ความคิดเห็นที่ 1 Part 1 – Piercings Type ส่วนตัวคิดว่าการแบ่งประเภทของการเจาะหู ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว เพราะว่ามักจะมีรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่ล่าสุดที่นิยมกันในวงกว้างก็เป็นตามรูปนี้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะอธิบายไปตามแต่ละแบบ พร้อมกับลงรูปประกอบให้ดูด้วย แต่บอกกันคร่าวๆก่อนก็คือ J และ K จะเป็นการเจาะที่ติ่งหู ไม่มีการผ่านกระดูก ส่วนหมายเลขอื่นๆจะเป็นการเจาะ cartilage หรือผ่านกระดูกอ่อนหมดเลยค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:00:20

ความคิดเห็นที่ 2 A. helix หรือ rim เป็นการเจาะในส่วน cartilage ที่นิยมกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่างคนไทยเราตามหัวเมืองใหญ่ เดินมา 10 จะเจอซะ 2 เลยนะที่เจาะ แต่บางคนที่กลัวเจ็บ ก็อาจจะเจาะผ่านเนื้อซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันจะหลุดออกมาได้ในสักวัน แล้วสุดท้ายจะเห็นเป็นรอยแหว่ง เราเองก็มีรอยนึง ยังโดนแม่ว่ามาถึงตอนนี้ แต่เดี๋ยวก็จะไปเจาะอีกแน่นอน ฮ่าๆ การเจาะ helix ส่วนมากจะนิยมใส่ตุ้มหูแบบ stud (ตุ้มหูแป้นแบบปกติ) ไม่ก็จะใส่เป็นห่วงกลมๆ อย่างห่วงเงินหรือห่วงทองคำ นับว่าเป็นการเจาะหูแบบที่ดูแลง่ายที่สุดรองจากการเจาะติ่งหูทั่วไป จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:02:45

ความคิดเห็นที่ 3 B. industrial หรือ scaffold ชื่อ industrial นั้นเป็นชื่อที่เรียกกันในแถบอเมริกา ส่วน scaffold นั้นจะนิยมเรียกในฝั่งอังกฤษและออสเตรเลียมากกว่า ส่วนคนไทยเราจะรู้จักกันในนาม การเจาะดาม หรือ ดามหู เป็นการเจาะแนวทแยงในส่วน cartilage ด้านบนแล้วใส่ barbell อันยาว นัยว่าดามหูไว้ไม่ให้มันพับ ซึ่งจะต้องเลือก barbell ที่ยาวเผื่อสักหน่อยนึง เพราะมันคือการดามกระดูกเอาไว้ ถ้าเลือกที่ความยาวพอดีกันไป มันจะรั้งจนเจ็บ รอจนแผลหายดีค่อยเปลี่ยนให้มันพอดีขึ้น เราเองก็เพิ่งเจาะมาไม่ถึงเดือนนึง ปลื้มสุดๆ การดูแลนั้นยากเล็กน้อย เพราะมีสองแผลในคราวเดียว และยังต้องเจอกับความตึงของการถูกดามด้วย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:04:21

ความคิดเห็นที่ 4 C. dermal punch เราไม่แน่ใจว่าในไทยมีชื่อเรียกแบบเป็นทางการมั้ย แต่อธิบายง่ายๆว่าเจาะตอกตราไก่ แน่นอนว่าไม่ใช่เจาะเป็นรูเล็กๆธรรมดา (หมายถึงเล็กเท่าเจาะติ่งหู) แต่เหมือนการที่เราตอกตราไก่เลย จะมีเนื้อและกระดูกอ่อนส่วนนึงที่ถูกเจาะออกมา หลังจากที่ใส่ tunnel แล้ว ก็จะมองลอดได้เป็นรู แต่บางคนที่ไม่ hardcore เท่า ก็จะเจาะเหมือนที่เจาะ cartilage ส่วนอื่นๆ ไม่ถึงกับมองลองได้  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:06:59

ความคิดเห็นที่ 5 D. forward helix ไม่มีอะไรต่างจากการเจาะ helix แบบปกติ เพียงแต่อันนี้จะอยู่ด้านหน้า ไม่ใช่ด้านข้าง เราเองก็เล็งๆไว้ว่าจะทำเป็นอย่างต่อไป อิอิ  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:08:57

ความคิดเห็นที่ 6 E. sung เรียกไม่ถูกเหมือนกันว่าชื่ออะไร เอาเป็นว่าเขาเจาะกันในบริเวณตามรูปนั้นแหละ โดยทั่วไปกระดูกส่วนนั้นของคนเราจะค่อนข้างหนานิดนึงเทียบกับ helix อะค่ะ ก็อาจจะเจ็บมากกว่า จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:10:08

ความคิดเห็นที่ 7 F. rook อันนี้ก็ไม่มีชื่ออีกแล้ว ดูเอาตามรูปเลยแล้วกัน กระดูกส่วนนี้ก็หนาพอๆกับ snug นั่นแหละ เพราะมันเป็นแนวที่เชื่อมต่อกันขึ้นไป เราว่าตรงนี้สวยดีเหมือนกัน จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:11:45

ความคิดเห็นที่ 8 G. conch หรือ shell เป็นจุดที่ใกล้กับ snug แต่ว่าจะเจาะอ้อมไปทางด้านหลังหูเลย ความหนาก็ประมาณนึง ในรูปอาจจะดูไม่ค่อยชัด ไม่คุ้นตาเท่าไหร่ เพราะเขาใส่เป็น barbell ต่างจากปกติที่คนส่วนมากจะนิยมใส่เป็น ring หลังจากแผลหายแล้ว  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:14:27

ความคิดเห็นที่ 9 H. anti-tragus เกิดหลังจาก tragus เหมือนทำออกมาล้อกัน เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายมากกว่า ความหนาของกระดูกส่วนนี้ก็พอๆกับ tragus ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นคนไทยเจาะกันเท่าไหร่ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:15:53

ความคิดเห็นที่ 10 I. tragus อันนี้เป็นที่นิยมเหมือนกันในไทย เรียกว่าพอๆกับ industrial เลยแหละ ส่วนมากผู้หญิงจะเจาะกันเยอะ และก็ชอบมีข่าวลือว่าเป็นบริเวณที่เจาะแล้วจะทำลายประสาทตา ส่งผลให้ตาบอดได้ ซึ่งไม่จริงเลย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:16:51

ความคิดเห็นที่ 11 J. lobe น่าจะเป็นการเจาะหูที่เกิดขึ้นแบบแรกของโลกนะ เป็นแบบที่นิยมมากที่สุดด้วย คนส่วนมากจะเริ่มเจาะที่จุดนี้ก่อน รวมทั้งเป็นจุดที่นิยม stretching หรือระเบิดหูกันด้วย ตุ้มหูที่นิยมใช้กันก็จะมีทั้งแบบ stud, ring หรือแบบตะขอเกี่ยวมีตัวห้อยระย้า จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:23:48

ความคิดเห็นที่ 12 K. transverse lobe เป็นการเจาะที่ติ่งหูแบบขวางเจาะ บางคนก็เจาะแนวนอน บางคนก็ทะแยง แต่ barbell จะขวางไปตามเนื้อหู กินพื้นที่เนื้อด้านในเยอะกว่า ส่วนมากคนที่เจาะแบบนี้ก็จะออกแนว hardcore ซะมากกว่า จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:25:06

ความคิดเห็นที่ 13 L. daith บางที่ก็เรียกว่า deathเราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่สะกด daith เป็นการเลี่ยงให้ความหมายมันดูไม่เป็นลางหรือเปล่าสำหรับการเจาะแบบนี้เพิ่งจะมาเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่ปี อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า forward helix มาแค่นิดเดียว ความหนาของกระดูกเลยไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ สำหรับบางคนที่เนื้อเยอะ ก็เจาะผ่านเนื้อได้ จะหลุดยากกว่า helix ถ้าใส่แต่ stud ไปเรื่อยๆ (แต่ก็ไม่รับประกันว่ามันจะอยู่ไปตลอดนะ) เราเองก็เล็งๆไว้เหมือนกัน ดูไม่ค่อยซ้ำใครดี จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:26:39

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนมากคนที่เจาะหูในตำแหน่งแปลกๆ พูดง่ายๆว่าตรงที่ไม่ใช่ติ่งหูหรือ helix (สมัยนี้ helix กลายเป็นของพื้นๆไปแล้ว) ก็มักจะเจาะหลายๆอย่างปนกันไปเลย ซึ่งก็ออกมาเข้ากันดีมากด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับการเลือกจิลมาใส่ และการวางตำแหน่งของช่างเจาะด้วย เราเห็นของบางคนเจาะทุกอย่างเลย เข้าใจนะว่ารักการเจาะ แต่มันรวมจนเขละมาก เป็นกระจุกๆ ดูไม่สวยเท่าไหร่ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:31:20

ความคิดเห็นที่ 15 และความคิดที่ว่าผู้หญิงที่เจาะหูเยอะๆ หรือเจาะอะไรแบบแปลกๆจะต้องดูเถื่อน มันไม่ใช่เสมอไป ถ้าเรารู้จักเลือกตุ้มหู เลือก barbell หรือจิลให้มีสีสวยงาม น่ารัก mix&match ให้ออกมาดูดี มันก็จะไม่ดูเถื่อนจนเกินไป เหมาะกับสาวๆที่รักการเจาะ แต่บุคลิกยังไม่ห้าวมากเท่าไหร่ อิอิ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:32:08

ความคิดเห็นที่ 16 Part 2 – Piercing Gauge & Jewelry Type gauge (เกจ) คืออะไร มันคือขนาดของ jewelry ที่ใช้ในการเจาะทุกประเภท ยิ่งตัวเลขต่ำเท่าไหร่ แปลว่า jewelry จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น สำหรับขนาดตามมาตรฐานจะเริ่มที่ 20 gauge ซึ่งก็คือตุ้มหูทั่วๆไป ที่เราซื้อกันคู่ละไม่กี่สิบ ตุ้มหูร้านทอง ตุ้มหูแบรนด์เนมต่างๆ ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ก็คือสำหรับคนที่ไม่ได้เจาะหูแบบธรรมดา (เจาะติ่งหู) ยิ่งถ้าใหญ่มากเท่าไหร่ก็คือสำหรับคนที่ระเบิดหู ลองดูภาพตารางที่เราแนบมา จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:33:50

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับ piercing studio ที่มีมาตรฐาน เขามักจะมีเครื่องมือวัดขนาด gauge ไว้บริการด้วย เป็นประโยชน์ในการเลือก jewelry ที่เหมาะสม ลูกค้าบางคนอยากได้กลับไปใส่เอง แต่ไม่แน่ใจว่าขนาดที่เห็นกับขนาดที่ใส่อยู่จะเท่ากันหรือเปล่า ก็วัดกันได้สดๆในร้าน ทำให้เลือกง่ายขึ้นค่ะ ถ้ามันใหญ่กว่า แต่อยากได้จริงๆ ก็จะได้ขยายหูกันในร้านซะเลย jewelry ที่ใช้กับการเจาะ ก็ไม่ได้ถูกแบ่งออกเป็นประเภทที่แน่นอนเหมือนกัน แต่ถ้าเราดูด้วยตา เราจะเห็นถึงลักษณะของมัน และจำแนกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:35:46

ความคิดเห็นที่ 18 1. stud คือตุ้มหูแบบแป้นทั่วไป มีขนาด 20g เท่านั้น ใช้ใส่บริเวณติ่งหู เป็นการเจาะหูแบบเบสิค จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:37:14

ความคิดเห็นที่ 19 2. barbell คือจิลที่มีลักษณะยาวตรง ตรงปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มที่หมุนเพื่อถอดได้ ส่วนมากจะมีขนาดตั้งแต่ 18-10g ค่ะ สำหรับการเจาะหู barbell จะเหมาะกับ industrial ที่สุดค่ะ ส่วนการเจาะตำแหน่งอื่นๆในร่างกายที่เหมาะก็เช่น ลิ้นและคิ้ว จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:38:25

ความคิดเห็นที่ 20 3. belly ring & curve barbell คือจิลที่มีลักษณะงอ ตรงปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มที่หมุนเพื่อถอดได้ ถ้าเป็น belly ring ก็จะมีการประดับตกแต่งด้วยพลอยสี หรือมีตัวห้อยระย้าร่วมด้วย ส่วนมากจะมีขนาดตั้งแต่ 18-10g ซึ่งความยาวของ barbellพวกนี้จะมีความแตกต่างเยอะมาก แต่ที่พบก็คือยิ่งสั้นเท่าไหร่ ก็มักมี gauge ที่ต่ำลงด้วย ดูภาพแล้วจะเข้าใจง่ายขึ้นค่ะ เช่น ขนาด 18g เหมาะสำหรับเจาะหู หรือเจาะคิ้ว ขนาด 16g เหมาะกับเจาะสะดือ หรือแม้แต่ส่วนนั้นของทั้งชายหญิง หุหุ ฟังแล้วเจ็บเนอะ  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:39:21

ความคิดเห็นที่ 21 4. captive bead ring คือจิลที่เป็นวงแหวน แต่จะมีลูกตุ้มคล้ายเป็นหัวแหวนที่หมุนเพื่อถอดได้ มีให้เลือกหลากหลายขนาดมาก เท่าที่เจอมาก็ตั้งแต่ 18-0g สำหรับการเจาะหู มักจะใช้กับ helix, tragus, lobe, conch, snug เรียกว่าแทบทุกอย่างก็ได้ที่เป็น cartilage ส่วนอื่นๆในร่างกายที่ใช้ได้ก็จะมี ปาก คิ้ว nostril (รูจมูก) septum (ใต้จมูก – เจาะแบบสนตะพาย) หัวนม และส่วนนั้นของท่านหญิงท่ายชาย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:40:43

ความคิดเห็นที่ 22 ปาดดดดดดดดดดด   อ่านตาลาย จากคุณ : ชามะนาวยามบ่าย เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:41:33

ความคิดเห็นที่ 23 5. horseshoe ring คือจิลรูปเกือกม้า ความจริงก็ไม่เหมือนซะทีเดียว เรียกว่าเลยครึ่งวงกลมมานิดนึงจะดีกว่า แล้วก็จะมีลูกตุ้มที่ปลายทั้งสองด้าน ถอดหมุนได้อีกตามเคย ขนาดก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ 18-0g ถ้าใช้กับการเจาะหู ก็ได้หลายส่วน เช่น helix, tragus, lobe, conch, transverse lobe สำหรับส่วนอื่นๆตามตัวก็เช่น ปาก septum หัวนม และส่วนนั้นด้วยเช่นกัน จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:41:53

ความคิดเห็นที่ 24 6. labret คือจิลที่มีลักษณะคล้ายแบบ stud เป็นระบบการใช้แป้นยึดด้านนึง แต่ลักษณะแป้นจะต่างจาก stud พอสมควร ถ้าดูภาพก็จะเข้าใจ และจะมี gauge ที่สูงกว่า stud ทั่วไป ขนาดจะอยู่ที่ 16-14gไม่นิยมเอามาใช้เจาะหู ส่วนมากใช้กับการเจาะปากมากกว่า เช่น labret, spiderbite, snakebite, angelbite, monroe  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:43:28

ความคิดเห็นที่ 25 7. plug คือจิลทรงกระบอกที่ตัน มักทำจากพลาสติค หรือวัสดุจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น ไม้ งาช้าง กระดูก เขาสัตว์ บางแบบจะมียางหรือวงแหวนเป็นตัวรัดกันเลื่อนด้วย ใช้สำหรับการระเบิดหู ขนาดที่พบก็มีตั้งแต่ 18-0000g  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:44:23

ความคิดเห็นที่ 26 8. faux plug คือ plug แบบปลอม ที่ด้านหน้าและด้านหลังเหมือนแบบ plug แต่ตรงกลางเป็นก้านขนาดธรรมดา 20g เหมาะกับพวกขี้ป๊อด หรือพวกที่ใจรักแต่ความจำเป็นบังคับ อิอิ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:45:52

ความคิดเห็นที่ 27 9. tunnel คือจิลทรงกระบอกที่กลวงตรงกลาง เหมือนท่อน้ำ วัสดุที่ใช้ก็คล้ายกับ plug ใช้สำหรับระเบิดหูเหมือนกัน ขนาดที่พบก็มีตั้งแต่ 18g เรื่อยไปจนขนาดสูงสุด จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:47:03

ความคิดเห็นที่ 28 10. taper & talon คือจิลที่มีขนาดไม่เสมอกันตลอดทั้งอัน อย่าง taper ก็จะเป็นทรงโคน ใช้วัสดุคล้าย plug มียางรัดด้วย ขนาดก็อยู่ประมาณ 6-2g ส่วน talon จะมีรูปลักษณะอ่อนช้อยกว่าแล้วแต่การออกแบบ เท่าที่พบจะมีรูปลายที่ดู exotic อยู่สักหน่อย รวมทั้งวัสดุที่ใช้ก็มักทำจากธรรมชาติ และด้วยความที่รูปร่างมันไม่สม่ำเสมอ เลยจะไม่ถูกวัดขนาดเป็น gauge   จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:48:00

ความคิดเห็นที่ 29 สำหรับการเลือกจิลมาใช้งาน ควรจะขอคำแนะนำจากช่างเจาะดีที่สุด และควรเลือกซื้อจาก piercing studio ที่ใช้บริการประจำเลยจะดีกว่า เพราะอุปกรณ์เกือบทั้งหมดหรือส่วนมากในนั้นจะเป็น surgical อยู่แล้ว จึงมั่นใจได้ว่าจิลที่มีขายจะเป็นจิลที่ถูกสุขลักษณะอย่างแน่นอน จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:48:57

ความคิดเห็นที่ 30 Part 3 – Piercing Method & How to choose a piercing studio การที่จะอธิบายวิธีการเจาะแบบเป็นขั้นเป็นตอนให้เห็นภาพก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย เอาเป็นว่าใครที่สนใจจะเจาะแบบไหน ก็ไปหาดูคลิปใน youtube เอาง่ายที่สุด แต่เราจะบอกคร่าวๆให้ฟังว่า การเจาะที่ถูกวิธีและถูกสุขลักษณะนั้นควรจะเป็นแบบไหน สำหรับการเจาะ lobe นั้น เป็นบริเวณที่ง่ายที่สุด บอบบางน้อยที่สุด เพราะฉะนั้น เราสามารถเจาะหูที่แผงลอยในตะวันนา ที่เอายาหม่องนวดหรือน้ำแข็งประคบแล้วใช้มือเจาะก็ได้ หรือจะลงทุนมากกว่านั้น ซื้อตุ้มหูจากร้านในห้างราคาเกือบพัน แล้วให้เขาเอาปืนยิงก็ได้ หรือจะซื้อทองแท้จากร้านทองแถวบ้าน แต่เอาวิคส์วาโปรับนวดแล้วเอามือเจาะก็ได้อีกเหมือกัน แต่กับการเจาะ cartilage เราต้องการการทะนุถนอมมากกว่านั้น เราไม่ควรเจาะกับปืน หรือมือเปล่าเด็ดขาด เพราะว่าแรงยิงของปืนจะไปทำลายกระดูก ทำให้กระดูกแตก ส่วนแรงจากมือเปล่านั้นจะทำให้ช้ำ และรอยเจาะจะไม่คม เพราะเกิดจากการฝนตุ้มหูเอาเองหรือใช้เจาะไปทั้งแบบนั้นเลย ไม่ดีแน่ เราเคยเจาะ helix ด้วยปืนมาแล้ว ขอยืนยันเลยว่าแย่มากๆ หายช้ามาก แถมหลังจากถอดก็ทิ้งรอยไว้ด้วย เป็น bump ขนาดมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในระยะใกล้ ใครที่คิดจะไปเจาะด้วยปืน ขอให้ล้มเลิกซะ หรือใครที่เจาะมาแล้ว และแผลไม่แห้งซักที ก็จงรู้ตัวไว้ด้วยว่าเพราะเลือกเจาะผิดวิธี ซึ่งการดูแลรักษาแบบถูกต้องเราจะบอกให้ในส่วนต่อไป จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:51:23

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งที่ถูกที่ควรก็คือ ใช้เข็มเจาะที่ผ่านการสเตอริไลซ์แล้ว รวมทั้งมีเครื่องมือช่วยอื่นๆ เช่นคีม จุกคอร์ก รวมทั้งช่างเจาะมีการสวมใส่ถุงมือตลอดขั้นตอนด้วย เรียกว่ามีอุปกรณ์ที่ครบครันและมั่นใจได้ในความสะอาด นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งของ studio ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วย ต้องเป็นที่มีอากาศถ่ายเท อยู่ในแอร์ก็ยิ่งดี จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:52:17

ความคิดเห็นที่ 32 สำหรับการระเบิดหู ก็ควรจะไปทำที่ร้านให้ถูกต้องกับเครื่องมือที่ไว้ใจได้ดีกว่านะคะ อย่าหาวัสดุอะไรที่มีลักษณะคล้ายกับ taper มาใช้ขยายด้วยตัวเองเด็ดขาด เราไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ surgical เหมือนช่างเขาค่ะ ความสะอาดปลอดภัยเทียบกันไม่ได้เลย เราเองสมัยวัยรุ่นชอบใช้ไม้จิ้มฟันที่ชุบแอลกอฮอล์มาขยาย lobe เองตลอด ขยายไปเรื่อยๆ ใช้ก้านพลาสติคช่วยด้วย จนได้ขนาด 8g ค่ะ ถึงค่อยไปหาซื้อจิลมาใส่ อย่าเลียนแบบเรานะคะ เราแค่โชคดีที่ไม่ติดเชื้อ ทางที่ดีอย่าเสี่ยงค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:53:38

ความคิดเห็นที่ 33 จะเลือก piercing studio ยังไงดี? สำหรับคนไทยเราไม่ได้มีกฎหมายที่ออกมาควบคุมกับเรื่องการเจาะอย่างเคร่งครัด ไม่เหมือนในอเมริกาที่จะออกกฎมาเลยว่าจะเจาะส่วนไหนต้องมีอายุเท่าไหร่ถึงจะเจาะให้ได้ ต้องมีใบยินยอมจากผู้ปกครองด้วยในบางกรณี บ้านเราใช้หลักแค่ว่ามีเงินมา ได้รูไป ง่ายๆแค่นั้น แต่ใช่ว่าลูกค้าจะไม่ได้รับคำแนะนำหรือบริการที่ดีนะ เราแค่จะบอกว่าในไทยยังไม่มีองค์กรหรือกฎหมายอะไรที่ออกมารับรองมาตรฐานอย่างเป็นรูปเป็นร่างนั่นเอง จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:55:57

ความคิดเห็นที่ 34  สิ่งที่ piercing studio ที่ดีควรมี  พื้นที่รองรับลูกค้า ที่จัดแยกออกมาจากบริเวณที่ให้บริการเจาะ มีแสงสว่างเพียงพอสำหรับช่าง มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการสเตอริไลซ์อย่างดี และใช้งานจริง เข็มเจาะแบบสเตอริไลซ์ที่แพคมาแบบแยกชิ้น ถังขยะที่ใช้ทิ้งเข็มเจาะที่ใช้งานแล้วต้องเป็นถังที่กันการแพร่เชื้อได้ดีในระดับนึง ถุงมือแบบหมอ สำหรับในไทย เรายังไม่มี license อย่างเป็นทางการ ก็ควรจะมีภาพงานตัวอย่างจัดให้ดูอย่างเพียงพอ ควรมีชุด after care และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจำหน่ายด้วย ถ้าไม่มีต้องแนะนำแหล่งซื้อได้ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:57:15

ความคิดเห็นที่ 35  สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น piercing studio ที่แย่  จัดแสงสว่างในพื้นที่ทำงานไม่เพียงพอ มีของวางระเกะระกะ ผู้คนสัญจรไปมาเยอะแยะ แลดูไม่มีอนามัย เครื่องมือที่ใช้ในการเจาะหรือเข็มเจาะ ถูกแช่ไว้ในน้ำยาอย่างใดอย่างหนึ่ง แปลว่ามีการนำมาใช้ซ้ำ มีการใช้ยาเสพติดหรือเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ว่าจากเจ้าหน้าที่ในร้าน หรือลูกค้าคนอื่นๆ ปืนเจาะ ไม่ว่าจะเป็นหู หรือส่วนใดๆในร่างกาย ก็ไม่ควรใช้ปืนทั้งสิ้น (อนุโลมได้แค่ติ่งหู) ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เราเห็นแล้วไม่ชอบมาพากล เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:58:23

ความคิดเห็นที่ 36 ตรงนี้เราจะแนะนำเสริมให้ว่าในไทย ส่วนมาก piercing studio มักจะผูกอยู่กับ tattoo studio แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเดินเข้าไปที่ร้านสักแล้วเขาจะรับเจาะด้วยทุกร้าน ก็ต้องเลือกดูด้วย แต่ที่ต่างประเทศมักจะมี piercing studio ที่แยกออกมาเลย รับเจาะอย่างเดียว มีเก้าอี้เหมือนในร้านหมอฟัน กลิ่นก็เหมือนอีกตะหาก ให้ความรู้สึกสะอาด ปลอดเชื้อดีมากๆ ตอนเราอยู่ออสเตรเลีย เราก็ไปขยายหูมาครั้งนึง จาก 8g เป็น 6g เจ้าของร้านเป็นหนุ่มเฮฟวีตัวใหญ่บึ้กเลย หน้าตาเหมือนจะดุ แต่พอคุยด้วยนี่พี่แกเสียงเล็กมาก งุ้งงิ้งๆ ใจก็ดีสุดๆ  เป็นกันเองกับคนเอเชียมากด้วย ส่วนตัวเวลาที่ใครมาขอคำแนะนำร้านเจาะ เรามักจะแนะนำให้ไปร้านที่ช่างอัธยาศัยดี คุยสนุก เป็นการลดความเครียดขณะเจาะลงด้วย อย่างในไทย เราแนะนำร้านเจ๊จู ตรง 29plaza  เจ๊แกเป็นกันเองมากๆ แถมราคาก็ไม่ได้แพงเว่อร์เหมือนบางที ครั้งแรกที่เราไปเจาะร้านแก เราเจาะ helix เราก็ยืนเลือกอยู่หน้าร้าน เจ๊แกก็มาทักเลย เฮ้ย ว่าไง เอาอะไรไอ้หนุ่ม คือวันนั้นเราใส่เสื้อยืดสีดำ กับกางเกงขาเดฟดำ ลากอีแตะไป ผมก็ซอยสั้นใส่แว็กซ์ แกเลยเข้าใจว่าเราเป็นทอมละมั้ง  เราก็เลือกตุ้มหูอยู่ แบบ stud เนี่ยละ ราคาคู่ละไม่กี่สิบ เราลังเลระหว่างพลอยสีฟ้ากับเงินธรรมดา เราเลยถามแกว่า สีฟ้ามันจะหวานไปมั้ย แกเลยบอกว่า ฮึี่ยยย หวานเหวินอะไร ก็เอาตามที่ชอบไปแหละ ชอบใช่มั้ยล่ะ แล้วก็ยักคิ้วให้เราหนึ่งแผล็บ จากนั้นก็จัดการเปิดตู้ หยิบออกมาคู่นึง แล้วก็เดินฉับๆเข้าไปในร้าน ล้างมือ ใส่ถุงมือหมอ แล้วหยิบคีมกับเข็มเจาะออกมา แกฉีกเข็มออกจากซองไปพลางก็บอกเราว่า นี่เจ๊ใช้เข็มใหม่นะเฮ้ยหนุ่ม เราขำจะแย่ เห็นเราเป็นทอมได้ยังไง หน้าเราออกจะหวาน  อิอิ แถมพูดคะขากับแกตลอดด้วย ยังไม่ทันที่จะว่าอะไร แกก็เอาปากกามาทำรอยไว้ แล้วให้เราส่องกระจก พอเราเซย์เยส แกก็เอาคีมมาดึง แล้วเอาเข็มแทงเลย เราแทบไม่ทันจะรู้สึกตัว แกก็ใส่แป้นให้เรียบร้อยแล้ว จ่ายตุ้งจ่ายตังค์เสร็จ แกยังไม่วายเม้าท์ต่อว่าอิฝรั่งที่นอนรอในร้านจะมาสักชื่อเมีย แถมยังบอกให้เรายืนดูได้อีก ฮ่าๆ ขำมากเลย  และนี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้เรากลับไปเจาะ industrial ที่ร้านแกอีก รวมทั้งการเจาะในครั้งต่อๆไปด้วยเหมือนกัน จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:01:15

ความคิดเห็นที่ 37 ความจริงแล้วคุณควรลองคุยกับช่างก่อนก็ดี หลังจากที่เดินสำรวจสถานที่และอุปกรณ์ว่าดีพอแล้ว เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ถ้าเค้าแนะนำในแบบที่ถูกที่ควร ก็มั่นใจได้ คีย์เวิร์ดที่ต้องระวังเลยก็คือ ล้างด้วยแอลกอฮอล์ งดอาหารแสลง และหมุนไม่ให้ติดแผล เราจะนำเสนอในตอนที่สี่ว่าทำไมคำพวกนี้เป็นคำต้องห้าม และเพราะอะไร จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:02:15

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านถึงตรงนี้ จากคุณ : ก้นกระทะ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:02:43

ความคิดเห็นที่ 39 เตรียมตัวยังไงในวันไปเจาะ? ความจริงก็ไม่ใช่กฎตายตัวอีกนั่นแหละ แต่เท่าที่เราฟังมาจาก guru หลายคน รวมทั้งจากประสบการณ์ตรงของเราเอง ก็พอจะรวบรวมออกมาได้เป็น Do's & Don'ts list ตามด้านล่างนี้ ซึ่งจะแนะนำรวมๆในการเจาะทั้งหมด ไม่ได้เน้นแค่การเจาะหูอย่างเดียว เพราะหลักใหญ่ๆมันก็คล้ายกันหมด  Do's ถ้าเป็นไปได้โทรนัดไว้ก่อนล่วงหน้าเพื่อความสะดวก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารมื้อก่อนหน้าให้เพียงพอ ทำความสะอาดบริเวณที่จะไปเจาะด้วย จะได้ไม่ขายหน้า ถ้าเจาะปากหรือจมูก ก็ควรโกนหนวด หรือกำจัดสิวเสี้ยนออกเสียก่อนด้วย ถ้าเจาะหู ก็ควรทำผมที่รองรับกับการเจาะไปด้วย และจะเป็นประโยชน์กับช่วงที่เจาะเสร็จใหม่ๆ ถ้าเจาะตามร่างกายก็ควรแต่งตัวแบบที่เหมาะกับการเจาะในส่วนนั้นด้วย ไม่รัด ไม่เกี่ยว ไม่ค้ำ ถ้ากินยาบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ต้องงดก่อนอย่างน้อยหนึ่งมื้อก่อนเวลานัด  Don'ts อย่าเจาะในช่วงที่มีประจำเดือน เพราะประสาทสัมผัสจะไว จะทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าปกติ อย่าข้ามอาหารมื้อก่อนหน้า กินให้ครบตามปกติ อย่าดื่มเครื่องดื่มมึนเมา หรือใช้สารเสพติดก่อนมาเจาะอย่างน้อย 24 ชม. อย่าทาครีมในส่วนที่ต้องการเจาะ ควรปล่อยให้ผิวเกลี้ยงตามธรรมชาติ อย่าใส่จิลหรือตุ้มหูที่อาจจะขัดขวางการเจาะในบริเวณที่ใกล้เคียง จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:04:07

ความคิดเห็นที่ 40 Part 4 – Take a good care of your piercing อย่าใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผลเจาะทุกส่วนเด็ดขาด แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อสูง มันจะทำลายเนื้อเยื่ออ่อนตรงแผลของเราด้วย เหมือนมันทำให้แผลยิ่งคงสภาพความเป็นแผลไว้ตลอด ไม่หายสักที เพราะมันกัดแผลอยู่นั่นแล้ว ถ้าใช้แค่ตรง lobe ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ห้ามเด็ดขาดกับ cartilage ทุกส่วน รวมไปถึงพวกไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ พวกยาหม่อง น้ำมันหม่อง แซมบัค บัวหิมะ บัวสวรรค์ บัวนรกอะไรทั้งหลายแหล่ ที่บางคนมองว่าเป็นครีมครอบจักรวาล ใช้ทาอะไรแล้วหายหมด หรือ ointment อื่นๆก็ห้ามเช่นกัน เราเห็นหลายครั้งที่มีคำแนะนำผิดๆเกิดขึ้นในห้องแป้งนี้ หลายคนบอกว่าใช้แอลกอฮอล์ล้าง จะได้สะอาด จะได้หายไว มันอาจจะใช้ได้กับติ่งหู แต่กับ cartilage แล้วห้ามขาดเลยค่ะ ไม่เชื่อไปเปิดคลิป youtubeหรือเวบไซท์ของ piercing studio ชั้นนำดูก็ได้ เขาเน้นย้ำกันนักหนาว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:08:00

ความคิดเห็นที่ 41 อาหารแสลงสำหรับคนที่เพิ่งเจาะหูมีอะไรบ้าง? ไม่มีค่ะ อยากกินอะไรกินโลด จากที่เราบ้าเรื่องเจาะมาเป็นสิบๆปี เราศึกษาโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลระดับอินเตอร์ บอกได้เลยว่าไม่เคยพบเจอข้อมูลทั้งจากเอกสารหรือบุคคลไหน ที่บอกว่ามีอาหารแสลงสำหรับคนที่เจาะหูใหม่ๆเลย มีแต่คนไทยที่แหละที่บ้าส่งต่อความเชื่อผิดๆนี้กันมาชั่วนาตาปี เราดูคลิปที่เกี่ยวกับการเจาะหูมามากกว่า 200 คลิป อ่านเวบไซท์ที่เกี่ยวข้องมาก็น่าจะเกิน 50 เวบ แต่ไม่มีเรื่องอาหารแสลงผ่านตาเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าฝรั่งเขากินได้ทุกอย่าง เราคนไทยก็กินได้เหมือนกันค่ะ กินไปเถอะ ไข่ ข้าวเหนียว อะไรนั่นน่ะ ไม่ต้องไปเลี่ยงหรอก จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:09:22

ความคิดเห็นที่ 42 ควรจะต้องกินยาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อด้วยมั้ย? การแวะร้านขายยา ปรึกษาเภสัชกรเป็นสิ่งแรกที่คุณควรทำหลังจากก้าวเท้าออกจาก piercing studio ค่ะ ไม่ใช่มัวแต่หลงใหลได้ปลื้มกับ tragus อันใหม่ พุ่งตรงกลับบ้านไปส่องกระจก แล้วถ่ายรูปอัพลงเฟซบุคประกาศให้โลกรู้ว่าดิชั้นเจาะมาแล้วนะคะ แวะซื้อยาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อมากินกันไว้ก่อนค่ะ ลองปรึกษาเภสัชกรดูว่ากินตัวไหนดี อันนี้แล้วแต่ที่ร้านขายยาว่าจะแนะนำยังไง แล้วก็ควรเลือกร้านที่ไว้ใจได้นิดนึง อย่าไปเลือกร้านประเภทมีอาเฮียอายุ 40 กว่านั่งดูมวยช่องเจ็ดตอนบ่าย ที่จะใช่เภสัชกรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไปร้านยาที่ไว้ใจได้อย่าง Boots หรือร้านขายยาที่เปิดตามห้างดีกว่าค่ะ หรืออย่างน้อยถ้าเป็นร้านตามย่านชุมชน ก็ต้องมีป้ายบอกว่าเภสัชกรประจำร้านคือใคร และต้องเป็นคนที่มาดูแลให้คำปรึกษาเราค่ะ ไม่ใช่สักแต่ติดไว้เป็นยันต์กันผีแบบนั้น จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:10:41

ความคิดเห็นที่ 43 การทำความสะอาดที่ถูกวิธีต้องทำยังไง? สำหรับการทำความสะอาดแผลเจาะหูนั้นไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ใช้สบู่ anti-bacteria หลังอาบน้ำ ล้างหน้า สระผม วันละสองครั้งเท่านั้นเอง การล้างก็ฟอกด้วยมือ แล้วทิ้งสบู่ไว้สัก 3-5 นาที เพื่อให้มันเข้าถึงแผลอย่างทั่วกัน โดยที่ช่วงแรกไม่ต้องสัมผัสแผลโดยตรงนะคะ ไว้หลังจากแผลเริ่มเข้าที่เราถึงจะขยับจิลให้สบู่มันเข้าถึงแผลมากขึ้นค่ะ การทำความสะอาดด้วยสบู่นี้ เป็นการฆ่าเชื้อโรคที่แผลโดยตรงที่สุด และช่วยทำให้ crust (คราบหนอง) หลุดออกได้ง่ายขึ้นค่ะ กับใครที่เคยเจาะ lobe มาแล้ว และไม่เคยดูแลรักษาอย่างละเอียดถึงขั้นนี้ แต่ก็ไม่เคยเป็นอะไร ถ้าอยากจะรับความเสี่ยง ไม่อยากลำบากดูแลให้มันยุ่งยาก จะข้ามไปเลยก็ได้ค่ะ แต่กับใครที่เจาะ cartilage นี่คือสิ่งที่ต้องทำ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:12:15

ความคิดเห็นที่ 44 ทำไมต้อง anti-bacteria? - ที่ต้องเป็นสบู่ประเภทนี้ก็เพราะว่ามันจะทำความสะอาดเชื้อโรคได้ดีกว่า และต้องจำไว้เสมอว่าเลือกสูตรธรรมดาเท่านั้น ที่แต่งกลิ่นหรือมีส่วนผสมอะไรแปลกๆทั้งที่มองเห็นได้หรือมองไม่เห็นไม่ต้องซื้อมาใช้ค่ะ ทำไมต้องหลังอาบน้ำ ล้างหน้า สระผม? - เพราะการอาบน้ำ ล้างหน้า หรือสระผมนั้น จะทำให้สบู่ แชมพู ครีมนวด หรือแม้แต่โฟมล้างหน้า ไปสัมผัสกับแผลเจาะหูได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการให้มันเกิดขึ้นนะคะ ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดด้วยสบู่ anti-bacteria เป็นขั้นตอนปิดท้ายค่ะ ให้แน่ใจว่าสะอาดทุกส่วนแล้วจริงๆ ทำไมถึงห้ามสัมผัสแผลในช่วงแรก? - เพราะแผลยังสดอยู่มาก กระทบกระเทือนง่าย ดังนั้นในช่วง 3-4 วันแรกๆอย่าเพิ่งไปจับ ไปคลำ ไปหมุนมันเลยค่ะ รอให้แผลมันเซ็ทตัวก่อน หลังจากนั้นตอนทำความสะอาดเราถึงขยับจิลช่วยได้บ้าง ให้สบู่มันซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดในแผลให้ทั่วถึงกัน ช่วงแรกแผลจะยังตึง ถึงขยับแล้วไม่เจ็บ แต่มันก็ขยับได้ไม่กี่มากน้อยหรอกค่ะ ไม่มากพอที่สบู่จะแทรกซึมไปได้ทั่วหรอก มันก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างความกระทบกระเทือนแก่แผล จำไว้ว่าถึงไม่รู้สึกเจ็บ ใช่ว่าจะไม่เกิดการกระทบกระเทือนแผลนะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:13:22

ความคิดเห็นที่ 45 - สบู่แบรนด์ไหนดี? สำหรับแบรนด์สบู่ที่จะแนะนำ Dial hand soap เลยค่ะ เป็นแบบปั๊ม ใช้สะดวก ไม่ปนเปื้อน หาซื้อก็ไม่ยากมาก ตาม Villa หรือตลาดปีนังน่าจะมีขายแพร่หลาย ของเราได้มาจากตลาดกิมหยงค่ะ บ้านเราใช้ Dial กันมานาน ทั้งสบู่ตัว สบู่ล้างมือ ใช้ดีมากค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:14:51

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเอาที่หาง่ายๆหน่อยตามซุปเปอร์มาร์เกตทั่วไปก็สบู่ Protex hand soap สูตร family จะเป็นขวดปั๊มเหมือนกัน แล้วมันจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วย อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่เราว่ามันเป็นสูตรที่ธรรมดาที่สุดแล้วของแบรนด์นี้ กับที่เราเทียบกับสูตรต่างๆของแบรนด์อื่น อย่าง Carex หรือ Dettol  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:15:50

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าจะเอาแบบไม่เปลือง ก็สบู่ Asepso เลยค่ะ ซื้อโลตัสก้อนละไม่เกิน 20 บาท เลือกเป็นสูตรธรรมดาเท่านั้นนะ กลิ่นจะแรงนิดนึง และก็ห้ามใช้ร่วมกับตัวด้วย แยกออกมาใช้กับหูอย่างเดียว และเก็บแยกออกมาจากบริเวณที่จะโดนน้ำด้วย (ที่ว่างสบู่แบบติดผนังใต้ชาวเวอร์) ควรจะมีฝาปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อน เห็นมั้ยคะ ว่าแบบปั๊มสะดวกกว่าเห็นๆ โอกาสปนเปื้อนน้อยกว่าเยอะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:17:35

ความคิดเห็นที่ 48 อะไรคือ sea salt soak? หลายคนที่เคยดูรีวิวการเจาะ การทำความสะอาด ใน youtube ก็อาจจะเคยได้ยินคำนี้อยู่บ้าง sea salt ก็คือเกลือทะเล (ทำจากนาเกลือแท้ น้ำทะเลแท้ ไม่ใช่เกลือสินเธาว์) ส่วน soak ก็คือการแช่ การจุ่มให้เปียกกันทั่ว รวมแล้วมันคือการใช้เกลือธรรมชาติมาแช่เพื่อทำความสะอาดแผลเจาะนั่นเองค่ะ เกลือธรรมชาติที่ว่านี้ คนละอย่างกับ table salt นะคะ พวกปรุงทิพย์ เกลือทิพย์ที่ซื้อได้ตามเซเว่นนี่ใช้ไม่ได้ แล้วก็ต้องไม่ใช่เกลือที่ผสมไอโอดีนด้วยนะ จากนี้ไปถ้าเราจะพูดถึงวิธีการใช้เกลือธรรมชาติแช่แผล เราจะขอเรียกว่า sss นะคะ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน วิธีการใช้ก็คือ นำเอาเกลือมา 1/4 ช้อนชา ละลายเข้ากับน้ำร้อนปริมาณ 1 ถ้วยค่ะ ไม่ต้องร้อนจนเดือดก็ได้ เอาเท่าแค่ที่หูเราจะทนแช่ไหว เกลือก็ละลายแล้วค่ะ จากนั้นนำไปใส่ภาชนะที่เราจะสามารถเอียงถอเอาหูไปจุ่มแช่ในน้ำเกลือนี้ได้ทั่วถึงกัน แช่ไว้แบบนั้นสัก 5-10 นาทีค่ะ พอขึ้นแล้ว ก็ปล่อยทิ้งให้แห้งเองค่ะ ช่วงแรกๆก็เหมือนการล้างสบู่นะคะ ไม่ต้องไปจับไปยุ่งกับมันมาก รอให้แผลเข้าที่ก่อนค่ะ สูตรนี้ทำไปสักเดือนก็จะทำให้แผลดีขึ้นแล้วค่ะ แผลจะแห้งและแดงน้อยลง จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:18:53

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าใครอยู่อเมริกา หรือสามารถฝากคนซื้อให้ได้ อยากให้ลองน้ำยาทำความสะอาดของ H2Ocean ดูนะคะ เพราะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมาก piercing studio และ guru หลายคนต่างก็ใช้กันค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:19:40

ความคิดเห็นที่ 50 กำจัด bump และ bubble อย่างไร? เจ้า bump และ bubble ที่ว่านี้ คือตุ้มเนื้อนูนที่งอกออกมาจากแผลเจาะค่ะ บางคนอาจจะเรียกว่า keloid ก็ได้ มันเป็นอาการที่เนื้อเจริญเติบโตไปตามปกติ หลังจากที่ร่างกายเกิดแผล เนื้อมันจะงอกและฟอร์มตัวออกมาเป็น bubble ถ้าเราทำความสะอาดไม่ถูกวิธี ไม่เพียงพอ หรือไม่ขยับไปยุ่งกับมันมากเกินไป ก็จะไม่ทำให้มันหายไปค่ะ มันก็จะอยู่ไปเรื่อยๆแบบนั้นแหละ บริเวณที่จะเกิด bubble ได้มากก็คือ industrial ค่ะ รองลงมาก็ rook และ helix  จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:21:04

ความคิดเห็นที่ 51 เราอาจจะรู้สึกเจ็บที่แผลเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ไม่ควรจะมีอาการอื่นๆเช่น คัน หรือมีหนอง bubble พวกนี้ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด อย่าเพิ่งไปกังวลว่ามันเป็นอาการของการติดเชื้อ ผลเสียของมันมีแค่ทำให้แผลดูไม่สวยเท่านั้นเองค่ะ ที่สำคัญก็คืออย่าไปบีบมันเด็ดขาด เล็บมือคนเรามีเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ติดเชื้อได้แน่นอนค่ะ หรือถึงจะล้างมือด้วยสบู่ anti-bacteria แล้วก็ไม่ควรบีบเช่นกันค่ะ เพราะมันจะทำให้แผลแย่ลง ถึงไม่มีเชื้อโรคตามมือตามเล็บ แต่การบีบก็กระทบกระเทือนอยู่ดีนะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:22:08

ความคิดเห็นที่ 52 การกำจัด bubble ให้หมดไปจากหูของเรา คือการใช้ tea tree oil ค่ะ วิธีใช้ก็ง่ายมาก ให้ใช้ cotton bud แต้ม oil ให้พอเหมาะ ไม่ต้องโชกจนเกินไป แล้วทาโดยตรงในบริเวณที่เป็นนะคะ และสามารถทำได้ทันทีที่เราพบว่ามี bump หรือ bubble ขึ้นมาเลยค่ะ ทำแค่อาทิตย์ละ 2-3 หนก็พอ เพราะถ้าใช้มากไปมันจะทำให้ผิวแห้ง และคันได้เหมือนกัน วิธีนี้ต้องอาศัยเวลาและความอดทนเล็กน้อย เพราะ bubble มันจะไม่ได้สลายตัวไปในเวลาแค่วีคสองวีคค่ะ ต้องรอกันเป็นเดือนๆ แต่ก็ไม่น่าเกิน 3 เดือนหรอก มันก็จะค่อยๆยุบตัวและหายไปเอง วิธีการนี้ยังสามารถทำกับแผลเจาะในส่วนอื่นของร่างกายได้อีกด้วยค่ะ เช่น สะดือ ที่มีโอกาสเป็น bubble ได้เหมือนกัน จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:25:06

ความคิดเห็นที่ 53 สำหรับ tea tree oil ที่จะแนะนำ ในไทยก็คงมีแบรนด์เดียวคือ The Body Shop ค่ะ ราคาที่ 390 บาท ในปริมาณ 10 มล. หรือใครที่อยู่ต่างประเทศ ลองหาดูตามร้านขายยาอย่าง cvs หรือ Ulta ในฝั่งอเมริกา ก็น่าจะมีให้เลือกพอสมควรค่ะ ส่วนที่ออสเตรเลียก็ซื้อ Thursday Plantation มาใช้ได้เลย หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง มีทั้งตามร้านขายยาและซุปเปอร์มาร์เกตค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:26:05

ความคิดเห็นที่ 54 จำเป็นต้องใส่ก้านกระเทียมหรือเปล่า? นับเป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่มีมาช้านานของคนไทยว่า ใครที่เจาะ lobe ควรจะหาก้านกระเทียมมาเหลาใส่ กันหูเน่า แต่ก็มีอีกมากมายหลายเคสเช่นกันที่ใส่ก้านกระเทียมเข้าไปแล้วหูยิ่งเน่า ยิ่งแฉะ จากที่เราศึกษามาหลายปี ไม่เคยมีช่างเจาะคนไหนแนะนำให้ใส่ก้านกระเทียมเลยค่ะ แทบจะมีแค่คนไทยมั้งที่ใช้ ป้าพอลล่ายังเคยบอกไว้เลยว่า ของที่มาจากธรรมชาติทุกอย่างใช่ว่าจะให้คุณกับเรา ก้านกระเทียมกับแผลเจาะหูก็เหมือนกันค่ะ อาศัยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้เพิ่มความเสี่ยงเปล่าๆ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:27:05

ความคิดเห็นที่ 55 มีอะไรที่ต้องทำให้สะอาดเพิ่มเติมมั้ย? ปลอกหมอนควรจะซักหรือเปลี่ยนทุกวีคค่ะ เพื่อความสะอาด ไม่หมักหมม หรือจะหาอะไรที่ใช้แล้วทิ้ง หรือซักเปลี่ยนได้ง่ายๆมาปูทับหมอนอีกทีก็ดี ควรทำความสะอาดหวีด้วยเช่นกัน เพื่อจะมีโอกาสสัมผัสกับแผล อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงลงได้อีกส่วนค่ะ ผ้าเช็ดผมหรือผ้าเช็ดหน้าที่ใช้หลังการอาบน้ำ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดด้วยเช่นกัน ให้บ่อยเท่าปลอกหมอนเลยก็จะดีมาก พยายามตัดเล็บมื้อให้สั้น จะได้ไม่เป็นแหล่งหมักหมมเชื้อโรค จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:27:54

ความคิดเห็นที่ 56 นอนกับแผลเจาะหูใหม่ยังไง? การนอนที่กดทับแผลโดยตรงนั้นไม่ส่งผลดีต่อแผลแน่ค่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องนอนกับแผลใหม่ให้ถูกวิธี อย่างน้อยสักสองสัปดาห์ค่ะ ลองดูตามคลิปที่เราแปะมาได้เลย เป็นภาษาอังกฤษ แต่เข้าใจง่ายมากค่ะ เธอคนนี้ชื่อ Nikki เป็น guru ด้านการเจาะคนนึงเลย เราติดตามช่องของเธอมาตั้งแต่เริ่มแรกเลย ชอบที่เธอน่ารักสดใส  อธิบายเข้าใจง่าย และตอบคำถามอย่างจริงใจ ต้องการแชร์ความรู้จริงๆน่ะค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:29:16

ความคิดเห็นที่ 57 นานแค่ไหนกว่าแผลจะหาย? อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ตอบยากเหมือนกัน ปกติแล้ว lobe จะเป็นบริเวณที่แผลหายไวที่สุด เพราะมีแค่เนื้อ ระยะเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์แผลก็แห้งสนิทแล้ว ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่าถูกวิธีนะ ล้างด้วยสบู่ anti-bacteria วันละสองหน ตามด้วย sss วันละสองหนเช่นกัน ใครที่ใช้เวลาเกินกว่านี้แล้วแผลยังไม่หาย ยังเจ็บ ยังมีหนอง ยังแอบบวม ก็ย้อนมองตัวเองเลยว่าเราเจาะมาถูกต้องมั้ย เราดูแลถูกวิธีหรือเปล่า ไม่ใช่รีบโทษอาหารแสลงก่อนเลย เพราะมันไม่มีจริงค่ะ ส่วน cartilage แผลจะหายช้ากว่า เพราะเป็นการเจาะผ่านกระดูกอ่อน ระยะเวลาก็มีตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 1 ปี แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ระยะเวลาที่นานขนาดนั้นไม่ได้แปลว่าคุณต้องมานั่งทำ sss เช้าเย็นทุกวันนะคะ ระยะเวลาที่พูดถึงเป็นเพียงการกะประมาณจากค่าเฉลี่ยเท่านั้นค่ะ ร่างกายคนเรามีระบบการเยียวยาตัวเองไม่เท่ากัน ส่วนตัวเราเชื่อกว่าถ้าทำทุกอย่างถูกขั้นตอนแต่แรกแล้ว ยังไงๆก็ไม่เกินครึ่งปีแน่นอนค่ะ แผลก็จะหายสนิท ที่เราเจาะ helix ครั้งก่อน ใช้เวลาแค่ไม่ถึงเดือนเท่านั้นเองค่ะ ไม่มี bubble ด้วย เพราะเราดูแลรักษาตามขั้นตอนทุกอย่าง แถมยังกินไข่เกือบทุกวันด้วยนะ ฮ่าๆ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:30:28

ความคิดเห็นที่ 58 เปลี่ยนตุ้มหูหรือจิลได้เมื่อไหร่? การเปลี่ยนตุ้มหูหรือจิลสามารถทำได้ทันทีหลังแผลหายค่ะ ถ้าเป็น lobe หรือ helix ก็สามารถเปลี่ยนเองได้ เพราะไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก แต่สำหรับ cartilage ส่วนอื่นๆ ในการเปลี่ยนครั้งแรกควรจะไปเปลี่ยนกับช่างจะดีกว่าค่ะ จะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมในการทำความสะอาดจิล รวมทั้งการเปลี่ยนด้วยตัวเองในครั้งต่อๆไปด้วย ทำความสะอาดตุ้มหูและจิลยังไง? การทำความสะอาดจิลนั้นไม่มีอะไรยาก เพียงแค่ใช่สบู่ตัวเดียวกับที่ใช้คำความสะอาดแผลของเรา แล้วทำ sss เหมือนกัน หาแก้วเล็กๆอย่างแก้วเป๊กมาเป็นภาชนะในการแช่จะเหมาะมากค่ะ แช่ทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีก็พอ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปซื้อน้ำยาทำความสะอาดตุ้มหู หรือเครื่องทำความสะอาดเครื่องประดับ นอกจากว่ามีเครื่องประดับอื่นๆที่จะได้ใช้ประโยชน์ด้วย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:31:32

ความคิดเห็นที่ 59 แล้วข้อควรระวังและคำแนะนำอื่นๆล่ะ? ไม่ควรใช้ cotton ball หรือ cotton pad ร่วมกับการทำความสะอาดวิธีใดๆทั้งสิ้น เพราะเส้นใยอาจจะเข้าไปติดกับแผลได้ ไม่เหมือน cotton bud ที่ปลายแหลมกว่า ด้วยผิวสัมผัสที่น้อยกว่า เลยส่งผลกระทบต่อแผลน้อยกว่า ระมัดระวังในการสระผม หวีผม รวมถึงการเข้าร้านทำผมด้วย ควรจะบอกกล่าวช่างทำผม หรือใครก็ตามที่มีโอกาสจะสัมผัสใบหน้า หรือศีรษะของคุณ ว่าในตอนนี้คุณเพิ่งไปเจาะหูมา เพื่อให้เขาเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ถ้าไม่จำเป็น ในช่วงสองสัปดาห์แรก อย่าเพิ่งไปใช้สระว่ายน้ำรวม ห้องซาวน่ารวม หรือห้องสตีมรวม แม้แต่ห้องอาบน้ำสาธารณะต่างๆ เพราะเชื้อโรคมีแอบแฝงอยู่ทุกที่ค่ะ ไม่คุ้มกันที่จะเสี่ยง จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:32:23

ความคิดเห็นที่ 60 รวมทั้งระวังตัวในการเล่นกับเด็กเล็ก บางทีเด็กยังเล็กเกินกว่าที่จะอธิบายว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์อะไร เวลาเล่นกันเด็กไม่ได้ตั้งใจ ก็อาจจะเลยเถิดได้ ตรงนี้เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของเรา แต่เราหลีกเลี่ยงได้ค่ะ สำหรับผู้ที่ใช้หูฟัง full size เป็นประจำ ในช่วงเดือนแรกนั้นคงต้องงดใช้ไปก่อนนะคะ หาin ear หรือ earbud มาใช้ไปพลางๆก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับของ pad ที่จะกดทับหรือเสียดสีกับแผลที่หูของเราค่ะ แต่สำหรับคนที่เจาะ tragus, anti-tragus และ daith นั้น การใส่หูฟังแบบ in ear และ earbud อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะจะกระทบกระเทือนแผลโดยตรงเลย ถ้าสามารถหาหูฟัง full size ที่ขนาด cup มันป่องสักหน่อย มาใช้แทนได้ ก็จะปลอดภัยกว่าค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:34:27

ความคิดเห็นที่ 61 Listen to your body! จงฟังเสียงจากร่างกายคุณ มนุษย์เราถึงจะเป็นสัตว์ประเสริฐ แต่เราก็ยังมีสัญชาตญาณหลงเหลืออยู่ค่ะ จงเชื่อมั่นในร่างกายตัวเอง และฟังเสียงของมัน คำแนะนำทั้งหมดทั้งปวงจากคนอื่น ก็เป็นเพียงแค่ guideline ให้กับคุณเท่านั้น ที่สุดแล้วคุณจะต้องฟังสิ่งที่ร่างกายคุณบอกค่ะ คนเรามีขีดจำกัดต่างกัน ตัวเราเองย่อมจะรู้ขีดจำกัดของเราดีที่สุดค่ะ ว่าอะไรมันน้อยเกินไป อะไรที่มันเริ่มจะมากเกินไป หยุดฟังเสียงจากร่างกายของคุณ และตัดสินใจตามนั้นค่ะ สรุปสำหรับเนื้อหาในส่วนนี้นะคะ เราอยากจะบอกว่าเพราะการทำความสะอาดที่ไม่ถูกวิธี การดูแลรักษาที่ไม่ทั่วถึง รวมทั้งข้อความเชื่อผิดๆที่ส่งต่อกันมานี่แหละ ที่ทำให้แผลหลายคนหายช้ากว่าที่ควรจะเป็น ด้วยความไม่รู้ตัวว่าที่ทำสิ่งที่เชื่อนั้นมันผิด เพราะเห็นใครๆก็ทำกัน ในที่สุดก็ไปโทษเรื่องของแสลงซะนี่ ไข่ที่มีประโยชน์มากมาย กับข้าวเหนียวอาหารหลักของคนอิสาน เลยกลายเป็นแพะไปโดยปริยาย จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:35:17

ความคิดเห็นที่ 62 สุดท้ายแล้วก็ต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆห้องแป้งด้วยที่สละเวลามาอ่านบทความเกี่ยวกับการเจาะหูของเรา เราก็หวังว่าจะช่วยให้หลายๆคนได้รู้ถึงวิธีดูแลรักษาแผลเจาะหูอย่างถูกต้อง รวมทั้งเลิกมีความเข้าใจผิดๆในการทำความสะอาด หรือของกินต้องห้ามซะที และสำหรับใครที่มีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับการเจาะหู การเลือกจิล การทำความสะอาด หรืออยากให้เราแนะนำร้าน หรือแนะนำแหล่งข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ เราก็ยินดีค่ะ รวมถึงใครที่คับข้องใจชอบการเจาะ แต่ที่บ้านหรือแฟนไม่ปลื้ม หรือผู้ปกครองคนไหนที่ไม่ปลื้มกับการเจาะสักเท่าไหร่ อยากถามอยากจะระบายความอึดอัดใจ ก็ถามทิ้งไว้ในกระทู้นี้ได้เลย ถ้ากลัวเราไม่เห็นหรืออ่านผ่านไป จะส่งข้อความมาถามเป็นส่วนตัวก็ได้ค่ะ ก็สะดวกดีเหมือนกัน Have a good day and good piercing ค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:36:36

ความคิดเห็นที่ 63 picture and info credits; piercing.me bodypiercings.tumblr.com jewellery-sets.com montanabodyart.com titaniumonly.com hattieshideaway.** ไม่ใช่ลิควิด ** forums.bodyartforms.com bodypiercingtattooingandbodymodification.yuku.com community.tribalectic.com cartilagepiercingbump.com irispiercing.it undergroundtattoo.co.uk beautysecrets.pl bitesandbliss.com siamfishing.com youtube channel credits; KinKiNiKKi4 Tarynbeth Residentevilbeast TheAimeeAndresProd นอกจากนี้ยังมี youtube channel และ website อีกมากมายที่เราได้ศึกษาหาข้อมูล ซึ่งเราก็เข้าไปมากมายซะจนจำไม่ได้แล้วว่าไปที่ไหนบ้าง ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:37:53

ความคิดเห็นที่ 64  ข้อมูลปึ๊ก. หลายเจาะที่ไม่เคยเห็น ขอบคุณมากค่ะ   จากคุณ : จิ๊บซี่ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 03:11:27

ความคิดเห็นที่ 65 บางอันก็น่ากลัวมาก เราคนหนึ่งที่ไม่กล้าเจาะหู กลัวค่ะ แต่ก็คิดๆอยู่ต่างหูมันสวยนะค่ะ ^^  ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ จากคุณ : ยากิโซบะ เทมปุระ ปลาซาบะ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 03:14:43

ความคิดเห็นที่ 66 เราเจาะ helix 2 รู แล้วก็เจาะ Tragus ข้างขวาแต่มันหลุดอ่ะ เพราะติ่งเนื้อหูของเรามันน้อยมันเลยฉีกเลยอ่ะ เสียดายอุตส่าห์ทนเจ็บ ตอนนี้ก็เห็นรอยแผลฉีกเล็กๆอ่ะ แต่เราว่า sung สวยดีอ่ะ แต่ใจไม่กล้าพอ แค่ Tragus ก็เจาะเป็นลมแระ 55+ จากคุณ : CHICKTUARY เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 07:54:36

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านจบ,, ก็เกิดอาการอยากเจาะขึ้นมาอีกแล้ว เป็นคนชอบการเจาะหูมาก (แต่ส่วนอื่นยังไม่ไหว ยิ่งพุงนี่ข้ามเลย ใส่จิลไปก็มองไม่เห็น พุงเป็นชั้น 555) ตอนแรกนึกว่าจะไม่แนะนำร้านดีๆให้ซะแล้ว แต่ที่เราเจาะ lobe สามรูเรียง กับระเบิด 16 gauge (แต่ตอนนี้ 00 แล้ว^^) เราก็เจาะร้านธรรมดาที่อยู่ในห้าง แต่ร้านนั้นเป็นร้านที่คนเจาะเป็นผู้ชายสักเต็มตัวแล้วก็เจาะเยอะๆ ตอนแรกก็นึกว่าจะดุเหมือนกัน แต่พอคุยแล้วอัธยาศัยดีมาก จนเป็นลูกค้าประจำ แต่ตอนนี้เขาปิดร้านไปแล้ว เลยไม่ได้มีโอกาสไปเจาะที่ไหนอีก (ไม่อยากเสี่ยง) เห็นด้วยมากเรื่องอาหารแสลง ตอนเจาะครั้งแรก ประมาณ 8 ปีแล้ว เราไม่ได้ศึกษาเลย (ไม่ดีๆ) เจาะเสร็จก็ไม่ได้กินยา ไม่ได้ล้างแผล ไม่ทำอะไรเลย แค่ไม่ไปยุ่งกับมันในอาทิตย์แรก หลังจากนั้นก็หมุนๆจิล ใช้คัตตอนบัดเช็ดน้ำเหลือง และไม่ถอดจิลทั้งที่แผลไม่แห้งเด็ดขาด เราเห็นบางคนชอบถอดออกทั้งที่แผลยังไม่หาย สุดท้ายก็เอาใส่กลับไม่ได้ หรือไม่ก็ใส่เข้าไปก็เป็นแผลใหม่เพิ่มอีก ไม่หายซักกะที - -'' ถามนิดนึงค่ะ sss ใช้น้ำเกลือ แทนได้หรือเปล่าคะ? เรานึกไม่ออกอยู่ดีว่าเกลือทะเลคืออะไร หาได้ที่ไหน? จากคุณ : poiiob เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:07:19

ความคิดเห็นที่ 68 ว้าววว ข้อมูลแน่นมาก เสริมนิด เจาะหูครั้งแรกไม่ควรเลือกต่างหูที่ห้อยลงมาเด็ดขาด หลีกเลี่ยงให้ไกลเลย เพราะเป็นอะไรที่หนักและน่ารำคาญมากๆ เวลาหวีผมแล้วหวีเกี่ยวไปโดนนี่แทบน้ำตาเล็ด (TTvTT) ถามคุณจขกท.หน่อยค่ะ เนื่องจากเราแพ้ง่ายค่ะ จะเจาะแต่ละที่ต้องใช้เงิน-ทองเท่านั้น นอกนั้นใส่เกิน1วันแล้วเกิดอาการคันหู+อักเสบทุกที และหูข้างขวาเรามีปัญหากับการเจาะแบบLobeมากๆ รอบแรก ใส่ต่างหูทองมาตลอด1ปี ถอดออกมาวันเดียวรอยเจาะตันค่ะ รอบ2 เจาะที่เดิม ตำแหน่งเดิมเป็นปีๆ ต่างหูหลุดหายโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตันแล้วค่ะ รอบ3 เจาะเหมือนเดิม ทีนี้เลือดพุ่งค่ะ คือใส่ชุดนักศึกษา เลือดกระฉูดเป็นก๊อกไหลเต็มคอ+เต็มเสื้อไม่หยุด ต้องรีบห้ามเลือดและไปห้องพยาบาลค่ะ รอบ4 ล่าสุด เจาะที่เดิม ตำแหน่งเดิม คราวนี้เจาะได้2-3เดือน ทีนี้มันอักเสบ มีน้ำ มีเลือดไหลออกมา และ ปวดตุบๆ เราเป็นช่วงสงกรานต์พอดีค่ะ ใครจะเชื่อว่าเราอดเล่นน้ำเพราะเจาะหู จะไปโรงบาลก็ไม่มีรถด้วย ร้าน ขายยาก็ปิดหมด ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้วจึงแกะต่างหูออก ไม่รู้ว่าอุปทานไหม คือทันทีที่แกะต่างหู ออกเราแทบหน้ามืดค่ะ หน้าซีดยืนไม่อยู่+อยู่ห้องแอร์อุณหภูมิ22องศาอยู่ดีๆเหงื่อท่วมหน้าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บตอนแกะและยังไม่ได้เห็นแผลตัวเองนะคะ(ถอดแว่นออกพอดี) หลังจากได้เห็น.... เอ่อ รอยแผลที่โดนต่างหูบังไว้มันสยองง่ะ คือมีบับเบิ้ลขึ้น รอยเจาะบวมมาก+คิดเอาเองว่า ต่างหูแบบห้อยลงมามันถ่วงติ่งหู(สาเหตุที่เราแนะให้หลีกเลี่ยง แล้วตอนผมมาเกี่ยว/หวีโดนพวกนี้เป็นอะไรที่ เจ็บสุดๆ) ผลคือ......... ต่างหูมันเคลื่อนมาตามน้ำหนัก+โดนเบียดจนติ่งหูเกืบฉีกค่ะ จากตอนแรกเจาะขึ้นไปเกือบ1เซน ตอนสงกรานต์ รอยเจาะลากยาวลงมาไม่กี่มิลจนติ่งหูเกือบฉีก และปัจจุบัน... แผลที่เจาะมีลักษณะเป็นรอยยาวเหมือนโดนมีดกรีดเลยค่ะ ทั้งๆที่รอบแรก เจาะ2ข้างพร้อมกัน แต่ข้างซ้ายแผลหายไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ยังปรกติดี และครั้งที่4 ช่วงอกหักสุดๆและเจอวิกฤติรอบด้านเกิดเก๋าอยากเปลี่ยนตัวเอง เนื่องจากเราเป็นโรคกลัวเข็มมากๆเพราะเคยมีประสบการณ์โดนเข็มหมุดปักเข้าไปกลางหัวลึกมากหลายเซ็น การเจาะหู3รูรวดจึงเหมือนการสาบานกับตัวเองว่าต่อไปนี้เราจะไม่ยึดติดกับอดีตและจะเป็นตัวของตัวเอง (ดราม่ารุมเร้ารอบด้านจนเสียจุดยืนเลยล่ะ) เข้าเรื่องต่อ ข้างขวาเราเจาะแบบHelixและLobe ส่วนข้างซ้ายเจาะLobeเพิ่มอีก1รู ที่เป็นปัญหาซ้ำซากเลยคือLobeข้างขวา นอกนั้น(ที่เจาะพร้อมๆกันด้วย)แผลเริ่มหายสนิทหมดแล้ว เหลือแค่แบบHelixที่มีเจ็บบ้างแต่ไม่มีปัญหาอะไร คำถาม 1) เส้นเลือดหรือองค์ประกอบต่างๆในร่างกายมีส่วนต่อการเจาะหูหรือไม่? 2) อยากให้ช่วยแนะนำสัญญานเตือนว่าอันตราย ควรปรึกษาแพทย์/เภสัชโดยด่วนค่ะ เช่นลักษณะเลือด รอยบวม น้ำหนองน้ำเหลือง อาการปวดระดับไหนช่วงไหนที่เรียกว่าผิดปรกติ 3) เวลารูเก่าตัน ควรเจาะรูใหม่ไปเลยหรือเค้นเจาะต่อจากรูเดิมคะ? 4) มีวิธีดูแลการเจาะแบบLobeสำหรับคนที่มีเนื้อติ่งหูเยอะไหมคะ? คือเวลาอาบน้ำสระผมแผลจะแห้งเองไม่ได้ค่ะ ยิ่งเวลาเป่าผมจะรู้สึกว่าเนื้อข้างในมันยังอับชื้นลมเข้าไม่ถึงค่ะ 5) กรณีที่แผลหายเรียบ/แห้งสนิท ยังมีโอกาสอักเสบหรือติดเชื้อได้อีกไหมคะ? 6)  เราเคยไปสยาม มีร้านเครื่องประดับร้านนึงที่เค้าให้ลองต่างหูได้ เราลองเสร็จเห็นเค้าเก็บเข้าซองตามเดิม สมมติถ้าเราเป็นHIVหรือโรคติดต่อ....เอ่อ....นึกแล้วสยองแฮะ เอาเป็นว่าสมมติแผลเราหายแล้ว เราจะยังมีโอกาสแพร่เชื้อได้อยู่ไหมคะ? แล้วคนที่มาใส่ต่อถ้าแผลหายสนิทแล้วล่ะ? ปล. ขอบคุณค่ะ กระทู้นี้มีประโยชน์มากๆเลย จากคุณ : Pon Pon Pata Pon! เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:26:57

ความคิดเห็นที่ 69 การเจาะ helix หรือ rim เคยมีคนบอกว่าทำให้ตาบอดได้ จริงรึเปล่าคะ คนเจาะเยอะมาก เหมือนเจาะผ่านกระดูกอ่อนด้วย เจ็บรึเปล่า XD ปล. อยากเจาะจมูกด้วยอ่ะ ใครเคยเจาะบ้าง ดูแลยากมั๊ยคะ จากคุณ : blackbillaz เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:27:25

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แน่นมากกก เราเป็นคนนึงที่ชอบเจาะหูนะ  เจาะมาบ่อยมาก แต่ไม่เคยเจาะกระดูกอ่อนซะที ว่าจะเจาะเพิ่มเหมือนกันค่ะ เจาะสะดือด้วย คิคิ จากคุณ : aorzii-z เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:59:29

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณค่ะ ข้อมูลแน่นมากๆ จากคุณ : พี่เลี้ยงจำเป็น เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:14:17

ความคิดเห็นที่ 72 #12 ขอบคุณคุณน้องที่ช่วยมาเป็นหน้าม้าตะปาดให้กระทู้เจ้ อิอิ #38 ลงชื่อไว้แล้วอย่าลืมมาติดตามต่อนะคะ #64 อิอิ ยังไงติดตามกันต่อนะคะ ถ้ามีคนติดตามเยอะก็จะทำซีรีย์ body piercing ต่อค่ะ #65 ถ้าจะเจาะแค่ lobe ก็ไม่ต้องกลัวค่ะ ใช้ปืนเจาะได้ ไม่อันตรายอะไร เจาะตามสยามหรือตามห้างก็ได้ค่ะ ราคาไม่กี่ร้อย ถ้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คนที่น้ำเหลืองไม่ดี หรือแพ้ง่าย ก็แค่ทำความสะอาดด้วย anti-bacteria soap ก็พอค่ะ ไม่ต้องทำ sss ก็ได้ เพราะมันก็เสียเวลาอยู่ และเน้นย้ำอีกทีว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์เด็ดขาดจ้า #66 เท่าที่ศึกษามา ถ้าเจาะ tragus มันจะต้องผ่านกระดูกเท่านั้นนะคะ เนื้อหลุดแบบนั้นแสดงว่าแค่เจาะผ่านเนื้อหรือเปล่าเอ่ย เราตั้งกระทู้เกี่ยวกับเจาะก่อนหน้านี้ก็เห็นมีหลายคนบอกว่า tragus เนื้อหลุด ถ้าเจาะกระดูกแล้วยังหลุดจนฉีกเนี่ย แปลว่าหลุดเพราะอุบัติเหตุแล้วอะค่ะ แบบมีเด็กมาดึงเล่น หรือเกี่ยวกับอะไรแล้วโดนกระชากแรงๆ อยู่ดีๆมันไม่น่าหลุดได้เองอะค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:36:05

ความคิดเห็นที่ 73 #67 โอ้ว ขยายเยอะมากอะค่ะ 00 แน่ะ เราไม่กล้า ไม่ได้กลัวเจ็บนะ แต่ส่วนตัวคิดว่ามันเยอะเกินไปหน่อย แหะๆ กะว่าจะทำถึงแค่ 2g พอค่ะ ว่าแต่ตอนนี้ใส่ plug หรือ tunnel แบบไหนอยู่เหรอคะ เรายังหาแบบที่ถูกใจ ที่เป็นตัวเองไม่ได้ซะที ตอนนี้ใส่แบบพลาสติคสีแดงอยู่ค่ะ เห็นด้วยเรื่องพวกที่ชอบถอดจิลค่ะ คงคิดว่าอยากทำความสะอาดให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมมั้ง เลยถอดออกมาเพื่อจะล้างในรูเจาะด้วย แต่เอาออกมาแล้วใส่กลับไม่ได้ ยิ่งถ้าเจาะ cartilage จะยิ่งเอาใส่กลับลำบาก ถ้า lobe เนี่ย เลยสองวีคไปแล้ว ถอดมาล้างแค่นาทีสองนาทีแล้วค่อยใส่กลับนี่ยังไม่เท่าไหร่ สำหรับคำถามนะคะ sea salt นี่หาได้ตามซุปเปอร์เลยค่ะ เอาที่ชั้นนำนิดนึงก็ดี อย่าง Tops หรือ Foodland  แต่ต้องอ่านฉลากดีๆว่ามันผสมไอโอนดีนมั้ย และต้องมาจากธรรมชาติ ทำจากน้ำทะเลจริงๆเท่านั้นค่ะ สังเกตว่าเม็ดมันจะใหญ่กว่า table salt อะค่ะ จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:41:57