วิตามินอีไม่ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด (Vivekananthan DP, Lancet 2003;361:2017)
ตำราโรคหัวใจเล่มล่าสุด (Braunwald's Heart Disease) ได้ตีพิมพ์ข้อสรุปจากการศึกษาแบบสุ่ม ๗ การศึกษา ในประชากร ๘ หมื่นกว่าคน พบว่า
การกินวิตามินอีไม่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด (กลุ่มที่กินเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดร้อยละ ๑๑.๓ กลุ่มควบคุม เกิดร้อยละ ๑๑.๑)
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนกินวิตามินรวม ไม่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือการเสียชีวิต
(Neuhouser ML. Arch Intern Med 2009;169:294-304)
การศึกษา Women's Health Initiative เป็นการศึกษาในหญิงอเมริกัน ๑ แสน ๖ หมื่นกว่าคน ทั้งในการวิจัยทางคลินิกและการติดตามระยะยาว
ประมาณ ๘ ปี พบว่า
หญิงวัยหมดประจำเดือนที่กินวิตามินรวม ไม่ว่าจะกินวิตามินรวมเดี่ยว วิตามินรวมร่วมกับเกลือแร่ (เช่น แคลเซียม) หรือวิตามินรวมในขนาดสูง
(สูงกว่าร้อยละ ๒๐๐ ของระดับที่แนะนำ) ไม่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง (ที่พบบ่อย) โรคหัวใจและหลอดเลือด และไม่มีผลต่อการ
เสียชีวิตจากทุกสาเหตุ
คำแนะนำของสมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) ปี พ.ศ.๒๕๔๙ (Circulation 2006;114:82-96)
แม้ว่าวิตามินเม็ด หรือสารต้านอนุมูลอิสระสกัด เช่น วิตามินอี บีตาแคโรทีน ซีลีเนียม ไม่แนะนำให้กิน แต่แนะนำให้กินอาหารจากพืชแทน
(เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดขาว น้ำมันพืช ที่มีวิตามินดังกล่าว)
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 55 13:48:04
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 55 13:40:01
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 55 13:38:02