อ่านไปมา ไหงมันออกทะเลไปได้ไกลขนาดนี้นะ
เราเข้าใจ จขกท นะคะ ว่าที่ต้องยกตัวอย่างแบบสุดขั้วก็เพื่อที่จะได้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน และด้วยความชัดเจนมากจนเกินไปนี่แหละ ทำให้คน 2 คนกลายสภาพเสมือนดั่ง นางเอก vs. นางอิจฉา
สำหรับตัวเรามองอย่างนี้นะคะ
คนรวย - แน่หละ เขาโชคดีที่มีต้นทุนสูงในด้านทุนทรัพย์ เพราะฉะนั้นการที่เขาจะเลือกใช้ของที่มีราคาแพงก่อนก็เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เขาได้รับรู้มา เช่น ที่เพื่อนคุณ จขกท บอกว่า ของยี่ห้อ......ใช้แล้วแพ้ ปากดำ ฯลฯ นั่นก็เพราะสิ่งที่เขารับรู้มาเป็นอย่างนั้น และถ้าจะให้เขาลอง ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจาก เขามีความสามารถในการซื้อหาสิ่งที่ต้องการและเข้ากับตัวเองแล้วไม่มีทางเปลี่ยนหรอกค่ะ เพราะไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหน เขาก็ซื้อหามาได้........(เห็นภาพยังคะ?)
- ขอยกตัวอย่าง เราเองเลยหละกัน เราใช้ ครีมกันแดดยูเซอรีน ซึ่งราคาค่อนข้างแพงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ก่อนหน้านี้เราตัดสินใจว่าจะลองใช้อีกยี่ห้อหนึ่งที่ราคาถูกกว่ามาก ผลที่ได้ สิวอุดตันเพียบ เลยต้องกลับมาใช้ยี่ห้อเดิมนั่นหละ ถึงแม้ราคาจะแพงแต่สำหรับตัวเรามันได้ผลลัพท์ที่หน้าต่างกันอย่างสิ้นเชิง......ถามว่าแพงไหม "แพงมาก" (สำหรับเรา ถึงแม้เงินเดือนเราจะค่อนข้างสูงก็ตาม)
คนฐานะปานกลาง - ด้วยความที่เป็นคนฐานะปานกลาง ไอ้การที่เราจะไปลองของแพงเลยก็กระไรอยู่ (เราก็คนหนึ่งเป็นคนในกลุ่มนี้ เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัวอีก ทำให้จำนวนเงินที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยมันลดน้อยลงตามไปด้วย) เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มลองจากของที่ราคาสมเหตุสมผล คือ ไม่ได้แพงมากจนต้องปาดเหงื่อและไม่ได้ถุกมากจนน่าสงสัย ...... ถ้าโชคดีผลลัพท์สำหรับตัวคุณคือ คุณเข้ากันได้กับผลิตภันฑ์นั้น ๆ ก็ถือว่าโชคดีที่คุณไม่ต้องควักเงินจ่ายของแพง ๆ ตรงกันข้าม ยังเก็บเงินส่วนต่างไปซื้อ-ใช้จ่าย อย่างอื่นได้อีกแหนะ
คนเราทุกคนนั่นหละคะ ถามว่า ถ้ามีเงินคุณอยากทดลองของแพงไหม? เราเชื่อว่า คำตอบคือ "ใช่" เพียงแต่จำนวนเงินในกระเป๋ามันไม่อำนวยให้ทำอย่างนั้นนะสิ เวลาคุณเดินผ่านเคาร์เตอร์เครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง มีกี่ครั้งกันที่คุณจะไม่หยุดดูและอยากจะเดินเข้าไป?
เราว่า สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ทำอะไรแล้วทำให้ตัวเองมีความสุขก็ทำไปเถอะค่ะ ตราบใดที่มันไม่ได้ทำให้ตัวคุณและคนรอบข้างเดือดร้อน ใครกันจะมีอำนาจในการกำหนดว่าคนไหนควรมีความสุขเท่าไหร่ แค่ไหน เพราะอะไร ฯลฯ นอกจากตัวคุณเอง ใช่ไหมคะ?