Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
share กับการเป็นสิวที่แผ่นหลัง ติดต่อทีมงาน

พอดีส่วนตัวมีประสบการณ์กับการเป็นสิวที่แผ่นหลังมา ขอบอกว่า เยอะมาก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด บางวันก็ยุบ วันต่อมาก็ขึ้นมาใหม่ เป็นแบบนี้เรื่อยไป จึงตัดสินใจไปหาคุณหมอ จึงได้ค้นพบสาเหตุ หมอบอกว่าสิวที่หลังของเรา เกิดจากเชื้อรา วิธีรักษาที่คุณหมอใช้คือการให้ทายาแต้มสิว และแป้งน้ำ กับการฟอกหลังด้วยแชมพูสูตร คีโตโคนาโซล พูดง่ายๆ คือแชมพูขจัดเชื้อรา ที่เอาไว้ขจัดรังแค นั่นเอง การฟอก ก็ให้ฟอกและทิ้งไว้ 5 นาที ค่อยล้างออก
ผล สิวหายวับ
วันนี้จึงนำความรู้เกี่ยวกับการเป็นสิวที่หลังมาแชร์ให้เพื่อนๆ กันค่ะ เนื่องจากเห็นเพื่อนหลายคนในนี้เป็นยังสงสัยเรื่องนี้กันอยู่ค่ะ แต่ในที่นี้ ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะการเกิดสิวของแต่ละคนด้วยนะคะ ^^

สิวที่แผ่นหลังมักเกิดจากเชื้อรา พี.โอวาเล ความจริงแล้วเชื้อราตัวนี้มีอยู่ตามผิวหนังของคนเราตามปกติอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้เกิดสิวบริเวณแผ่นหลังเพราะเชื้อรามีปริมาณมากกว่าปกติ ซึ่งเชื้อราตัวนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค แต่มิใช่ว่าคนที่เป็นรังแคจะมีสิวที่แผ่นหลัง หรือคนมีสิวที่แผ่นหลังต้องเป็นรังแคเพียงแต่บางคนอาจเป็นทั้งรังแคและสิวที่แผ่นหลังพร้อมกัน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวที่แผ่นหลัง ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด คือ เราไม่รู้ว่าปัจจัยอะไรในร่างกายของคนที่มีสิวที่แผ่นหลังไปทำให้ร่างกายสร้างไขมันที่เชื้อราชนิดดังกล่าวชอบ แต่ถ้ามีปริมาณไขมันบริเวณรูขุมขนปรวนแปร หรือมีไขมันที่เชื้อราชอบจะเกิดการแบ่งตัวมากขึ้น เชื้อราอาจจะปล่อยสารบางอย่างออกมาไปย่อยไขมันทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวัย หรือฮอร์โมนบางอย่างไปกระตุ้น เมื่อผ่านไปสักระยะสิวที่แผ่นหลังก็อาจหายไปเองได้ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะเหงื่อที่อาจไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวบริเวณแผ่นหลัง

นอกจากเชื้อราที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของสิวบริเวณแผ่นหลังแล้ว คนที่มีภูมิต้านทานร่างกายบกพร่องก็อาจทำให้เชื้อราชนิดดังกล่าวเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนเป็นสิวบริเวณแผ่นหลังมากกว่าคนปกติ การรับประทานยาบางตัวก็อาจทำให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้เช่นกัน เช่น ยารักษาวัณโรคบางตัว ยากันชักบางตัว หรือที่พบบ่อยคือ การใช้ยาสเตีย รอยด์ ด้วยความที่ยาสเตียรอยด์มีขายทั่วไปตามร้านขายยา เมื่อเป็นสิวอักเสบก็ใช้สเตียรอยด์ทา เมื่อทาแล้วก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ผื่นอักเสบดูดีขึ้นในระยะแรก แต่ความเป็นจริงแล้วสเตียรอยด์จะทำให้เกิดสิวมากขึ้น ดังนั้นหลายคนมาพบแพทย์สิวเต็มหลังเลย

ถามว่าสิวบริเวณแผ่นหลังจำเป็นต้องรักษาหรือไม่ ก็ต้องบอกว่า สิวบริเวณแผ่นหลังมิใช่โรค ไม่มีอันตราย เป็นเพียงการปรวนแปรของธรรมชาติทำให้เชื้อรามากกว่าปกติ ถ้ารับได้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นแล้วอย่าไปแกะ เกา ก็ไม่ต้องรักษา แต่เนื่องจากสิวที่แผ่นหลังเป็นแล้วจะคัน เมื่อคันคนไข้ก็จะเกา อาจทำให้เป็นแผลติดเชื้อตามมาได้ กรณีนี้ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง ซึ่งวิธีการรักษามีค่อนข้างหลากหลาย

วิธีการรักษาสิวบริเวณแผ่นหลังจะแตกต่างจากการรักษาสิวบริเวณใบหน้า เพราะถ้าเป็นสิวบริเวณใบหน้าเรารู้ว่าเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนแพทย์ผิวหนังก็จะให้ยาไปละลายการอุดตัน หรือให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว แต่พอเป็นสิวบริเวณแผ่นหลังซึ่งเกิดจากเชื้อรา การใช้ยารักษาส่วนมากจะเน้นไปที่ยาฆ่าเชื้อรา ดังนั้นแพทย์ผิวหนังอาจจะให้รับประทานยาฆ่าเชื้อราในระยะสั้น ๆ เพราะการรับประทานยาติดต่อกันเป็น เวลานานจะทำให้เกิดผลข้างเคียงทำให้ตับอักเสบได้ จริง ๆ แล้วไม่อยากให้ใช้ยาชนิดรับประทาน เพราะสิวที่แผ่นหลังเป็น ๆ หาย ๆ จึงอยากให้ใช้ยาทามากกว่า แต่การรับประทานยาฆ่าเชื้อราจะเป็นการลดปริมาณของเชื้อราให้กลับมาเท่าปกติ ถ้าสามารถควบคุมปริมาณเชื้อราได้ใน 1-2 สัปดาห์ก็ควรหยุดยา ในคนไข้บางรายแพทย์ผิวหนังอาจให้ยาลดการอักเสบ เช่น เตตร้าซัยคลิน ร่วมด้วย เพราะบางคนให้ยาฆ่าเชื้อราแล้วได้ผลไม่ดี

คนไข้บางคนเป็นสิวบริเวณแผ่นหลังแบบเรื้อรัง คือ เป็น ๆ หาย ๆ พออากาศร้อน เหงื่อออกสิวก็ขึ้นมา กรณีนี้ขอแนะนำให้ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ คีโตโคนาโซน ซิงค์ไพริไทออน ซิลิเนียมซัลไฟด์ หรือแชมพูขจัดรังแคฟอกตัวแทนสบู่ เพื่อควบคุมให้ระดับเชื้อรากลับคืนสู่ปกติ ข้อห้ามคือ ไม่ควรใช้ครีม หรือโลชั่น ทาบริเวณแผ่นหลัง เพราะในครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา

วิธีง่าย ๆ ที่อยากแนะนำคือ ขณะอาบน้ำควรฟอกสบู่ให้มากหน่อย เพราะเรารู้ว่าเชื้อราตัวนี้ชอบไขมัน หรือ น้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิวหนัง ก็ใช้สบู่ให้มากขึ้น เพื่อล้างความมันออกไป เมื่อไม่มีอาหาร เชื้อราก็จะเจริญเติบโตน้อยลง คนไข้บางรายแพทย์ผิวหนังอาจแนะนำให้ใช้สบู่ยาเป็นพัก ๆ เพื่อปรับสมดุลของผิวหนัง แต่ไม่แนะนำให้ใช้สบู่ยาตลอดไป เพราะถ้าใช้ไปนาน ๆ สบู่ยาจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนังด้วย เพราะถ้าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนอยู่อย่างสมดุล ก็จะไม่เกิดปัญหา

จากคุณ : lovely_m
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 10:36:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com