ถาม..เก็บเงินกันกี่% ของเงินเดือน
ตอบ.. สำหรับเรา เราเก็บ 60% ของเงินเดือนค่ะ
เราไม่ค่อยใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ค่อยใช้โทรศัพท์บ้าน รายจ่ายเลยน้อยส่วนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ฯลฯ สามีเหมาจ่ายค่ะ
เราจ่ายแต่ค่าอาหารทั้งเดือน
ถาม..ใช้ความอดทนกับสิ่งยั่วยุมากแค่ไหน เครื่องสำอางค์เอย สกินแคร์เอย 55
ตอบ.. ไม่ใช้ความอดทนกับพวกสกินแคร์ หรือครีมบำรุงผิวใดๆ เพราะเราใช้ของทั่วไป ราคาไม่แพงมาก จอห์นสันเบบี้ครีมขวดเดียว ทาตอนเช้า ทาตอนเย็นก่อนนอนจบ ใช้หมดแล้วค่อยซื้อใหม่ ไม่ซื้อมาเก็บสะสมค่ะ
ส่วนพวกกระเป๋าแบรนด์เนม เมื่อก่อนเคยชอบมาก ซื้อใช้หลายใบ แต่หลังจากที่ผ่านมหันตภัยแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เราคิดได้ เลิกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมไปโดยปริยาย คือดูได้แต่ก็เฉยๆไม่คลั่งไคล้อยากมีอยากได้เหมือนแต่ก่อน จากเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า เมื่อถึงคราวฉุกเฉิน น้ำดื่ม อาหารการกินและเงินสดสำคัญที่สุดค่ะ ตอนเราเก็บของหนีออกจากบ้านตอนแผ่นดินไหว ไม่มีของแบรนด์เนมติดตัวสักชิ้น มีแต่น้ำ ของกิน เงินสด โทรศัพท์มือถือ หนังสือเดินทาง ผ้าห่มผืนเล็กๆ กับผ้าอนามัย
ถาม..มีรายจ่ายเกิน 50% ของเงินเดือนไหม?
ตอบ..มีค่ะ ถ้าเดือนไหนเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเดินทางไปเที่ยวก็ใช้เงินเยอะ
ถาม..หมดเงินไปกับอะไรมากที่สุด! (ถ้าเดาไม่ผิดคือเครื่องสำอาง ฮ่าา ๆ)
ตอบ..สำหรับเราไม่ใช่เครื่องสำอางค่ะ แต่เป็นอาหารการกิน
ถาม..เคยเก็บได้มากสุดกี่ % ของเงินเดือน?
ตอบ..เก็บได้มากที่สุดเลยก็ 80% ของเงินเดือน
ถาม..ออมเงิน 1 ใน 3 ของเงินเดือนพอดีหรือยัง?
ตอบ..ข้อนี้แล้วแต่คนค่ะ สำหรับเราเราออม 2 ใน 3 ของเงินเดือน
ส่วนแรกเก็บไว้เพื่อการลงทุน ซื้อทองคำแท่ง ซื้อสลากออมสิน หุ้นมีปันผล อีกส่วนเก็บเป็นเงินสดเผื่อฉุกเฉินค่ะ