทำต่อไปโดยไม่รู้พฤติกรรมลูกตัวเอง ความจนไม่ได้น่าอายสักนิด ที่น่าอายคือจิตสำนึกที่ขาดหายไป โดยเฉพาะคนที่ทำกับพ่อแม่เจริญยากค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 20:31:15 จากคุณ : kakanoky เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:29:31

ความคิดเห็นที่ 4 แย่จังนะคะแบบนี้ จากคุณ : หนูพิม (SASSY_PIM) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:43:52

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเราเป็นเด็กนักศึกษา โชคดีว่าเอ็นทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยที่เพื่อนๆไม่แข่งกันฟุ้งเฟ้อ แต่ชอบพากันเรียนหนังสือมากกว่า จำได้ว่า แม่ให้เงินค่าขนมเดือนนึงๆไม่เกิน 3000 บาท ถึงกระนั้นเราก็ยังมีเงินเก็บจากค่าขนมในบัญชีธนาคารหลายหมื่นตอนเรียนจบ จำได้ว่า แค่เสื้อผ้าซักชิ้น รองเท้าซักคู่ ที่ราคาแค่ 199 บาท เรายังคิดแล้วคิดอีก คิดๆๆๆว่ามันจำเป็นมั๊ย   เพราะเราคิดอยู่เสมอว่า เงินนี้ไม่ใช่ของเรา  เป็นของพ่อกับแม่ ที่หามาให้เราเรียน ให้เรามีอนาคตที่ดี ดังนั้นเราต้องใช้เงินทุกบาทที่ได้มา ให้ตรงจุดประสงค์ พ่อกับแม่ไม่เคยปล่อยให้เราขาดในสิ่งที่ควรได้รับ ทั้งเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตที่พอเพียงในแบบของครอบครัวของเรา   ดังนั้นเราจึงคิดเสมอว่าของสิ่งใดที่เกินความจำเป็นหรือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย  เราไม่ควรไปรบกวนพ่อกับแม่อีก หลายครั้งที่เราเห็นน้องนักศึกษาบางคนที่ฟุ่มเฟือยและใช้เงินเกินตัวไปตามกระแสสังคม  เราก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจมาจากการปลูกฝังค่านิยมหรือการตามใจในทางที่ผิดจากทางครอบครัวของเค้าเอง เหมือนอย่างในรายการตีสิบที่เพิ่งออกไปไม่นานนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 20:55:33 จากคุณ : ลูกแก้วโกะ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:49:25

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องแบบนีเพูดยากจริงเนอะ .. ถ้าไปบอกทางบ้าน ก็ดูไม่ใช่เรื่อง เดี๋ยวจะซวยเองอีก คนพูดกลายเป็นผิด = =* เราว่าทำแบบที่ คห.3 บอกก็ได้ บอกอ้อมๆ อ่ะค่ะ คุยในแชทเอาก็ได้ น้องเค้าคงไม่อยากออกสื่อ หุหุ แต่น้องเอจะคิดได้รึเปล่าคงตอบไม่ได้เลย หวังว่าจะพอสำนึกขึ้นมาบ้างนะ จากคุณ : Amore_ Rainbow เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 20:50:55

ความคิดเห็นที่ 7 หลังไมค์ไปคุย ถามไถ่ว่าเป็นไงบ้าง บอกว่าเราเจอคุณลุงคุณป้า พ่อแม่น้องเค้า ดูท่านซูบไปเยอะ ผอมลง บลา ๆ ไปนะ น้องเอกลับบ้านบ้างไหม พูดให้น้องเค้าคิด จากคุณ : rain&ant เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 21:30:17

ความคิดเห็นที่ 8 คือ เราเจอเด็กปวช. ปวส. ที่มาฝึกงานเป็นคล้ายๆ แบบนี้ค่ะ แต่น้องที่มาฝึกงานนั้นเธอมีความสามารถมาก มาฝึกงานวันแรกพอเลิกงานให้เราพาไปห้างใกล้ๆ ออฟฟิช แล้วเธอก็เข้าไปสมัครทำงานพิเศษเสียเรียบร้อย เรียกได้ว่าดูขยันค่ะ ฝึกงานและทำงานพอเศษหาเงินไปด้วย ซึ่งน่าจะดูดี แต่ตอนที่ฝึกงานจบ คุณน้องเธอเอาเงินที่ทำงานพิเศษนั้นไปต่อผม คือ มันก็เงินที่น้องหามาเอง ทำไรก็เรื่องของเขานะ เคยได้ยินน้องเขาเล่าเหมือนกันว่า ถ้าอยากได้อะไรเขาไม่เคยขอเงินขอที่บ้าน ที่บ้านแค่ส่งค่ากินอยู่ ค่าเล่าเรียน ของฟุ่มเฟือยทั้งมือถือ ฯลฯ เธอทำงานหาซื้อเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเงินที่ทำงานพิเศษนั้นเก็บไว้ใช้ในสิ่งสำคัญในภายหน้ามันรู้สึกมีค่ามากกว่านี้ หรือเรามันคิดมากไป จากคุณ : Miran เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:20:54

ความคิดเห็นที่ 9 สื่อเดี๊ยวนี้เน้นด้านวัตถุนิยมมากค่ะ เด็กดูมากๆก็จะกลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ จากคุณ : Sab Zab' เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:32:59

ความคิดเห็นที่ 10 มีเยอะค่ะคนแบบนี้  เพื่อนแฟนเรายืมเงินแฟนเราไปตั้งหลายแสน ไม่ยอมใช้สักบาท อัพเฟสบุ๊คกินอาหารหรูๆทุกมื้อเลย ไม่รวมกระเป๋าต่างๆนาๆที่คุณเธอซื้อมาอวด  อยากเข้าไปทวงตังค์หน้าเฟสเลย แฟนดันรักเพื่อนอีกกลัวเพื่อนอาย เซงโคดดด จากคุณ : มู๋เจ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:37:43

ความคิดเห็นที่ 11 พ่อเรากะแม่เลี้ยงเค้าก็สปอยลูกเค้าจนเสียคน ลูกอยากได้อะไรก็ประเคนให้ โดยไม่สนใจว่าพอแม่จะมีหรือไม่มี ไม่ได้ก็บ้านแตก ประชดประชัน เราได้แต่สงสารพ่อกะแม่เลี้ยง  แต่ไม่อยากโทษน้องชายเสียทั้งหมดสรุปก็คือ พ่อแม่รังแกลูก รักจนไม่รู้อะไรควรให้ไม่ควร ให้ อะไรควรยอม ไม่ควรยอม จนน้องมันได้ใจ ส่วนน้องก็ไม่รู้จักโต ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มันคงเป็นกรรมแหละสรุปแล้ว จากคุณ : iamtin เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:48:05

ความคิดเห็นที่ 12 งงคห.ที่ 8 คือน้องเค้าไปทำงานพิเศษเพื่อไปซื้อของที่เขาอยากได้ ในกรณีนี้คือไปต่อผม เราว่าก็ดีออกนะคะที่เขาไม่ต้องขอเงินทางบ้าน คนเราให้ความสำคัญต่อแต่ละสิ่งไม่เหมือนกัน อย่าไปคิดแทนเค้าเลยว่าใช้เงินแบบไหนดีกว่า ส่วนเรื่องของจขกท ถ้าเป็นเรา เราจะเฉยๆน่ะ มันเป็นเรื่องของเขาอ่ะ เขาทำตัวฟุ้งเฟ้อแบบนี้ เดี๋ยวต่่อไปเขาก็เห็นผลของการกระทำเขาเองแหละ เราเข้าไปพูดอะไรมันจะดูเหมือนว่าเราไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเปล่าๆ จากคุณ : เขียนบน iPhone (คนรักแมวตี๋) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 22:55:32

ความคิดเห็นที่ 13 เงินใครเงินมัน  แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กบางทีถ้าเราปล่อยปะละเลยไป อาจจะไม่เป็นผลดีกับน้องเค้าในอนาคต  ถ้า จขกท. มีโอกาสได้พูดคุยก็ลองเตือน ๆ น้องเค้าดูก็ได้ค่ะ  เผื่อว่าถ้าน้องเป็นเด็กหัวอ่อนเราจะได้เรียกสติเค้าได้ทัน จากคุณ : เปิดตาและเปิดใจ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 23:04:57

ความคิดเห็นที่ 14 พูดยากค่ะ เราเจอญาติแฟนเป็นแบบนี้ เรากับแฟนก็บอกเค้านะคะ ว่าลูกเค้าใช้ของแพงไปมั้ย เกินไปมั้ย แต่เค้าไม่เชื่อ ลูกงี้เที่ยวผับ กินเหล้า แล้วหลอกแม่ว่าเรียนพิเศษ (มหาลัยเนี้ยนะมีเรียนพิเศษ) พ่อแม่ขายของ ขายข้าว ขายผ้า ส่งหวย ส่งแชร์ หาเงินมาส่ง เรียกว่าทำทุกทาง ลูกงี้ ไฮโซม๊ากกกกกกกกกก ย้ำว่ามาก ขนาดเอ็นทรานยังตั้งใจใส่คณะ..เรียนอินเตอร์เลย อยู่หอเดือนนึง5พัน ไม่รวมน้ำไฟ เงินใช้นอกต่างหากเดือนเป็นหมื่น ใช้ของงี้แบรนด์เนมทั้งตัว กางเกง รองเท้า เสื้อไปมหาลัยสั่งตัดหมดนะค้าบ ใส่รองเท้างี้คู่เป็นหมื่น โทรศัพท์บีบีเครื่อง ไอโฟนเครื่อง มีไอแพด กับแมคบุ๊คด้วย ตอนไปซื้อแมคบุ๊คแม่น้องชวนแฟนเราไป แฟนเราก็แนะนำโน๊ตบุ๊คสเป็คดีๆให้ แถมยังผ่อนกับร้านได้ ไม่ยอมเอา โกรธไม่พูดกับแม่ (ซะงั้น) สุดท้ายแม่ต้องไปเปียแชร์ซื้อแ็มคบุ๊คให้ใช้ อีกความคิดนึงเรื่องรถยนต์งี้ เราซื้อมาใหม่ แม่น้องก็มาถามเราว่าอยากให้น้องมีใช้บ้างงง แต่ขอโทษน้องบอกว่า รถญี่ปุ่นรถเอเซียมันห่วยไม่ชอบ ชอบรถยุโรปพวกเฟอรารี่ เรางี้อึ้งเลย แต่แม่เค้าไม่ได้สะดุ้งสะเทือนนะ ยังมาโม้อีกว่าลูกอะใช้แต่ของดีๆกินแต่ของแพงๆ แฟนก็รวย แฟนสวยด้วย ก็หาเงินส่งกันตายแหละคุณน้า เดือนสี่ห้าหมื่น พอลูกจบมาทำงานได้หมื่นเดียวมันคงขาดใจตาย ที่ผ่านมาบ้านที่น้าอยู่ก็เจอน้ำท่วมทุกปี ของไม่ได้ขายเงินก็ไม่ค่อยมี ลูกงี้ไม่มีกลับไปไปดูพ่อแม่เลยนะ โทรศัพท์ไปขอตังอีก แม่ต้องนั่งเรือลุยน้ำท่วมมิดชั้นสองมาโอนเงินให้ลูกกตัญญู สุดยอดดดเราเจอหน้างี้ไม่อยากจะมองเลย เราเองไม่ได้ดีมากหรอกแต่รับไม่ได้ ไอ่กตัญญู จากคุณ : blooperz เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 01:05:47

ความคิดเห็นที่ 15 คห. 14 ขอยืนยัน ประเด็นเรื่องเรียนพิเศษค่ะ เรียนมหาวิทยาลัยก็มีเรียนพิเศษนะคะ จะเป็นวิชาพวก cal phy chem หรือ บัญชี อะไรก็ว่าไป eng ยังมีเรียนเลยค่ะ อันนี้มีจริงๆ นะคะ เลยมาขอแก้นิดนึง แต่เรื่องนิสัยขอไม่พูดถึงละกันค่ะ แบบว่า เอิ่ม นะ เด็กสมัยนี้ ^^ ถ้าเอาเงินไปเรียนจริงก็คงดี (แบบพวกนี้จะเรียนเพิ่มเกรดค่ะ ) แต่ถ้าเอาไปซื้อของ ละก็นะ ไม่ไหวจริงๆ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 01:49:04

ความคิดเห็นที่ 16 แนะนำให้เอา youtube ย้อนหลังรายการตีสิบไปให้น้องดูค่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีน้องผู้หญิงคนนึงออกมาเล่าเรื่องตัวเองใช้เงินเกินตัว มารู้ตัวเมื่อสาย ตอนที่พ่อเสียชีวิตไปแล้ว เผื่อจะเตือนสติน้องเค้าได้บ้าง จากคุณ : ploy_sdcu เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 06:56:02

ความคิดเห็นที่ 17 น้องเค้าอาจมีแฟนเลี้ยงรึเปล่า จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 10:07:07

ความคิดเห็นที่ 18 หารายการตี 10 ไปเปิดให้น้องเอดู ตอนที่พ่อหาเงินมาให้ลูกใช้จนต้องตาย แต่ดูความเห็นที่ 17 แล้วก็อาจจะเป็นไปได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 55 11:25:43 จากคุณ : ยัยหมวยซ่าส์ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 11:22:35

ความคิดเห็นที่ 19 สมัยเรา อยากเรียนต่อมากแต่แม่กะพ่อไม่มีเงินให้เรียน เราจึงต้องออกจากบ้านมาหางานทำที่กรุงเทพฯและส่งตัวเองเรียนอยู่ห้องเล้กๆแค่เมตรครึ่งประตูห้องแบบสไลด์ ห้องน้ำรวม ชั้นล่างเป้นร้านเสริมสวยชื่อร้าน กุหลาบ อยู่ตรงข้ามโรงแรมอินทรา ลำบากมากถึงมากที่สุด เพราะต้องกินแต่มาม่า ต้มใส่ผักที่ตลาดเค้าจะทิ้งแล้วแต่เอามากองขายกองละ 5 บาท เราก็ซื้อมาต้มใส่มาม่าห่อนึง ประทังชีวิตไปเป็นมื้อๆ เวลาไปเรียนที่ราม 2 ก็โหนรถเมจากประตูน้ำไปเรียนรามที่บางนา บางวันมีบางวิชาต้องเรียนที่ราม 1 ก็โหนรถเมล์กลับไปเรียนที่ราม 1 กว่าจะกลับที่พักก็เย็นมากๆต้องรีบออกไปรับจ้างเป็นเด็กเสริฟที่ร้านข้าวมันไก่โต้รุ่งแถวประตูน้ำ กลับมานอนที่หอก็ เที่ยงครึ่ง ตื่นตีสามครึ่ง ตีสี่นั่งรถเมล์ไปเสริฟกระเพาะปลาที่สวนลุม เสริฟ ตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้าทุกวันๆ เก็บเงินจ่ายค่าหน่วยกิต ส่งน้องเรียนสองคนที่ตจว. และเหลือ 500 บ้าง 1000 บ้างให้พ่อกะแม่ เราทำอย่างนั้นจนเรียนจบช้ากว่าเพื่อนๆ เราเรียนห้าปีกว่าจะจบเพราะเราต้องคอยมาเก็บวิชาที่เราเลคเช่อร์ไม่ทัน ต้องขอก้อปเพื่อนและใช้วิธีขอเพื่อนอัดไว้ให้แล้วมาฟังเอาเอง กว่าจะจบได้ก้หืดขึ้นคอ แต่เด้กสมัยนี้พ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกเรียนแต่ลูกก็แพ้ภัยสังคม เป็นโรคติดต่อทางนิสัยฟุ้งเฟ้อ เห่อ เหิม  แข่งขันกัน และลืมตัวว่าครอบครัวตัวเองนั้นลำบากแค่ไหนกว่าจะส่งลูกเรียนได้ อายที่จะบอกเพื่อนว่าครอบครัวยากจน จะโทษเด็กอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะสถาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไป วัตถุนิยมระบาดกลายเป้นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจแต่ก็มีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างเด็กๆเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ...แล้วอย่างนี้เราจะโทษใครดีล่ะ สังคม หรือ ครอบครัวที่สะเพร่าเอง หรือจะโทษว่าเป็นเพราะเด็ก...? ใครจะตอบคำถามนี้ได้บ้างคะ จากคุณ : กาสะลอง (PAKUNGKUB) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 11:38:03

ความคิดเห็นที่ 20 เอาจริงๆนะคะ เรารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า ถ้าตราบใดที่บ้านเค้าไม่พูดเอง เราไปพูดมันดูไม่ดีเหมือนไปยุ่งเรื่องของเค้าอ่ะค่ะ แล้วน้องเค้าอาจจะทำงานพิเศษก็ได้นะคะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ส่วนตัวเรื่องแบรนด์ไม่แบรนด์เนี่ยมันแล้วแต่คน เรายอมรับเราเป็นคนติดแบรนด์เพราะมันใช้แล้วทนกว่าทั่วไป กระเป๋าใบหนึ่งราคาระดับ hi-street แต่มันอยู่กับเราได้หลายปี ในขณะที่ราคาทั่วไปกับอยู่กับเราได้แค่ 1-2 ปีเอง จากคุณ : ล่องลอยในความฝัน เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 11:49:22

ความคิดเห็นที่ 21 กรรมใครกรรมมัน จากคุณ : โอ่งดินน่ารัก เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 17:57:36

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ จากที่เรารู้น้องเค้าไม่ได้ทำงานพิเศษ และทางบ้านน้องเค้าก็มายืมเงินที่บ้านเราบ่อยๆ ตอนอยู่บ้านเราก็เห็นน้องเขาทำตัวธรรมดา ถ้าไม่ได้เห็นจากเฟสบุ๊คคงไม่รู้ จากคุณ : kibkaebaby เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 18:42:05

ความคิดเห็นที่ 23 ขอโทษนะคะ อาจจะคิดต่างนะ ขอเล่าในแง่มุมเรานะคะ เราก็เป็นนักศึกษาค่ะ แล้วเราก็ชอบใช้เครื่องสำอางแพงๆมันติดทนกว่าค่ะ ลองมาเยอะแล้ว หน้าแหกมาบ่อยแล้วด้วย:( ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองรวย ไฮโซ อะไรเลยนะคะ แต่มันเหมือนความเคยชินน่ะค่ะ ข้าวแกงเราก็กินได้ กินประจำด้วย แต่ไปทำธุระ ไปธนาคารที่ห้าง ก็ไปกินข้าวที่นั่นด้วยเลย อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ คือ ที่พูดมาทั้งหมด เงินที่เราใช้ทั้งหมดเป็นเงินที่ แม่ให้ ค่ะ คือเราแบ่งเก็บไว้ส่วนหนึ่ง อาทิตย์ละสองสามร้อย แบบนี้ อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอาค่ะ ไม่เคยเรียนพิเศษด้วย เปลือง รู้ว่าถึงจ่ายตังไป ไม่ตั้งใจเรียนก็เท่านั้นเนอะ ไม่เคยขอเงินพ่อแม่เกินกว่าเงินอาทิตย์เลย อย่างแรกคือพ่อแม่ไม่เคยให้ค่ะ ขนาดพี่ชายเราเก็บเงินซื้อไดร์ฟคอมฯ ซื้อเลนส์กล้องเอง ทุกอย่างเองหมดเลย อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินค่ะ รู้ว่าพ่อทำงานเพื่อส่งเราเรียน พ่อก็บอกว่ามีเงินก็ใช้ (พ่อใช้เยอะกว่าเราอีกกกก ชอบเอาไปเลี้ยงชาวบ้าน 5555สงสัยติดมาจากพ่อ ไม่ได้ว่าพ่อน้าาาอย่าตีหนู แซวพ่อแล้วโดนเตะตลอด T^T) มาแบ่งปันความคิดเห็นน่ะค่ะ คนที่พี่พูดถึงเค้าเป็นแบบเราเปล่าคะ เตือนๆเค้าแบบอ้อมๆเหมือนที่พี่ๆคห.บนๆบอกก็ดีนะคะเราว่า ประมาณว่าถามไถ่ถึงพ่อแม่เค้า หรือเรื่องยืมตัง เปรยๆไปอะไรงี้ค่ะ เค้าอาจจะคิดๆบ้างค่ะ ว่าเออ พ่อแม่เราต้องยืมเงินคนอื่นมาให้เราเรียนอยู่นะ ที่มีตรงนี้ได้เพราะพ่อแม่นะ จากคุณ : chubbypony เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 22:34:58

ความคิดเห็นที่ 24 แม่บ้านที่ทำความสะอาดในบริษัท ได้เงินวันละ 300 บาท วันนึง ลูกสาวเขามาเยี่ยม ทำเราอึ้งค่ะ หิ้วกระเป๋า coach หน้าตาผิวพรรณ ดูยังไงก็ลูกคนมีเงิน ขอทุนเรียนอินเตอร์มหาลัยเอกชน แต่อันนี้ว่าไม่ได้ เพราะเขามีคนเลี้ยงส่งเสียกันอยู่ แม่ก็นั่งถูพื้นไปงกๆ บางทีฝากเราโอนเงินให้ลูกทีละสองพัน สามพัน เห็นแล้วพูดไม่ออก จากคุณ : .เชอร์รี่. เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 16:54:04

ความคิดเห็นที่ 25 สมัยนี้อะไรๆก็เปลี่ยนค่ะ เปลือกเท่านั้นค่ะ จากคุณ : ชาเย็นกลิ่นperpermint เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 17:11:29

ความคิดเห็นที่ 26 วัตถุนิยม มันเป็นไปตามนิสัย เอ๊ย สมัยค่ะ เพราะคนเราก็มีหลายกลุ่มอ่ะเนอะ บางทีเรามองว่า ค่านิยมแบรนด์เนมงี้ มีแล้วมันก็เสริมบารมี คนอื่นเห็นก็มองเราดูดี มองเราไฮโซขึ้น คนมีเงิน(บางคนก็ไม่มี) ก็บอก เงินใครเงินมัน ฉันหาใช้เอง(บางคนก็เบียดเบียนคนอื่นมา) ไม้ได้ใช้เงินเธอซื้อ มันก็ถูกของเค้าอีก พูดไม่ออกอีก บางทีอยากเตือนกลัวโดนสวน ก็ต้อง แล้วแต่เค้า บางคนบอก แบรนด์เนม ถึงจะแพง แต่มันใช้คุ้มกว่า ใช้ได้หลายปีกว่าของตลาด บางคนบอก คิดไปเองรึเปล่า(ในบางส่วน) ของตลาดทั่วๆไป เลือกดีๆ ราคาสูงหน่อย (ซึ่งราคาสูงสำหรับของตลาด ราคาก็ยังต่างกับแบรนด์ถูกๆเป็นสิบๆเท่า)ใช้เข้าไป เกือบสิบปีอยู้ใช้ได้สบายๆ คนที่ใช้อยู่ก็บอก ความชอบส่วนตัว สิทธิส่วนบุคคล พอใจใช้ ใช้แล้วมีความสุข ไม่เดือดร้อนใคร(อันนี้บางคน) จบ ต่อไม่ได้ ก็คงอย่างเค้าว่า เหอะๆๆ ว่าไม่ได้ค่ะ บางที ถ้าคนทุนน้อยหน่อย วันนี้ไม่สนใจแบรนด์ วันนึง มีทุนเยอะขึ้นมา อาจจะเปลี่ยนรสนิยมก็ได้(บางคนนะ) เราว่า ตัวเงินก็เป็นอีกปัจจัยหยึ่งที่สำคัญต่อรสนิยม มีเงินจริงไม่ว่ากัน ความสุขเค้า (แม้จะแอบไม่เห็นด้วยนิดนึง สำหรับตัวที่ราคาแพงเว่อร์ๆเกินเหตุ ประมาณว่า นี่กระเป๋า หรือเงินดาวน์รถเก๋ง งี้ก็ หดหู่เหมือนกัน) แต่ถ้าประเภทที่เจ้าของกระทู้เล่า(ซึ่งคนบ้านเราตอนนี้เป็นกันเยอะ ประเภทวัตุนิยม ฟุ้งเฟ้อเกินตัว เงินเดือน หมื่นห้า ซื้อของเดือนนึงเฉียดเงินเดือนทั้งหมดงี้) ไม่ไหว เห็นอยู่ทั่วไป กลายเป็นส่วนมากของสังคมไทยไปโดยปริยาย เหอะๆๆๆ จากคุณ : แพททา (แพททา) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 23:01:23