ความคิดเห็นที่ 1 พอจะมีคำแนะนำที่คั้นออกมาจากหนังสือการเงินเล่มต่างๆ และอยากเอามาแบ่งปัน จุดประกายให้คนอื่นบ้าง เราขอเสนออออ......5 วิธีเบื้องต้น ที่จะช่วยให้เราพ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเงิน และเป็นเศรษฐีนีน้อยๆ ได้ ตามที่เขาว่าไว้ ออมก่อน รวยกว่า!!! (ถึง 30 จะยังแจ๋ว ไม่สายเกินไป แต่ถ้าเป็นไปได้ อย่ารอให้ถึง  30 เลยนะคะ) 1. ปรับทัศนคติเรื่องเงินใหม่ แทนที่จะคิดว่า เรื่องเงินๆทองๆ เป็นเรื่องยุ่งยากกกกกก เข้าใจยากกก....เป็นภาระ คนอ่อนด้อยเลขอย่างฉันไม่มีวันเข้าใจเรื่องยากแบบนี้ ได้หรอก อันที่จริงแล้ว ในฐานะผู้หญิง ผู้ซึ่งแบกความรับผิดชอบไว้สารพัดหน้าที่ เป็นทั้ง ลูก ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน เจ้านาย ลูกน้อง...เราต้องดูแลความสัมพันธ์ต่างๆ รอบตัวมากมาย เราเป็นห่วงแฟน เป็นห่วงลูก เป็นห่วงพ่อแม่ ดูแลทุกคนรอบตัวเราให้อยู่ดีมีสุข แต่เรากลับเพิกเฉยที่จะรับรู้ เรื่องเงินของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นเรามาลองคิดเสียว่า เงิน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องดูแลให้ดีๆ เอาใจใส่และเป็นห่วงพอๆ กับ พ่อแม่พี่น้อง แฟนสามี ลูกของเราดีไหมคะ มันไม่ใช่ภาระที่ยากลำบากเกินกว่าจะทำได้ เพราะอะไรน่ะหรอ......เพราะเวลาเราลำบาก เวลาเราต้องการความช่วยเหลือ เวลาเราป่วยไข้ เวลาเรามีความทุกข์ เวลาเราหมดทนทาง เมื่อเวลาเราหมดแรงทำงานแล้ว เงิน ที่เราสู้อุตส่าห์ดูแลมา เค้าจะมาช่วยดูแลเราแทนค่ะ เค้าหยิบยื่นโอกาสที่มากกว่า ทำให้คุณมีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องเป็นยายแก่เหงาหงอย รอคอยความเมตตาจากลูกหลาน เราจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุเพิ่มขึ้น พร้อมประสบการณ์และคุณค่าที่มากขึ้นเช่นกัน คิดแบบนี้แล้ว สบายใจขึ้นไม๊ (เป็นคำแนะนำของโค๊ชการเงินระดับโลก อย่างซูซี่ ออร์มานเลยเชียวนะ) เรื่องที่เราคิดว่า ยาก ถ้าเราพยายามเข้าใจ ลบอคติออกไป อาจจะไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ จงจำไว้ว่า สิ่งใดก็ตาม จะน่าสนใจ ก็ต่อเมื่อ เราให้ความสนใจกับมัน จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:04:15

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามารอฟังค่ะ จากคุณ : jib_ak เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:08:13

ความคิดเห็นที่ 3 รออ่านๆครับ จากคุณ : เป็นเกย์รึเปล่า เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:10:33

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณนะคะที่นำประสบการณ์ดีๆมาแชร์ เราก็เริ่มเก็บเงินแล้วเหมือนกัน ได้แรงบันดาลใจจากสาวๆในนี้แหละค่ะ เราเก็บแบงค์50เดือนนึงได้หลายตังอยู่ ฝากแบงค์ไว้ ภูมิใจค่ะ จากคุณ : เลือกแล้วจะสวยให้ดู เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:11:59

ความคิดเห็นที่ 5 รอปาดค่ะ จากคุณ : Seasons of LovE เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:16:09

ความคิดเห็นที่ 6 รออ่านๆ ค่ะ วันนี้ก็นั่งคิดตลอดว่าชีวิตเราจะเก็บเงินยังไง ดีหนอ แยกบัญชีก็แล้ว ฝากประจำก็แล้ว สุดท้ายพอเห็นเงินก้อนใหญ่ ก็อดใจไม่ได้ ดึงออกมาใช้แบบบ้าพลังทุกที เลยค่ะ จากคุณ : นู๋มาริ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:20:00

ความคิดเห็นที่ 7 ขาดตอนไปหน่อย ออฟเรียกลงไปกินหนม 555 2. ลบสมการที่เราเคยเรียนมาตอนเด็กๆ ทิ้งไปให้หมดราบคาบ....ใครก็ไม่รู้สอนเราต่อๆ กันมาว่า รายรับ - รายจ่าย = เงินออม ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ชาตินี้ไม่มีทางมีเงินเก็บค่ะ !!!! ลืมข้างบนไปซะ แล้ว memoryสมการนี้ลงไปแทนที่นะจ๊ะสาวๆ รายรับ-เงินออม = รายจ่าย เหตุง่ายๆ คือ เมื่อไหร่ที่เราออมหลังจากใช้จ่ายแล้ว...ด้วยจิตใต้สำนึกที่ผลักไสเงินออกไปจากตัวเรา (แน่นอนทุกคนที่วันนี้ยังไม่รวยโดนฝังความเชื่อแบบนี้ต่อๆ กันมา ไม่อย่างนั้นรวยกันไปหมดแล้ว 555) และ ความกิเลสสุดแสนจะหนาพอกพูนของเรา มันจะทำให้เงินหนีหายไปจากสมุดบัญชีตลอดเวลา ไม่ว่าจะหาเงินได้มากแค่ไหน รับรอง รายจ่ายจะมากตามมาเท่านั้น เป็นประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัว หาได้เท่าไหร่ไม่พอ การฝากความหวังของการออมเงินไว้ว่า เดี๋ยวเอาไว้หาเงินได้เยอะกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเก็บนะ ตอนนี้รายได้ยังน้อยอยู่ ใช้ยังไม่ค่อยจะพอเลย จะเอาที่ไหนมาเก็บ เป็นข้ออ้าง ความหวังลมๆแล้งๆ ลองคิดเล่นๆ ดูว่า เรียนจบใหม่ๆ ได้เงินมาน้อยก็จริงแต่ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็ยังไม่เยอะมากใช่ไหมคะ บางคนยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ลูกก็ยังไม่มี ค่าน้ำ ค่าไฟ อาจจะไม่ต้องจ่ายเอง บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ หรือถ้าเรียนอยู่ ค่าขนมที่ได้มานี่ ไว้ใช้จ่ายเฉพาะเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ถ้าเราใช้เงินคนเดียวตอนนี้ยังไม่พอ ถึงแม้เมื่อเราโตขึ้น รายได้มากขึ้นก็จริง แต่รายจ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ไหนจะผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ค่าประกันชีวิตเพื่อหักภาษี ซื้อกองทุน ประกันรถยนต์ ค่าฟุ่มเฟื่อยซื้อฐานะทางสังคม ค่ากินอยู่ ที่ไม่ใช่ของคนคนเดียวอีกต่อไป ถามจริงๆ เถอะว่า ถ้าเราไม่ใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่ตอนนี้แล้ว..แต่งงานมีสามีไป จะรอให้สามีมาจัดการให้เราแม้กระทั่งเรื่องเงินทองของเราเอง หรอคะ จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:27:41

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนสาวๆคนไหนคิดในใจว่า จะเก็บทำไมให้ยุ่งยาก รอหาสามีรวยสิจ๊ะ....อะอะ...ช้าก่อน!! รู้ใช่ไม๊ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หรืออยากจะรอบทเรียนสอนใจให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงจะซาบซึ้ง ถ้าเรารอหวังพึ่งผู้ชาย ลองคิดดูว่า ถ้าสามีไปมีกิ๊ก แล้วเกิดอยากจะแบ่งสมบัติขึ้นมา คุณปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในการดูแลของคนอื่นหมด จะเหลืออะไร...ถ้าเป็น working woman ก็ยังไม่สิ้นไร้ไม้ตรอกนัก แต่ถ้าสละชีวิตทำงานมาเป็นแม่บ้าน รอเงินจากสามี อยู่ดีๆ วันดีคืนดี ใครคนนึง เส้นเลือดในสมองแตก มะเร็งรับประทาน เดินไม่ข้ามสะพานลอย นั่งกินข้าวอยู่ข้างทาง รถพุ่งมาบนฟุตบาท หรือเป็นลูกหลงแว๊นซ์ตีกัน กรณีไม่ทิ้งภาระหนี้สินไว้ก็ดีไป ลูกน้อยใครจะดูแล ค่าหมอค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ไหนจะต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอีก...แค่คิดก็เพลีย (กระทู้สามีไปมีเมียน้อย นี่ เห็นกันแทบทุกวันในชานเรือนนะคะ วันนี้เราอ่านกระทู้ประสบการณ์คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าวันไหน จะกลายเป็นคนตั้งกระทู้เองก็ไม่รู้.....เหตุแบบนี้ เกิดได้กับทุกคนจริงๆ) รายได้ เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน เจ้านาย ลูกค้า ดังนั้น การจะหารายได้เพิ่ม เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ง่ายๆ (แต่ไม่ได้บอกว่ายากนะ) รายจ่าย เป็นปัจจัยภายในล้วนๆ อยู่ที่ตัวเราเองค่ะ เราสามารถควบคุมเงินที่ออกจากกระเป๋าได้ 100% ว่าสิ่งไหนสมควรจ่าย หรือไม่สมควร ดังนั้น ก่อนจะอ้างว่า รอรายได้เพิ่มขึ้น ระหว่างเพิ่มรายได้....ลดรายจ่าย แบบไหนง่ายกว่ากัน เราสามารถเริ่มดูแลรายจ่ายก่อน เพราะ ทำได้เลยไม่ต้องรอ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 15:31:44 จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:29:30

ความคิดเห็นที่ 9 จนเราเรียนจบ ถึงได้รู้ว่ามีคนมากมายในสังคมที่เชื่อว่า มีเงินทำได้ทุกอย่าง ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงินมา ชาตินี้หาสามีรวยให้ได้ก็พอ ภายนอกชั้นเป็นคุณหนู แต่ความจริงไม่ใช่เลยก็มี  สุดท้ายแล้ว เราค้นพบว่า คนเหล่านี้ไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง เพราะรูในใจคนเหล่านี้มันกว้าง เติมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม จากคุณ : pangzpang เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:33:02

ความคิดเห็นที่ 10 อยากบอกว่าเป็นทุกอย่างอย่างที่คุณ จขกท ว่ามาเลยแหละ อยากได้อะไรก็ซื้อ ทั้งๆที่ยังไม่คิดเลยว่าเอามาได้ใช้ประโยชน์ ไหมด้วยซ้ำ แค่สวย ชอบ ซื้อ ตอนนี้อายุมากขึ้นเปลี่ยนความคิดพฤติกรรมใหม่แล้ว จะซื้อไรทีก้คิดมากและคิดเยอะกว่าเดิม เริ่มบ้ากับการเก็บเงิน แต่โชคดีที่เราไม่ภาระอะไร เพราะชีวิตก็มีค่อนข้างจะครบแล้ว เลยคิดว่ามีเท่าไรจะเก็บให้ได้มากเท่านั้น เผื่อฉุกเฉิน ไม่มีใครช่วยเราได้จริงๆ จะได้มีเงินส่วนนั้นมาใช้ได้ จากคุณ : +sugar jeed+ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:34:31

ความคิดเห็นที่ 11 รอด้วยคนค่ะ จากคุณ : แม่กี้กัส (gyandgus) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:35:28

ความคิดเห็นที่ 12 3. เข้าใจแหล่งที่มาของรายได้ และรายจ่ายตัวเอง ด้วยการ จดบันทึก !!! อะ..อะ...อย่าอ้างว่า ไม่มีเวลา ไม่รู้จะจดยังไง  ต้องทำให้เป็นนิสัยทุกวัน เหมือนการอาบน้ำ แปรงฟันตอนเช้า หรือก่อนเข้านอน  แต่ก่อน เราใช้จดลงสมุดค่ะ โดยเอาสมุดบันทึก ไว้ในรถ ทุกครั้งที่ขึ้นรถ เช้า สาย บ่ายค่ำ จะคว้ามาจดก่อน  แล้วค่อยออกรถ หรือลงจากรถ หรือถ้าสาวๆ คนไหนใช้ smartphone มี app สำหรับจดบันทึกรายรับรายจ่ายให้เลือกใช้มากมาย สามารถ export ทำกราฟ ทำตาราง แยกแยะค่าใช้จ่าย จ่ายด้วยบัตร หรือเงินสด แยกบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว บัญชีธุรกิจ subcategories ไหนบ้าง เสื้อผ้า self improvement เครื่องสำอาง สุขภาพ และอื่นๆ อีกมากมายแยกย่อยได้ตามใจปรารถนา มีช่วยได้เยอะมากกกกก จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:37:06

ความคิดเห็นที่ 13 ยกตัวอย่างให้ดู เราใช้แอ๊บนี้ในการจดบันทึกค่าใช้จ่าย โดย 3เดือนแรก ใช้สะบั้นหั่นแหลกเหมือนปกติ จากนั้น ลองเอามาแยกประเภทค่าใช้จ่ายดูว่า ปกติแล้ว เราเสียเงินไปกับสิ่งใด มากน้อยแค่ไหน อันไหนจำเป็น เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ อันไหนเป็นค่าใช้จ่ายขาจร อันไหนเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สามารถตัดทิ้งได้   ถึงกับผงะไปเหมือนกัน เพราะคิดว่าเป็นคนกินแพงๆ เกือบทุกมื้อ ทุกวัน ค่ากินน่าจะเยอะมาก ที่ไหนได้...อันที่จริง ซื้อเสื้อผ้าเดือนนึง เกือบหมื่น แล้วสุดท้ายตกอยู่ในสภาวะเหมือนกับว่า ชั้นไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ ใส่แต่ชุดเดิมๆ แต่ถ้ามาดูที่บ้าน เสื้อผ้าล้นตู้ ไม่มีที่จะเก็บ กลับไปพิจารณาสาเหตจริงจัง พบว่า เพราะขี้เกียจรีดผ้านั่นเอง บัดซบจริงไรจริง 55555 (บ้านรก เป็นสาเหตหนึ่งของความเครียดโดยเราไม่รู้ตัว เครียดเพราะหาของไม่เจอ ซื้อเยอะจัด ไม่มีที่จะเก็บ ต้องหาเรื่องไปซื้อชั้นวางของ ซื้อลิ้นชัก ซื้อกล่องมาเก็บ แต่พอหยิบออกมาใช้ ก็ไม่เก็บเข้าที่ วางแหมะไว้ แล้วก็รู้สึกว่าบ้านรก ต้องซื้อลังมาเก็บอีก หรือ พอเครียดจากอะไรก็ตาม ก็ออกไปช็อปปิ้ง ช็อบให้หายเครียด เสร็จแล้วก็ไม่ได้ดูดำดูดี ของที่ช็อบมาเท่าไหร่นะ แค่ขอให้ออกจากบ้าน เสียเงิน หายเครียดละ วงจรอุบาทว์มากกกกกกก) จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:38:24

ความคิดเห็นที่ 14 อะ อะ...พอเราทราบที่มาที่ไปของเงินแบบนี้แล้ว เราจะได้หาทางแก้ไขได้ถูกจุดค่ะ...ปัญหาจะถูกแก้ ก็ต่อเมื่อเราตระหนักและมองเห็นซะก่อนว่ามันเป็นปัญหา ทำความเข้าใจสาเหต และ ตรงเข้าไปเยียวยา เลิกนะคะ...เลิกกกกกกนิสัยแบบนี้ อยากได้ แล้วไม่ได้ จะลงแดงตายให้มันรู้ไป 5555 จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:40:08

ความคิดเห็นที่ 15 4.จัดสรร เงินออม และกำหนด รายจ่ายประจำเดือน หลังจากเรารู้ รายรับ และรายจ่ายของเราทั้งหมดแล้ว เรามาแยกแยะดูสัดส่วน ของรายจ่าย ว่าอันไหนจำเป็น อันไหนสามารถกำหนดให้อยู่ในขอบเขตได้ เช่น ช็อปปิ้งแต่ละเดือน กินข้าวนอกบ้าน ดูหนัง ซื้อของเข้าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเน็ท ค่าโทรศัพท์ เราไม่จำเป็นต้องเก็บเงินจนขี้เกลือขึ้น เครียดมาก เดี๋ยวจะตายซะก่อนได้ใช้เงินที่เก็บนะจ๊ะ เงินออมส่วนหนึ่ง ต้องเก็บไว้สำหรับหาความสุขที่เราพึงพอใจ จะเที่ยว จะช็อปปิ้ง จะซื้อแบรนด์เนม เราสามารถแบ่งเงินออมเป็นบัญชีๆ (สัดส่วนเท่าไหร่เดี๋ยวมาว่ากันภาค 2 นะคะ) สำหรับคนที่เริ่มต้น ลองเก็บเงินสักเดือนละ  10% ก่อนค่ะ หรือถ้าดูๆ แล้วรายจ่ายที่เราจดบันทึกไว้ มันเหลวไหล ไร้สาระมาก สามารถหักออกไปได้อีก จะเป็น  15-20 %  ก็ตามสะดวก แค่เริ่มต้น เราอย่าเพิ่งหักโหมมาก เดี๋ยวจะหมดกำลังใจไปซะก่อน เงินเดือนออกปุ๊บ หักบัญชีอัตโนมัติเข้าอีกบัญชีไปเลย (ห้ามทำบัตรเอทีเอ็มบัญชีนี้เด็ดขาด!!!!)   ถ้าเป็นไปได้ พยายามแยกบัญชีออกจากกันให้ชัดเจน (จริงๆ มีสมุดบัญชีเยอะกว่านี้อีกนะเนี่ย แฮร่) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 15:42:27 จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:41:07

ความคิดเห็นที่ 16 เราไม่อยากให้กระทู้นี้โดนย้ายไปอยู่กระทู้นอกเรื่องเลยค่ะ สังเกตมาหลายครั้งแล้ว ว่าถ้ามีกระทู้เกี่ยวกับการเก็บเงินในห้องแป้งทีไร มักจะโดนย้ายไปอยู่ห้องนอกเรื่องทุกที จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:41:17

ความคิดเห็นที่ 17 แยกเอาไว้แบบนี้เลยนะ... ถ้าธนาคารเดียวกัน  จะสะดวกในแง่ของ การสั่งให้ตัดเงินอัตโนมัติ โดยใช้ online bank ค่ะ (เราเคยเดินไปบอกให้ธนาคารช่วยตัดบัญชีอัตโนมัติทุกเดือนได้ไหม เค้าบอกว่า ทำไม่ได้....แต่ ให้ไปทำใน online banking service เอา...สั่งโยกย้ายถ่ายเท เงินล่วงหน้า ได้ หักเงินทุกๆ เดือน เท่าๆ กัน กี่เดือน เข้าบัญชีไหน ไรก็ว่าไป) จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:44:26

ความคิดเห็นที่ 18 รอฟังอย่างตั้งใจ จากคุณ : แม่จี๋กะเจเจ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:45:13

ความคิดเห็นที่ 19 อ่อ  ตั้งกระทู้ผิดที่หรอคะ ต้องขอโทษด้วย....ไม่รู้อะ ว่านอกเรื่อง ไม่ได้เล่นห้องแป้งนานมากกกกแล้ว....-_-'' เวลาช็อปปิ้ง ก็ แยกบัญชีไป   วันก่อนซื้อรองเท้าในเน็ท 1  คู่  ก็ตัดจากบัญชีนี้(ตั้งชื่อบัญชีเอง).....5555 แบบว่า...ฟุ่มเฟือยได้นะ แต่ ให้มันอยู่บนความพอดีของรายได้เรา จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:50:24

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าใครมีบัตรเครดิต  พยายามลดปริมาณบัตรเครดิตลง (เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ครั้งละ  1-2 ใบก็พอมั้ง เยอะมากหนักกระเป๋าสตางค์อีก)  บอกตัวเองว่า เราจะไม่ใช้เงินล่วงหน้าที่ยังไม่อยู่ในมือ สิ่งที่หวังผลได้จากการใช้บัตรเครดิตคือแต้มจากการรูดบัตร หรือส่วนลดเวลาใช้บัตรซื้อสิ่งของที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ใช้เงินล่วงหน้า จำไว้นะคะ ทุกๆ ครั้งที่จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ให้เอาเงินสด เท่าจำนวนเงินที่ใช้ไป หยอดลงกระปุก หรือจะใช้วิธีเปิดบัญชีอีกเล่ม แยกไว้ต่างหากไว้สำหรับจ่ายบัตรเครดิตเลยก็ได้  แล้วโอนเงินใส่เข้าไปหลังจากที่เรารูดปรื๊ดๆๆ  อย่าคิดว่ายุ่งยากค่ะ นี่เป็นเกมส์ สนุกๆ โคชการเงิน David Bach แบ่งนิสัยการใช้เงิน ไว้ 5 แบบ คือ ใช้เท่าที่หาได้  -> จน ใช้มากกว่าที่หาได้  --> ล้มละลาย ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ ออม 10% -> ชนชั้นกลาง ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ ออม 20-30% --> รวย ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ ออม  50%--> เศรษฐี เงินออมก้อนแรก จะไปทำอะไรดี ?? ห้ามดีใจ กระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าเก็บเงินได้แล้ว ขอเอามาใช้สักหน่อย ตีมือเผียะๆๆๆ ห้ามถอนออกไปซื้อของตามใจชอบเด็ดขาด!!! ก้อนแรก จะเป็นเงินออมยามฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น  สามารถถอนออกมาใช้ได้ทันที เช่น ตกงาน รถชน บาดเจ็บ ขาหักขาเป๋ ไปทำงานไม่ได้ หยอดน้ำข้าวต้ม ก้อนนี้ จะเท่ากับ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของเราต่อเดือน x 6 เดือน หรือ 8 เดือน ตามสะดวก หลังจากเราออมเงินก้อนนี้ได้แล้ว...จะมีก้อนอื่นๆ ตามมา ในส่วนของเคล็ดลับการเก็บตังค์เพิ่มเติม ไว้มาต่อวันหลังนะคะ เพราะคงยาว หรือจะไปหาหนังสือการเงินอ่านเอาเองก็ได้นะคะ มีหลายเล่มอ่านเข้าใจง่าย เช่น จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:53:08

ความคิดเห็นที่ 21 หรืออ่านเป็นการ์ตูนแบบนี้ ก็เข้าใจง่ายดีอะ... อ่าน เข้าใจแล้วไม่พอ ต้องปรับทัศนคติ และเริ่มทำค่ะ  ตรงนี้ ขอบอกว่ายาก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือ...ทำให้เป็นนิสัย!!!!!!!! จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:55:04

ความคิดเห็นที่ 22 5. ศึกษาเรื่องการลงทุน และความเสี่ยง นำเงินออมที่ได้ ไปลงทุน สร้างผลตอบแทน ให้เงินทำงานให้เราค่ะ ตรงนี้ ต้องค่อยๆศึกษาไปตามความถนัด แต่ ทุกคนต้องศึกษา มีความรู้ขั้นพื้นฐานบ้างก็ยังดี แบบไหนเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย  ยังไม่ชำนาญ ก็ลงทุนในส่วนที่ผลตอบแทนต่ำหน่อย แต่ปลอดภัย เงินก้อนไหนต้องการ  cashflow มาก ก็เอาไปไว้ที่เบิกถอนง่าย เงินก้อนไหนเก็บระยะกลางได้ 3-5 ปี ก็เอาไปซื้อกองทุน หักภาษีได้ด้วย และอื่นๆ อีกมากมาย สาธยายไม่หมดในกระทู้นี้ success is habits ....สร้างความสำเร็จให้เป็นนิสัย เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ออมเงินด้วยเศษเหรียญ แบ้งค์ย่อย แบ้งค์ห้าสิบ...พร้อมไปกับการหารายได้ให้มากขึ้น ศึกษาวิธีการลงทุน รับรอง เศรษฐีนีไปไหนไม่ไกล...โฮะๆๆๆๆ อ่านจบแล้ว เริ่มบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวัน และไปเปิดบัญชีธนาคารรอไว้เลยนะจ๊ะ !!!! (กุศลผลบุญครั้งนี้ ขอให้ช่วยส่งเสริมให้อิชั้นรวยยิ่งๆ ขึ้นไป ซ๊าธุ 5555555) จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 15:57:37

ความคิดเห็นที่ 23 อีกหนึ่งกระทู้ดี ๆ ขอบคุณที่มาตีมือเผียะ ๆๆ นะคะ แดงไปหมดแล้ววววว 555 (แอบมาแก้ไข พิมพ์ตกไปค่ะ ^^ ) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 16:18:19 จากคุณ : กานดา ขาร็อค เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:10:47

ความคิดเห็นที่ 24 หาสิ่งทดแทนให้ใกล้เคียงกัน เริ่มง่ายๆ คือ  เปลี่ยนจากมอคค่าเย็นของสตาร์บัค  มาเป็นกาแฟเย็น KFC (แก้วเล็ก 33 บาท) แรกๆ ยังไม่ชินค่ะ  ไม่อร่อย  โหย รับไม่ได้ กินไปไม่กี่วัน  ตอนนี้ลิ้นจรเข้ละ  ประหยัดดี 55555+ จากคุณ : เซียวลี้ปวยตอ มิเคยพลาดเป้า เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:15:20

ความคิดเห็นที่ 25 5555 ม็อคค่า ครัชท์ KFC อร่อยนะ ทำเป็นเล่นไป   แต่โคดอ้วนเลย เพราะเอาไอติมมาปั่น -_-'' เคยไม๊คะ แบบ มีคนรอบตัว ที่เรารู้สึกว่า เค้ารวยจัง....คนนั้นก็รวย คนนี้ก็รวย ใครซื้ออะไร ก็อยากได้ไปหมด  แต่.....รู้ไหมว่า จะมีคนกี่คนที่ใช้เงินเป็น เวลาเราใช้เงินเป็น หรือ ควบคุมการเงินตัวเองได้ มันจะมีความรู้สึกนับถือ และภูมิใจในตัวเองขึ้นมา แบบ บรรยายไม่ถูกอ่ะ   แล้วเคยไม๊...เจอ คนที่แต่งตัวธรรมดา ไม่ได้ติดแบรนด์ไรมาก แต่ก็สวย โอเคตามกาละเทศะนะ  ขับรถยนต์เไม่เก่าไม่ใหม่...ใช้มือถือธรรมดา ใช้จนพัง อายุก็พอๆ กับเรา แต่เรามาค้นพบความจริงว่า โหยยยย...ชีมีคอนโด อยู่ตรงโน้น ตรงนี้  มีเงินเก็บ ลงทุน เยอะแยะมากมาย....ป๊าดดดดด... ความรวยของคนเราไม่ได้ดูที่เฟอร์นิเจอร์รอบตัวค่ะ ดูที่สินทรัพย์ ไม่ใช่ทรัพย์สิน!!!!! จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:21:54

ความคิดเห็นที่ 26 เราชอบซื้อสลากออมสินกับประกันชีวิตสะสมทรัพย์ จากคุณ : มาสแตงค์ชิวชิว เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:27:39

ความคิดเห็นที่ 27 จากคคห.๑๖ เราไม่ได้เป็นคนแจ้งย้ายกระทู้ของคุณนะคะ  แต่เจ้าหน้าที่ของพันทิปเขาจัดการเอง เราเองก็ชอบอ่านกระทู้เก็บเงิน  เก็บทอง และชอบอ่านบทความการลงทุนเล่นหุ้น และมีสลากออมสินด้วยนิดหน่อยค่ะ จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:02:13

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนนี้เราเริ่มเก็บเงินแล้วค่ะ กับแฟน ยังเก็บเองได้ไม่มาก พอดีเรายังเรียนอยู่ค่ะ แต่ก่อนก็ทำงานนะ แต่ลาออกมาซะงั้น สภาพคล่องทางการเงินก็ติดๆขัดๆค่ะ ^_^ ตอนนี้ฝากประจำอยู่ เงินยังไปไม่ถึงไหนเลย รายจ่ายเยอะเหลือเกินอ่ะ -- ข้ออ้างชัดๆ อิอิ สงสารแฟนเหมือนกัน พอดีแฟนก็ช่วยเราออกค่าใช้จ่ายตอนนี้ด้วย ช่วยๆกัน พ่อแม่ก็ช่วย แต่ไม่มากเท่าไร ไม่กล้าขอมาก ตอนนี้เราก็เริ่มหา job เล็กๆทำ อยากให้เงินเก็บถึงหลักแสนก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย อ่า เฮ้อออ อ้อ..เราก็ซื้อสลากออมสินด้วยค่ะ ไม่อยากจะอวดเลยน๊า ว่าเราถูกรางวัลด้วย ฮิฮิ รางวัลที่เท่าไรไม่รู้ ได้มา 100 กว่าบาท แต่ก็ยังดีกว่าไม่ถูกอะไรเลย แม่บอกว่า แม่ซื้อเยอะกว่าเราอีก ไม่เคยจะถูก เราซื้อไม่ถึงครึ่งของเค้า แป๊ปๆ ถูกละ ดีใจๆ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:05:41

ความคิดเห็นที่ 29 มาสนับสนุนความคิดคะ เราก็เป็นคนหนึ่งที่เก็บเงินมาตั้งแต่ ป.1-จบมหาลัย มาเรื่อยๆคะ...(เงินเก็บก่อนสมรส) ส่วนเงินเก็บตอนนี้ก็เริ่มเก็บตั้งแต่ทำงานเดือนแรก เจอแฟน เก็บเงินบัญชีร่วมกัน ผ่านมาเกือบ 10 ปี (อายุพอๆกับจขกท.เลยคะ) มีบ้าน 2 หลัง (ทาวเฮ้าส์..ให้เช่า บ้านเดี่ยว..อยู่เอง) มีรถ 3 คัน (ขายไปแล้วคันนึง มีเหลือขับ 2 คัน) กับเงินลงทุนในพอร์ต (เงิบเก็บ 80 %)...และกระแสเงินสดเผื่อฉุกเฉิน อีก 20% และที่สำคัญต้นเดือนเงินเดือนออก เราจะเอาเงินเข้าบัญชีเก็บก่อนเลยคะ ก่อนใช้... ทุกวันนี้มันเป็นอย่างที่คุณพูดเลยคะ มันคือความภูมิใจในตัวเอง กับมีความสุขเวลาเห็นตัวเลข ในบัญชี รวมถึงในพอร์ต (เวลามันเขียวนะ ถ้าแดงก็มีเซ็ง...55) เพราะเราทั้งสองเริ่มจาก 0 และจะไม่ยอมเป็นคนแก่..ที่จนแน่นอน...โชคดีในการเก็บออมคะ จากคุณ : Wed11Nov07 เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:21:37

ความคิดเห็นที่ 30 ช่วยแนะนำ app ด้วยค่า คุณกุ๊ดจัง จากคุณ : aiyoiyo (aiyoiyo) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:39:48

ความคิดเห็นที่ 31 เราก็สนใจสลากออมสินค่ะ แต่รางวัลอะไรอ่ะ ได้ 100 กว่าบาทก็มีเหรอคะ 5555 จากคุณ : penpitchar เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:40:04

ความคิดเห็นที่ 32 โดนใจมากอ่าาาาา จากคุณ : Gracey_DT เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 18:53:34

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบคคห.๓๑ คือรางวัลเลขท้าย ๔ ตัว (รางวัลต่ำสุด) ได้เงิน ๑๕๐ บาท (สลากออมสินประเภท ๓ ปีค่ะ) จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 19:11:04

ความคิดเห็นที่ 34 จะบอกว่าทำมาได้หลายปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนทำงานใหม่ๆไม่เคยคิดเรื่องเก็บเงิน พอออกจากงานเก่าปุ๊บ เลยรู้ซึ้งว่าเมื่อก่อนถ้าเก็บเงินบ้างก็คงไม่ลำบากขนาดนี้ ช่วงตกงานใหม่ๆ มีเงินเหลือในบัญชีไม่กี่พันบาท บวกเงินประกันสังคมที่เค้าจ่ายให้แต่ละเดือน ก็แทบจะไม่พอดำรงชีพช่วงหางานทำใหม่ พอได้งานใหม่ปุ๊บ เลยเริ่มเก็บเลยค่ะ ตั้งเป้าไว้ที่เก็บ50%ของเงินเดือน แล้วก็ได้ตามนั้นจริงๆ ดีใจมาก พอเงินเดือนขึ้น ก็เริ่มเก็บมากขึ้น ส่วนตัวไม่มีภาระผ่อนอะไร บัตรเคดิตก็ไม่ทำ ซื้ออะไรเงินสดล้วนๆ กลายเป็นคนงกไปเลย อีกอย่างที่อยากแนะนำให้ทำมากๆคือการทำบัญชีรายรับรายจ่ายค่ะ อย่าบอกว่าไม่สำคัญ อย่าบอกว่าขี้เกียจเลยค่ะ ตัวดิชั้นทำบัญชีทุกวัน ซื้ออะไรบ้างเก็บบิลไว้เลยค่ะ แล้วเอามาลงตารางเอ็กเซลบัญชีที่บ้าน เพื่อดูว่าเดือนนี้รายจ่ายเราเกินเป้าไหม ถ้าเกินเดือนหน้าจะ จัดการอย่างไร จะตัดค่าขนม ตัดค่ากินข้าวนอกบ้านดีไหม ก็พิจารณาไปตามสภาวะที่เราใช้เงินเยอะ ในเดือนนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายของเราเองค่ะ และจะบอกว่าได้ผลดีมาก เรื่องซื้อของเหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครทำเหมือนดิชั้นบ้าง ทุกต้นเดือนดิชั้นจะเข้าไปดูที่ เว็บไซต์ของห้างค้าปลีก แล้วเปรียบเทียบราคาโปรโมชั่นของแต่ละห้าง โชคดีที่ห้างตั้งใกล้ๆกันเลยสะดวก หลังจากนั้นจะลิสรายการสินค้าที่เรา"จำเป็น"ต้องซื้อเท่านั้นค่ะ แล้วลองบวกลบดูว่าของห้างไหน โปรสินค้าดีกว่า แล้วพุ่งเป้าไปที่นั่น แล้วซื้อของตามที่เราลิสไว้ อาจเผื่อเหลือเผื่อขาดได้นิดหน่อย แต่ต้องไม่ออกนอกลู่นอกทางเกินไป ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละสัปดาห์ ดิชั้นจะกำหนดให้ตัวเอง ใช้เงินได้แค่วันละ150บาท บวกกับค่าเต็มแก๊ซรถยนต์อีกสัปดาห์ละ300บาท รวมเบ็ดเสร็จ1500บาท เผื่อได้นิดหน่อย อาจจะเหลือเงินไว้อีกจำนวนหนึ่งเผื่อออกไปหาความสุขนอกบ้านบ้าง เดี๋ยวเครียดตาย 555 เอาไอเดียส่วนตัวมาแบ่งปันค่ะ หวังว่าจะเป็นแนวทางให้สาวๆได้ลองปรับไปใช้ได้บ้างนะคะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 55 19:36:44 จากคุณ : oummini เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 19:36:19

ความคิดเห็นที่ 35 ใช้แอพฯ อะไรอะค้าาา จากคุณ : C-Cat&C-Cow เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 19:39:33

ความคิดเห็นที่ 36 สุดยอดดดดดดด จากคุณ : muayhongkong เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 19:41:09

ความคิดเห็นที่ 37 โดนอย่างแรง !! อ่านหลายๆประโยคนี่นึกว่าตัวเองมาเขียนป่าวหนิ คุณเกดไม่เอาไปโพสท์ที่ชานเรือนด้วยล่ะคะ...แม่ๆหลายๆท่านจะได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะเราว่ายิ่งมีลูกนี่ยิ่งช๊อปแหลกราญเลย....โดยใช้สโลแกนว่า "ช๊อปเพื่อลูก" 555 นี่ตอนนี้ก็พยายามจะลด ละ เลิกอยู่เหมือนกัน....ขอบคุณกระทู้ดีๆ ที่มาช่วยเตือนใจให้นะคะ ^^ จากคุณ : พี่เอเธนส์+น้องเอเชีย เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 20:13:37

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นเพื่อนใช้แอ๊บที่ไอค่อนเป็นรูปกระปุกหมู แล้วบอกว่าโอเคเหมือนกันนะคะ แต่ส่วนตัวใช้ IxepensIT  มีฟรีให้ลองโหลดมาใช้ก่อนด้วยค่ะ (ลองมาหลายแอ๊บมากแต่ถูกใจอันนี้ที่สุดเพราะมีแยก account cash/credit card ได้...ทำ  report ได้ค่อนข้างละเอียด และ export ออกมาเป็น excel ได้ด้วยมั้งคะ เคย  export มาอยู่ทีนึง แต่ไม่ได้เอาไปใช้ทำไร ดูเอาจากมือถือก็ละเอียดพอละ) จริงๆ แล้ว อุปนิสัยการใช้เงินของคนเรา มีหลายประเภท ไม่ใช่ทุกคนจะเป็น saver เต็มขึ้นกันได้หมด  บางคนเป็น spender/avoider/monk   แต่...เราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ในระดับที่ไม่ลำบากฝืนตัวเองจนเกินไปนัก เพียงแต่ต้องทำจนเป็นนิสัยเท่านั้น จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 20:22:26

ความคิดเห็นที่ 39 เพิ่งเริ่มเก็บจริงจังตอนทำงานค่ะ ตอนเรียนรายได้ไม่ค่อยคงที่ บางเดือนจ่ายเยอะ บางเดือนจ่ายน้อย แต่ก็พอมีเงินออมไปซื้อสลากออมสินเก็บไว้ค่ะ พอเริ่มทำงานเลยตั้งเป้าว่าจะเก็บ 20% เป็นเงินออมเลย เราไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายนะคะ แต่เราจะพอรู้ว่าเดือนนี้เสียเงินกับค่าอะไร และเราควรจะลดค่าใช้จ่ายตรงไหนลงไปค่ะ เราไม่มีบัตรใดๆเลย นอกจากเอทีเอ็มเพียง 2 ใบ เน้นเก็บเงินสดซื้อเอาค่ะ อยากฝากประจำ แต่ตอนนี้เงินทุนมีน้อย เลยออมให้ได้เยอะหน่อย จึงจะเริ่มฝากประจำค่ะ นอกจากนี้เราจะออมแบงค์ 50 และเหรียญค่ะ เอาแค่เหรียญ 5 เหรียญ 10 เพราะแลกได้ง่ายค่ะ เหรียญบาทแลกยาก จะแลกก็ต้องเสียค่านับ เลยชอบเหรียญ 5 เหรียญ 10 มากกว่า เหรียญบาทใช้จ่ายทั่วไปค่ะ เห็นกระทู้นี้แล้วรู้สึกมีกำลังใจในการเก็บเงินขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ จากคุณ : foun* เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 20:26:17

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อก่อนหนูเป็นคนใช้เงินเปลืองมากค่ะ แต่พอได้ทำงาน เริ่มคิดได้ อันไหนไม่จำเป็น ไม่ซื้อ กาแฟแก้วละ 150 ไม่ซื้อค่ะ เพราะถ้ากินก๋วยเตี๋ยว ได้ตั้ง 5 ชาม อิ่มกว่าตั้งเยอะค่ะ ช้อปปิ้ง มีบ้างค่ะ แต่ใช้สติค่ะ ตอนนี้มีเงินเก็บเลข 6 หลักค่ะ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 21:14:45

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณกระทู้ดีมีสาระ มาเก็บเงินกันนะคะสาว ๆ เราอ่านการ์ตูน ในคห.ที่ 21 อ่านง่าย เข้าใจง่าย จริง ๆ ค่ะ ทำตามได้ง่าย ๆ แต่ต้องพยายามสุด ๆ 555 ปล.เจ๊เคียวโกะคนเขียนการ์ตูน ช่างมีชีวิตก่อนจะเริ่มเก็บเงินเหมือนเราเลยค่ะ ตอนอ่านนี่แบบว่า เจ๊เอาชีิวิตเราไปวาดเป็นการ์ตูนป่าวเนี่ย -_-" จากคุณ : Bluish เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 22:13:14

ความคิดเห็นที่ 42 ฟันธงค่ะ ว่า เจ๊เคียวโกะในการ์ตูน เป็นคนกรุ๊ปโอ เหมือนเรา  555555555 จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 22:33:07

ความคิดเห็นที่ 43 ขออนุญาตคุณจขกท. แนะนำหนังสืออ่านสนุกอีกเล่มนะคะ ชื่อ "ดิฉัน สวย รวย งก" จากสำนักพิมพ์วงกลมค่ะ แนะนำวิธีการเก็บออมและการใช้เงินอย่างมีสติ อ่านสนุกดีค่ะไม่เน้นวิชาการ อารมณ์เหมือนฟังเพื่อนเม้าท์ ตัวเราเองก็ตั้งใจเก็บเงินตั้งแต่เริ่มทำงาน พอได้เงินเดือนเราจะรีบโอนไปบัญชีเงินเก็บระยะยาวส่วนหนึ่ง (สำหรับลงทุนในหุ้น กองทุน เพื่อใช้ตอนแก่) อีกส่วนโอนไปบัญชีเงินฉุกเฉิน&ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เวลาเราจะซื้อของแพงๆ สักอย่างนึง เราจะใช้เงินจากบัญชีเงินฉุกเฉิน&ใช้จ่ายฟุ่มเฟืิย จะไม่มีการถอนเงินจากบัญชีเงินเก็บระยะยาวเด็ดขาด หากเก็บเงินได้ไม่ครบก็ไม่ซื้อ ไม่มีการไปผ่อนบัตรเครดิต 0% หรืออะไรทั้งนั้น เพราะมันจะทำให้เราไม่รู้จักการรอคอยและการอดออม จากคุณ : ::: หมูแป้น ::: เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 22:44:45

ความคิดเห็นที่ 44 เราคนนึง จะมีซองสองซองใต้โต๊ะเครื่องสำอาง ซองแรก เงินเก็บครอบครัว ไว้เผื่อสามีฉุกเฉิน ซองสอง เงินเก็บตลอดกาลเก็บจนลืม คือเราไม่ชอบทำบัญชีค่ะ บอกตรงๆ ขี้เกียจ จุกจิกเครื่อง เราทำง่ายๆ คือ  เบิกเงินมาจากแบ็งค์ตอนต้นเดือน ใส่ซองไว้ทั้งสองซองๆ เบิกเรื่อยๆ ไม่ได้กำหนด ที่เหลือก็ช้อปไปทำไรไปใช้จ่ายไป พอเปิดซองที โหทำไมมันหลายแสนจัง คือ เราขี้ลืมเก็บจนลืม ก็เป็นข้อดีของการขี้ลืม แต่ถ้าให้ทำบัญชีเราเครียดง่ายๆ มาบังคับตัวเอง เราทำลืมๆ เหมือนจริงๆเรามีเงินอยู่ในมือแค่นี้ ในซองไม่มี ตลกแต่ได้ผลนะ จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 23:23:03

ความคิดเห็นที่ 45 อยากให้เป็นกระทู้แนะนำได้มั้ยคะ ชอบกระทู้แนวนี้ที่สุด หนังสือสองเล่มที่เกดแนะนำ พี่ก็มี ชอบอ่านมากๆด้วย ขอแนะนำอีกเล่ม buy nothing month เป็นไดอารี่ของเด็กผู้หญิงคนนึง เค้าทดลองไม่ซื้ออะไรเกินจำเป็น 1 เดือน อ่านแล้วสนุกมากๆค่ะ ได้ข้อคิดด้วย เราเอ็นจอยกับการเก็บเงินมากกกก มากกว่าช้อปปิ้งอีก เก็บเงินเก่ง แต่ลงทุนไม่ได้เรื่อง555 ต้องศึกษาอีกเยอะเลยค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Cuddle) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 00:04:41

ความคิดเห็นที่ 46 ดิฉันสวยรวยงก ก็มีค่ะ มีหนังสือเกี่ยวกับการออมหลายเล่มเหมือนกัน อ่านเพลินๆ แต่อย่ายากหรือซับซ้อนมาก55 ไว้อ่านกระตุ้นแรงบันดาลใจและหาแนวทางเก็บใหม่ๆด้วยค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Cuddle) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 00:08:27

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนี้เราพยายามทำบัญชีรายรับ-จ่ายมาเกือบจะปีแล้วค่ะ ส่วนมากหนักช้อปทางเนต ของเล่นลูก ของสะสมแม่ - -" พอทำบัญชีแล้วตกใจ (นี่แค่ไม่ถึงปี) เราช้อปไปพอๆกับเงินดาวน์รถ 20% เลยค่ะ หลักแสน ... มานั่งไล่ดู ส่วนมากจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จ่ายครั้งหนึ่งไม่ถึงพัน สามร้อย ห้าร้อย แปดร้อย แต่พอรวมกันก็เป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว เลยเข้าใจคำว่า ของที่แพงคือของที่ถูก มันจริงๆด้วย (เราอยู่ตจว. หลักๆเลยช้อปในเนตค่ะ ช้อปมากจนต้อง inbox บอกแม่ค้าว่า อย่าเพิ่งส่งของให้นะ ไว้ค่อยส่งวันที่ xx แทน กลัวมาทีเดียวตูม..หลายเจ้า โดนสามีบ่นหูยานค่ะ 555+ ) เราเลยตั้งใจว่าปีนี้จะเลิกจริงๆจังๆค่ะ พอมีลูกแล้วค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น (ค่าเรียน ค่ากิจกรรม จิปาถะ เพื่อลูกยอมได้เสมอ 555+) วิธีบริหารเงินของเรานะคะ เราจะมีบัญชีออมทรัพย์ ฝากประจำ(เน้นแบบไม่ถอนค่ะ เก็บเงินก้อน) แล้วก็ลงทุนในกองทุนรวม  LTF,RMF และกองทุนรวมค่ะ (เราลงทุน LFT,RMF มาจะ 5 ปีแล้วค่ะ) เปลี่ยนจากเวลาเครียดแล้วช้อป มาเป็น เครียดแล้วลงทุนกองทุนรวมค่ะ (เราซื้อกองทุนทางบัญชีออนไลน์) วิธีนี้ได้ผลดีทีเดียวค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 55 00:15:30 จากคุณ : ChemNizz เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 00:13:30

ความคิดเห็นที่ 48 เราชอบสโลแกนนี้เหมือนกันค่ะ สวย รวย งก ฟังดูแล้วเหมือนเป็นผู็้หญิงฉลาดดี คนที่มีเงินเก็บเยอะนี่มีความสุขจริงๆนะคะ คือมันมี financial freedom อ่ะ อยากจะใช้อะไรก็ได้ใช้ อยากจะกินอะไรก็ได้กิน จะไปเี่ที่ยวที่ไหนก็ได้ไป ที่สำคัญคนที่มีเงินเยอะมักจะมีความรู้สึกว่าตัวเองมี"พอ" แล้ว ไม่ค่อยอยากได้อะไรเว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ เราก็เป็นคนบ้าช็อปนะ ติดแบรนด์อีก คือเป็นคนใช้อะไรคุ้ม ก็เลยมักจะหาข้ออ้างซื้อของดีๆ แพงๆให้ตัวเอง แต่เราก็เป็นคนบ้างานด้วย มีรายได้หลายทาง พอมีเงินเยอะขึ้นๆ ก็ไ่ม่รู้สึกอยากได้อะไร ก็ซื้อ กินอะไรตามปกติ แต่ไม่รู้สึกอยากมี อยากได้อะไรเหมือนคนอื่น ทุกวันนี้ไม่มีไอโฟนใช้ ใช้ Galaxy SII อยู่ แฮปปี้มาก จอใหญ่สะใจ ไม่ต้องซื้อหรอกไอแพด มีเพื่อนเงินเดือนน้อยกว่่าเรามากๆๆ ใช้เงินเก่งเดือนชนเดือนตลอด เห็นแล้วเครียดแทนอ่ะ แต่เธอก็มีความสุขในแบบของเธออ่ะนะ แต่งตัวเริ่ดๆ  มีไอโฟน 4  อยู่ดีๆก็ไปถอยไอโฟน 4S ออกมาอีก ขับรถก็ต้องรถหรูๆ ค่าผ่อนนี่ปาเข้าไป เกือบครึ่งของเงินเดือน ยังต้องผ่อนบ้านอะไรจิปาถะอีก เรียกว่าถ้ามีอะไรฉุกเฉินล่ะก็เสร็จเลย บ้านก็ไม่รวยอีก เวลามาบ่นเรื่องเงินกะเราก็อดสงสารไม่ได้  เราลงทุนทำธุรกิจ อยากให้เพื่อนมีรายได้เพิ่ม ก็ชวนมาช่วย รายได้ไม่เท่าไร่ ก็เอาไปซื้อรถใหม่อีก บ้านก็อยู่ใกล้ที่ทำงานขนาดนั้น เรายังขับรถเก่าอยู่เลยเพราะไ่่่ม่ค่อยได้ขับไปไหนไกลๆ รู้สึกว่าไ่ม่จำเป็น เรื่องแบบนี้มันเป็นความสุขของแต่ละคนจริงๆค่ะ สำหรับเราไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเราว่ารวยหรือเปล่าขอแค่มี financial freedom เวลาที่มีโอกาสอะไรดีๆ ที่สามารถทำให้เราต่อยอดความรวยออกไป เราจะได้ไม่พลาดโอกาสนั้น ไม่ได้ต้องการจะรวยมากแต่ก็ไม่ชอบที่จะมานั่งเครียดเรื่องเงิน ชีวิตคนมันไม่มีอะไรแน่นอน เราเก็บเงินเพราะแค่ต้องการความมั่นคงในชีวิตเท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : lurkernomore เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 02:20:07

ความคิดเห็นที่ 49 รออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณที่มาแชร์ แนวคิดให้กับสาวนะคะ จากคุณ : ยิ้ม...แล้วไปต่อ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 08:20:00

ความคิดเห็นที่ 50 ตอนทำงาน เราตัดบัญชีเงินเก็บก่อนเลยค่ะ ประมาณเกือบ 40% ของเงินเดือน เงินใช้ก็ใช้ค่ะ ช้อปบ้าง กินดีๆ บ้าง พอเงินหมดก็อดเอา ไม่แตะบัญชีเงินเก็บเลย ถอนเงินเก็บปีละครั้งตอนจ่ายประกันชีวิต เก็บได้เยอะอยู่ค่ะ ตอนนี้แต่งงานแล้ว สามีเลี้ยง แฟนเรายิ่งงกกว่าเราอีกค่ะ ช้อปปีละ 2 ครั้งเฉพาะช่วงเซลล์พอ เสื้อผ้าออกเต็มตู้ ใส่วนไปวนมาได้ ยิ่งไม่ค่อยได้ไปไหนด้วย ^^ จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 09:58:18

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณนะคะ       มีเงินเก็บก็ดีกว่าไม่มี  จริงๆๆๆๆ  ... จริงที่สุด สาวๆคะ   อะไรไม่จำเป็นซื้อ  ก็ไม่ต้องซื้อหรอก   บางอย่างซื้อมาไม่ได้ใช้ เสียดายเงินนะคะ     เราชอบให้รางวัลตัวเองช่วงวันเกิดค่ะ  จะทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จ่ายประกันตั้งแต่เริ่มทำงาน  ส่งประกันทุกปีๆ ช่วงแรกอายุน้อย  เงินเดือนยังไม่เยอะ  ก็รู้สึกเหมือนเงินไม่พอใช้นิดหนึ่ง 5555++  ก็ต้องประหยัด  ตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออก ไม่น่าเชื่อนะคะ .......  พอเวลาผ่านไปๆ   เงินสะสม (เงินเก็บ)  ที่เราส่งประกันไป ตอนนี้เอามาซื้อรถซีวิคได้สองคันสบายๆเลย ด้วยความที่ชินกับการใช้เงินน้อยไปแล้ว   พอตอนนี้เงินเดือนเยอะขึ้น ส่งประกันก็แล้ว  ท่องเที่ยวชมอะไรสวยๆงามๆก็แล้ว  เงินออมก็ยังเหลือ เลยเอาไปลงทุนกับทองคำน่ะค่ะ จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 10:33:46

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อก่อนตอนเราเด็กๆ เก็บเงินเก่งมาก อาจเป็นเพราะได้มาเยอะ แต่มีโอกาสได้ใช้น้อย ก็เลยเห็นเงินในจำนวนมากก็เลยบ้าเก็บ เขียมสุดๆ จนพอได้มาทำงาน เงินเดือนน้อยมากกกกกกกก คิดเหมือนที่คุณเขียนเลยค่ะ เงินเดือนยังน้อยอยู่ อย่าเพิ่งเก็บเลย จะใช้ก็จะไม่พออยู่แล้ว ซื้อมันเข้าไปสิเครื่องสำอาง เทคโนโลยีอะไรมาใหม่ๆเสียเงินตลอด ตอนนี้แอบเสียใจ ถ้าเก็บตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้เงินเก็บคงได้หลายอยู่ ทั้งๆที่เราเป็นคนยับยั้งได้นะที่จะไม่ฟุ่มเฟือย แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้น มีเท่าไหร่ใช้ให้หมดจ้าาาา ตอนนี้ก็เลยเริ่มต้นเก็บเงิน รู้สึกดีนะคะ มันช่วยทำให้เราเป็นคนมีวินัยด้วย จากคุณ : ph'BushY เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 11:03:11

ความคิดเห็นที่ 53 ไปลองมาหลาย apps ค่า money lover เป็นของฟรี และรองรับภาษาไทยด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : C-Cat&C-Cow เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 12:51:37

ความคิดเห็นที่ 54 จากคุณ : anthurium เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 15:00:18

ความคิดเห็นที่ 55 จริงที่สุดเลยค่ะ สำหรับเราเหมือนกับคห. 48 คือเวลามีเงินเก็บพอสมควรแก่ฐานะ มันจะมีความสุขเเละมั่นคง ถึงมันจะไม่ได้แบบอิสรภาพทางการเงินแบบพวกมนุษย์เล่นหุ้นเค้าชอบพูดกัน แต่มันรู้สึกว่าอยากทำหรืออยากได้อะไรก็ทำได้สบายๆ มันจะไม่กระวนกระวายใจ นับเดือนชนเดือนอ่ะค่ะ จะซื้อของอะไรก็เพราะชอบ ได้ใช้ ไม่ได้แคร์ว่าแบรนด์มั้ย หรือจะถูกจะแพงเท่าไหร่ พูดไปงั้นแหละ ตอนนี้เทศกาลลดราคา แทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน เดินเข้าร้านไหนได้ตลอดๆๆๆ ขนาดบอกตัวเองว่าพอแล้วๆๆๆนะเนี่ย เง้อ จากคุณ : hellokittygirl เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 23:53:55

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นคนค้าขาย ก็ออมเหมือนกันนะคะ ตัดกำไรต่อหน่วยคูณด้วยจำนวนหน่วยที่ซื้อในเดือนนั้นฝากธนาคาร เช่น ซื้อของ 100 หน่วย กำไรหน่วยละ 5 บาท อยากเก็บ 2 บาท ก็ฝากเดือนนั้น 200 ดังนั้นเงินฝากมากน้อยขึ้นอยู่กับยอดซื้อ เหตุที่ไม่คิดจากยอดขายเพื่อบังคับตัวเอง ต้องขายให้หมด และการดึงเงินออกจากระบบอย่างนี้เป็นการรีดความสามารถตัวเอง ต้องทำงานหนักขึ้น เพิ่มยอดขายเรื่อยๆ ไม่ให้เงินขาดมือ บริหารเงินและสินค้าไปพร้อมๆกัน ทำอย่างนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ปลายทางคือความเป็นอิสระทางการเงินหลังเกษียน แม้ไม่ทำงานแล้วก็มีกินใช้ไปถึงลูกหลาน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 55 11:14:25 จากคุณ : anthurium เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 11:13:19

ความคิดเห็นที่ 57 แง ทำไมหาแอ๊พตัวนี้ไม่เจอหละ อยากได้ จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 09:00:27

ความคิดเห็นที่ 58 app  แนะนำคะ "Money Lover"  มันเป็น ภาษาไทย  เหมาะกะเรา  สามารถแบ่งหมวดหมู่  เพิ่มเติม แก้ไข ได้  สามารถ ระบุ รายจ่าย ประจำเดือน ที่ทุกๆ เดือน ต้องจ่าย โดยไม่ต้อง มานั่งพิมพ์เพิ่ม  และ  สรุปยอดการใช้ในแต่ละเดือน / ดูแนวโน้ม  ได้ด้วย แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น  ต้อง มีวินัย การจด จริงๆ นะค่ะ จดทุกอย่างเลย ตอนนี้เราไม่ได้ มีปัญหา เรื่องการออมเงิน - ใช้เงิน หรอกคะ แต่ คนใกล้ตัวเราต่างหาก  ที่มีปัญหา ทางการเงิน  และ ส่งผลกระทบเราด้วย เหอๆๆ  ใครที่จะพอแนะนำได้ทีไหมค่ะ จากคุณ : trn (ธีอาร์เอ็น) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 11:09:07

ความคิดเห็นที่ 59 เล่มนี้ก็อ่านเข้าใจง่ายดีนะคะ "อายุเท่าไหร่ก็รวยได้ ถ้าใช้เงินเป็น" จากคุณ : Water Jasmine เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 11:14:17

ความคิดเห็นที่ 60 พูดง่าย แต่ทำยาก...หลายคนคงคิดแบบนี้ แต่ถ้าไม่รู้จักเริ่ม ก็ไม่มีวันทำได้ จากคุณ : สาวเกาหลี เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 14:28:36

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ ชอบคนเก็บเงิน รู้จักเก็บรู้จักใช้ ดูเป็นคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีการวางแผนชีวิตที่ดี ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่มีเงินอยู่แล้ว หรือรายได้ต่อเดือนมากอยู่แล้ว แล้วไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะบางคนหาได้เยอะก็ใช้เยอะ แต่ก็มีบางคนหาได้น้อย แต่ใช้เยอะเกินตัวก็มี ดิชั้นก็เป็นคนนึงค่ะที่ใช้จ่ายประหยัด ชอบซื้อของลดราคา ชอบซื้อของ 1 แถม 1  แต่ต้องเป็นของที่ซื้อไปแล้วได้ใช้จนหมดเกลี้ยงนะคะ เช่น ของใช้ในซุปเปอร์ บอกตามตรงนะคะ ดิชั้นไม่เคยซื้อกาแฟแมงดาวกินเลย ดิชั้นว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป กาแฟแก้วนึงเกือบ 200 เอาเงินไปกินสลัดดีกว่าค่ะ ได้ประโยชน์กับร่างกายด้วย ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ผู้หญิงเรานอกจากจะสวยแล้วต้องฉลาดด้วย จะได้รวยๆๆๆๆๆ จากคุณ : upTooiL (minkexotic) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 14:31:20

ความคิดเห็นที่ 62 ของเราจะเป็นสมุดจดค่ะ จะเอารายรับแต่ละเดือนตั้งไว้ หักด้วยรายจ่ายต่างๆ ซึ่งของเราจะรวมเงินออมด้วย (เพราะเราเปิดฝากประจำไว้) รายจ่ายต่างๆ ของเราที่เป็นประจำเดือนก็จะเป็นพวก ค่าโทรศัพท์, ค่าอินเตอร์เน็ต, ค่าของใช้ในบ้าน, เงินเดือนของแม่, เงินฝากประจำ, เงินใช้จ่ายต่ออาทิตย์ 4 อาทิตย์, เงินซื้อเสื้อผ้า (บางเดือนมีบางเดือนก็ไม่มี) ซึ่งรายจ่ายพวกนี้เราจะตั้งไว้สูงกว่าความเป็นจริง เช่นค่าเน็ตฯ เราจะตั้งไว้ที่ 1,000 บาท แต่จริงๆ แล้วแค่ 600-700 เงินที่เหลือคือค่าขนมของเรา ^^ แบบนี้ค่ะ และมันจะมีเงินที่เหลือจากที่เราหักรายจ่ายพวกนี้ออกไปแล้ว นั่นก็คือเงินเก็บแต่ละเดือนของเรานั่นเอง ก็จะเอาไปฝากธนาคารค่ะ แล้วเราก็ยังมีเก็บแบงค์ 50 ด้วยค่ะ เรากับคุณแฟนหยอดกระปุกไว้ ไม่ถึงเดือนได้เกือบพัน (ใครบอกแบงค์ 50 ได้มายาก ขอเถียงสุดใจเลยเชียว) จากคุณ : pirokori เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 14:33:40

ความคิดเห็นที่ 63 เดือนนี้ว่าจะไม่เก็บเพราะเหลือน้อย(อย่างตัวการ์ตูนข้างบนเลย)  อ่านกระทู้นี้แล้วละอายใจเลยต้องเก็บเสียหน่อย จากคุณ : ตายประชดป่าช้า เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:26:54

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากๆ ค่ะ มีช่วงนึงเก็บแบงค์ 50 ได้สองสามพัน แล้วก็เอาใช้ จากนั้นก็ยังไม่ได้เก็บอีกเลย จริงๆรายจ่ายเราคงตัวนะ แต่หมดไปกับช็อปปิ้งซะเยอะ ต่อไปจะเก็บเงินฝากตั้งแต่ต้นเดือนเลย ขอบคุณที่แนะนำค่ะ :) จากคุณ : fafay เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:31:05

ความคิดเห็นที่ 65 เราว่าที่มีกระทู้เก็บแบงค์ 50 บาท เนี่ย สุดยอดนะคะ แบงค์ 50 ที่เก็บไว้ในกระเป๋า ช่วยชีวิตไว้ได้หลายครั้งแย้ววว อิอิ ยังพยายามเก็บต่อไปค่ะ ... จากคุณ : chompoo_nice เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:31:47

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำดีๆค่าคุณเกด อยากเก็บเงินได้เยอะกว่านี้ แต่หมดไปกับของฟุ่มเฟือยทุกเดือนเลย ต้องปรับปรุงตัวอย่างแรง >< มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา แค่เห็นตัวเลขเงินเก็บในบัญชีเพิ่มขึ้นก็มีความสุขแล้ว จากคุณ : หนีแม่มาอาร์ซีเอ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:39:08

ความคิดเห็นที่ 67 ชอบอย่างแรงกระทู้แบบนี้ เราเป็นเจ้าของธุรกิจเอง เวลาไปเที่ยวห้างลูกชอบสะกัดดาวรุ่ง ( แม่แต่งชุดนี้ไปเหร แม่ก้มดูชุดทำไมเหรอ ยังไม่สำนึกว่าแต่งซกมก ทำไมแม่จะแต่งชุดนี้อ่ะ แม่มีตังในกระเป๋าอย่างอื่นแม่ไม่แคร์):-) ขอให้มีเงินอย่างอื่น อย่าได้แคร์ จากคุณ : boom-bung เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:42:44

ความคิดเห็นที่ 68 เราเป็นคนนึงเลยที่เก็บเงินไม่ได้ เพราะอดใจไม่ไหวพอเห็นเงินในบัญชี อยากจะซื้อโน่น ซื้อนี้ไปหมด ต่อให้ลำบากไปกด ไปถอนยังไง เราก็ดั้นด้นไปค่ะ เพราะเจ้าความอยากได้นี้แหละค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มคิดได้ เลยพยายามออมในรูปแบบอื่นๆ เช่น ซื้อทอง(สักครึ่งสลึง) หรือ ซื้อสลากออมสินค่ะ   ตอนนี้พยายามทำแบบนี้เลยค่ะ  ช่วยได้เยอะเลย ^^ จากคุณ : ชาเย็นปักใต้ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 15:53:14

ความคิดเห็นที่ 69 เราเริ่มแล้ว เริ่มอีก เริ่มหลายรอบเลยค่ะ 555 ตอนนี้ใช้เงินพ่อแม่เป็นส่วนมาก เพราะยังเรียนอยู่ ที่บ้านพ่อแม่จะให้เงินมาใข้แบบพอดีเป๊ะค่ะ ข้าว 3 มื้อก็คูณเข้าไปมื้อละ 40 บาท ค่าหอ น้ำ ไฟ เท่าไหร่ จ่ายแบบเป๊ะมาก และขอเพิ่มไม่ได้ด้วย -*- แต่ก็พยายามเก็บอยู่ค่ะ ใน 1 เดือนหักหยอดขวดน้ำไว้ก่อนเลย 1 พันบาท (ใส่ขวดน้ำเพราะมันเอาออกมาไม่ได้ค่ะ ต้องตัด 555) แล้วแบงค์ 50 ก็เก็บๆ ไว้ แบ่งเงินใส่กระเป๋า สัปดาห์ละ 1 พัน ถึงพันห้า พยายามไม่ให้เกินค่ะ ช่วงไหนมีงาน ทำงานได้เงิน ก็ฝากเข้าบัญชี Me by TMB เพราะมันถอนยาก แต่ก็ถอนออกมาได้ เผื่อฉุกเฉิน พยายามไม่แตะเงินก้อนนี้ค่ะ ตอนนี้สัปดาห์ที่ 3 เงินก็แน่นขวดน้ำแล้ว ดีใจจังค่ะ สิ้นเดือนจะตัดขวดไปฝากธนาคาร จากคุณ : แมวแว่น เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:01:23

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ MaNgKoOd -- คิดว่าApp ชื่อ iXpenses ค่ะ เราก็ใช้แอปตัวนี้อยู่ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 16:07:10 จากคุณ : เหมียวลายจุด เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:05:21

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นด้วยกับจขกท. อย่างแรงเลยค่ะ  ^___^ เราเป็นคนหนึ่งที่สมัยเรียนเป็นคนเก็บเงินไม่ได้เลย อาจจะเพราะภาระ หน้าที่ด้วยอะไรด้วย แต่เราเองนะ มีความฝันว่าอยากจะเก็บเงินให้ได้ อยากมีพอร์ตเล็กๆ... เพื่อเลี้ยงตัวเอง แม้วันที่เราไม่ได้ทำงานประจำ... แล้ววันหนึ่งเราจะเกษียณตัวเอง ไปอยู่ต่างจังหวัดกับคนที่เรารัก... เราเลยเริ่มวางแผนค่ะ ^^ จุดเริ่มต้นมาจากเจ้านายเก่าเคยถามเราคำถามหนึ่งว่า หนูรู้มั้ยว่า คนรวยกับคนชั้นกลางต่างกันยังไง? คนชั้นกลาง รายได้-ค่าใช้จ่าย =เงินออม คนรวย รายได้-เงินออม =ค่าใช้จ่าย ยิ่งเรามีเงินออมเยอะเท่าไร มันก็หมายถึงว่า เรามีเงิน 'ลงทุน' มากเท่านั้น เพราะงั้นขั้นแรก คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ออมเงินให้ได้ เวลา เราได้รับรายได้ จากแหล่งต่างๆ บางคนจากเงินที่พ่อแม่ให้ เวลาไปเรียน หรือบางคนได้จากงานสอนพิเศษ งานประจำ หรืออื่นๆ รายได้ส่วนนี้ เรามากะคราวๆว่า 'ความสามารถในการออม' ของเรามีเท่าไร เพราะคนเราความสามารถในการเก็บเงินไม่เท่ากัน ภาระหน้าที่ ในชีวิตของคนเราก็ไม่เท่ากันอีก บางคนอาจจะต้องส่งให้ทางบ้านเยอะ บางคนอาจจะต้องจ่ายค่าใช้จ่าย เรื่องบ้าน เรื่องผ่อนรถ จิปาถะ เพราะงั้นเราต้องมาทำความรู้จักกับตัวเองให้ดีก่อน.... พอเรารู้จักตัวเองดีแล้ว ถึงแม้เงินเดือนจะน้อย แต่เรามีความรู้สึกอยากจะออม... ก็เป็นเรื่องสำคัญละคะ เงินเดือนน้อย ภาระกิจที่จะต้องจ่าย... ต้องใช้ อาจจะเยอะ ก็อาจจะออมน้อยหน่อย ไม่เป็นไรคะ ขอให้คุ้นกับนิสัยกับออม... ทำมันให้เป็นนิสัย... เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ เสร็จแล้วเมื่อคุณรู้ว่าจะออมเดือนเท่าไร โดยชีวิตประจำวันไม่ต้องเดือดร้อน.. และต้องไม่อึดอัด หรืออดอยาก เสร็จแล้วให้คุณไปเปิดบัญชีธนาคารโดยไม่มีบัตร ATM (ทำไงก็ได้ให้ถอนเงินก้อนนี้ได้ยากที่สุด) พอเงินเดือนออก/ได้รับเงินมา ให้เอาเงินเข้าบัญชีนี้ ต่อเนื่องทุกๆ เดือน.... สมมติขั้นต่ำ คุณเก็บได้เดือนละ 5 ร้อย 12 เดือน ก็มีเงินเก็บ 6 พัน 5 ปีก็มีเงินเก็บ 3 หมื่น.... เป็นต้น เชื่อมั้ยคะ เงินแค่สามหมื่น บางคนอายุ30 ยังเก็บได้ไม่ถึงเลย ทั้งที่ต่อเดือนเก็บเดือนละห้าร้อยเอง ซ้ำบางเดือนคนๆ นั้นกินข้าวมื้อหนึ่ง ราคาแพงกว่านี้ซะอีก เพราะงั้นทำเป็นนิสัยให้ได้ค่ะ.... พอเราได้เงินก้อนซะก้อน เราก็มามองเรื่องการลงทุน อย่างที่ว่า นะคะ เงินออม = เงินลงทุน .... ยิ่งคุณมีเงินออมมากเท่าไร โอกาสในการลงทุนก็จะมากขึ้นเท่านั้น... เราว่านะ เรื่องการลงทุนสมัยนี้ ไม่ใช่แต่เรื่องของผู้ชายนะคะ ในวิจัยของต่างประเทศ เขาเคยวิเคราะห์กันด้วยว่า ผู้หญิงมีลักษณะที่เหมาะกับการลงทุนมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้น ผู้หญิงยุคเราๆ ก็ควรศึกษานะคะ (จะรอผู้ชายอย่างเดียว ก็คงไม่ได้เนอะ หรือถ้าวันหนึ่งมีลูกจะหวังให้เขากลับมาเลี้ยงเรายามแก่ ก็ยังไงอยู่) การลงทุนในปัจจุบัน ก็มีหลายรูปแบบให้เราศึกษา ทั้ง การฝากประจำปลอดภาษี,สลากออมสิน (ความเสี่ยงน้อยมากกกก แต่ผลตอบก็น้อยสุดๆ) พวกตราสารหนี้ต่างๆ (ส่วนนี้ก็ค่อนข้างปลอดภัย แต่ผลตอบแทนก็น้อยอยู่ดี แต่ก็ยังดูกว่าเงินฝากประจำละเนอะ) กองทุนต่างๆ ตัวนี้คนส่วนมากมักคิดว่าความเสี่ยงน้อย... แต่จริงๆ กองทุนเป็นอะไรที่มีความเสี่ยงเหมือนกันนะคะ ... บางคนติดดอยกองทุนทอง(ซื้อตอนมูลค่ามาก แต่ปัจจุบันมูลค่าลดลง).. จนเงินไปจมก็เยอะ แต่ของพวกนี้เป็นอะไรที่เราศึกษาได้ค่ะ (เพื่อลดความเสี่ยง) อย่างน้อยกองทุน มันก็ทำให้เราประหยัดเวลาขึ้นมาก เพราะมีมืออาชีพดูแลให้เราอยู่... ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ผ่านๆ มา ก็ตกปีละ 7-15% แล้วแต่กอง... ถือว่าเยอะพอสมควรนะคะ หรือ ใครอยากศึกษาเรื่องหุ้นก็ยังได้ มีหนังสือ มีเวปให้ศึกษาเยอะแยะค่ะ ยกตัวอย่าง http://www.settrade.com/login.jsp?txtBrokerId=IPO หรืออย่างในพันทิปก็ห้องสินธร ก็เป็นแหล่งให้ความรู้ที่สำคัญ การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงนะคะ แต่เราสามารถศึกษา เพื่อลดความเสี่ยงที่ว่าได้... แหะๆ พิมพ์ซะเยอะเลย พอดีเราชอบกระทู้แนวนี้อ่ะค่ะ รู้สึกดีทุกที ผู้หญิงยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีครอบครัว หรืออยู่ตัวคนเดียว... ก็สามารถพึ่งตัวเองได้ >< PS เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินมากที่สุดนะคะ... แต่การมีเงินอย่างน้อยก็ประกันอะไรบางอย่างในอนาคตที่จะถึงได้ในบางส่วน... แล้วคนเรานะคะ ทุกคนอยู่บนความเสี่ยงทั้งนั้น อย่างคุณจะแน่ใจได้ยังไง ว่าวันหนึ่งบริษัทที่คุณอยู่จะไม่ล้มละลาย... หรือบริษัทจะไม่ไล่คุณออกจากงาน???? แล้วถ้าถึงวันนั้นคุณไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย... นึกสภาพดูนะคะ... น่าจะลำบากดู ^^" เงินก้อนเล็กๆ ที่คุณเก็บได้ ไม่แน่นะคะ มันอาจจะทำให้คุณเปิดร้านๆ เล็กๆ เป็นของตัวเองก็ได้จริงมั้ยคะ? สุดท้ายขอให้ทุกคนมีความสุขกับการลงทุน การเก็บเงิน ขอให้สวย ให้รวยทุกคนนะคะ ^___^ จากคุณ : amakin เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:11:19

ความคิดเห็นที่ 72 ใช้ App ตัวไหนหรอคะ :)) 1อยากทำบ้าง ตอนนี้เก็บแต่แบงค์ 50อ่ะคะ จากคุณ : omven_littlebear เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:45:41

ความคิดเห็นที่ 73 ไปเจอรูปนี้จากเวป 9GAG มาค่ะ เห็นแล้วก็เลยเซฟเก็บเอาไว้เตือนใจตัวเองเวลาเกิดกิเลสอยากได้แบรนด์เนมแพงๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ จากคุณ : Meow Me เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:48:04

ความคิดเห็นที่ 74 กระทู้เตือนใจสำหรับสาวห้องแป้งผู้รักการชอปปิ้งจริงๆ ขอให้ทุกคนได้แรงบันดาลใจแล้วทำให้ได้นะจ๊ะ มากน้อย ยังดีกว่าไม่ได้ทำ เห็นด้วยกับทุกความเห็นเลย เป็นกระทู้ที่พร้อมเพรียงดีจัง ไม่มีเกรียนเหมือนห้องอื่น เราเองก็ทำบัญชี ไม่ได้ละเอียดมาก แค่แยกประเภทของเรื่องที่เสียเงิน มันทำให้เราคำนวณงบถูกว่าใช้ไปกับเรื่องอะไรมากน้อย ยิ่งเป็นคนค้าขาย เงินในมือมีเยอะ แต่ในนั้นน่ะมีกำไรนิดเดียว ถ้าเผลอใช้เยอะละงานเข้าแน่ แล้วเราเป็นโรคชอบของถูกของเซล ก็ต้องเตือนตัวเองเวลาเห็นของที่ซื้อมา กองไว้เยอะแยะ เทคนิคที่ดีอีกอย่างคือจัดของให้เป็นระเบียบ ของใช้ที่ซื้อตุนไว้อย่าใส่ถุงแล้วหมกไว้ก่อน เพราะถ้าเราลืมก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งเลย แยกประเภทของไว้รวมกันเวลาจะช๊อบก็เปิดดูก่อน ไอ้นี่เหลือเยอะ อย่าพึ่ง เดี๋ยวใช้ไม่ทัน เราว่าเอาหลายๆความเห็นไปปรับใช้กับตัวเราเองได้จริงเลยน้า จากคุณ : แวะมาเมื่อว่าง เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:52:47

ความคิดเห็นที่ 75 ไหน ๆ ก็ใช้สมาร์ทโฟนกันเยอะ ขอเสนอให้โหลดแอพเกี่ยวกับการจดบัญชีรับจ่ายมาใช้ค่ะ ใช้ง่าย ดูง่าย และเห็นการใช้เงินของตัวเองชัดเจน จากคุณ : เด็กหญิงไข่ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:53:44

ความคิดเห็นที่ 76 แถมอีกนิดว่าซื้อประกันก็ดีนะคะ เผื่ออะไร ๆ ไม่แน่นอนก็ยังพอควบคุมค่าใช้จ่ายได้ แถมได้เก็บเงินด้วย จากคุณ : เด็กหญิงไข่ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:56:34

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นทู้ที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอแชร์นะคะ ปล. เราไม่เก่งด้านการเรียบเรียงคำพูด อาจงงนิดนึงนะ เราถูกเลี้ยงดูมาแบบ เด็กผู้ยากจน (ทั้งๆที่บ้านอยู่ในฐานะค่อนข้างดี) พ่อเราให้เงินตอนประถม-มัธยมวันละ 20-40 เพื่อกินข้าวกลางวันเท่านั้น ไม่มีพิเศษเพิ่มให้ ไปกับเพื่อน จะไปกิน mk ดูหนังฟังเพลง กันแต่ละที ต้องควักกระปุกมากิน จนบางทีเพื่อนชวนไป ก็ต้องอ้างติดนู่นนี่ เพราะเสียดายเงินที่อุตส่าเก็บมา ทริกของพ่อเราคือ ถ้าลูกสามารถเอาเงินมาฝากไว้ที่พ่อ พ่อจะคูณ 2 ให้ แล้วเอาใส่ BANK แล้วอัพบุ๊คแบ๊งค์ มาให้ลูกเชยชมทุกเดือน สมุดธนาคารเล่มแรกของเรา ตัวเลขน่ารักมากๆ ฝากทีละ 100 พ่อเราก็วิ่งไปฝากให้ (เราเก็บได้ 50 พ่อเพื่มให้อีก 50) ในความคิดเราตอนเด็กๆ เราก็คิดว่า งี้เราเก็บได้ 100 พ่อก็เพิ่มให้อีก 100 ได้เยอะกว่าเก็บ 50 เยอะเลยแฮะ ดังนั้น เราจึงเป็นนักเก็บเงิน และหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก ที่โรงเรียน ตอนกินน้ำที่โรงอาหาร ถ้าเก็บแก้วพลาสติกไปคืนที่ร้าน เราก็จะได้แก้วละบาท ตอนประถม เราก็นั่งเก็บแก้วทุกวัน 55555 พอเข้ามหาลัย พ่อให้เป็นเดือน เดือนละ 3000 แล้วจัดการกับตัวเองให้มีเงินพอใช้ ยกบุ๊คแบ๊งค์ให้มาดูแลเอง .... นิสัยการเก็บเงินของเราถูกสร้างมาตั้งแต่เด็ก-อายุ 17 แน่นอนว่า มันฝังรากลึกจน เรามีวินัยในการเก็บเงินอย่างยิ่งยวด รายได้ - เงินออม( บังคับว่า ขั้นต่ำ= ครึ่งนึงของรายได้) = การซื้อของที่เป็นปัจจัย 4 เท่านั้น ของที่ซื้อทุกชิ้น ต้องคุ้มมูลค่าเงินที่จ่ายออกไป (ของต้องมีความสามารถในการใช้งานที่ดีคุ้มค่าเงิน ดังนั้น เราจึงไม่ซื้อของแบรนด์เนมเลย เพราะ ราคามันต่างกับของแบกับดิน 10 เท่าตัว) ตอนอยู่มหาลัย ยอมรับว่า 3000 ที่พ่อให้ เราเก็บ 1500 เข้าแบ๊งค์ก่อนเลย เหลืออยู่ 1500ไว้ใช้ทุกเดือน มันไม่พอค่าข้าวเราเลย T_T ทำให้เราต้องเลือก 2 ทาง 1. เก็บออมน้อยลง 2. หาเงินเพิ่มขึ้น เราเลือกทางที่ 2 เราเลยไปรับจ้างสอนหนังสือเด็ก ได้ชั่วโมงละ 150 ทำช่วงเย็นๆหลังเลิกเรียน ในที่สุด ปีท้ายๆ เราต้องเรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ งานเยอะมาก ไม่มีเวลาว่างไปสอนพิเศษเด็ก เราเลยเดินไปแบมือขอเงินพ่อ พ่อไม่ให้... วันนั้นเราโกรธพ่อมา คิดว่า ทำไม กะอิแค่ ขอเพิ่มอีกเดือนละ 1000 ถึงไม่ให้เรา คอยดูนะ ถ้าเราเรียนจบมีงานทำเมือ่ไหร่ เราไม่มีทางมาแบมือของเงินเด็ดขาด หลังจากวันนั้น เราก็ต้องประหยัดสุดๆ จะกินอะไร ซื้ออะไร ต้องดูให้ถูกสุดๆ และแล้วพอเรียนจบ เราก็รีบหางานทันที ไม่ให้มีเวลาตกงาน อยู่ว่างๆเลย เพราะคิดว่า ทุกวินาที ต้องหารายได้เพิ่ม เพื่อให้ตัวเลขในสมุดบัญชีของเราเพิ่มขึ้น ในที่สุดพอได้งาน เราก็เก็บออมตลอด ไม่ว่าเพื่อนเราจะชักชวนช็อปกระหน่ำขนาดไหน ... ยอมรับว่า สิ่งที่พ่อเราปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก มันทำให้เรามีนิสัยรักการออม(งก) ติดตัวจริงๆ สิ่งแวดล้อมที่ทำงานแทบไม่มีผลกับเราเลย เราทำงานได้ซักพัก(6ปี) เราก็เป็นอิสระทางการเงิน เพราะเราคำณวนไว้แล้วว่า เราเก็บเงินได้จำนวนเท่านี้ ถ้าสามารถ ใช้เงินทำงาน (ให้เงินหาเงินต่อให้เรา) ซึ่ง เงินของเราสามารถนำไปลงทุนได้ เพื่อเพิ่มพูนเงินให้ตัวเอง เราเลือกการลงทุนหนึ่ง ที่ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนเกือบ 10% ต่อปี นั่นหมายความว่า เราจะมีเงินเดือนมาให้ใช้ฟรีๆทุกเดือน โดยเราอาจจะนั่งดูแลลูกอยู่บ้านเฉยๆก็เป็นได้ ตอนนี้เราถือว่า เราประสบความสำเร็จขั้นแรกแล้ว อย่างน้อยๆ เราก็ได้เงินเดือนจาก เจ้าก้อนเงินที่เราอุตส่าห์หามา มันจ่ายเงินเดือนให้เราหมื่นกว่าทุกเดือน ซึงเพียงพอต่อความต้องการพื้นฐานของเรา หวังว่า เรื่องของเราจะพอมีประโยชน์สำหรับหลายๆท่านนะคะ การปลูกฝังลูกในช่วง 10 กว่าปีแรก จะสร้างนิสัยการออมที่ดีของลูกได้ค่ะ จากคุณ : powder_MAMA เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 16:57:42

ความคิดเห็นที่ 78 อยากแชร์สิ่งที่แม่สอนค่ะ ออกตัวก่อนว่ายังเป็นนักศึกษาอยู่ รายจ่ายไม่ค่อยเยอะ ค่าหอ ค่าเรียนแม่ออกให้ค่ะ คือตั้งแต่เด็ก แม่จะบอกว่าให้เก็บเงินนะ ควรให้ได้ครึ่งนึงของที่แม่ให้ เช่น ถ้าแม่ให้เงินไปรร.วันละ20บาท ต้องกลับบ้านมาหยอดกระปุก10บาท มันทำให้เราติดนิสัยเลยค่ะ แม่จะให้ค่าขนมแบบเผื่อคำนวนเงินเก็บไปด้วย คือแค่ครึ่งนึงของที่แม่ให้ก็ใช้พออยู่แล้ว อาจจะเหลือเก็บเพิ่มด้วย พอเก็บได้เยอะ ประมาน500หรือ1000 แม่ก็จะให้ไปแคะกระปุก แม่จะเอาไปเข้าบัญชีให้ เป็นอย่างนี้มาตลอด จนเข้ามหาลัย ได้เป็นเดือน ก็ยังติดนิสัยนี้อยู่ ว่าจะเก็บเงินอย่างน้อยครึ่งนึงเป็นเงินเก็บ เคยมีบ้างที่เที่ยวบ่อยๆ ใช้เกินไป เดือนถัดไปก็พยายามใช้น้อยลง รู้สึกเลยว่าสิ่งที่แม่ปลูกฝังตั้งแต่เด็กนี่มันเข้าสายเลือดไปแล้วค่ะ ชินกับการใช้จ่ายอย่างนี้ มีเงินเก็บตลอด ตอนนี้ก็เริ่มย้ายบัญชีไปฝากประจำบ้าง หาช่องทางได้เงินเพิ่ม มีความสุขดีค่ะ ใครเอาวิธีนี้ไปใช้ได้นะค่ะ จากคุณ : *SantaRedHat* เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:02:40

ความคิดเห็นที่ 79 แม่เราทำเหมือนคุณพ่อคุณ powder_MAMA ค่ะ แต่มาเริ่มหลังเราโตแล้ว ตอนนี้น้องเราเรียนมัธยมก็มีเงินเก็บกันคนละหลายหมื่นเลย ส่วนเราหาเงินเองค่ะ 555 จากคุณ : แมวแว่น เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:18:36

ความคิดเห็นที่ 80 รายรับ-เงินออม = รายจ่าย ยอมรับว่าเพิ่งทำตามสูตรข้างบน เมื่ออายุ 30 ที่ผ่านมาจะเป็นแบบเปิดบัญชีเอาไว้สำหรับออมเงิน เปิดบัญชีเงินอมมไว้เป็นปี ๆ แต่ไม่กล้าโอนเงินเข้าบัญชีเงินออม เพราะกลัวใช้ไม่พอ แล้วถ้าใช้ไม่พอ แล้วไปเบิกออกมาจากบัญชีเงินออม จะรู้สึกผิด แต่สิ่งที่ทำให้ออมเงินได้ทันที แล้วมันก็ทำได้มาเรื่อย ๆ  ก็คือ พบว่าหลาน (ลูกพี่ลูกน้อง ยังเรียนหนังสืออยู่) ที่อายุห่างกัน 10 ปี เค้าคอยช่วยงานที่ร้านของแม่เรา ตอนนี้เค้ามีเงินเก็บหลายแสน เอาให้แม่เค้าได้ทีละหลายแสน ทำเอาอึ้งเพราะเท่าที่ดู เราว่าเค้าใช้เงินเก่งพอสมควร ซื้อของแพง ๆ มากพอสมควร แต่พอมารู้ว่า จริง ๆ เค้าก็มีเงินเก็บตั้งมาก เราก็คิดว่า ไม่ได้การแล้ว ชั้นต้องเอาบ้างแล้ว ยอมไม่ได้ รู้สึกสลดมากทื่ตัวเองใช้เงินเป็นเบี้ยมานาน   ตอนเรียนมหาลัย เราช่วยงานแม่ แม่ก็เคยจ่ายเงินให้เยอะมาก เป็นค่าช่วยงาน นอกจากค่าเรียนและค่าขนม แต่นึกไม่ออกว่าเงินมันไปอยู่ที่ไหนหมด จากคุณ : chan-rak-thong-fa เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:27:26

ความคิดเห็นที่ 81 เค้าก็เคยเป็นนะ ใช้เงินเป็นเบี้ยเป็นหอย ช็อปวันนึง แสนนึง ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ ช็อปเดือนนึง พันเดียวพอ ^____^ จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:42:01

ความคิดเห็นที่ 82 กีบหมด  จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:46:16

ความคิดเห็นที่ 83 เรากำลังพยายามสร้างนิสัยในการเก็บเงินค่ะ ตอนนี้เรียนปี 4 อีก 2-3 ปีจบ (อาจจะไม่จบใน 6 ปี เกเรมาเยอะ 555) เราใช้วิธีหยิบเงินไปเรียนวันละ 200 ค่ะ ถ้าไม่จำเป็นก็ใช้ให้ได้น้อยกว่า 100 แล้วกลับมาหยอดกระปุกเอา ที่ไม่เอาไปวันละ 100 เพราะเผื่อฉุกเฉินค่ะ ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เวลาที่ทำได้เรามีความสุขจริงๆนะ เราใช้มือถือแอนดรอยด์ มีแอพดีๆตัวนึงอยากแนะนำค่ะ ชื่อ 3q money ใช้ง่าย น่ารักดีด้วย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 17:54:10 จากคุณ : ไม่ได้อ่าน เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 17:53:56

ความคิดเห็นที่ 84 วิธีเก็บเงินของเรานะ เงินเดือนออกปุ๊บ เราจะแบ่งไว้เลยสำหรับค่าใช้จ่ายตามบิลประจำแต่ละเดือน แบ่งเว่อร์ๆเกินจริงเข้าไว้ น้ำไฟ 3000 โทรศัทร์บ้าน 1000 เนต 1000 มือถือแม่ 1000 เคเบิ้ล 1000 รวม 7000 แล้วแยกไว้ พอเกือบสิ้นเดือน บิลมาจริง มันไม่ถึงหรอก อย่างเดือนที่ผ่านมาประมาณ 4500 กลายเป็นเรามีเงินเพิ่มมาดื้อๆ 2500 ปลื้มใจมาก *..* อ้อ เราไม่มีบัตรเครดิตค่ะ จ่ายอะไรเงินสดตลอด พยายามพกแบงค์ 1000 กับ แบงค์ 20 เพราแบงค์ 1000 จะใช้ก็เสียดาย ขึ้นแท็กซี่ก็ไม่กล้า เวิร์กค่ะ เงินเก็บเงินใช้แม่ก็แบ่งๆออกมาตั้งแต่ต้นเดือนนะคะ ที่เหลือถึงจะเป็นเงินกินเงินเที่ยว ลองทำงี้ดูนะคะ อย่างน้อยเป็นการตัดงบการช็อปปิ้งออก และเหลือเก็บสิ้นเดือนแน่นอน เราไม่เจอะเจอกับคำว่าเดือนนี้ *ช็อต*มานานมากกกก * อีกอย่าง เราออมกับแบงค์แบบ 15 ปีห้ามถอนอะค่ะ ตัดประจำทุกเดือนๆ 2000 เราคิดว่าอย่างน้อยอีก 15ปี เราอายุ 35 ก็มีเงินหลายแสนรออยู่ **เราเก็บเหรียญมาตลอด แลกที่ร้านแท้ทุกๆ 6 เดือน ครั้งลาสุดแลกได้ 3460 แม่ให้เป็น 3500 และก็เริ่มเก็บแบงค์ 50 ได้ ครึ่งปี เอาไปเข้าธนาคารได้ 6550 แน่ะ สรุปครึ่งปีแรกผ่านมา เหมือนได้ตังค์เพิ่ม 10000 ฟรีๆ เลย ดีใจมาก > < จากคุณ : kwangMJ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 18:26:32

ความคิดเห็นที่ 85 เค้ากะลังกดสั่งซื้อเสื้อผ้า มาเจอกระทู้นี้ cc แทบไม่ทันอ่ะ T_T จากคุณ : หมูหันตัวน้อย เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 18:35:35

ความคิดเห็นที่ 86 เราบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า ครูที่สอนให้เราเก็บเงินได้ในชีวิตจริงและรอดพ้นจากหายนะ คือ คุณ OKANEMOCHI ต้องขอบคุณมากๆ วิธีที่เราใช้ตามคุณ​ OKANEMOCHI คือ เอาเงินที่กำหนดไว้ว่าจะใช้วันนึงๆ ใส่ซองที่เขียนวันที่ไว้ ที่เหลือรีบจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแกส ค่าโทรศัพท์ นอกนั้นเอาเข้าธนาคารหมดชนิดฝากลืม เงินที่เหลือกลับมาในแต่ละวันก็สะสมไว้ ในอีกซอง เงินนี้เราเอาไปซื้อของที่อยากได้ ถ้าเดือนนี้น้อยไปก็รอเก็บของเดือนหน้า แล้วค่อยซื้อของแพงๆ เราลองมาหลายวิธี แต่วิธีนี้เวิร์คสุดสำหรับเรา เพราะเราไม่ชอบจดๆ พยายามไม่กี่วันก็เลิกแล้ว ใครที่ขี้เกียจจดก็ลองวิธีนี้ดู ออมได้มาก ได้น้อยไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้เริ่มต้นลงมือออมแล้ว เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนค่ะ จากคุณ : drunk on the beach~* เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 18:41:12

ความคิดเห็นที่ 87 อ่านกระทู้จบแล้วคิดถึงตอนแม่สอน ในกระทู้นี้ก็สอนเหมือนๆแม่ฝนเลยนะ แต่ทำไมต้องรอให้คนอื่นบอกแบบนี้ค่อยคิดจะทำก็ไม่รู้ ทั้งๆที่แม่ฝนเอง บอกฝนมาตลอดว่าให้ทำแบบนั้นสิลูก แบบนี้สิลูก การเงินต้องมีวินัย* ทำบัญชี จดมันทุกอย่างว่าจ่ายอะไรเท่าไหร่ และได้ตังเข้ามาจากไหนบ้าง เท่าไหร่บ้าง และอื่นๆอีกมากมาย ขอบคุณที่เตือนสติ ปล. หนีไปหอมแก้มแม่ ฮ่าๆ จากคุณ : * ซั ง ก า บ๊ ว ย * เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 18:44:13

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบความเห็นที่ 77 จัง กีฟหมดเลยมาบอกเฉยๆ ยอดคุณพ่อ ไอเดียแจ๋วมาก อยากเก็บเท่าไหร่ได้เท่าตัว เก๋ซ้า จากคุณ : แวะมาเมื่อว่าง เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 20:53:26

ความคิดเห็นที่ 89 โหวตค่ะ ถูกใจมาก เราเป็นพวกชอบส่งเสริมให้คนเก็บเงิน เราเป็นคนโชคดีมาก ๆๆๆๆๆ ที่แม่พร่ำสอนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ตั้งแต่เด็ก แม่สอนให้เก็บเงิน อย่าใช้ชีวิตบนความประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้ เวลามีเงิน อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย เราเลยหยอดกระปุกเก็บค่าขนมตั้งแต่เด็ก พี่ ๆ ก็ทำเหมือนกัน กลายเป็นว่าที่ครอบครัวชอบเก็บเงินมาอวดกันว่าใครเก็บได้มากกว่ากัน เก็บเล็กผสมน้อยมาสิบกว่าปี พบเรียนจบมหาวิทยาลัยก็มีเงินเก็บหนึ่งแสนบาทพอดี โตขึ้นมาวัยทำงาน ยอมรับว่าใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก แต่ก็ยังเก็บเงินได้บ้าง สิ่งหนึ่งที่จุดประกายการเก็บเงินตอนโต คือ การหาเป้าหมายในชีวิต บังเอิญไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเกษียณ เลยลองคำณวนเล่น ๆ ว่าต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ ปรากฏว่า หากเราหลังเกษียณต้องการใช้เงินเดือนละหมื่น (ตามมูลค่าตอนนี้) ซึ่งมันก็ไม่ใช่เงินที่มากเลยใช่มั๊ยคะ หมึ่นนึงนี่ต้องใช้แบบสมถะด้วยซ้ำ พอคิดตัวเลขมาแทบเป็นลม เพราะเราต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 7 ล้านตอนอายุ 60 เข่าแทบทรุด จะหาจากไหน 7 ล้าน เงินเก็บเพื่อนเกษียณนะ ไม่รวมเงินผ่อนบ้านผ่อนรถ ฯลฯ แต่เราก็ไม่อยากอยู่อย่างอนาถาตอนแก่ ต้องไปออกรายการวงเวียนชีวิตรอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ ดังนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเรื่องการออมเงิน การลงทุนให้เงินงอกเงย ต่าง ๆ นานา ทุกวันนี้ทำบัญชีค่าใช้จ่าย วางแผนการใช้เงินแต่ละเดือนให้เหมาะสม มีวินัย พร้อมทั้งท่องไว้ "ไม่อยากแก่อย่างอนาถา" จากคุณ : Spring Rolls เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 21:00:16

ความคิดเห็นที่ 90 วิธีเก็บเงินของเรา ... เงินเดือนเราน้อย หลักพันปลาย ๆ แต่ดีที่ว่าอยู่กับบ้าน เงินเดือนจะหักสวัสดิการของรัฐ หักประกันชีวิต เหลือเท่าไหร่ จะหักเก็บฝาก บัญชีปลอดภาษี กับ ฉลากออมสินเดือนละ 1000 บาท นอกนั้นเหลือเท่าไหร่ก็กิน ก็ใช้ไปตามเพลง จริง ๆ ถ้าหักห้ามใจไม่ซื้อของเล่น เสื้อผ้าลูกจะมีเงินฝากเพิ่มอีก 2000 บาท แต่ทำไม่ได้ซักที แล้วตอนนี้ยังใช้เงินเกินงบของแต่ละวันด้วย สิ้นเดือนนี้ต้องจริงจัง เบิกมาใช้แต่จำเป็น จะพยายามบังคับให้ .. กดออกมาใช้เป็นรายอาทิตย์ ไม่่เอาออกมาเยอะเงินไม่งั้นหมด ไม่หมุนเงิน ไม่หวังน้ำบ่อหน้า ถ้าผิดแผนจะขอเงินสามีคะ ยอมโดนบ่นนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ได้เงินมา 5555+ จากคุณ : ซ่าจังฮู้ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 21:13:23

ความคิดเห็นที่ 91 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : Tamingta เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 22:25:01

ความคิดเห็นที่ 92 จริงๆแล้ว ผมว่าเรื่องการเงิน การออมเงิน การลงทุน มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเงินเพียงอย่างเดียว มันเป็นส่วนน้อยเลยแหละ การเงินที่แท้จริง มันเกี่ยวกับการปลูกฝังนิสัย อยากรวย! อยากเห็นตัวเลขในธนาคารมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เราต้องทำเป็นสิ่งแรกๆ คือ จัดการการเงินของตัวเอง ทำอย่างไร ก็ต้องปรับเปลี่ยนนิสัย และทัศนคติ เกี่ยวกับการใช้เงิน เกี่ยวกับวัตถุนิยม ทิ้งไปเสีย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางจะไปจัดการการเงินของตัวเองได้หรอก หาได้มากเท่าไร ก็ใช้หมดนั่นแหละ อย่างที่สอง ต้องหาสิ่งที่จะต้องลงทุน สิ่งแรกๆเลย คือการลงทุนความรู้ให้ตัวเอง หนังสือ ซื้ออ่าน ยืนอ่าน อะไรก็ทำไปเถอะ มีความรู้ไว้ ไปใช้ในการหาเงิน จากนั้น ผมว่าใครๆก็รวยได้ มันเป็นหลักเหตุผลง่ายๆ นิสัยไม่อยากใช้เงิน> มีเงินเก็บ> มีเวลามากขึ้น ไม่ตามวัตถุ> มีความรู้มากขึ้น> ก่อให้เกิดมูลค่าในตัวเอง ทำงานก็ได้เงินมากขึ้น> ลงทุนก็มีผลตอบแทนที่ดี> มีเงินมากขึ้นไปอีก วนซ้ำๆไปแบบนี้ จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 22:37:11

ความคิดเห็นที่ 93 สำหรับเราสวยและนิสัยดีมากก็พอค่ะ เงินน่ะถ้าห่วงมันมากก็จะทุกข์เพราะมัน ขอแค่พอใช้ ไม่มีหนี้  แบบนี้เราชอบมากกว่าค่านิยมต้องรวย มีคอนโด มีหุ้น บ้าบอคอแตก แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 55 22:51:13 จากคุณ : the pretty pill เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 22:45:35

ความคิดเห็นที่ 94 ตอนนี้ฝากเงินอาทิตย์ละ1,500ติดกันมา1เดือนแล้ว ถ้าใช้หนี้ให้ที่บ้านหมดก็คงจะฝากมากกว่านี้ จากคุณ : minijane เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 22:58:25

ความคิดเห็นที่ 95 เราออมเงินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ เริ่มซื้อทองสะสมก็ตอนอายุ 15 ปี แล้วก็ซื้อมาเรื่อย ๆ เพราะมีแรงกดดันจากฐานะที่บ้านยากจน อยากได้อะไรก็ไม่กล้าขอแม่ เพราะรู้ว่าแม่ไม่ซื่้อให้แน่  ๆ วัยเด็กอยากได้อะไรต้องเก็บเงินเองค่ะ แม่ซื้อกระเป๋า JACOB ให้พี่สาว แต่เราไม่ได้เพราะเป็นลูกคนที่สอง เราก็เก็บเงินซื้อเองตอนม.2 ขอทุนเรียน ทำงานพิเศษตอนปิดเทอมตั้งแต่ตอน 15 ปี มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงาน ไม่เหนื่อยเลยเพราะชื่นใจเวลาได้เงิน แต่งงานแล้วไม่ได้ทำงาน ต้องมากลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว คิดบ่อยเหมือนกันถ้าหากสามีเป็นอะไรขึ้นมาเราจะทำยังไง คิดแล้วก็เครียดค่ะ ยังหาธุรกิจตัวเองทำไม่ได้เลย เพราะสามีใช้เงินเก่งมาก อยากได้อะไรก็ซื้อเลย ไม่ค่อยคิดเผื่ออนาคต เรื่องเงินบางทีคิดมากแล้วก็ปวดหัวค่ะ เราระมัดระวังกับอนาคตมาก จนทำให้อยากจะหาแต่เงินเยอะ ๆ เพราะกลัวความไม่แน่นอนของอนาคต จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 55 23:06:46

ความคิดเห็นที่ 96 เราขอเก็บแบบไม่คาดหวังว่าต้องรวย หรืออะไรมาก เอาพอประมาณที่เก็บได้ ใช้ชีวิตแบบเป็นคนดีและมีความสุขกับครอบครัว ชีวิตนี้คุ้มแล้ว จากคุณ : archdrea เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 00:09:17

ความคิดเห็นที่ 97 กระทู้มีประโยชน์มากค่ะ เราเคยทำนะ จดยิบย่อย  แต่ทำแล้ว เกลียดตัวเองอ่ะ แบบ ทำไม มันรันทด ขนาดต้องมา จด ขนาดนี้เลยหรือ เลยเลิกทำ แต่ จะทำแบบว่า เขียน รายจ่ายจำเป็น ลงมา ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพ รวมออกมาแล้วดูว่า จริงๆใช้จ่ายทั่วไปแต่ละเดือน ต้องใช้เท่าไร แล้วเอาไปหักรายได้ จะเหลือเป็น เงินที่เก็บได้   และเราจะพบว่า เราควรมีรายได้เพิ่มขึ้น หารายได้เพิ่มขึ้น เปลี่ยนงานใหม่ได้แล้ว แทนที่จะใช้ชีวิตแต่ละวันแบบ อดมื้อกินมื้อ อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน จะกินต้องเลือกแต่ของถูกๆเท่านั้น จึงจะอยู่ในงบ (ทฤษฎีบางอย่าง เหมาะกับคนบางคน สำหรับคนเงินเดือนน้อยมากๆ แค่กินข้าว ก็แทบไม่มี มันคงยากอ่ะ โดยเฉพาะ คนทำงานกรุงเทพ ถ้าเงินเดือนเริ่มต้นแบบ น้อยมาก แล้วยังต้องเช่าหออยู่) อีกอย่างที่อยากให้สังเกตตัวเองกันว่า ทำไม เราถึง ชอบใช้จ่าย เพราะเครียด ใช่ไหม เพราะ เมื่อเราว่างเปล่า เราจึงมักเติมเต็มตัวเองด้วยวัตถุ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นต่อชีวิต” คำพูด ของ Suse Orman   ใช่ไหม ที่กุ๊ดจังบอก แล้วอุดตรงนั้นเป็นอันดับแรก เรามาทำงานต่างประเทศ ต้องประหยัดมาก และเครียดมาก เพราะความตั้งใจเก็บเงิน จะกินอะไรที คิดแล้วคิดอีก แต่ละมื้อ ต้อง เป๊ะๆ เครียดโดยไม่รู้ตัว วันละ สามเวลา แถมเครียดงานอีก จะกินอะไรก็ไม่ได้กิน เพราะประหยัด และ คิดว่า ตัวเองทำถูก แต่ แต่ แต่ มันทำให้เครียด มากกก  แล้วไง ต่อ ไประบายกับ ของที่ชอบซื้อตอนอยู่ไทยนั่นแหละ  คือ เครื่องสำอาง ซื้อแล้วก็ เงินหด พอเงินหด ก็ต้องประหยัดเรื่องกิน ก็เครียดอีก เป็นวงจรอุบาทว์     แต่ยังไม่รู้ตัว จนวันหนึ่ง ทนไม่ไหว ถามตัวเองว่า ทำไม ต้องลำบาก ขนาดนี้วะ จะกินอะไรก็ไม่ได้กิน อาหาร สิงคโปร์ มันก็รสชาดแย่อยู่แล้ว จะกินดีหน่อย ก็บังคับตัวเองไปแต่ละมื้อๆ ว่า ไม่ๆ มานั่งคิด โดยเฉลี่ย การเห็นเครื่องสำอาง หนึ่งครั้ง ต่อเดือน ก็เครียด หนึ่งครั้ง ยังน้อยกว่า การเครียด วันละ สามเวลา ทุกวัน กับเรื่อง อาหาร การกินแต่ละมื้อหัก ที่มันควร สำคัญที่สุด เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอาง ไม่เห็น ไม่รู้ ก็จบ เมื่อไม่เห็น จิตอยากจึงไม่เกิด ไม่ต้องดู ไม่ต้องรู้มากก็ได้ ของพวกนั้น เลย" ลอง "เปลี่ยน พฤกติกรรม อะ อยากกินไรกิน เฉพาะอาหารหลักนะ คือ ไม่ใช่เข้าภัตราคารหรูนะ ข้าวธรรมดานี่แหละ แพงกว่าปกตินิดนึง ถ้าจะกินดีดี อร่อยๆ ก็ กิน เงินเหลือจาก งบอาหารในแต่ละวัน ค่อยเอามากิน ราเมงอร่อยๆ เฉพาะวันศุกร์ เหยยยยยยยยย ชีวิตดีขึ้นเยอะเลยว่ะ   โง่ มาตั้งนาน อัตราการเครียด ลดลง  ควบคุมตัวเอง ได้ดีขึ้น เพราะ เครียด ยิบย่อย มันหายไป   แถมซื้อเครื่องสำอาง น้อยลง 80 เปอร์เซน หันมาอยู่บ้าน หาความสุข ในการอยู่บ้านมากขึ้น ดู ว่า อะไรสำคัญจริงๆในชีวิต แล้วชีวิต มันดีขึ้น จริงๆ ปล  อยากแชร์ เฉยๆค่ะ เผื่อจะมีคน มีอาการเดียวกัน แบบ ไม่รู้ตัว หุหุ ยังไงก็ลองสำรวจตัวเอง หา วิถี ที่เหมาะกับตัวเองกันเนอะ จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 05:50:42

ความคิดเห็นที่ 98 #77 ลงทุนอะไรครับ ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนเกือบ 10% รบกวนหลังไมค์ไปสอบถามได้ไหมครับ จากคุณ : เด็กน้อยร้ายเดียงสา เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 09:51:12

ความคิดเห็นที่ 99 จขกท  อ่านหนังสือเล่มเดียวกันเลย  ^_^ ยังไงก็อย่าเก็บเงินมากไปจนเดือดร้อนตัวเองแล้วกัน เช่น บางสำนักงานจะมีคนที่งกมาก ได้เงินเดือนมาแล้วจะเอาฝากธนาคารทันที แต่เวลาไปกินข้าวแล้วจะขอยืมเพื่อน  ไม่ออกเงินช่วยกิจกรรม  ฯลฯ พวกนี้ เก็บออมแบบงกมากเกินไป ไม่สะท้อน " คุณภาพชีวิตที่ดี " ตามเจตนารมณ์ของการเก็บเงิน จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 10:12:52

ความคิดเห็นที่ 100 อยากให้คนไทยเรียนรู้เรื่องเงินออมกันเยอะ ๆ ประเทศเราจะได้รวย คนในประเทศจะได้รวย ๆ นะคะ อย่าเป็นหนี้กันจนเป็นนิสัยเลย คนที่เค้าร่ำรวยมหาศาล แรก ๆ เค้าก็ใช้จ่ายประหยัดกันทั้งนั้นแหละค่ะ จากคุณ : bear brothers เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 10:35:09

ความคิดเห็นที่ 101 เป็นกระทู้แนะนำแล้วหรือ ชอบกระทู้นี้กด like ให้ค่ะ   จากคุณ : anthurium เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 10:53:09

ความคิดเห็นที่ 102 แม่เราสอนว่าอย่าไปขี้เหนียวกิน เราก็กินตามร้านตามอะไรที่เราอยากกิน แต่อย่าไปกินแพงเว่อร์มาก ส่วนเงินเก็บก็เก็บมั่งไม่เก็บมั่ง แต่เราจะไม่ทำเอทีเอ็มบัญชีเงินเก็บ คือทำให้มันเบิกยากๆ เข้าไว้ จะได้ไม่ต้องไปเบิกมันมาใช้ ส่วนเงินที่เก็บไว้เผื่อฉุกเฉินก็ต้องมีบ้างเผื่อบางเดือนที่มีเรื่องต้องใช้เงิน เราก็เอาอันนี้ออกมาใช้ แต่ยังไงก็ต้องเดินทางสายกลางด้วย คือเก็บบ้างใช้บ้าง อย่าไปถึงกับต้องทรมานตัวเอง เอาแค่ให้ตอนแก่หรือตอนฉุกเฉินมีเงินพอเราไม่อยากจะไปสะสมอะไรให้มันมากมาย เพราะว่าคงจะไม่มีลูก ถ้าตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี ก็เอาแค่พออยู่ได้จนแก่ก็พอ จากคุณ : แมวบนหลังคา เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 11:23:34

ความคิดเห็นที่ 103 ชอบประโยคนี้มากค่ะ "ความรวยของคนเราไม่ได้ดูที่เฟอร์นิเจอร์รอบตัวค่ะ ดูที่สินทรัพย์ ไม่ใช่ทรัพย์สิน!!!!!" ขออนุญาตแชร์ต่อนะคะ^^ จากคุณ : Blair21 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 13:43:06

ความคิดเห็นที่ 104 ทำเหมือนคุณกุ๊ดจัง อยู่เหมือนกันค่ะ แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนจริงจังเห็นจะเป็นนิสัยนี่หละ เห็นเงินเยอะๆทีไรชอบเอามาใช้ทุกที พร้อมประโยคคลาสสิคที่ว่า "หน่านิดเดียวเอง" ทำไปทำมาไอที่เก็บไว้หายหมด เศร้าใจ - -" เห็นแบบนี้แล้วต้องฮึดสู้กันใหม่ ขอบคุณบทความดีๆด้วยนะคะ ^ ^ จากคุณ : ถ้วยลายจุดสีพาสเทล เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 14:58:02

ความคิดเห็นที่ 105 อ่า...ขอบคุณที่โหวตเป็นกระทู้แนะนำนะคะ... ปล. เพื่อนแบบคห. 99  เราไม่คบนะ 55555 จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 15:07:12

ความคิดเห็นที่ 106 เวลาเรามีเงินในกระเป๋า ในธนาคารแล้วมันรู้สึกร้อนๆ  อยากจะเอาออกมาใช้ แล้วก็คิดว่า...แม๋ เก็บได้ไม่กี่หมื่นเอง  แต่ถ้าเอาไปซื้อมือถือ เราจะได้มือถือเครื่องใหม่ ที่ใช้งานได้ดังใจปรารถนา เจ๋งที่สุดในสามโลก ใช้แล้วดูรวยกว่ามีเงินฝากในธนาคารเยอะ สมุดบัญชีไม่มีใครมาเห่อเป็นเพื่อนเรา จริงป่ะ (คือ มือถือถูกๆ ก็ใช้ได้นะ แต่แบบ...มันไม่เหมือนกันอ่ะ) แบบนี้ จิตสำนึกเรากำลังผลักไสเงินออกไปโดยไม่รู้ตัวส่วนหนึ่ง และ เรากำลังดูถูกค่าของเงินที่อยู่ในมือเราอีกส่วนหนึ่ง  เพราะเราคิดว่า เงินแค่นี้เอง เดี๋ยวก็เก็บใหม่ได้  เงินแค่นี้เอง เก็บไป ก็เท่านั้นสู้เอามาซื้อของที่อยากได้ดีกว่า เรียกสติกลับคืนมาาาาาาาาา....กว่าจะเก็บเงินได้นานไม๊...แล้วมือถือน่ะ เครื่องนึง ใช้ได้อย่างมาก ก็ 2-3 ปี  แต่ปีเดียวก็ตกรุ่นไม่เป็นท่าแล้ว  จำเป็นขนาดนั้นไม๊.....ถ้าซื้อมาแล้ว มันช่วยให้เรามีรายได้มากขึ้น หรือส่งเสริมชีวิตเราช่วยให้เราหาเงินได้มากกว่ามูลค่ามือถือกี่เท่า ลองพิจารณาดูดีๆ (โดยส่วนตัว เราบ้า gadget อย่างแรงง แต่ซื้อมือถือเองล่าสุด เป็นบีบี  ใช้ไปปีกว่า เอ๋อรับประทาน จนสุดท้าย ใช้มือถือฟรีออฟฟิส แต่ซื้อไอแพ่ดเอง ใช้พรีเซนต์งาน หากินมาได้เยอะมาก จนคิดว่า คุ้มแล้วที่ซื้อมา ไม่ใช่แค่เอามาให้ลูกเล่นเกมส์ หรือเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว >>  เห็นผลเข้าข้างตัวเองไปป่ะ 5555​) จากคุณ : กุ๊ดจัง เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 15:17:17