มาเล่าประสบการณ์จี้ขี้แมงวัน และแนะนำครีมทารอยบุ๋มหลังจี้ค่ะ

พอดีเพิ่งไปจี้ขี้แมงวันมา ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ
ตื่นเต้นมากๆ เพราะกลัวหน้ามันจะทุเรสไปกว่าเก่า อิอิ
กลัวแผลเป็นมากๆ และอื่นๆ ด้วยความที่ไม่เคย เลยวิตกจริตเป็นพิเศษ
เชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนเรา

งั้นเราขอเล่าเรื่องจี้ขี้แมงวันก่อนนะคะ เผื่อบางคนไม่เคยแล้วอยากไปทำบ้าง จะได้รู้ว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก่อนอื่นเราต้องเลือกสถานที่ที่ไปทำก่อนค่ะ บางคนเอาออกเอง หรือให้ตามห้างที่เอาอะไรมากัด ที่ราคามันถูกเว่อๆ มันอาจจะอันตรายนะสาวๆ
เลือกคลินิคที่ไว้ใจได้ อย่างน้อยก็มีหมอเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่ชาวบ้่านใครไม่รู้ค่ะ อย่าเสี่ยงเลย

ทีนี้ราคาก็แตกต่างกันไป บางทีเราอาจไม่ต้องทำกับคลินิคดังๆเช่น วุฒิศักดิ์ ราชเทวี อะไรก็ได้ เพราะราคามันอาจแพงเกินงบประมาณ

อย่างเราก็โทรเช๊คไปเรื่อยๆ บางที่แพงมากๆ บางที่ก็ถูกเว่อร์ๆ
เราก็เลือกมาที่นึง เพราะสถานที่น่าเชื่อถือ ( อาจจะไม่ดังมาก ) มีหมอเป็นตัวเป็นตน ราคาสมเหตุสมผล พนักงานพูดเพราะดี ( อันนี้ชอบเป็นพิเศษ )
คิดราคาเหมารวม 7 จุด ประมาณ 2,000 บาทค่ะ ถือว่ารับได้

อ้อลืมบอกไป เราไม่ทราบว่าจี้ขี้แมงวันมันมีวิธีกี่แบบนะ แต่ที่เราไปทำ เค้าเรียกว่า co2 laser ค่ะ น่าจะใช้แบบนี้ซะส่วนใหญ่นะคะ

ทีนี้มาถึงขั้นตอนการจี้

1. ทายาชาที่ขี้แมงวัน แล้วรอ 45 นาที ( แนะนำว่าควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนไปทำค่ะ เพราะวันแรกถ้าแผลไม่โดนน้ำจะดีมาก )
2. เข้าห้อง ทำ laser ค่ะ เรามองไม่เห็นว่าเค้าทำยังไงนะคะ เพราะเค้าเอาสำลีมาปิดตาเราไว้
ที่รู้สึกคือ เหมือนมีมีดโกนมากรีดรอบๆขี้แมงวันเราค่ะ แต่อย่าตกใจไปนะคะ มันแค่คิดไปเองค่ะ ไม่เจ็บเลย ยกเว้นบางที่ๆรากมันลึกหน่อย ก็เจ็บพอรับได้ค่ะ
ที่คิดว่าเหมือนมีดโกนเพราะเสียงกับสัมผัสค่ะ คล้ายๆมันมีใบมีดโกนมาค่อยๆกรีดรอบๆขี้แมงวันเรา แต่ความจริงไม่ใช่นะคะ เครื่องมือคล้่ายๆสว่าน ( รึเปล่่า ไม่แน่ใจค่ะ )
ทุกครั้งที่ทำ จะมีกลิ่นเหม็นไหม้ค่ะ เนื้อเรานั่นแหละ เหม็นมากๆ กลั้นหายใจไปค่ะ พนักงานก็เอาพัดมาพัดๆในหน้าเราค่ะ สงสัยกลัวเราเหม็น แต่ตอนจี้ที่จมูกไม่ยักกะมาพัดให้นะคะ แทบจะเป็นลมค่ะ ( เว่อร์ ) จะบอกว่าวันที่ไปจี้ ดันไปกินหมูกะทะต่อ กลิ่นหมูตอนลงกะทะเนี่ย แอบคล้ายคลึงนะคะ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองรึเปล่า สงสัยฟุ้งซ่านค่ะ
3. พอเค้าจี้ๆเสร็จเค้าก็ซับแผล เอาปลาสเตอร์เล็กๆมาปิดค่ะ เรียบร้อยโรงเรียนจีน รวดเร็วมาก

พอเสร็จ พนักงานก็ให้ยามา 2 อันค่ะ อันนึงทาเช้าเย็นหลังล้างหน้า ระหว่างที่แผลยังสดอยู่ ทาจนแผลตกสะเก็ดเลยค่ะ
อีกอันคือทาหลังแผลตกสะเก็ดค่ะ
แต่พนักงานบอกเราว่ากลับบ้านล้างหน้าได้เลย แต่ต้องเช็ดให้แห้งสนิท กินอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ห้ามอะไรเลยค่ะ งง

พอกลับมาจะล้างหน้า กำลังแกะปลาสเตอร์ออก ขณะล้างหน้า นึกย้อนอดีตได้ ครั้งเคยอ่่านรีวิวจี้ไฝในพันทิพ คล้ายๆว่าเค้าห้ามแผลโดนน้ำ 1 วันเต็ม เลยรีบมาเปิดคอมดูค่ะ
โอ้วมายก๊าดด จริงๆด้วย และดิฉันก็เหมือนว่าจะจ้วงน้ำล้างหน้าไปแล้วด้วยสิ ต่ายห่า ทำไง

ด้วยความวิตกจริต รีบไปร้านขายยา ขอซื้อพลาสเตอร์ปิดแผล อยากได้แบบคล้ายๆหมอ แต่มันไม่มี มันมีอีกแบบ ก็เอามาติดๆ เป็นแบบที่มันมีขุยๆคอยดูดซับความชื้นด้วย
ก็จัดการทำแผลเอง วันนั้นก็ล้างหน้าแบบติดปลาสเตอร์ด้วย เอาสำลีเช็ดๆ คร่าวๆ เอาวะ สิวก็สิว แล้วค่อยไปรักษามันทีหลังละกัน แผลเป็นเรื่องใหญ่กว่า

วันต่อมาตื่นนอน แกะปลาสเตอร์ออก แม่เจ้า ทำไมมีน้ำเหลืองๆวะ คล้ายๆจะมีหนองด้วย ตายๆๆๆ วิ่งไปหาเภสัช เภสัชบอกเอานี่ไปทา หน้าหนูเป็นหนอง
เราก็ซื้อมา ยาอะไรแพ้งแพง หลอดเล็กๆ 200 บาท

แต่ก่อนทาก็มาตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆในพันทิพอีก กลัวพลาด ปรากฏว่าคนอื่นเค้าก็เป็น มันคล้ายๆแผลมันจะแห้งค่ะ มันเลยมีน้ำเยิ้มๆหน่อย เลยไม่ทายานั้นซะเลย รอดูอาการก่อน

จะบอกว่าความวิตกจริตมันเกิดขึ้นมาตลอดเวลาเลยค่ะ เพราะปกติเป็นแผลที่อื่น ไม่มีเครียดอยู่แล้ว หายเองตามธรรมชาติ พอเจอแบบนี้เข้า อึ้งและงง และเครียด ใครไม่เป็นไม่รู้หรอก จะบอกให้

งั้นมาสรุปดีกว่า ชักจะยืดเยื้อเหลือเกิน
1. หลังจี้ขี้แมงวันมา ถ้าแผลโดนน้ำให้ซับให้แห้งทุกครั้ง จนกว่าแผลจะตกสะเก็ด ทางที่ดี 24 ชมแรก อย่าให้ถูกน้ำดีที่สุด
2. เวลาล้างหน้า เราเอาโฟมมาถูๆเฉพาะบริเวณที่ไม่ใช่แผลค่ะ แล้วเอาสำลีชุบน้ำเช็ดออก 3-5 รอบ กลัวไม่สะอาด ทำแบบนี้จนกว่าแผลจะตกสะเก็ดเลย ทรมานมาก แต่ก็ยอมค่ะ เพราะฉะนั้น ใครที่ีิคิดจะจี้ ต้องหาเวลาเตรียมตัวเตรียมใจที่จะดูแลหน้าตัวเองด้วยนะคะ ใครจะไปออกค่าย ไปเที่ยวทะเล ไปไหนไกลๆ อย่าเพิ่งทำค่ะ
3. ทาครีมที่หมอให้มาอย่างเคร่งครัดค่ะ เช้า-เย็น เป็นอย่างน้อย
4. 2 วันหลังจากจี้แผลจะเริ่มตกสะเก็ดค่ะ ระหว่างนั้นอาจจะมีน้ำเหลือง ก็ไม่ต้องตกใจค่ะ
5. เราไม่เอาอะไรไปทาแผลทั้งสิ้นนะคะ ไม่ว่านะเป็นน้ำเกลือ หรือ เบตาดีน เพราะหมอไม่ได้สั่งค่ะ
6. อย่าเอาอะไรมาปิดแผลไว้เหมือนเรานะคะ มันอาจจะทำให้แผลติดเชื้อหรือระคายเคือง อาจทำให้แผลหายช้า หรือเป็นแผลเป็นด้วยค่ะ
7. หลังจากจี้ประมาณ 7 วัน แผลจะเริ่มตกสะเก็ดค่ะ ทางที่ดีที่สุดคือรักษาสะเก็ดยิ่งชีพค่ะ อย่าแกะอย่าเกา ตอนนอนก็อย่าตะแคง ( ล้อเล่นค่ะ )
8. หลังจากแผลตกสะเก็ด ก็ล้างหน้าได้ตามปกติค่ะ ให้น้ำโดนแผลได้ แต่เราจะไม่ใช้ยารักษาสิว หรือครีมอื่นๆที่มีส่วนผสมแรงๆ เช่น aha bha หรือ vit c ต่างๆนาๆ นะคะ กลัวมันไปทำปฏิกิริยากับแผลค่ะ วิตกเองค่ะ แต่ยอมค่ะ ตอนนี้สิวรุมมาก ไม่หวั่นเลยค่ะ แผลหายค่อยรักษาอีกที
9. หลังแผลตกสะเก็ดจะมีรอยบุ๋มเล็กๆ สีแดงๆ คล้ายรอยสิวนะคะ ไม่ต้องเครียดค่ะ จะแนะนำยาดีให้ รับรองหายบุ๋มแน่นอน ติดตามตอนต่อไปนะคะ

ที่ตลกมากๆคือตอนที่ไปหาหมอเพื่อตรวจความเรียบร้อยหลังจี้ ประมาณ 2 อาทิตย์ หมอ งงว่าอันไหนคือรอยที่จี้ไปค่ะ เพราะรอยสิวมันบดบังไปหมด 555

อ้อ  ตอนที่แผลยังไม่ตกสะเก็ด เราไม่ทานไข่เลยนะคะ ความเชื่อส่วนตัวค่ะ อะไรอดได้อดไปก่อนค่ะ เพื่อความสวย แต่กินอย่างอื่นนี่จัดหนักตลอดค่ะ เอ๊ะยังไง

ส่วนครีมกันแดดนี่ก็ทาประจำค่ะ ทาทับแผลไปเลย เราเลือก provamed spf60 pa+++ ค่ะ ราคาไม่แพง และมันไม่อุดตัน ไม่แพ้ ค่ะ อ่อนโยนมากๆ และทาแล้วหน้าไม่ดำค่ะ แอบเคือง biore jelly ทาแล้วหน้าสิวขึ้น แถมดำลงด้วยค่ะ สงสัย spf มันต่ำไป ซื้อด้วยความงกค่ะ เห็นมันได้ปริมาณเยอะดี ตอนนี้โละมาทาตัวแทนค่ะ

อ่ะ ทีนี้มาดูการรักษารอยบุ๋มของเราดีกว่า รอยบุ๋มมากน้อย ขึ้นกับแผลใหญ่หรือเล็ก รากลึกหรือเปล่านะคะ ของเรามีแผลใหญ่อยู่ 2 จุดค่ะ ในแก้ม 2 ข้างพอดีเลย

ปกติรอยบุ๋มเนี่ย ธรรมชาติมนุษย์เรา จะสร้างเนื้อเยื่อมาปิดทับเองนะคะ จนเต็มในที่สุด แต่ถ้ารอยมันลึกมาก มันก็ไม่แน่ใช่มั้ยคะ มันต้องมีตัวช่วย

อ้อ ลืมเล่าไปเรื่องแผลเป็น อันนี้ปรึกษาหมอมา หมอบอกปกติแผลเป็นที่หน้าจะเกิดได้น้อยมาก เพราะหน้าไม่มีการเคลื่อนไหวหรือมีการยืดหยุ่นมากๆ เหมือนส่วนอื่น และการเกิดแผลเป็นหรือหลุม ก็ขึ้นกับกรรมพันธุ์และตัวเราเองด้วย ถ้าเราเป็นแผลเป็นที่หน้าได้ง่ายๆ โอกาสที่จะเป็นแผลเป็นก็สูงค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราดูแลดีดี และทายาตามที่เค้าบอก ก็ปลอดภัยระดับนึงแล้วค่ะ

มาต่อเรื่องครีมทารอยหลังสะเก็ดหลุดกันนะคะ

จากคุณ	: Thegiraffe
เขียนเมื่อ	: 19 มี.ค. 55 15:11:53