Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[CR] Review รักษาหลุมสิวด้วย Erbium YAG Laser แบบละเอียดมาก (ไม่มีภาพประกอบนะครับ) ติดต่อทีมงาน

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวห้องแป้งทุกคน ผมไม่เคยเขียนรีวิวอะไรมาก่อน นี่เป็นกระทู้แรก ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือทำผิดกฎ บอกได้เลยนะครับ

ขอเล่าถึงสภาพหน้าของผมก่อนนะครับ ผมเป็นคนที่เป็นสิวมานานมาก ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเลย ตอนนั้นไม่เคยรักษาสิวเลย ยาไม่เคยทา แกะสิว บีบสิว กดสิวเอง หลัง ๆ มาเริ่มรักษาจริงจัง ใช้เรตินเอ BP ทานยาปฏิชีวนะตามที่หมอผิวหนังสั่ง สิวก็ดีขึ้นมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ดีขึ้นครับ นั่นก็คือหลุมสิวครับ ผมเป็นเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะข้างแก้ม เรียกว่าหลุมอุกกาบาตได้เลย

ผมติดตามทวิตเตอร์ของคุณหมอรังสิมา (@DrRungsima) ที่เป็นแพทย์ผิวหนังอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชมาโดยตลอด ได้ความรู้เรื่องหลุมสิวมากมาย เลยอยากจะมาเอามาแชร์ให้ฟังครับ

1) การรักษาหลุมสิวบนใบหน้า ถ้าเป็นหลุมสิวจำนวนไม่มาก (ไม่เกิน 5 จุด) และตื้น ใช้การจี้กรดจะราคาถูก และได้ผลพอสมควร
2) ถ้ามีหลุมสิวจำนวนมากหรือลึก ไม่ควรจี้กรด เพราะต้องทำหลายครั้ง และไม่ค่อยได้ผลดี ควรรักษาด้วยการกรอผิวด้วยเลเซอร์ หรือคลื่นความถี่วิทยุ
3) ส่วนการกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (microdermabrasion) หรือ dermarollers มีงานวิจัยแล้วว่าไม่สามารถช่วยรักษาหลุมสิวหรือริ้วรอยได้
4) การกรอผิวด้วยเลเซอร์มีทั้งเลเซอร์กรอผิวแบบตื้นหรือแบบลึก แบบลึกมีประสิทธิภาพดีกว่า แต่ผลข้างเคียงเช่น รอยดำหลังการทำเลเซอร์เกิดมากกว่า
5) การทำเลเซอร์กรอผิวเพื่อรักษาหลุมสิว ต้องทำหลายครั้ง (เดือนละครั้ง) ส่วนจำนวนครั้งขึ้นกับความรุนแรงของหลุมสิว ยิ่งลึกก็ยิ่งต้องทำหลายครั้ง
6) หลังการทำเลเซอร์กรอผิวทุกครั้ง จะมีแผลอยู่นาน 5-7 วัน ซึ่งระหว่างนี้จะต้องดูแลแผลตามแพทย์สั่ง และหลบแดดอย่างเคร่งครัด
7) โดยทั่วไปหลุมสิวจะดีขึ้น 10-20% หลังการทำเลเซอร์ 1 ครั้ง ซึ่งต้องขึ้นกับประสิทธิภาพของเครื่องเลเซอร์ และความลึกของการกรอผิวด้วย
8) คลื่นความถี่วิทยุสามารถรักษาหลุมสิวได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่ทำให้เกิดแผล คลื่นความถี่วิทยุทั่วไปไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้
9) คลื่นความถี่วิทยุชนิดทำให้เกิดแผล ต้องทำหลายครั้งกว่าหลุมสิวจะดีขึ้น แต่มีข้อดีตรงที่มีผลข้างเคียงที่เกิดรอยดำหลังการรักษาต่ำมาก
10) อย่างไรก็ตาม ไม่มีเทคโนโลยีไหนในปัจจุบันที่สามารถคืนผิวที่เรียบเนียน 100% ให้กับผิวที่เป็นหลุมสิวได้ ดังนั้นไม่ควรบีบแกะหรือกดสิว
11) ก่อนจะบีบ แกะ หรือกดสิว ขอให้นึกไว้เสมอว่าการกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่การเกิดการอักเสบ รอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวที่ไม่สามารถรักษาได้ 100%

โดยสรุปแล้ว การรักษาหลุมสิวมีด้วยกัน 3 วิธีหลัก ๆ คือ

1.จี้กรด (ได้ผลไม่แน่นอน ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์)
2.เลเซอร์กรอผิว หรือ เลเซอร์ปรับสภาพผิว (ได้ผลดี)
3.คลื่นความถี่วิทยุชนิดทำให้เกิดแผล หรือที่เรารู้จักกันว่า E-Matrix(ชื่อยี่ห้อหนึ่ง) นั่นเอง (ให้ผลดีพอ ๆ กับเลเซอร์กรอผิวชนิดมีแผล แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า แผลจะหายเร็วกว่า และราคาแพงกว่ามาก)

ซึ่งผมเลือกที่จะทำวิธีที่ 2 ครับ คือเลเซอร์กรอผิว ซึ่เลเซอร์ก็แยกออกเป็น 3 ชนิด คือ
1.ชนิดมีแผล เช่น Erbium YAG Laser, Carbon dioxide Laser
2.ชนิดไม่มีแผล เช่น Gentle YAG Laser 
3.ชนิดแผลน้อย เช่น Fraxel, Mosaic, Fine Scan
(จากหนังสือสวยด้วยเลเซอร์ ของ คุณหมอวรพงษ์ มนัสเกียรติ)
ชนิดมีแผลจะได้ผลมากที่สุด แต่ก็มีผลข้างเคียงเยอะ และนาน ส่วนชนิดไม่มีแผล แทบจะไม่ได้ผลเลย จึงมีการพัฒนาชนิดที่สามขึ้น คือชนิดแผลน้อย ได้ผลดีกว่าชนิดไม่มีแผล และผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดมีแผล

จากคุณ : SaiNoGO
เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 18:23:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com