ความคิดเห็นที่ 1   คุณหมอเองก็ได้เริ่มจากการแนะนำตัวเอง พร้อมทั้งแนะนำนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่จากเกาหลี รวมไปถึงเทรนด์ในปีนี้และปีหน้า ว่าจะมีเทคโนโลยีในการรักษาผิวหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งคุณหมอได้พูดถึง 3 หัวข้อใหญ่ๆด้วยกัน นั่นก็คือ   1. Minimal invasive surgery กับ Trend ความงามแห่งอนาคต  2. นวัตกรรมใหม่ของปี 2012-2013 3. ไขข้อข้องใจกับการร้อยไหมยกกระชับ   มาเริ่มที่หัวข้อแรกกันเลยนะคะ 1. Minimal invasive surgery กับ Trend ความงามแห่งอนาคต ได้ผลชัดเจนไม่แพ้การผ่าตัด  ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด  ไม่มีผลข้างเคียงระยะยาว  ให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติกว่า  แพงกว่า จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:09:01

ความคิดเห็นที่ 2 ซึ่งเทรนด์ในการดูแลผิวหน้ารวมไปถึงการปรับรูปหน้านั้น นวัตกรรมใหม่ๆจะมีอยู่ 4 อย่างด้วยกัน ¢   Intradermal Air Dissector ¢    Future solution for Skin Rejuvenation ¢    Pang Pang ¢    New generation of IPL แต่เนื่องจากบางตัวนั้นยังเป็น Prototype อยู่ วันนี้ก็จะขอพูดถึงสิ่งที่มีแล้วก็ละกันนะคะ ซึ่งนวัตกรรมใหม่ที่คุณหมอนำเสนอก็คือ Intradermal Air Dissector เทคโนโลยีการแยกชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ตามธรรมชาติทั้งในแนวระนาบและแนวตั้ง  ทำให้ผิวหน้าฟู ตึงกระชับ ชั้นผิวหนาและแข็งแรงขึ้น  อายุผิวหน้าอ่อนเยาว์ลง โดยใช้เทคโนโลยีแรงดันอากาศสูง  ก่อนผลักวิตามิน สเต็มเซลล์  และสารบำรุงผิวเข้มข้นสูงสูตรเฉพาะของคุณหมอเอง จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:10:13

ความคิดเห็นที่ 3 วิธีการนี้ ตอนแรกก็อยากจะทำ แต่ก็แอบกลัว   แต่พอได้เห็นคุณหมอทำแล้ว มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด  เพราะรู้สึกว่าทำแล้วมันเห็นผลมากกว่า อย่างตัวส้มเองมีหลุมสิว เพราะเมื่อก่อนเป็นสิวเยอะมาก   เคยไปทำเลเซอร์ Fine Scan มา 6 ครั้งก็ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่มาก  หลุมสิวก็ยังคงอยู่ แถมทำแล้วทำให้หน้าดูคล้ำลง เพราะถ้าหากทำแล้วตากแดดปั๊บ ผิวจะไวต่อแสงมาก ทำให้ผิวคล้ำทันทีเลย แถมยังแสบผิวมากๆอีกด้วยค่ะ แต่เนื่องจากวันที่ส้มไป Workshop   ส้มยังมีสิวที่ขึ้นอยู่ตรงคาง ซึ่งเป็นสิวฮอร์โมนที่ขึ้นอยู่ปกติ ก่อนมีประจำเดือน  คุณหมอก็เลยให้ส้มทำ Skin Stamping ค่ะ ซึ่งวิธีการนี้ ก็คือการนำตัว Stamp  ที่มีเข็มเล็กๆเรียงกันเป็นแถวมากดให้ทั่วใบหน้า เพื่อเป็นการเปิดผิวเพื่อที่จะได้รับวิตามินเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น  ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ให้เกิดผิวใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นการทำร้ายผิวเหมือนพวกเลเซอร์  หากเราทำเลเซอร์บ่อยๆ ผิวหน้าเราก็จะได้รับรังสีเข้ามาก  ซึ่งมันก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงในอนาคตได้ค่ะ ดังนั้นเทรนด์ในปีนี้และปีหน้า จึงจะเป็นนวัตกรรมที่ไม่ทำให้ใบหน้าถูกทำลายมากที่สุด  จึงเรียกว่า Minimal invasive surgery  นั่นเอง จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:12:02

ความคิดเห็นที่ 4 มาดูหน้าตาของอุปกรณ์ในการทำ Derma Stamping  กันก่อนเลยนะคะ จริงๆก็ถ้าดูผ่านๆ มันก็ไม่มีอะไร  เหมือนอุปกรณ์ stamp ทั่วๆไป ต่างกันตรงที่มันมีเข็มเล็กๆเรียงกันอยู่เนี่ยแหละค่ะ แอบน่ากลัวนะ ( (นึกถึงแผ่นตะปูที่คนอินเดียเอามานั่งโชว์ ยังไงยังงั้นเลยค่ะ) จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:12:47

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีการทำ Derma stamping เริ่มจากการทายาชาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที (จะบอกว่า “ยาชาที่นี่เจ๋งมากๆค่ะ” ไม่ต้องทิ้งไว้นานเหมือนที่อื่นที่เคยไปทำ ) จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:13:11

ความคิดเห็นที่ 6 พอหน้าเราเริ่มชาแล้ว ก็จะทำการเช็ดยาชาออกให้หมด  เช็ดหน้าด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออีกครั้ง  เพื่อเตรียมพร้อมผิวในการทำ Skin stamping ในขั้นตอนต่อไป จากนั้นคุณหมอก็จะเริ่มนำเอา Stamp มากดให้ทั่วใบหน้า  เป็นการกระตุ้นผิวให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย  เซลล์ผิวหนังก็จะปล่อยสารกระตุ้นออกมาซ่อมแซมผิวตัวเองออกมา  ทำให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว   ในขั้นตอนนี้ ไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ   รู้สึกแค่เหมือนมีอะไรมากดที่หน้าเบาๆ  ความรู้สึกเหมือนเราเอาปลายเข็มมาจิ้มที่มือนิดเดียว  เนื่องจากยาชาออกฤทธิดีมาก ก็เลยสบายๆค่ะ ขั้นตอนนี้คุณหมอใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ   จากนั้นก็จะเป็นการเติมสารบำรุงที่มีส่วนผสมของ Growth Factor และวิตามินลงบนผิวที่ผ่านการ Stamping แล้ว  ซึ่งสารบำรุงนี้จะเป็นส่วนเพิ่มเติมมาจากสารกระตุ้น การซ่อมแซมตัวเองที่ผิวของเราจะหลั่งออกมาจากเซลล์ ตามธรรมชาติเมื่อเกิดการบาดเจ็บที่ผิวค่ะ หลังจากนั้นคุณหมอก็จะใช้เครื่อง Cryo Therapy  เป็นเครื่องทำความเย็นพิเศษ  ที่ให้ความเย็นถึงติดลบ 15 องศาเซลเซียส เพื่อผลักสารบำรุงเข้าสู่ผิวและช่วยลดอาการบวมแดง  ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นค่ะ ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ ส่วนวิธีการ ลองเข้าไปชมในวีดีโอนี้เลยนะคะ http://www.youtube.com/watch?v=AJmKJ6dBqbU จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:15:02

ความคิดเห็นที่ 7 VDO การทำ Skin Stamping + Cryo Therapy จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:15:40

ความคิดเห็นที่ 8  ข้อดีของการทำ Derma Stamping  ที่ต่างจากเลเซอร์ตามที่คุณหมอให้คำอธิบายมาคือ  การทำเลเซอร์นั้นเป็นเพียงแค่การรักษาจากขั้นตอนที่ 1 เท่านั้น  แต่ Derma Stamping จะช่วยแก้ปัญหาใน 3 ขั้นตอนคือ  ทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง  กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจนใต้ผิว ได้ดีกว่าการทำเลเซอร์  แถมยังไม่ต้องพักฟื้น สามารถโดนแดดได้  ไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะดำ หรือหน้าเป็นแผล  เพราะเป็นวิธีการที่รักษาโดยไม่ทำร้ายผิวหนังอย่างรุนแรง เหมือนการทำเลเซอร์ และให้ผลการรักษาที่เห็นผลชัดเจนมากกว่า   พอทำเสร็จก็รีบถ่ายรูปเอาไว้  จะได้เห็นว่าหน้ามันแดงน้อยลงกว่าตอนที่เห็นในวีดีโอเยอะเลยค่ะ  และวันรุ่งขึ้นก็ถ่ายรูปมาให้ดูว่ารอยแดงได้หายไปแล้วค่ะ ซึ่งดีมากๆ เพราะเราไม่ต้องพักฟื้นอะไร  เพียงแต่ต้องไม่แต่งหน้า 1 วันหลังทำ  และล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเท่านั้นค่ะ  จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:18:09

ความคิดเห็นที่ 9  ความรู้สึกหลังการทำได้ 1 วัน  สังเกตผิวหน้าตัวเองหลังทำได้ 1 วันคือ  “ผิวหน้าดูกระชับและตึงขึ้น”  เพราะจะเป็นคนชอบกดผิว  เอานิ้วจิ้มๆผิวหน้าแทบทุกวันเพื่อดูความยืดหยุ่นของผิว  ปกติมันจะไม่เด้งกลับคืนมาในทันที แต่พอทำแล้ว  หน้ามันเด้งมากๆค่ะ ผิวกระชับขึ้นมากๆ แต่สิวไม่ได้หายนะคะ ยังอยู่เหมือนเดิม  รูขุมขนก็ยังไม่ได้เล็กลงมากนัก ผลหลังการทำ วันที่ 1 ,3 จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:19:11

ความคิดเห็นที่ 10 ผลหลังการทำวันที่ 4 และ  7 สังเกตได้เลยว่า  “ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และเนียนเรียบขึ้น  โดยเฉพาะรอยหลุมสิว และพวกรอยแดง  รวมไปถึงจุดด่างดำบนผิวหน้าดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด”   ขนาดรูขุมขนประมาณวันที่ 4  หลังจากทำเริ่มเล็กลงถ้าเปรียบเทียบจากวันแรก  ที่สำคัญผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้นมากๆค่ะ  สัมผัสผิวได้รู้สึกได้เลยว่าผิวแข็งแรงขึ้นและดูตึงมากขึ้น    จนพี่ๆที่ทำงานทักว่าไปทำอะไรมา หน้าดูตึงดูกระชับขึ้นนะ  (ปลื้มเลยค่ะ) (ปล. ผลลัพธ์ที่ออกมาแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน  เพราะสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต่างกัน ) จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:21:15

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับการทำหน้าของส้มในครั้งนี้  นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ใหม่มาก  ซึ่งคุณหมอเองเป็นผู้ที่นำเข้ามาเป็นคนแรกเลย   เรียกได้ว่า ในบ้านเรายังไม่มีที่ไหนนำวิธีการนี้เข้ามาใช้เลยค่ะ  ตัวส้มเอง ทำเลเซอร์มาเยอะมาก  หาหลากหลายวิธีแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น จนต้องหยุดทำไป  แต่พอได้ลองแล้ว อย่างที่บอกค่ะ ผิวดีขึ้นมากๆ  จนหลายคนทักเลยค่ะ  ได้เห็นรูปที่ถ่ายเอาไว้แล้ว ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่า ในการทำแค่ครั้งเดียว จะดีขนาดนี้   สงสัยต้องได้ไปทำบ่อยๆแล้วล่ะค่ะ (อยากหน้าเด็กตลอดไป 555) ที่เอามาให้ทุกคนได้ดูนี้  เพราะรู้สึกว่า หลายๆคนคงมีปัญหาเช่นเดียวกับส้ม ส้มเองก็อย่างที่บอกค่ะ ทำมาหลายอย่างมาก ซึ่งพอส้มได้ทำตัวนี้แล้ว กล้าพูดเลยค่ะว่า มันได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำเลเซอร์ Fine Scan, Fraxel, E-matrix เยอะมากๆ  ค่าใช้จ่ายในการทำ Skin Stamping + Cryo Therapy ในการทำ 1 ครั้งอยู่ที่ 10,000 บาท ถามว่าแพงมั้ย?? ตอบได้ค่ะว่า แพง!! แต่พอเห็นผลลัพธ์ที่ได้แล้ว  ส้มคิดว่ามันคุ้มกว่าการที่ส้มไปทำ Fine Scan มา 6 ครั้ง  ราคาก็พอๆกัน  แต่ยังไม่ได้ผลเท่ากับการทำ Stamping ครั้งเดียวเลย สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณ นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ จาก AIC ศูนย์นวัตกรรมความงาม  ที่เชิญให้ส้มได้เข้าร่วม Workshop ในครั้งนี้ค่ะ ถ้าสาวๆคนไหนมีคำถามอะไรจะถามส้ม มาคุยกันได้ใน Facebook นะคะ  เพราะส้มไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านกระทู้เท่าไหร่ค่ะ คลิกที่นี่ได้เลยนะคะ >>>Beauty By Orangina    หวังว่ารีวิวครั้งนี้คงจะเป็นประโยชน์กับผู้มีปัญหาผิวเช่นเดียวกับส้มนะคะ  ขอบคุณมากๆค่ะ  จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:27:54

ความคิดเห็นที่ 12 ไหนๆ แล้วก็บอกราคาเลยได้ไม๊คะ จากคุณ : ดูดีเป็นที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:32:38

ความคิดเห็นที่ 13 บอกไปแล้วค่ะใน คห.11 ลองอ่านดูนะคะ ครั้งละ 10000 ค่ะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:39:40

ความคิดเห็นที่ 14 น่าสนใจมากเลยค่ะ หลังทำหน้าจะแดงไปประมาณกี่วันค่ะแล้ว สามารถแต่งหน้าได้เลยรึป่าวค่ะ จากคุณ : Nu_NaM_SoM เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:48:39

ความคิดเห็นที่ 15 แดงแค่หลังทำวันเดียวค่ะ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า 1 วันหลังทำ วันที่ 2 แต่งหน้าได้ตามปกติค่ะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:52:06

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ ตอนอ่านยังไม่เห็น คห. 11 ค่ะ ^ ^ จากคุณ : ดูดีเป็นที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:59:02

ความคิดเห็นที่ 17 จะคล้าย dermaroller หรือเปล่านะ? จากคุณ : ใครคนหนึ่ง... เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:00:23

ความคิดเห็นที่ 18 คนละอย่างเลยค่ะ ลองเข้าไปดูในวีดีโอได้ค่ะ  เราทำมาหลายอย่างแล้ว เราว่าตัวนี้เห็นผลสุด ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้นเลย แดงแค่วันเดียว จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:01:22

ความคิดเห็นที่ 19 ดูจากรีวิว เเล้วหลักการเหมือนการทำ DermaRoller ที่มีการทำให้ผิวมีการบาดเจ็บเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้เซลล์สร้างคอลลาเจน เเละมีการเติมสาร บำรุงต่างๆ ลงไปในผิวหลังจากการทำ   ไม่ทราบว่า คุณหมอเเจ้งข้อเเตกต่างระหว่างการทำ Skin Stamping กับ DermaRoller ไหมค่ะ เพราะราคา ถือว่าเเพงมากค่ะ จากคุณ : cyri (cyri) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:23:24

ความคิดเห็นที่ 20 คห. 19 เดี๋ยวส้มจะลองไปถามข้อมูลคุณหมอมาให้นะคะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:48:49

ความคิดเห็นที่ 21 วิธีการทำ คล้าย dermaroller เลย แต่แปลกตรงที่ทำไมมันถึงแพงขนาดนั้น เพราะดูอุปกรณ์ที่ทำแล้ว ไม่มีอะไรมากเลย จากคุณ : milkanak เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 11:37:08

ความคิดเห็นที่ 22 มันแพงที่ตัวยาที่หมอใส่เข้าไปน่ะค่ะ เท่าที่คุยกับคุณหมอ สูตรยาตัวนี้เป็นลิขสิทธิของคุณหมอเค้าน่ะค่ะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 11:38:15

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ จขกท มากนะค่ะ  คือด้วยตัวเอง มีปัญหาเรื่องหลุมสิวที่แก้ม สองข้าง ทำมาหลายอย่างเเล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็น DermaRoller หรือพวกเลเซอร์ ต่างๆ ผลลัพท์ที่ได้มันไม่ชัดเจนมาก ได้เรื่องรูขุมขน เเละหน้าทีเนียนขึ้น เเต่หลุมดูตื้นขึ้นนิดหน่อยค่ะ เลย พอมีเทคนิคอะไรใหม่ๆ เลยสนใจไปซะหมด จากคุณ : cyri (cyri) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 11:42:29

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่มีรูปผิว before เปรียบเทียบให้ดูก่อนหรอคะ จากคุณ : ซาลาเปาขาวอวบ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:04:14

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ถามคุณหมอแล้ว ในกรณีของส้ม ต้องทำ Stamping ประมาณ 3-4 ครั้ง และถ้าตรงไหนที่มีหลุมสิวลึก ก็อาจะต้องใช้ Air Dissector เข้าช่วยค่ะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:36:57

ความคิดเห็นที่ 27 แก้ไขรูป Before After ใหม่นะคะ รูปนี้สีผิวเท่ากันจะได้ดูง่ายขึ้น และชัดมากกว่า รูปใน คห 25 จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:59:16

ความคิดเห็นที่ 28 น่าสนใจมากๆๆค่ะ จากคุณ : morningglory_kitty เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:14:01

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้สินะ ดูอุปกรณ์ ไม่เห็นมีอะไรเลย  หมื่นนึงแน่ะ!!!! จากคุณ : vanilla caramel เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:15:59

ความคิดเห็นที่ 30 คิดเหมือนเราตอนแรกเลย งงมาก อุปกรณ์นิดเดียว 555555 จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 15:06:06

ความคิดเห็นที่ 31 คิดเหมือนเราตอนแรกเลย งงมาก อุปกรณ์นิดเดียว 555555 แต่เห็นผลลัพธ์แล้ว มันสุดยอดกว่า เพราะเราหาทางรักษามาหลายวิธีแล้วไม่ได้ผลเลย จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 15:07:10

ความคิดเห็นที่ 32 ขอโทษนะครับ ถ้าิีอีกสัก 3 เดือนมารีวิวใหม่ได้ไหมเอ่ย ตอนนี้มันเป็น downtime ของการทำ procedure จะเกิด คอลลาเจน segment สั้นๆก่อน ต่อมามันจะสลายลงไป เพื่อนๆจะได้ได้ข้อมูลที่แท้จริง เพราะเป็น SR ด้วยอ่า จากคุณ : Magic_Of_voice เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 17:08:35

ความคิดเห็นที่ 33 ได้เลยค่ัไม่มีปัญหา จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 18:33:17

ความคิดเห็นที่ 34 มันไม่เหมือนกับเดอร์มาโรลเลอร์ยังไงเหรอครับ เปลี่ยนจากกลิ้งๆเป็นปั๊มๆ จากคุณ : CH3-CH2-OH เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 20:23:53

ความคิดเห็นที่ 35 บีฟอร์กับอาฟเตอร์ไม่ค่อยแตกต่าง คห27ผิวจขกทค่อนข้างดีอยู่แล้ว จากคุณ : weirdbird เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 21:30:14

ความคิดเห็นที่ 36 ไปถามคุณหมอมาให้แล้วนะคะ Derma Roller แตกต่างจากการทำ Skin Stamping ค่ะ เนื่องจากตัว Derma Roller เป็นเทคโนโลยีเก่า ใช้เข็มขนาดใหญ่และยาวกว่า ดังนั้นการทำ Derma Roller จะทำร้ายผิวมากกว่า ทำให้เกิดอาการแดงมาก หลังการทำจึงอาจจะทำให้หน้าแดงคล้ำลงได้ ซึ่งหลายๆ ที่ในเกาหลี Derma Roller เลิกใช้มานานแล้ว  นอกจากนี้ อุปกรณ์ลูกกลิ้งของตัว Derma Roller ในลักษณะของการกลิ้งไป-มา จะทำให้สารบำรุงผิวเกิดการไม่ทั่ว และทั่วใบหน้าได้ยากกว่า ส่วนตัว Skin Stamping ตัว Stamp นำเข้ามาจากเกาหลี และส่วนที่แพงคือน้ำยาสูตรพิเศษเฉพาะของ AIC ค่ะ จากคุณ : beautybyorangina เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:24:36