ความคิดเห็นที่ 1 มาติดตาม จากคุณ : Aungwaree เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 19:52:37

ความคิดเห็นที่ 2 ทั้งหมดทั้งมวลที่เรามานี้เลยความจริงจะบอกว่า เวลาเราลดความอ้วนนะคะ ขอให้เก็บเป็นความลับขั้นสุดยอดแม้กระทั่งเพื่อนสนิทหรือแฟนก็ห้ามรู้เป็นเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้จะเป็นอุปสรรคมากสำหรับการลดความอ้วน ก่อนอื่นเราต้องมีความเข้มแข็งพอ ใจมี่เข้มแข็งพอที่จขผ่านมันไปให้ได้ อุปสรรคที่เราเจอมีดังนี้ค่ะ - เวลาเรากินขนมปังโฮลวีท 2 แผ่นไม่ทาอะไรเลย (มันอยู่ในสูตรลดความอ้วน 3 วันค่ะ) เพื่อนก็บอกโหว.. กินแต่ขนมปังอย่างนี้เมื่อไหร่จะผอมสักที - พอเรากินผลไม้ (แตงโม,แคนตาลูป) เพื่อนก็บอกโหยผลไม้พวกนี้มีแต่นำ้ตาล โธ่!แล้วบอกจะลดความอ้วนยังเลือกกินไม่เป็นเลย - พอเราเล่นเวท เราต้องกินโปรตีน เราจะไปซื้อไส้กรอกเซเว่า เพื่อนบอกทำไมในหัวมันคิดแต่เมนูอ้วนๆวะ (ทำไมไม่คิดอยากจะกินผลไม้เป็นมื้อเย็นบ้างเลยหรอ) - พอเราจะกินสลัด โหยนำ้สลัดนี่ตัวดีเลย มีแต่นำ้มัน แล้วบอกจะลดความอ้วน กินอย่างนี้ยังไงก็ไม่ลดหรอก - พอเราเล่นเวท วันแรกๆตัวมันจะบวม เพื่อนก็บอก ทำไมวันนี้แขนใหญ่จังวะ ดูอ้วนขึ้นนะเนี่ย (ขอโทษ นน.ชั้นลด 3 โลแล้วเสื้อผ้าชั้นก็หลวมขึ้นด้วยย่ะ! แต่ไม่ได้พูดออกไปหรอก ก็ได้แต่ยิ้มๆ) *** ทั้งหมดนี้ที่พิมพ์มาเพื่อจะมาเป็นกำลังใจให้แก่เพื่อนๆค่ะ ที่กำลังจะลดความอ้วนให้เริ่มต้นแบบเรา คือ เริ่มวันไหนก็เก็บเป็นความลับสุดยอด ห้ามคนในบ้านหรือคนรอบตัวรู้เด็ดขาด หากท่านใดจะกินสูตรลดความอ้วนก็ให้บอกไปว่า อ๋อ วันนี้ฉันอยากกินขนมปัง วันนี้ฉันอยากกินไข่ต้ม อย่าไปบอกว่าทำสูตรอยู่ค่ะ จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 19:57:43

ความคิดเห็นที่ 3 จากประสบการณ์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้ข้อคิดใหม่สำหรับวงการลดความอ้วนว่า ในการควบคุมอาหารหลังการมีอยู่นิดเดียว ไม่ว่าจะสูตรใดๆก็ตาม แค่ลดแป้งกับลดไขมันแค่นี้ก็ลดแล้วค่ะ ที่เราทำสูตรลดความอ้วนมา พอหันกลับไปดูอีกที ในสูตรที่เค้ากำหนดมาให้มันไม่มีแป้งและไขมันเลยนี่หว่า           เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปซีเรียสว่าจะกินสูตรไหน แค่กินแป้ง ไขมัน นำ้ตาล ให้น้อยลง เราก็ลดแล้ว แต่สำหรับใครที่คิดเมนูไม่ออก ก็เอาสูตรมาอิงก่อนก็ได้ค่ะ เช่นในสูตรเค้าให้กินสลัดผัก+ไก่ย่าง เราก็เปลียนเป็น ผักจิ้มนำ้พริก+ปลาย่าง/ปลานึ่งอะไรแบบนี้ค่ะ ในสูตรเขาให้กินไข่ต้ม เราก็เปลี่ยนเป็นไส้กรอกเซเว่า ในสูตรให้กินโยเกิร์ต เราก็กินนมแทน แค่นี้ก็ไม่น่าเบื่อแล้วค่ะให้เปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆ เราจะทำได้นาน จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:11:19

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยค่ะ พอเริ่มจะลดจะโดนจับผิด หาเรื่องให้มีข้อติจนหลายครั้ง ก็ตามน้ำไปกะเขา เลยน้ำหนักขึ้นแทนค่ะ จากไส้กรอกเซเว่น กลายเป็นยำมะม่วงค่ะ แป้งล้วนๆ ดีิใจ กับ จขกท ด้วยนะคะ ตั้งใจจริง.และรู้อุปสรรคไปด้วย จากคุณ : Aungwaree เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:15:02

ความคิดเห็นที่ 5 ยกเวททุกวันเลยป้ะคะ ไม่ไปวิ่งหรือแอโรบิกบ้างหรอ จากคุณ : Aungwaree เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:16:38

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ต้องทำตามสูตรเป๊ะๆก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมันจะโหย หมดแรง ชวนตบะแตก แค่กินให้ครบสามมื้อ ลดแป้ง ลดไขมัน พยายามไม่กินหลังหกโมงเย็น ถ้าหิวมากให้กินนมจืดไม่มีไขมัน หรือน้ำเปล่า ออกกำลังกายบ้างถ้ามีเวลา พยายามเข้านะคะ ^^ จากคุณ : dr.p moonie * เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:16:50

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใหม่ ยังไม่พร้อมที่จะออกกำลังกาย (แบบเรา) ให้เริ่มต้นควบคุมอาหารไปพร้อมกับการเล่นเวทเทรนนิ่งค่ะ (ลองหาข้อมูลใน google นะคะ พิมพ์ว่า เล่นเวท ผู้หญิง) ยิ่งเริ่มต้าเล่นเวทเร็วเท่าไหร่มันจะยิ่งดีขึ้นไปอีกเท่านั้นค่ะ เพราะการเล่นเวท จะทำให้เรามีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นค่ะ กล้ามเนื้อนี้จะไปแทนที่ไขมันที่หายไปในระหว่างที่เราเริ่มลดอาหารค่ะเนื้อตัวเราจะไม่ห้อยย้อย (ตอนนี้เราย้อยอยู่ เพราะเริ่มเล่นเวทช้าไป ดังนั้นให้เริ่มเล่นเวทตั้งแต่วันนี้จะดีที่สุด ไม่ต้องกลัวว่ากล้ามจะขึ้นนะคะ เพราผู้หญิงไม่ได้มีฮอร์โมนในการสร้างกล้ามเหมือนผู้ชายค่ะ แถมพวกเราไม่ได้กินอาหารเสริมเหมือนนักเพาะกาย ดังนั้นกล้ามไม่ขึ้นแน่นอนค่ะ แต่ข้อดีขั้นเทพของการเล่นเวทเลยก็คือ พอเราเล่มเวทปุ๊บ เราก็จะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น และกล้ามเนื้อเหล่านี้แหละค่ะ ที่มันจะเข้ามาเผาผลาญไขมันส่วนเกินของเราที่เราสะสมมันมานานแสนนาน จากคุณ : จขกท. (นาตาชาอิดิเตอร์) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:27:15

ความคิดเห็นที่ 8 จะเผาต่อเมื่อจขกทคาร์ดิโอด้วยนะคะ เข้ามาถามเหมือนคหบน. ว่าวิ่งหรือปั่นจักรยานบ้างมั้ยคะ ปล ไส้กรอกเซเว่นไขมันเยอะนะคะ ทานเต้าหู้หรืออะไรแบบนี้แทนดีกว่า จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:36:56

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อดีของการเล่นเวทอีกประการหนึ่ง (สำหรับเรา)       เราเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยในชีวิต ดังนั้นการจะเริ่มต้นออกกำลังกายชนิดใดก็ตาม ก็มักจะมีอุปสรรคและทำได้ยากเสมอ เช่น การวิ่ง เราวิ่งไม่เกิน 200 เมตรเราก็จอดแล้ว การว่ายนำ้ (เราว่ายนำ้ไม่เป็น ฝึกเท่าไหร่ก็ไม่เป็น) เพราะปัญหามันอยู่ที่ว่านำ้หนักตัวเราเยอะ+กล้ามเนื้อแขนขาเราไม่แข็งแรง ทำอะไรก็ไม่ได้นาน แล้วการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มันต้องใช้เวลา 30-40 นาทีเป็นต้นไป ดังนั้น การแก้ปัญหาของเราคือ ฝึกเล่นเวทให้แขนขามันแข็งแรงซะก่อน ค่อยไปเริ่มต้นคาร์ดิโอใหม่ มันก็ยังไม่สาย         สำหรับการเล่นเวท เป็นอะไรที่เหมาะสมแก่ผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย และผู้ที่ไม่ชอบการออกกำลังมากๆ เพราะการฝึกเล่นเวท เริ่มต้นง่าย เป็นเร็ว ให้ผลทันตา อย่างการวิ่ง ถ้าเราหายใจไม่ทันเราก็เลิกวิ่งแล้วต้องหัดเป็นอาทิตย์กว่าจะหายใจทัน แต่การเล่นเวท เราสามารถเลือกนำ้หนักที่น้อยๆก่อนได้ และถ้าเมื่อยก็พัก แล้วก็มายกใหม่ 3 วันผ่านไปเราจะรู้สึกได้เลยว่านำ้หนักที่เรายก 3 วันที่แล้วมันเบามาก ทำไมวันนั้นเรายกไม่ไหวฟะ! ดังนั้น เราก็จะมีความสุขกับพัฒนาการ ของเราแล้วเราก็จะมีกำลังใจในการพัฒนาที่ดีขึ้น เวทเทรนนิ่ งจึงเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับคนขี้เกียจออกกำลังกายอย่างเรา มันเป็นการเริ่มต้นเพื่อนำไปสู่จุดหมายที่ดีเลยทีเดียว จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:49:10

ความคิดเห็นที่ 10 คห.5 เรายกวันเว้นวันค่ะ หรือไม่ก็สองวันยกทีนึงค่ะ ตามแต่จะหายปวด แต่ไม่เกิน 3 วันค่ะ (อย่างที่บอกคนขี้เกียจอย่างเราเหมาะสมกับเวทเทรนนิ่งที่สุดแล้วค่ะ เพราะมันมีวันยกแล้วมันก็มีวันพัก ซึ่งเราไม่ต้องทำทุกวัน เป็นอะไรที่ชอบมากค่ะ) คห.8 เรายังไม่ได้คาร์ดิโอค่ะ เราเคยแล้วตอน นน. ยังไม่ลด หอบมาก วิ่งได้อยู่เดือนเดียว เลิกค่ะ เพราะวิ่งช้าสุดก็ยังหอบ เพราะ เราไม่เคยฝึกการหายใจค่ะ ขนาดตอนเล่นเวทเรายังหอบเลยค่ะ หายใจไม่ทัน ดังนั้นเราขอเริ่มต้นที่การเล่นเวทซัก 2 เดือนก่อนนะคะ หลังจากนี้เราสัญญาว่าเราจะไปคาร์ดิโอแน่นอนค่ะ จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 20:58:17

ความคิดเห็นที่ 11 สุดท้ายนี้ เราอยากจะฝากบอกสาวๆที่ผอมและหุ่นดีอยู่แล้ว ให้ช่วยประนีประนอมคำพูดในการพูดกับคนอ้วนด้วยนะคะ อย่าให้คนอื่นๆมาเป็นแบบเราเลยค่ะ เพราะคนอ้วนที่เขา enjoy eating อยู่ บางทีเขาก็อยากผอมเหมือนคุณนั่นแหละค่ะ แต่ระบบเผาผลาญเขาไม่เท่าคุณแล้วพอยิ่งไปห้าม เค้าก็ยิ่งเครียดแล้วเค้าก็ยิ่งกิน อะไรที่ห้ามมันจะยิ่งอยากกินค่ะ แล้วถ้าเค้าไปกินยาลดความอ้วน โดยที่คุณไม่รู้มันก็จะยิ่งเป็นโทษกับตัวเค้าเข้าไปอีก (เราเคยกิน นานมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้กิน) บางทีเค้าจะกินอะไรก็ปล่อยให้เป็นอิสระในการคิดของเค้าเถอะค่ะ เพราะให้เค้าได้กินในสิ่งที่อยากกินเอง ดีกว่าให้เค้าอยากกินในสิ่งที่เราห้าม แล้วมันจะไปกันใหญ่       ท้ายที่สุด เลิกทักเพื่อนว่าอ้วนขึ้นได้แล้ว คนที่เค้าอ้วนเอง เค้ารู้ตัวเองอยู่แล้วค่ะ เค้าอึดอัด เค้าใส่เสื้อผ้าคับปลิ้น ทำไมเค้าจะไม่รู้ตัวเอง พอเค้ารู้ เค้าจะจัดการกับตัวเองเองค่ะ ยิ่งมีคนทักว่าเค้าอ้วนมากขึ้นเท่าไหร่ เค้ายิ่งอยากลดความอ้วนให้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ในทางกลับกันถ้าเค้าหาทางลัดในการลดความอ้วนมากเท่าไหร่ กลับกลายเป็นว่าเค้าอ้วนขึ้นมากกว่าเดิมอีกเท่าตัวค่ะ หากเค้าต้องการคำปรึกษาเค้าจะถามคุณเอง       สุดท้ายก็ขอขอบคุณแรงกดดันต่างๆ ที่ทำให้เราปฏิวัติตัวเอง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า และขอขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านชีวิตดราม่าของคนอ้วนๆอย่างเรามาจนจบนะคะ และก็ขอให้เพื่อนๆพี่ๆที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่สำหรับการลดความอ้วน สามารถนำวิธีของเราไปใช้ได้นะคะ อันไหนไม่แนใจสามารถไปถามเพิ่มเติมได้ที่ห้องสวนลุม กลุ่มย่อย คลับลดความอ้วนค่ะ --------------------------ขอบคุณค่ะ--------------------- จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 21:18:18

ความคิดเห็นที่ 12 สู้ๆ นะคะ พี่มีสามีกับลูกคอยให้กำลังใจและคอยเตือนสติเวลาตะบะแตก สามีพี่เค้าจะช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายลดความอ้วนให้พี่ตลอด เลยค่ะ หลังจากเวทแล้วพี่คาร์ดิโอด้วยการวิ่ง วิ่งไม่ถึงสามนาทีก็หอบแฮ่กๆ แล้ว เลยต้องใช้วิธีเดินเร็วเอา ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปดีกว่าจะได้ไม่เบื่อ และท้อไปซะก่อนเนาะ จากคุณ : นู๋มาริ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 21:25:22

ความคิดเห็นที่ 13 เชียร์ค่ะ จากคุณ : Aungwaree เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 21:41:43

ความคิดเห็นที่ 14 คนรอบตัวเราเป็นเหมือนอย่่าง คห. 2 ของ จขกท.  เลย จากคุณ : Wonder_B เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 22:12:22

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ^ ใช่ค่ะ คนรอบตัวเราเป็นแบบนี้ เยอะมาก ทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เราพึ่งมาคิดได้ว่า เราจะไปบอกเค้าทำไมฟะ! ว่าเราจะลด อยากลดก็เริ่มต้นเลยดี๊ เดี๋ยวถ้าเราผอมเมื่อไหร่ พวกนี้ก็เลิกพูดไปเองแหละ ดังนั้นเราต้องผอมให้ได้ พวกนี้จะได้มาว่าเราไม่ได้ จากคุณ : จขกท. (นาตาชาอิดิเตอร์) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 22:26:05

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ จขกท  คุณเก่งมากค่ะสู้ๆ จากคุณ : snyggen เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:14:07

ความคิดเห็นที่ 17 ขำคุณจขกท.ตรงที่บอกว่า เป็นความลับสุดยอดน่ะค่ะ เราโชคดีทั้งครอบครัวและสามี เป็นกำลังใจในการลดน้ำหนัก เราเลยไม่ต้องมีความลับกับใคร สู้ๆนะคะจขกท. จากคุณ : ลูกแม่ดอกบัว เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:17:43

ความคิดเห็นที่ 18 วันนี้เป็นวันแรก  ที่เริ่มลดน้ำหนักกับแฟนอย่างจริงจัง โดยการกินสลัดผักกัน และสับปะรด ฝรั่ง กลั้นใจกันมากๆ เพราะปกติมื้อเย็นจะทำกับข้าวกินกันเองแบบจัดเต็ม ข้าวหุงเต็มหม้อก็หมดหม้อ  เวลาแค่ 1 ปีกว่าๆ แฟนเราน้ำหนักขึ้นมาเกือบ 20 กิโล จาก 54-55  เป็น 70-71  แต่ตอนนั้นเค้าผอมมาก  ตอนนี้อยู่ในช่วงอวบระยะสุดท้าย โหยหาอาหารมากๆค่ะ  พรุ่งนี้ว่าจะทำเหมือนเดิม  แต่เปลี่ยนเป็นจำกัดข้าว เน้นน้ำพริก ผัก ปลานึง แทนละ   ปล. เราเองนะที่ไม่ไหว  เหมือนมันขาดอะไรสักอย่าง 55 ไม่ได้กินเนื้อกินรสจัดอ่ะ สู้ๆนะคะ จขกท. เดี๋ยวเราจะ Before   After แฟนดูเหมือนกัน จากคุณ : ชื่อนี้ดีใช้แล้วสวย เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:17:43

ความคิดเห็นที่ 19 เดินเร็วแบบคหบนบอกก็ได้นะคะ ปรับ incline ให้เยอะแทนการวิ่งเร็ว เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้เหมือนกันค่ะ ไม่ทำร้ายข้อเข่าด้วย เราเองก็เคยวิ่งแล้วหอบ มาเรื่อยๆ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:19:21

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจนะคะ ถ้าเรามีรูป before&after เมื่อไหร่ เราจะเล่าเบื้องหลังเหตุการณ์ดราม่าของการลดความอ้วนครั้งนี้อีกค่ะ จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:23:00

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรอดูรูป after ค่ะ เรื่องเพื่อนแบบที่ จขกท.เล่า เรามีคล้ายๆ กัน แต่ออกแนวหวังดีประสงค์ร้าย เราอ้วนขึ้นมาก ก็พยายามกินน้อย มื้อเที่ยงกินเกาเหลา มือเย็นกินสลัด เวลาหิวก็โยเกิร์ตบ้าง เบาๆ เพื่อนคนที่ว่านี้ก็จะ .. อิ่มเหรอ (อิ่มดิ่) กินน้อยจัง (ไม่น้อยหรอก คนปกติเขาก้อกินเท่านี้) กินนี่ด้วยกันสิ (ไม่อ่ะ) กินมั๊ย (บอกว่าไม่ไง) แบ่งกัน (ไม่เอา!!) จานเดียวอิ่มเหรอ (เออ..อิ่มแล้ว ยัดไม่ลงแล้ว) เดี๋ยวหิวนะ (เรื่องของกรู -*-) อ่ะ เราให้ แล้วก็ยื่นๆๆๆๆ ยัดเยียด ( T.T) ซื้อนี่มาเผื่อ (ไม่เอา ขอบคุณ เดี๋ยวอ้วน) ไม่เท่าไหร่หรอก ( 85 เนี่ยนะ!! ไม่เท่าไหร่) เราก้ออ้วน (52 เนี่ยนะ อ้วน?? แล้ว 85 เรียกว่า....???) มา กินด้วยกัน (ไม่เอา กินเหอะ) กินมั๊ย ( เมิงถามกรูรอบที่ 4 แล้ว จนจะหมดจานก็ยังพยายามจะเรียกให้กินด้วยให้ได้ เฮ้ออออ) แล้วเรื่องราวการหวังดีในแบบของเธอก้อเป็นแบบนี้ทุกวัน ทุกมื้อจนเราเบื่อมากกก คะยั้นคะยอ เซ้าซี้น่ารำคาญมากอ่ะ ตอนนี้เราเลยได้ข้อสรุปว่า เพื่อนเราไม่อยากให้เราผอมเพราะกลัวเรา "สวยกว่า" จบข่าว ....... แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 55 23:42:49 จากคุณ : ซีอิ๊วขาวตราเด็กอ้วน เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:40:17

ความคิดเห็นที่ 22 คห.21... ตรงกันข้ามกับเราค่ะ เพื่อนคุณ คะยั้นคะยอให้กิน แต่เพื่อนเราชอบเบรคเรา ชอบติเวลาเราเลือกของกินว่าเราเลือกของกินไม่เป็น เพื่อนเราเค้าชอบเป็นนักโภชนาการคอยอวดรู้ค่ะ แต่ที่เจ็บใจที่สุดคือเพื่อนเรา นำ้หนัก 100 up ค่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอก 100 ขึ้นไปค่ะ แล้วชอบมาว่าเรานมใหญ่ ตูดบาน อะไรแบบนี้ เราเลยเจ็บใจ ทีเราเรายังไม่เคยว่าใครเลยนะ หึ..หึ.. จากคุณ : นาตาชาอิดิเตอร์ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 23:56:48

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ^ คห.2 โดนนนน ใจค่ะ เห็นด้วยว่าเมื่อเราเริ่มลดน้ำหนักเราควรเก็บเป็น "ความลับ" สุดยอด เพราะถ้าไม่เป็น ความลับสุดยอด ก็จะเจอแบบที่ จขกท. ว่ามา... เราโดนทุกวันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน โดนจนกลายเป็นความโกรธ หลังๆ นี่แทบจะระงับความโกรธไม่ไหว ต้องอดทนอดกลั้นมากๆ ที่จะไม่ว่ากลับแบบรุนแรง เป็นกำลังใจให้ จขกท. และทุกๆ คนที่กำลังลดน้ำหนักค่ะ จากคุณ : นางร้ายแสนสวย เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 10:20:05

ความคิดเห็นที่ 24 ของเราหนักจาก80 เป็น96 แฟนหนักจาก60 เป็น86 ตอนนั้นบ้่ากินมากๆ ร้านไหนอร่อย ร้านไหนดี ไปหมด กินจัดเต็มทุกอย่าง ไปสองคนข้าว1โถ อาหารห้าหกอย่าง พอเราไปเด็กเสริฟเห็น ยิ้มเลย จุดเปลี่ยน เป็นไขมันในเลือดสูงแต่ตอนนั้นก็ยังไม่สำนึกเท่าไร จนพี่ข้างบ้านเป็นมะเร็ง นั้นแหละ ทำให้คิดได้ว่าถ้าเกิดเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร เริ่มเปลี่ยนการกิน คือกินผักให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้(เป็นคนไม่กินผักเลย) กินแป้งให้น้อยลง ของหวานกินบ้าง นานๆที น้ำอัดลมเลิกดื่ม สุดท้ายน้ำหนักจาก 96 เหลือ 85 (ภายในสองเดือน) แฟนเราจาก 86 เหลือ 83 (แฟนเราไม่ได้ลดแต่ผลมาจากเราไม่กินอาหารนอกบ้าน) เป็นกำลังใจให้คนลดน้ำหนักทุกๆคนนะคะ อย่าหักโหม อย่ารีบร้อน อย่ากินยาลดความอ้วน ไม่เช่นนั้นน้ำหนักที่มันหายไปมันจะกลับมาหาคุณ จากคุณ : sandy555 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 55 15:43:25

ความคิดเห็นที่ 25 เวลาที่เราจะลดความอ้วน ห้ามบอกใคร แม้แต่เพื่อนสนิทก็ตาม เพราะพวกนี้จะเป็นอุปสรรคมากๆ <<< อันนี้เรื่องจริงนะ 5555+ จากคุณ : ยัยนู๋เฮฮา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 12:00:01

ความคิดเห็นที่ 26 เราบอกนะ แข็งใจตัดใจบอกไปเลย แต่เราบอกว่าไปฟิตเนส เพราะจริงๆ ตอนแรกคือ ไม่ได้ขนาดจะลดน้ำหนัก แต่รู้สึกอ่อนแอมาก เราอดทนต่อคำแซวอะไรอยู่นานมากค่ะ เป็นเดือน จนทุกคนเริ่มแซวน้อยลง แล้วเราเองก็พอจะทำใจชินได้ ถ้าเราไม่บอกไปเลย เราก็อึกอัก เวลาเพื่อนชวนกลับบ้าน ชวนกินน่ะค่ะ T T จากคุณ : eLepUnk เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 16:52:35

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆๆเลยค่ะ  เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากลดความอ้วนนะค่ะ จากคุณ : สาวเหลือน้อย (nungnoom) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 55 20:47:22