 |
ประโยชน์ที่จะได้รับจากโอพีซี
1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เคลื่อนที่ได้คล่องแคล่ว ล่องลอยไปได้ทั่วร่างกายในน้ำ มีความสามารถในการให้อิเล็คตรอนได้มากกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และ มากกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า และมีประสิทธิภาพดีกว่าเบต้าแคโรทีนด้วย จึงให้สมญานามกับโอพีซีว่า Superantioxidant ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากโอพีซีมีโมเลกุลที่ไม่ใหญ่มาก คือ โอพีซี จะนับเอาสารที่มีกลุ่ม proanthocyanidins เพียงแค่ oilgomeric คือ เป็นกลุ่มที่มีเพียง 2-3 โมเลกุล หรือไม่เกิน 7 โมเลกุล ดังนั้น สรรรพคุณของสารสกัดเมล็ดองุ่นจึงขึ้นกับสารประกอบที่ปนมา ซึ่งหากเป็นการปลอมปนในกลุ่ม Tannin โดยแอบอ้างว่าเป็น proanthocyanidins เหมือนกัน แต่กลุ่มโมเลกุลใหญ่กว่า จะเป็นโมเลกุลที่เชื่องช้า อุ้ยอ้าย เจาะผ่านเนื้อได้ไม่ดี
2. โอพีซี มีฤทธิ์ทำลายล้างอนุมูลอิสระ (Antioxidation) , ต้านแบคทีเรีย (Antibacterial) , ต้านไวรัส (Antiviral) , ต้านภูมิแพ้ (Anti-allergic) , ช่วยขยายหลอดเลือด (Vasodilatory action) , ยับยั้งกระบวนการเติมออกซิเจนต่อไขมัน (Lipid peroxidation) , ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด (Platelet aggregation) , ลดการซึมผ่านเส้นเลือดฝอย , และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบน้ำย่อย (enzyme system)
3. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันโรคหลอดเลือดอักเสบอุดตัน (Atherosclerosis) เนื่องจากมันจะไปต้าน Oxidative stress ต่อ LDL
4. ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแกร่ง การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เนื่องจาก โอพีซีชอบจับกับสารที่มี Glycosaminoglycans (Epidermis ของผิว , ผนังหลอดเลือด , ผนังลำไส้ ฯลฯ )
5. ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เนื่องจาก โอพีซี สามารถรวมกับกับคอลลาเจนได้ดี หยุดการสลายคอลลาเจน ช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดและผิวหนังแข็งแรง เต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น โดยทำงานร่วมกับวิตามินซี รวมถึงช่วยป้องกันการสูญเสียวิตามินซีและอี ลดเลือดจับตัวเป็นก้อน (Venous thrombosis) เนื่องจากนั่งอยู่กับที่นานๆ พบว่าโอพีซี 100 มก. มีความสามารถทำให้เลือดจับตัวกันบางลง หรือลดการจับตัวของเกล็ดเลือด เทียบได้กับแอสไพริน 500 มก. ดังนั้น จึงไม่ควรกิน โอพีซี ร่วมกับยาลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดชนิดอื่นๆ เช่น วาฟาร์ริน เฮฟฟาริน แอสไพริน จะเห็นว่ายังไงๆ โอพีซี ก็เหนือกว่าแอสไพรินอยู่ดี ตรงที่ไม่กัดกระเพาะ จึงกินขณะท้องว่างได้
6. บรรเทาอาการเส้นเลือดขอด (Varicose vein) ริดสีดวงทวาร และหลอดเลือดโป่งพอง ได้
7.ช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากลูกตามีเส้นเลือดฝอยที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณ Retina ซึ่งต้องใช้เลือดหล่อเลี้ยงมาก อีกทั้งป้องกันต้อกระจก ป้องกันตาเสื่อมจากเบาหวาน ช่วยให้สายตาปรับการมองเห็นในที่มืดได้ดี
8. บรรเทาอาการชาที่ขาเพราะเส้นประสาทอักเสบ ของคนที่เป็นโรคเบาหวาน
9. ป้องกันโรคลมปัจจุบัน (Stroke) และ ช่วยต้านสมองเสื่อม เนื่องจากหลอดเลือดที่สมองแข็งแรงขึ้น เปราะแตกยากขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงที่สมองดีขึ้น จึงทั้งเพิ่มอาหารและต้านอนุมูลอิสระแก่สมองสมอง
10. ปลอดภัยต่อร่างกาย
11. ลดคอเลสเตอรอล เพิ่ม HDL และลด LDLในสัตว์ทดลอง
12. ลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่เกาะผนังหลอดเลือดใหญ่ (Aorta)
13. ต้านสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ เพิ่มระดับ Interleukin-1 , Interleukin-6 , และ Interleukin-10 ในสัตว์ทดลอง
14. ต้านการผ่าเหล่าของเซลล์สู่การเป็นมะเร็ง (Antimutagenic activity) ในหลอดทดลอง
15. สามาถป้องกันหลอดเลือดำฝอยขาดเลือด (Peripheral venous insufficiency) ซึ่งได้ผล 75% เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกซึ่งได้ผล 41% ใน Doulbl blind Study โดยให้ โอพีซี 300 มก./วัน ในผู้ป่วย
16. เพิ่ม Venous tone (แข็งแกร่ง) ในผู้ป่วยหลอดเลือดขอด โดยการให้ โอพีซี ขนาด 150 มก./วัน
17. ความต้านทานของหลอดเลือดฝอย (Capillary resistance) ดีขึ้น 53% เมื่อเทียบกับยาหลอก (ภายใน 2-3 สัปดาห์ ) โดยให้ โอพีซี ขนาด 100-150 มก./วัน
18. ดีต่อโรคหลอดเลือดดำอักเสบ เหนือกว่าสมุนไพรที่ชื่อ Horse chestnut
19. สามารถรักษา Exudate (หนอง) จากการอักเสบ ซึ่งเป็นผลมากจาก Hypoxia (อาการขาดออกซิเจน) ในผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งมีโรคจอตาเสื่อม (Retinopathy) ร่วมด้วย โดยให้ โอพีซี 100 มก./วัน
20. ลดความเจ็บปวดในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้ถึง 59% เทียบกับยาหลอกซึ่งได้ผล 13% โดยให้ โอพีซี 300 มก./วัน
21. ลดการอักเสบ (Anti-inflamation) เนื่องจากโอพีซีไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ กลุ่มที่ย่อยโปรตีน (Protease) และ กลุ่มที่ย่อยคอลลาเจน (Collagenase) ทำให้ PGE2 ไม่ถูกสังเคราะห์ขึ้น (PGE2 คือ สารก่ออักเสบที่ n6 สร้างขึ้น) เมื่อไม่เกิด PGE2 จึงทำใหอาการอักเสบต่างๆทุเลาลง เช่น ปวดกล้ามเนื้อและเส้นใย (Figromyalgia) , ปวดข้อ (Arthritis) และ โรคผิวหนังพุพอง (Eczema) ลดอาการแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น ปลายประสาทอักเสบ ขาชา ตาเสื่อม ตาบอด ต้อกระจก เป็นต้น
22. ลดอาการภูมิแพ้ โอพีซีมีคุณสมบัติในการต้านสาร Histamine จึงช่วยลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด ปกป้อง mast cell ไม่ให้ถูกโจมตี เมื่อไม่ถูกรบกวนก็ไม่หลั่ง Histamine มาก จึงไม่เกิดอาการภูมิแพ้ โอพีซีดีกว่ายาแก้แพ้ (Antihistamine) เพราะกินแล้วไม่ง่วง ไม่มีอาการซึมเศร้า หรือนมโตในผู้ชาย อันเป็นผลข้างเคียงของ Antihistamine
23. ป้องกันสมองเสื่อม เนื่องจาก โอพีซี สามารถผ่านแนวกั้นของสมองได้ จึงป้องกันสมองจากการทำลายของอนุมูลอิสระ 24. ต้านมะเร็ง (Anticarcinogenic) โอพีซี ป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระไปทำความเสียหายต่อ DNA ของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
25. อาจจะกระตุ้นเส้นผมให้งอกได้ เนื่องจากมีนักวิจัยชื่อ Takahashi พบว่า โอพีซี กระตุ้นเส้นผมในหนูทดลองให้งอก เนื่องจากสมบัติของ โอพีซี ที่ช่วยหยุดการทำงานของฮอร์โมนลักษณะเพศชาย (Dihydrotestosterone DHT) ซึ่งถ้า DHT มากไปจะไปยับยั้งการเกิดตุ่มเส้นผมจึงทำให้ขนหรือผมร่วงได้ โดยใช้ โอพีซี ร่วมกับ MSM (Methyl Sulphur Methane) ในการบำรุงรากผม ช่วยให้ผมงอกงามดีขึ้น MSM เป็นกำมะถันอินทรีย์ (Organic sulphur) ซึ่งไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกำมะถันทั่วไป และไม่เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ผิวแห้งเป็นขุย
26. ลดบวม (Edema) ลดอาการบวมหลังผ่าตัด เนื่องจาก Protein collagen elastin เสื่อมสภาพ ทำให้น้ำเหลืองไหลซึมออกมาได้ง่าย โอพีซีก็จะไปช่วยให้ Collagen elastin นั้นเหนียวและแข็งแรงขึ้น จึงลดอาการบวมได้เร็ว รวมไปถึงอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ฟกช้ำดำเขียว
27. ลดแผลในปาก
28. ลดอากรเริมที่ปาก
29. ลดไซนัสอักเสบ (มักใช้ร่วมหรือเสริมฤทธิ์กับยาอื่น)
30. ช่วยในการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย (Erectile Dysfunction-ED) อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งมักพบในชายอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปถึง 40 % พบว่า โอพีซีช่วยได้ แต่ต้องรักษาร่วมกับการออกำลังกาย และต้องปรับภาวะจิตใจด้วย แต่ผลการศึกษาใช้กลุ่มตัวอย่างน้อยไป
จากคุณ |
:
เฟยเฟย (ultramaths)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ค. 55 15:36:09
|
|
|
|
 |