ความคิดเห็นที่ 1 2 จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 20:24:28

ความคิดเห็นที่ 2 โหวดจ้า จากคุณ : KhunYingz เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 21:56:05

ความคิดเห็นที่ 3 ถูกใจมากๆเลย จากคุณ : ดอกซากุระบานแค่เจ็ดวัน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 22:00:43

ความคิดเห็นที่ 4 โดนน่ะ ไปโพสต์ห้อง..... เพื่อถามว่าจริงหรือเปล่าดี กว่า จากคุณ : ชีวิตจริง เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 00:21:26

ความคิดเห็นที่ 5 คุณลูกเป็ดทำออกมาน่ารักม้าก จากคุณ : ไม่ได้อ่าน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 00:40:29

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่า  ต้องไปหาอุ้งเท้าระกากินบ้างแล้ว  จากคุณ : _toon_ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 00:41:43

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะ อยากซื้อมากินเหมือนกัน  จะได้สวยวิ้งๆกะเค้ามั้ง คงต้องล้มเลิกโครงการหาวิธีอื่น จากคุณ : โมโม่เหมียวเหมียว เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 00:54:32

ความคิดเห็นที่ 8 เดี๋ยวนี้เราๆท่านต่างโดนโฆษณาหลอก(ล่อ)อยู่นะคะ โปรดศึกษาก่อนบริโภคด้วยค่ะ ด้วยความเป็นห่วง จากคุณ : คุณหญิงซิมบ้าไลออนคิง เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 01:00:03

ความคิดเห็นที่ 9 พยายามจะบอกให้คนรู้จักทั้งหลายเลิกงมงาย   แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  เหมือนโดนล้างสมองไปแล้ว เดือนๆหนึ่ง หมดค่าอาหารเสริมหลายพันบาท สงสาร  แต่เตือนแ้ล้วไม่ฟังก็ช่วยไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 00:06:30 จากคุณ : เสียความรู้สึก~ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 01:03:02

ความคิดเห็นที่ 10 แปลอุ้งเท้าระกาตั้งนานแนะตัวเธอ จากคุณ : อิลุ๊ อิลุ๊ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 06:15:11

ความคิดเห็นที่ 11 ฮ่าๆๆ รูปประกอบน่ารักดีค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงพระจันทร์ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 08:09:56

ความคิดเห็นที่ 12 ยำหนังวัว 55555 จากคุณ : sweet sacrifice เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 08:35:33

ความคิดเห็นที่ 13 อุ้งเท้ากา !!!! ฮาอ่ะอิอิ จากคุณ : sueki เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 09:00:07

ความคิดเห็นที่ 14 โหวต มีเพื่อนที่เรียน ป.เอกหลายคน กินคอลลาเจนทุกวัน แล้วมโนเอาว่าที่ตัวเองหน้าใสเด้งมันเป็นเพราะกิฟฟารีน คอลลาเจน จากคุณ : chan-rak-thong-fa เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 09:52:04

ความคิดเห็นที่ 15 กะลังจะอุ่นอุ้งเท้าระกาน้ำแดงกินเลยค่ะ วันนี้ได้คอลลาเจนแล้ว เย้ๆๆ จากคุณ : แม่นางแจ๋วแหวว เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:00:16

ความคิดเห็นที่ 16 หมายเหตุ ข้าพเจ้าก็กินค่ะ กินเจเล่บิวติ ห่อละสิบบาท ข้อหา อร่อยกว่าเจเล่ถ้วยห้าบาทอ่ะ 555 เมื่อก่อนชอบดัชชี่ที่มีคอลลาเจนเคี้ยวหนึบๆมาก(พอลล่าเป็นพรีเซนเตอร์) เสียดาย เขาไม่ทำต่อ เป็นสินค้าที่ออกมาเร็วไปหน่อย อยากให้ทำอีก YY จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:05:35

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบดัชชี่ที่มีให้เคี้ยวเหมือนกัน อร่อยดีมิได้หวังผลอื่นแต่อย่างใด 55 จากคุณ : go to bed เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 11:06:14

ความคิดเห็นที่ 18 เราเคยถามพี่ตั้งแต่พวกคอลลาเจนกำลังบูม พอดีพี่เราเป็นหมอผิวหนัง พี่บอกว่า ถ้ากินแล้วจะสวยผิวดีขึ้น เอามันมาทาผิวไม่ดีกว่าเหรอซึมโดยตรง แล้วกินกว่าจะสวยนะ หมดเป็นลังๆก็ไม่ช่วย อ้วนอีกต่างหาก ฟิ้ว จากคุณ : ล่องลอยในความฝัน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 11:54:37

ความคิดเห็นที่ 19 เราสงสัยมากเลยค่ะ ว่าถ้ากินคอลลาเจนแล้วมันไม่ได้ผล ทำไมในญี่ปุ่นถึงขายดีจังเลยคะ เดินไปร้านขายยาที่ไหนก็มีคอลลาเจนแบบกระป๋องแบบเม็ดแบบน้ำวางขายเต็มไปหมด ผู้หญิงญี่ปุ่นที่เรารู้จักก็กินคอลลาเจนผงของเมจิ (ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ของนิปปิเค้าว่าดีสุดแต่มันแพง ฮ่าๆๆ) รึว่ามันเป็นแค่เทรนด์คลั่งไคล้ของคนที่นี่ก็ไม่รู้สิ คนทั่วไป ดารานางแบบก็กินกันหมด แต่คนญี่ปุ่นเค้ากินอาหารเสริมกันเยอะมากๆอยู่แล้วอ่ะค่ะ อย่างพวกdhcขายเป็นพรืด ยาหรือวิตามินที่ทำให้ขาวเค้าก็กินกันเยอะแยะ จากคุณ : >>ryochan>> เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 11:57:56

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วถ้าเป็น COLLAGEN PEPTIDE  ล่ะ ? โมเลกุล ที่เล็กกว่ามาก ผลลัพท์จะเหมือนกันไหม ? แล้ว ถ้ามันกระจายไปสร้างทั่วร่างกาย การรับประทานอย่างต่อเนื่อง (ไม่คิดเรื่องเงินที่จ่าย สมมติว่าได้ฟรีๆ)  ทุกวัน ในที่สุด มันก็จะไปบำรุงที่ผิวหน้าและส่วนต่างๆ จนได้ ถูกต้องหรือไม่ ? อยากให้ อธิบายถึงตรงนี้ด้วย นะครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:05:27

ความคิดเห็นที่ 21 ไว้มีเวลาจะ มาขอแสดงความเห็นด้วย ครับ   ผมก่อนหน้านี้ ทำงานรับผิดชอบด้าน คอลลาเจน ของ บริษัทดัง แห่งนึง ตอนนี้ลาออกแล้ว พอจะให้ ข้อมูลได้ครับ ส่วนเรื่องได้ผล นี่ผมยืนยัน กับหน้าผม และ ลูกค้าประจำครับ เพราะผมตอบเป็นวิชาการไม่ได้ ไม่ได้จบตรงมาทางนั้น ตอนนั้นผมดูแลคอลลาเจน อันดับ 1 ของโลก มีผลวิจัย รองรับหมด อยากบอกแค่ ยี่ห้ออื่นๆ น่ะ เอาของจีน ของไตหวันมาขาย ซึ่งของคนละเรื่อง คนละเกรด ดังนั้น ถ้ามีคำถามขอแยกตอบ เป็นกรณีนะครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:11:19

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนเรื่อง ทา นี่ ไม่เข้าแน่นอน ครับ รับรอง  เพราะในทางปฎิบัติทำไม่ได้ ครับ แต่กินเนี่ย ทำได้ แต่อาจต้องอธิบายกันหน่อยครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:12:33

ความคิดเห็นที่ 23 ยำหนังวัว 55555555555555555+ จากคุณ : มีหมาชื่อมาเฟีย เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:20:12

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อนเป็นหมอเคยด่าเหมือนกันว่ากินแล้วไม่มีผล ไร้สาระ กว่าจะย่อยก็เหลือแค่แป้งร่างกายไม่ดูดซึมบล่าๆๆๆ แต่ก็ไม่เชื่ออยู่ดี เลยลองกินไฮยารูรอนของDHC กินไปสองอาทิด ผิวลื่นขึ้นแบบไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน หลังจากนั้นเลยเลิกฟังเพื่อนไปเลย แต่เพื่อนก็ยังด่าต่อไป ไม่สนใจ 5555 จากคุณ : ความคิดเห็นส่วนตัว เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:38:15

ความคิดเห็นที่ 25 พวกถามเรื่องกินคอลลาเจน พูดจนปากจะฉีก แม่มก็ไม่เคยเชื่อ คนเราต้องการโปรตีน 0.8-1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม นม 200 ซีซี มีโปรตีนเพียง 6-8 กรัม เราคิดว่าคอลลาเจนก็เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ย่อยไปเป็นกรดอะมิโน ไปซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย การกินคอลลาเจน ก็เหมือนกินโปรตีนเสริม ร่างกายมีวัตถุดิบให้ใช้มากขึ้น ซึ่งโปรตีนอย่างอื่นก็ทำได้ เช่น เวย์โปรตีน โปรตีนไข่ขาว ในราคาถูกกว่า แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 14:26:27 จากคุณ : snowapple เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:23:14

ความคิดเห็นที่ 26 เค้ากินคากิ เค้าก็ได้คอลลาเจนนะตะเอง >0< จากคุณ : Sweetest Love เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:25:13

ความคิดเห็นที่ 27 กินเมจิคอลลาเจนค่ะ เพราะเข่าเริ่มเดี้ยง เพื่อนที่เป็นแอร์เลยแนะนำให้กินตัวนี้ เพื่อเพิ่มน้ำเลี้ยงข้อเข่า เราว่ามันได้ผลดีเลยนะคะ สำหรับเข่า แต่เรื่องผิวหน้านี่ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : wormbook เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:31:10

ความคิดเห็นที่ 28 ถึงจะมี108 ทฤษฏีและเหตุผลเป็นล้านมาอธิบาย..ยังไงก็สู้  "ความรู้สึก"ของฉันที่ได้สัมผัสมันจริงๆนะเธอว์.. คนอื่นได้ผลไม่ได้ผลไม่รู้  แต่ฉันว่า...ฉันกินแล้วฉันทาแล้วได้ผลจริงจริ๊ง.. เพราะฉันสัมผัสจากความรู้สึกที่.."คิดไปเอง" ไงล่ะเธอว์ ^^ ปล.น้องที่รู้จักซื้อขวดดอกไม้สีชมพูที่ 7-11 มาทุกเช้า น้องบอกมันช่วย คอลลาเจนนะ ผิวสวยขึ้น...เห็นกินต่อเนื่องมาสองปีกว่าแล้ว..เราก็ว่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง /แต่เราก็กินนะกินขวดสีเขียวเวลาไม่ได้ถ่ายหลายวัน กินแล้วไหลดีจริง  ^^ จากคุณ : nuchnanuch เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:34:20

ความคิดเห็นที่ 29 เอามาฝากค่ะ ข้อสรุป สำหรับทุกคำถามที่มีคนถามค่ะ http://www.vcharkarn.com/varticle/42058 เป็นเรื่องจริงที่เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนในร่างกายและผิวหนังจะเสื่อมสภาพไป ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง จึงเป็นเหตุให้ผิวหนังเหี่ยวย่น แต่ข้อมูลเรื่องการบริโภคคอลลาเจนจากแหล่งอื่นจะเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกายได้นั้น เป็นข้อมูลที่หมกเม็ดข้อเท็จจริงบางอย่างไว้ และเลือกใช้ถ้อยคำโฆษณาที่ฟังดูดีทำผู้ฟังคล้อยตาม             ข้อเท็จจริงประการแรกคือ การดูดซึมโปรตีนเข้าสู่ร่างกายจำเป็นต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อน โปรตีนทุกชนิดจะถูกเอนไซม์หลายชนิดในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กย่อยสลาย จากโปรตีนที่เป็นสายยาวจะถูกเอนไซม์ตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหลือเพียงหน่วยย่อยที่เล็กที่สุด คือ กรดอะมิโน แล้วร่างกายจึงดูดซึมกรดอะมิโนเพื่อนำไปประกอบกันขึ้นใหม่เป็นโปรตีนที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ คล้ายๆ กับการประกอบตัวต่อเป็นรูปร่างต่างๆ ภายในขวด ที่เราไม่สามารถประกอบเป็นรูปร่างจากภายนอกขวดแล้วใส่เข้าไปได้ แต่จะต้องแยกตัวต่อเป็นชิ้นๆ ใส่ทางปากขวดทีละชิ้นแล้วประกอบภายในขวดเท่านั้น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:44:36

ความคิดเห็นที่ 30 คอลลาเจนเองก็ต้องถูกย่อยจนกลายเป็นกรดอะมิโน ไม่เหลือสภาพความเป็นคอลลาเจน ไม่แตกต่างจากโปรตีนชนิดอื่นๆ คอลลาเจนไม่ได้ถูกดูดซึมไปทั้งเส้นแล้วตรงไปประกอบเข้าเป็นผิวหนังอย่างที่หลายคนจินตนาการจากคำโฆษณา คอลลาเจนชนิดที่ทาผิวก็ไม่สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้เช่นกัน ด้วยตรรกะง่ายๆ ว่า ลำไส้ที่เป็นอวัยวะสำหรับดูดซึมสารต่างๆ จากภายนอกโดยเฉพาะยังไม่สามารถดูดซึมโปรตีนเล็กๆ สักโมเลกุล  คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้น ผิวหนังย่อมไม่สามารถดูดซึมได้อย่างแน่นอน             ประการที่สอง คอลลาเจนไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวแต่ เท่าที่ค้นพบในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 29 ชนิด แต่ละชนิดก็เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อแบบต่างๆ คอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิวหนังคือคอลลาเจน 1 นอกจากนี้คอลลาเจนของสัตว์แต่ละชนิดล้วนแตกต่างกัน สังเกตได้ง่ายๆ จากเนื้อหมู เนื้อไก่ และเนื้อปลา จะมีลักษณะและความยืดหยุ่นแตกต่างกัน ดังนั้นความแตกต่างของคอลลาเจนในสัตว์แต่ละชนิดจึงทำให้ ไม่สามารถนำคอลลาเจนจากสัตว์อื่นๆ มาทดแทน หรือรวมเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างผิวหนังของคน                            ดังนั้นเมื่อคอลลาเจนไม่สามารถรับจากภายนอกได้ ไม่สามารถรับจากสัตว์อื่นๆ ได้ หากต้องการให้ร่างกายมีคอลลาเจนอย่างเพียงพอ มีเพียงการบำรุงรักษากลไกของร่างกายที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาจนเท่านั้น การบำรุงรักษานั้นเพียงแค่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้นเอง วัตถุ ดิบที่จำเป็นในการสังเคราะห์คอลลาเจนเราได้รับอย่างเพียงพอจากอาหารอยู่แล้ว การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นให้กลไกทำงาน และการพักผ่อนช่วยให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายสึกหรอช้าลง              แม้จะเป็นวิธีการง่ายๆ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบเท่าใดนัก มักอ้างว่าไม่มีเวลา ไม่สะดวก และไม่อยากทำอย่างต่อเนื่อง อยากได้ทางลัด ทางสบาย หรือวิธีการสำเร็จรูป จึงเป็นจุดอ่อนให้ผู้ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพทั้งหลายเอามาใช้ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:45:00

ความคิดเห็นที่ 31 หัวใจอยู่ตรงนี้ค่ะ โฆษณามักใช้คำว่า "ช่วยเสริมสร้าง" คอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งไม่ใช่การโกหกแต่อย่างใด เพราะการกินคอลลาเจนร่างกายจะได้รับกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างโปรตีนทุกชนิด รวมทั้งคอลลาเจนด้วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากรดอะมิโนที่ได้รับจะถูกนำไปสร้างเป็นคอลลาเจน ในผู้สูงอายุร่างกายมีการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังน้อยลง ไม่ได้เป็นเพราะขาดกรดอะมิโนที่เป็นวัตถุดิบในการสร้าง แต่เป็นเพราะกลไกต่างๆ ในการสร้างคอลลาเจนเสื่อมไปตามอายุ การกินกรดอะมิโนเพิ่มขึ้นจึง แทบจะไม่ "ช่วยเสริมสร้าง" คอลลาเจนในผิวหนังเลย จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:45:27

ความคิดเห็นที่ 32 คอลาเจน (จากหมู วัว)              กรัมละ 10 บาท    คอลาเจนจากปลา                    กรัมละ 12 บาท    คอลาเจนจากปลาทะเล              กรัมละ 15 บาท    คอลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก       กรัมละ  17 บาท    คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อน้ำลึก    กรัมละ 20 บาท    คอลลาเจน 3 สาย จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น                   กรัมละ 22 บาท    คอลลาเจน 3 สาย จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสติน  กรัมละ 25 บาท    คอลลาเจน 3 สาย จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสตินเกรด A จากประเทศเกาหลี กรัมละ 30 บาท    คอลลาเจน 3 สาย จากหอยเป๋าฮื้อสกัดเย็น ผสมอีลาสตินเกรด A ผสมทองคำนาโน  กรัมละ 50 บาท สุดแท้แต่ผู้ผลิตแต่ละรายจะสรรค์หาถ้อยคำมาอวดอ้างสรรพคุณได้ แค่เพิ่มคำยากๆ ที่ผู้บริโภคอ่านแล้วไม่เข้าใจต่อท้ายสามารถทำให้ขายได้ราคาหลักพันต่อ 1 กระปุก (40 กรัม)                คำโฆษณาของคอลลาเจนหลากหลายรูปแบบเป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่ไม่มีแก่นสาร เป็นการใช้ถ้อยคำที่ฟังเข้าใจยากมาประกอบคำโฆษณาให้ดูหรูหราเพื่อเพิ่มมูลค่าเท่านั้น หากย้อนกลับไปที่ความรู้พื้นฐานข้างต้นจะเห็นว่าคอลลาเจนจากสัตว์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่ว่าจะมาจากน้ำลึกหรือไม่ ล้วนไม่สามารถใช้แทนคอลลาเจนในร่างกายเราเอง คอลลาเจนที่ถูกอ้างว่าผ่านกระบวนการสกัดเย็นทำให้มีโปรตีน 3 สาย หรือที่เรียกว่าคอลลาเจนสดเอง ก็ไม่ได้มีคุณค่าใดมากไปกว่าคอลลาเจนจากเนื้อหมู เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นโปรตีนชนิดใด เป็นคอลลาเจนกี่สายก็ตาม ล้วนแต่ถูกย่อยจนเหลือเพียงกรดอะมิโนก่อนจะดูดซึมทั้งนั้น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:45:54

ความคิดเห็นที่ 33 คุณค่าที่ได้จากการบริโภคคอลลาเจนจึงไม่ได้มากมายเหมือนกับคำโฆษณา หากเปรียบเทียบกับคุณค่าที่ได้จากการบริโภคโปรตีนชนิดอื่นๆ คอลลาเจนอาจมีคุณค่าน้อยกว่าด้วยซ้ำ คุณค่าหรือคุณภาพของโปรตีนนั้นพิจารณาจากชนิดและปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายที่มีอยู่ในโปรตีนนั้น               กรดอะมิโนในสิ่งมีชีวิตมีชีวิตมี 20 ชนิด ในจำนวนนี้มี 8 ชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ หรือสังเคราะห์ได้แต่ไม่เพียงพอ จึงต้องรับเอาจากการกินอาหาร เรียกกรดอะมิโนในกลุ่มนี้ว่ากรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งได้แก่ ไอโซลูซีน (isoleucine) ลูซีน (leucine) ไลซีน (lysine) เมทไธโอนีน (methionine) เฟนนิลอลานีน (phenylalanine) ทริโอนีน (threonine) ทริปโตเฟน (tryptophan) และวาลีน (valine)                องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้กำหนดค่า Protein Digestibility Corrected Amino Acid Score (PDCAAS) เพื่อใช้ระบุถึงคุณค่าของโปรตีนต่อร่างกย โดยประเมินจากสัดส่วนและปริมาณกรดอะมิโนที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้                ตัวอย่างเช่น โปรตีนในนม (เคซีน) โปรตีนไข่ขาว และโปรตีนถั่ว มีค่า PDCAAS 1.0 ซึ่งเป็นค่าสูงสุด แสดงว่าร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด เนื้อวัวมีค่า 0.92 เนื้อไก่ 0.71 ประโยชน์ที่ได้ก็ลดหลั่นลงไป เป็นต้น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:46:43

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างไรก็ตามคอลลาเจนไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว ในทางการแพทย์แผ่นคอลลาเจนเป็นวัสดุที่เหนียว ยืดหยุ่น และอุ้มน้ำได้ดี เป็นคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับใช้ปิดปากแผล ใช้เป็นลิ้นหัวใจเทียม หรือใช้ในการศัลกรรมอวัยวะต่างๆ รวมทั้งเพื่อเสริมความงาม ในอุตสาหกรรมอาหารใช้คอลลาเจนในการเพิ่มเนื้อสัมผัสให้อาหาร โดยใช้คอลลาเจนที่ผ่านความร้อนเป็นเวลานานจนโปรตีนเสียสภาพ หรือที่เรียกว่า เจลลาติน ซึ่งเราเองก็บริโภคกันมานานในฐานะขนมชนิดหนึ่ง จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:46:58

ความคิดเห็นที่ 35 จากเว็บวิชาการนะคะ คอลลาเจนมีคุณค่าเท่าที่มันจะมีได้ เราใช้ประโยชน์และบริโภคมันมานานแล้ว ก่อนที่จะมีผู้นำไปกล่าวอ้าง เสริมเติมแต่งสรรพคุณต่างๆ เข้าไป เมื่อเกิดกระแสความนิยมขึ้นแล้ว การเปลี่ยนความเชื่อของคนเป็นเรื่องยากยิ่ง แม้จะนำข้อเท็จจริงข้างต้นมาหักล้าง แต่หากตัวผู้บริโภคเชื่ออย่างฝังหัวไปแล้วย่อมมีข้อแก้ต่าง มีเหตุผลให้ตนเองเสมอ อย่างกรณี เครือง GT200 แม้จะแกะตัวเครื่องให้เห็นด้านในกลวงๆ แต่เหล่าทหารที่เชื่อสุดใจไปแล้ว ก็ยังโต้แย้งว่าเครื่อง GT200 ใช้การได้ และขออนุมัติให้ซื้อมาใช้เพื่อความสบายใจ (ด้วยราคาหลักล้าน)                เรื่องของคอลลาเจนก็เช่นกัน แม้จะมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใดๆ มายืนยัน แต่สำหรับคนที่เชื่อว่า กินคอลลาเจนแล้วดี ก็คงจะมีข้อโต้แย้งเสมอ เป็นต้นว่า "เค้าใส่มาแล้วก็น่าจะมีประโยชน์บ้าง ดีกว่าไม่ใส่" หรือ "มีงานวิจัยว่ากินแล้วรู้สึกดีขึ้น ริ้วรอยลดลง" ข้ออ้างเหล่านี้แม้จะมาจากงานวิจัยแต่ก็มักเป็นงานวิจัยที่ทำขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนด้านดีของผลิตภัณฑ์ เช่น งานวิจัยที่สรุปว่าทาครีมที่ผสมคอลลาเจนแล้วกลุ่มตัวอย่างรู้สึกผิวนุ่มมากขึ้น                คำว่า "รู้สึกผิวนุ่มมากขึ้น" หมายความว่าอย่างไร? ผิวนุ่มในงานวิจัยแบบนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวของกลุ่มตัวอย่างเล็กๆ ที่อาจถูกถามนำด้วยคำถามในแบบสอบถามว่า "หลังจากใช้ครีมแล้ว รู้สึกผิวนุ่มชุ่มชื้นมากขึ้นหรือไม่" แล้วมีตัวเลือกเช่น นุ่มมาก นุ่มเล็กน้อย เท่าเดิม นุ่มน้อยลง ให้เลือก การถามนำลักษณะนี้ย่อมได้คำตอบที่เอนเอียงไปในแนวทางที่ผู้วิจัยต้องการ นอกจากนี้ "ที่บอกว่านุ่มมากขึ้น" นั้น "มากขึ้น" เมื่อเทียบกับอะไร? ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นการทดลองเทียบระหว่างการทาครีมผสมคอลลาเจนกับการไม่ทาครีมใดๆ ซึ่งไม่แปลกที่สารให้ความชุ่มชื้นที่ใช้ในครีมทั่วไป รวมทั้งส่วนประกอบอีกนับ 10 ชนิด ที่อยู่ในเนื้อครีมจะทำให้ให้รู้สึกว่าผิวนุ่มมากขึ้น แต่งานวิจัยกลับสรุปเหมารวมว่าเป็นเพราะผลของคอลลาเจนล้วนๆ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:47:37

ความคิดเห็นที่ 36 งานวิจัยลักษณะนี้แค่กลุ่มตัวอย่าง 6 คน จาก 10 คน ตอบแบบสอบถามว่า "นุ่มเล็กน้อย" ก็สามารถเขียนโฆษณาได้แล้วว่า "จากการวิจัยผู้ใช้มากกว่าครึ่งใช้ครีมผสมคอลลาเจนเพียงครั้งเดียว ก็รู้สึก ผิวนุ่มชุ่มชื้น กระชับเต่งตึง หน้าเด้ง มีเลือดฝาด" งานวิจัยเหล่านี้ลำเอียงตั้งแต่เริ่มต้นทำ แล้วผลการทดลองจะเชื่อถือได้อย่างไร?                ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นคงไม่ได้คิดจะให้ข้อมูลครบทุกแง่มุมอยู่แล้ว เห็นได้จากการเลือกใช้ถ้อยคำในโฆษณาที่จงใจคัดสรรค์ถ้อยคำที่ทำให้ผู้ชมโฆษณาอนุมาน หรือคิดไปเองว่าผลิตภัณฑ์นี้ดีเลิศ รวมทั้งจงใจไม่นำเสนอข้อมูลบางอย่างที่เป็นผลเสียต่อยอดขาย ข้อมูลจากผู้ผลิตจึงเป็นความจริงเฉพาะที่เขาอยากบอกเท่านั้น อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่พบมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนในสัตว์ จึงมีอยู่เป็นจำนวนมาก หาได้ง่าย ด้วยต้นทุนราคาถูก หากสามารถทำให้เกิดกระแสนิยมบริโภคคอลลาเจนจนทำให้คอลลเจนขายได้ราคาสูงขึ้นอีกหลายเท่า คิดเป็นกำไรมูลค่ามหาศาล แล้วมีหรือที่ผู้ผลิตอาหารจะสนใจว่าประโยชน์ที่แท้จริงของคอลลาเจนมีมากแค่ไหน?                ถ้าจะมีหนทางใดที่ทำให้กระแสเรื่องคอลลาเจนจางหายไป น่าจะเป็นเพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเอง เมื่อความนิยมคอลลาเจนมาถึงจุดอิ่มตัว ไม่รู้จะขายสินค้าคอลลาเจนในรูปแบบใดแล้ว เจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ จำเป็นต้องสร้างกระแสใหม่และค่านิยมใหม่ขึ้นมา ประโคมโฆษณา ให้ข้อมูลที่บิดเบือนแก่ผู้บริโภค เป็นไปตามวงจรเดิมๆ เมื่อมีแหล่งรายได้ใหม่แล้ว เมื่อนั้นเรื่องที่ว่า "กินคอลลาเจนแล้วมีประโยชน์หรือไม่?" ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:48:06

ความคิดเห็นที่ 37 สรุปคือ ใครใคร่กิน กิน ไม่ได้มีอันตราย และไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมากมาย ถ้ามีเงินจ่าย แต่ต้องการให้ข้อมูลว่า -มันไม่ได้ไปถมตีนกาหรือลดริ้วรอยได้โดยตรง -เราสามารถรับคอลลาเจนได้จากแหล่งอื่น (ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนในสรุปแล้ว) จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:50:53

ความคิดเห็นที่ 38 อันนี้กะตัวเลยนะคะ .. เพิ่งกินคอลลาเจนหมดไปหมาดๆ เมื่อก่อนก็กินๆ หยุดๆ นะคะ ไม่ได้ผลเห็นๆ นั่นล่ะค่ะ (คือของมันเห็นผลน้อยอยู่แล้ว ยิ่งไปกินๆ หยุดๆ ก็ไม่รู้จะกินไปเพื่ออะไรอะเนอะ) แต่อยากลอง บางทีมันอาจจะมีคอลลาเจนเทพที่แบบเห็นผลกะได้ .. ลองซื้อมากิน 1 กระปุก แพงมากอะ ตกวันละ 100 บาทนะ ค่าคอลลาเจนอะ คนที่มารีวิวคนอื่นๆ เค้าก็ว่าเห็นผลชัดเจน มีรูปประกอบมากมาย เอ้า.. แต่ทำไมตรูกินผ่านไป 1 อาทิตย์ก็แล้ว 2 อาทิตย์ จนสุดท้ายหมดกระปุก สิ่งที่ได้คือ 1. ผิวลื่นขึ้น (นิดนุง) อันเนื่องจากตัวเองเป็นคนผิวแห้งมาก คันคะเยอตามพุง ตามขา .. แต่กินคอลลาเจนไปแล้วรู้สึกได้ว่าไม่คัน ลื่น นิ่ม (แค่นิดนึง) แล้วพอมาเจอพี่ที่เค้าอยู่บ้านนอก (ลาออกไปทำไร่ ทำสวน ทำเบเกอรี่ขาย) เราก็เล่าๆ ให้เค้าฟังว่ากินคอลลาเจนนู้น นี่ นั่น .. จับดูสิ ผิวนิ่มขึ้นหน่อยนึงนะ พี่เค้าก็จับๆ ลูบๆ แล้วทำหน้าเฉยๆ บอกว่ามาลูบแขนพี่มา .. เอ่ออ.. แขนพี่เค้านิ่ม นุ่มกว่าเยอะเลย T_T พี่เค้าบอก "แกรควรไปทำไร่ ทำสวนดีกว่าไม๊" T_T 2. ต่อจากข้อ 1 เพราะผิวแห้ง ปากก็แห้ง หนังชอบหลุดๆ เป็นแผ่นๆ เดือนนึงที่ผ่านมาดีขึ้น (แต่กรูทาลิปมันทุกวันก็ได้นี่หว่า T_T) นอกนั้นเฉยๆ มากๆ จะรอให้คนอื่นมาทักว่า "ดูดีขึ้นไปทำอะไรมา" คงไม่มีวันนั้นที่ได้ตอบว่า "กินคอลลาเจนมา" เพราะไม่อยากลงทุนอีกแล้ว "วันละร้อย!!!" แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 15:13:37 จากคุณ : yorky เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 14:07:39

ความคิดเห็นที่ 39 เราว่ามันก็ช่วยบ้างแหละไม่งั้นที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าจผลิต   และขายดีกันเหรอ แถมกินกันทั้งประเทศด้วย ^_^ จากคุณ : pikju เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 14:44:59

ความคิดเห็นที่ 40 ครั้งแรกที่ทานคอลลาเจน เราทาน "เมจิ" พอหมดชุดแรกเรารุ้สึกได้ถึงความใสของผิวหน้าและผิวกาย แต่พอทานต่อเราทานของ "คอลลา คอลลาเจน-คอลลาเจนจากเกล็ดปลา" กลิ่นจะคาวนิดๆ แต่เราว่ารวมๆแล้วถือว่าดี และเหมาะกับสาวๆวัย 30 อัพค่ะ ^^ จากคุณ : AuzakeA เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 15:03:43

ความคิดเห็นที่ 41 คนเรามักติดกับความคิดที่ว่าตัวเราคือคนพิเศษ เพราะเราเกิดมาพิเศษเนื่องจากเราเป็นปัจเจกบุคคล เพราะงั้น..เวลาเกิดเรื่องไม่ดี คนเราจึงมักคาดไม่ถึง ไม่เข้าใจ ว่าสิ่งแย่ๆ นั้นมันเกิดขึ้นกับตัวเองได้ยังไง และหากเป็นเรื่องดี คนเราก็จะคาดหวังว่าสิ่งที่ดีๆ นั้นก็จะต้องเกิดขึ้นกับฉันเหมือนกัน เรื่องความเชื่อเพราะใจอยากจะเชื่อนี้ก็คล้ายๆ กัน คนบางคนถึงขั้นกล้าพูดว่า "จะว่าฉันโง่(เพราะไม่ฉลาดใช้ สวยแบบเสี่ยงๆ)ก็ไม่เป็นไร   เพราะฉันสวย" จากคุณ : น้องเหมียวสีสวาด เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 16:35:32

ความคิดเห็นที่ 42 มีรูปให้ดูว่า คอลลาเจนที่กิน ๆ กันมันถูกลำใส้ย่อยไปเป็นกรดอมิโนที่เล็กขนาดไหนกว่าจะดูดซึมได้ มันไม่ได้ดูดซึมเป็นก้อน ๆ ได้เหมือนที่คิดกัน จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 16:56:51

ความคิดเห็นที่ 43 ผมก็ทานคอลลาเจน  ก่อนหน้านี้ก็ทาน เนื้อนมไข่ทักวัน ไม่เห็นใส หล่อ  เหมือนกับตอนทานคอลลาเจน ไตรเปปไทน์ เลยอะครับ  มันอธิบายได้ปะ จากคุณ : bankboyz เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 18:56:06

ความคิดเห็นที่ 44 เอ๊ะ หรือเราเข้ามาห้องสวนลุม จากคุณ : No-eY me เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 18:57:13

ความคิดเห็นที่ 45 บางทีความรู้ที่บอกว่าคอลลาเจนมันโมเลกุลใหญ่ มันอาจจะไม่ทันเทคโนโลยีคอลลาเจนในยุคปัจจุบันแล้วก็ได้นะคะ เข้าใจมา (จากโฆษณาคอลลาเจนผงๆน่ะแหละค่ะ) ว่าคอลลาเจนแบบกินที่ขายกันมี 2 ประเภท คือแบบไฮโดรไลเสท กับแบบเปปไทด์ แล้วแบบเปปไทด์จะมีขนาดเล็กมาก (เค้าว่างั้น) คือเล็กกว่าคอลลาเจนธรรมชาติเป็นพันเท่าอะไรก็ว่ากันไป เห็นคอลลาเจนยี่ห้อดังๆ ในญี่ปุ่นอย่างนิปปิหรือเมจิ ก็บอกว่าตัวเองเป็นเปปไทด์คอลลาเจนหมดน่ะค่ะ เลยคิดว่านี่เป็นความแตกต่างรึเปล่า กะคอลลาเจนที่เราเข้าใจว่ากินแล้วดูดซึมไม่ดี จริงๆ ก็อยากรู้ข้อมูลนะคะ เรายี่สิบกว่าแล้ว ไม่ได้อยากกินเห็นผลเร็วๆ แต่อยากกินกันแก่ไม่อยากไปแก้ไขตอนมันเหี่ยวไปแล้ว แม่บ้านญี่ปุ่นที่รู้จักคนนึง30ก่าๆ นางก็กินเมจิ หน้านางเด้งใสมาก (เห็นหนังหน้าตอนล้างหน้าแล้วประทับใจ) แต่อาจจะเพราะนางบำรุงเยอะกินอาหารเสริมเยอะก็ได้ ผู้หญิงญี่ปุ่นนี่ต้องยกนิ้วให้จริงๆ ในเรื่องการดูแลตัวเอง ของให้กินให้ใช้เพื่อเสริมความงามก็มีเยอะแยะ เห็นแล้วอิจฉา ฮ่าๆ จากคุณ : >>ryochan>> เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 19:35:56

ความคิดเห็นที่ 46 จะบอกให้ พวก ลูกเกด หรือพวกผลไม้อบแห้ง, ตีนไก่ ตีนเป็ด ตีนหมู ข้อไก่ กระดูกอ่อนหมู หนังวัว หนังหมู หอยนางรม รังนก หรือพวกปลาดิบ อ่ะ พวกนี้อ่ะช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของผิวนะ นั่นหมายถึงรอยตีนกาด้วย.. แต่กินแล้วจะซึบซับดี มันต้องมีสารหรือวิตามินตัวอื่นมาพยุงให้คอลาเจนได้ซึมเยอะๆ...(เราก็ไม่ค่อยรู้มาก แต่ที่แน่ๆ วิตามินซีล่ะ เป็นตัวรับสารหรือวิตามินดีๆ ได้ดีทีเดียว) จากคุณ : clear_blue เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 19:59:34

ความคิดเห็นที่ 47 คงเหมือนเมื่อก่อนที่เชื่อว่าโลกแบน หรือเปล่า? หมอผิวหนังสักกี่คนที่รู้เรื่องผิวหนังและสารโมเลกุลต่างๆ และข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัยต่างๆของโลกที่พัฒนาไปมาก ไม่ใช่แค่ตำราพื้นฐานที่เรียนกันทั่วไป ? หมอเก่งก็มี หมอไม่เก่งก็มี จบเกรด 2.00 เป็นหมอได้ไหม ? แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 20:19:15 จากคุณ : narusu เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 20:18:28

ความคิดเห็นที่ 48 น่าร๊ากกกกกก จากคุณ : color story เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 20:40:10

ความคิดเห็นที่ 49 ความเขลาทางวิทยาศาสตร์ ความเชื่อที่ "บุคคลผู้ไม่เคยศึกษา ดาราศาสตร์ จักรวาลวิทยา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และ ปฐพีศาสตร์ และ ไม่เคยอ่านเอกสารวิจัยซักชิ้น กล้าอธิบายและยืนยันหลักฐานของ ทฤษฏีบิ๊กแบง ทฤษฏีกำเนิดชีวิต และ ทฤษฏีวิวัฒนาการ และ ผู้ไม่เคยรู้เลยว่าสามสิ่งนี้เป็นคนละเรื่อง และไม่เกี่ยวกับพระเจ้า มีคุณสมบัติจะอธิบาย และประเมินคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ในสาขาเหล่านี้" เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ----------------- อาจประยุกต์ใช้โดยสรุปกับ ผู้ที่ไม่เคยเรียน ชีววิทยา ไม่เข้าใจ เภสัชศาสตร์ ไม่เคยเรียนแพทย์ศาสตร์  ไม่เข้าใจเคมี ระบบร่างกาย ไม่เคยอ่านเอกสารวิจัยอะไรซักชิ้น ฯลฯ และเชื่อมั่นร้อยเปอร์เซนต์ว่า โฆษณาน่าเชื่อถือ กว่าคำอธิบายของ เภสัช และ หมอ เพราะ เภสัชและหมอตกยุคไปแล้ว แต่ เวลาป่วย ยังไปหาหมอ(ที่เชื่อว่าตกยุคไปแล้ว) ไม่ยักไปบริษัทเครื่องสำอางค์(ที่เชื่อว่าทันสมัยสุดๆ) จากคุณ : panote_saechiew เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:40:41

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบมากเลยคร่า ฮาแล้วยังได้ความรู้ จากคุณ : iTisTee เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 00:22:59

ความคิดเห็นที่ 51 เข้าใจง่ายดีค่ะ แชร์ขึ้นเฟซให้เืพื่อนอ่านดีกว่า จากคุณ : ป้าตัวกลม เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 00:52:07

ความคิดเห็นที่ 52 ยำแหนมสด ก็อุดมด้วยคอลลาเจน แถมแซ่บ ลำแต้ๆ ด้วย จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 08:29:23

ความคิดเห็นที่ 53 เลิกกินกันได้แล้วคะ คอลลาเจนอะ จริงๆ กิน.......... น้ำ ................ ดีที่สุด หาง่ายที่สุด แต่ทำไมกลับลืมกันไปหมด ผิวใสเห็นๆ ปิ๊งๆๆๆ เลย ลองดูสิ จากคุณ : yinglucky เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:51:41

ความคิดเห็นที่ 54 ถูกต้องสุดๆ ไม่เคยมีความเชื่อแล้ว ตั้งแต่กิน เมจิ คอลลาเจน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผิวหนัง เท่ากับกิน มาลี มะเขือเทศดีกว่า ถูกกว่าด้วย จากคุณ : ประพัตราภา เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 11:37:11

ความคิดเห็นที่ 55 อยาก แชร์ ข้อมูลบ้างนะ  แต่เกรงใจ คุณลูกเป็ด   ไว้ จะแยกตัวมานะครับ เน้นๆ เลยนะ 1. กินแล้วได้ผลจริง  เออมันได้จริงๆ ผมลองกับตัวเองมา และลูกค้าอีกมาก 2. ในญี่ปุ่นเฉพาะ ผลิตภัณท์ ที่มีคอลลาเจน นับเฉพาะ ยี่ห้อที่ผมดูแล นะ 347 ตัวสินค้า  และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ถามว่า คนญี่ปุ่น นี่ โดยหลอกทั้งประเทศ ?? หรือ ว่า เรากำลัง โดนการตลาดของเราเอง ทำให้ งงเอง ?? 3. บ. คอลลาเจน มีมา 80 กว่าปีแล้ว รายได้หลักเพียงอย่างเดียวคือ คอลลาเจน และเจลาติน  ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำแคปซูลยา และอื่นๆ ส่วนคนที่ถามหลังไม ค์ นะครับ  ขอตอบเลย ว่า  ยี่ห้อ NIPPI ครับ  เป็นยี่ห้อเดียวเลย ที่ผม กล้า รับรองผล เพราะเคยรับผิดชอบ เคยไปดูงานที่ โรงงาน นิปปิ ที่โน่นเลย แต่ยี่ห้ออื่น ผมไม่การันตี ครับ ที่ผมมารับผิดชอบส่วนนึงเพราะ ลองทานต่อเนื่อง ย้ำว่าจต่อเนื่อง หน้าผมเด้ง ตึง และชุ่มน้ำมากครับ ส่วนยี่ห้ออื่นที่เคยได้ลอง แต่ไม่ค่อยเวิร์ค ครับ ปล. ทุกวันนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ทางบริษัท ครับ ผมลาออกมานานแล้ว แต่ข้อมูลจริง ที่พิสูจน์แล้ว น่าเชือ่ถือครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 12:13:53

ความคิดเห็นที่ 56 กิน  "เมจิ"  ผลลัพธ์เฉยๆ มาก ลงทุนกันค่าคอลลาเจนแล้ว ไม่เกิดผลอะไรเลย สู้ทานอาหารแบบครบหมวด เน้นผักผลไม้และน้ำสะอาด เราว่าก็พอๆ กัน จากคุณ : ผู้กอง เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 12:24:12

ความคิดเห็นที่ 57 คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง โปรตีนเป็นสารประกอบที่สร้างขึ้นจากหน่วยเล็กๆ เรียกว่ากรดอะมิโน อาหารจำพวกโปรตีนที่กินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนจากสัตว์ ซึงมีคอลลาเจนตามธรรมชาติ หรือคอลลาเจนบริสุทธิ์ก็ตาม ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเล็กๆ แล้วนำมาจัดเรียงใหม่ กรดอะมิโนมีไม่กี่สิบชนิด แต่เมื่อมาเรียงสับเปลี่ยนจะได้โปรตีน ต่างๆ กันเป็นแสนอย่าง คอลลาเจนก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างอื่นๆ ก็เช่น น้ำย่อยต่างๆ กระดูก กล้ามเนื้อ ฯลฯ ร่างกายจะสร้างโปรตีนชนิดใด ก็ขึ้นกับพันธุกรรมและสภาพร่างกาย ตอนนั้น เช่น ในวัยเด็กร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมากเป็นปกติ ไม่มีเด็กคนไหนหน้าเหี่ยว แม้ว่าจะอดๆ อยากๆ ข้าวไม่มีจะกินขนาดไหน บางคนพันธุกรรมดี ร่างกายก็สร้างคอลลาเจนมากจนกระทั่งแก่ ทำให้หน้าไม่ค่อยเหี่ยว สิ่งที่จะทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากๆ ได้แก่การเปลี่ยนพันธุกรรม หรือการย้อนกลับไปเป็นเด็กใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้ นอกจากนั้นอาจเป็นยาหรือสารที่ำทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่ม ขึ้น แต่การกินคอลลาเจนโดยตรงนั้น ไม่ต่างกับกินเนื้อสัตว์ นม ไข่แต่ อย่างใด ไม่มีอันตรายแต่แพงกว่ามาก กินลูกชิ้นปิ้งได้ประโยชน์เท่ากัน แถมอร่อยกว่าเยอะ สำหรับการทา แม้แต่กรดอะมิโนซึ่งขนาดเล็กกว่าคอลลาเจนเป็น แสนเท่าก็ยังซึมเข้าผิวหนังไม่ได้เลยค่ะ เทคนิคใหม่ยังไงก็ไม่เกี่ยว โมเลกุลพวกนี้ร่างกายต้องมีการควบคุมไม่ใช่อยากให้ออะไรซึมเข้า ผิวก็แปะๆ ลงไปแล้วดูดซึมได้หมด ร่างกายมีช่องทางพิเศษ (channel/transporter) ให้กรดอะมิโนซึมผ่านได้ แต่มีที่ลำไส้กับไตเท่านั้น เอามาทาก็ลอกเป็นขี้ไคลไปเปล่าๆ ค่ะ ที่บอกว่าได้ผลๆ นั้น ไม่มีผลการวิจัยที่เชื่อถือได้ งานวิจัยทางการแพทย์ ก็ไม่ใช่ว่าเชื่อถือได้เสมอนะคะ เพราะที่ทำๆ โดยบริษัทยาส่วนใหญ่ก็สอบ ถามความรู้สึก/ความพึงพอใจของผู้บริโภค เนื่องจากไม่มีตัวเลขชัดเจน ต่างจากยาเบาหวาน ความดัน ฯลฯ อันนั้นเห็นเลยน้ำตาลลงมั้ย ความดันลง รึเปล่า งานวิจัยแบบนี้ ผู้เข้าร่วมวิจัยบางทีก็หลอน เลยรู้สึกว่าใช้แล้วดีขึ้น ไม่งั้นก็อาจจะเป็นผลิัตภัณฑ์อื่นๆ ที่อยู่ในครีมเหล่านั้น แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 55 13:34:29 จากคุณ : chimerism เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 13:34:09

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ได้กวน teen หรือ อะไรทั้งสิ้นนะ อยากเห็นรูปหน้าคุณ เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน หน่อยอะ จะใช้ประกอบการตัดสินใจ คือว่าตอนนี้กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่พอดี กังวลกับผิวที่เริ่มหย่อนยานของตัวเองอะ จากคุณ : Rainbowhunter เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 15:34:01

ความคิดเห็นที่ 59 บางทีก็เป็นแค่ Placebo = ยาหลอก เป็นผลทางจิตใจมากกว่าด้านร่างกายโดยตรง แต่บางคนก็อยากจะโดนหลอก เพราะอยากจะเชื่อว่ามันได้ผลจริงๆ ส่วนผลที่ได้อาจจมาจากสารเคมีอื่นๆ เช่นวิตามินก็ได้ จากคุณ : Jeja เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 16:38:19

ความคิดเห็นที่ 60 เอ่อ อ่านไปงงไป ในใจก็ถามตัวเองตลอดว่า คอลลาเจนเป๊ปไทด์ มันดูดซึมได้โดยตรงไหมนะ 55 จากคุณ : opleka เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 19:05:53

ความคิดเห็นที่ 61 คิดว่าถึงตรงนี้น่าจะชัดเจนแล้วนะคะ ว่าประเด็นเรื่องทาคอลลาเจนแล้วได้ผลไม่ได้ผลน่าจะตกไปแล้ว เพราะไม่ได้ผลแน่ๆ ให้ได้แต่ความชุ่มชื้น อันนี้ก็รู้มานานแล้ว แล้วคอลลาเจนแบบกินล่ะคะ อยากทราบว่าเทคโนโลยีคอลลาเจนในปัจจุบันเป็นยังไงกันแน่ กินแล้วได้ผลมั้ย ถ้าได้ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผล ถ้าไม่รบกวนคุณเจ้าหญิงน้อยฯ จนเกินไป ขอดูงานวิจัยของนิปปิหน่อยได้มั้ยคะ (ถ้าเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาญี่ปุ่นคงไม่ไหว ได้เปิดดิกคันจิกันหงิกแน่ 55+) จากคุณ : >>ryochan>> เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 19:09:31

ความคิดเห็นที่ 62 ด้วยความที่เราเรียนสายวิทย์ เลยเชื่อบทความทางวิชาการนะ แต่ด้วยตัวเองเคยไปฉีดสิวแล้วเนื้อดันยุบไปเลย ตกใจมาก เหมือนมีลักยิ้มที่แก้มอ่ะค่ะ คุณหมอคนดังรพ.ผิวหนังอโศกแนะนำว่า เนื้อมันอาจจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้ แนะนำให้ไปซื้อคอลลาเจนมากิน เราก็ไปซื้อกิน รอยบุ๋มก็กลับขึ้นมาเร็วมาก เลยสงสัยเองว่า คอลลาเจนที่ทานน่าจะทำให้สร้างคอลลาเจนได้เร็วเพราะมีวัตถุดิบครบถ้วนมากกว่าอาหารที่กินเองสะเปะสะปะแค่นั้นเอง จากคุณ : nothinonme เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 21:05:59

ความคิดเห็นที่ 63 ขอแชร์ความรู้เกี่ยวกับคอลลาเจนด้วยคนนะคะ คอลลาเจนเมื่อถูกย่อยไปเป็นอะมิโนเอซิดแล้ว มันจะถูกส่งไปทำงานโดยให้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก่อน บางคนที่มีรอยแผล เนื้อบุ๋ม หรือปัญหาผิว อะมิโนเอซิดพวกนี้ก็จะวิ่งไปจัดการปัญหาที่ร่างกายมีก่อน แล้วมันถึงจะไปทำหน้าที่อื่น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนค่ะ ว่าพันธุกรรมจะดีพอจนสั่งงานได้ดังใจหรือเปล่า จากคุณ : Biozaaa เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 18:03:37

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่ได้อะไรนะคะ แค่สงสัยว่ากินแล้วไม่ดูดซึมแต่ทำไมหลายๆคนกินแล้วมันใสขึ้นอ่ะคะ  ตัวเราเองก็ไม่ได้กินหรอกไม่มีตังค์ซื้อ แต่แ่อยากรู้ จากคุณ : kufonvoy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 21:37:25

ความคิดเห็นที่ 65 เชื่อซิ  ว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว  แต่เอาเข้าจริงๆ  ก็ยังหามากิน จากคุณ : tee (gre_t2w) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 01:02:18

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้ากินแล้วใสไม่ใช่เพราะคอลลาเจนแล้วแหละ เพราะมันช่วยให้เส้นใยที่เป็นโครงสร้างของเซลล์ยืดหยุ่นดี ไม่ใช่ช่วยให้ผิวใส (เซลล์ดูใสเหรอ เห็นออร์แกเนลในเซลล์?) กินวิตามินซียังจะช่วยมากกว่านะ ป้องกันหวัดอีกตะหาก อ้อๆๆๆ แต่วิตามินซีก็ใช่ว่าจะยิ่งกินเยอะยิ่งดีนะ ร่างกายดูดซึมได้ประมาณนึง ที่เหลือขับทิ้งหมดจ้า ยืนยันว่าเอนไซม์จะย่อยโปรตีนใดๆก็ตาม รวมทั้งคอลลาเจน ให้เป็นโมเลกุลเล็กจิ๋วที่ไม่ใช่คอลลาเจนอีกต่อไป ถึงจะดูดซึมเข้าไปได้ โดยผ่าน "เยื่อเลือกผ่าน" ที่มีช่องเฉพาะให้กรดอะมิโนผ่านได้ กรดอะมิโนก็เข้าไปล่องลอยอยู่ในเซลล์ แล้วจะประกอบเป็นโปรตีนใดๆก็ตามที่เซลล์ต้องการ ถึงแม้คุณจะอยากให้มันประกอบเป็นคอลลาเจนแค่ไหนถ้ามันไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็นอันดับหนึ่งของเซลล์ มันก็ไม่มีทางประกอบกลับเป็นคอลลาเจน "คำโฆษณาและความปรารถนาของคนที่กินผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไม่สามารถเปลี่ยนความจริงทางวิทยาศาสตร์ได้" ไำม่ใช่ว่าการกินคอลลาเจนจะเสียเปล่าซะทีเดียว สิ่งที่คุณกินเข้าไปจะเป็นส่วนประกอบของโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย เพียงแค่หายใจ หรือกินลูกอมสักเม็ดร่างกายก็ต้องใช้โปรตีน(เอนไซม์) เสียแต่ว่ามันแพงไปหน่อยเพราะคุณสามารถได้สิ่งเหล่านี้จากอาหารที่ถูกกว่ามากๆๆๆ แถมอร่อยกว่าด้วย ใครยืนยันผลของคอลลาเจน รบกวนขอบทความตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ค่ะ ไม่เอาคำโฆษณานะ รู้ๆกันอยู่ว่าเงินกับผลประโยชน์มันเปลี่ยนความจริงได้ทุกข้อ เราก็อยากกระจ่างบ้างเหมือนกัน บางทีองค์ความรู้ทางชีววิทยาที่คนทั้งโลกร่ำเรียนกันอาจจะผิดก็ได้ เผื่อจะได้เสนอรา่ยชื่อผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ให้ เก๋จะตาย 555+ จากคุณ : *~KingFisho~* เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 01:27:40

ความคิดเห็นที่ 67 ที่กินเป็นขวดๆแล้วเห็นผลจริงๆ ดังคำอ้าง เค้าใส่ collagen อย่างเดียวในขวดรึเปล่า? มีอื่นๆอีกไหมในนั้น จากคุณ : m&n เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 01:43:09

ความคิดเห็นที่ 68 บางความเห็นก็เหน็บแนมกันเกินไปนะ ใครใคร่กินก็กินซะ ใครใคร่ลองก็ลองซะ ใครรู้สึกและเชื่อว่ามันไม่เกิดผล ก็ไม่ต้องลอง เราเองคนนึงแหละที่อยากลอง อยากรู้ว่า จะเกิดผลอะไรรึเปล่า ถ้าไม่เกิดผลภายใน 3-5 เดือน เลิกกินค่ะ  แค่นั้นเอง เงินในกระเป๋าของใครก็ของมันค่ะ แต่ก็ขอบคุณทุกๆความเห็น ที่เข้ามาให้ข้อมูล มากมาย แต่เราก็อยากจะลองดู เพราะมันไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายกับร่างกาย(ใช่ไหม) ไม่เหมือนพวก ยาที่โฆษณากินแล้วขาว กินแล้วผอม แบบนั้น น่ากลัวเราไม่กล้าลอง จากคุณ : คนอยากลองคอลลาเจน (TK_MooHam) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 10:56:16

ความคิดเห็นที่ 69 เคยได้ยินว่าเค้าไม่ได้ใส่คอลลาเจนล้วนๆอ่ะค่ะ คนที่รับประทานแล้วได้ผลนั้น น่าจะเพราะสารตัวอื่นที่ผู้ผลิตใส่ลงไป ไม่ใช่เพราะคอลลาเจนป่าวคะ จากคุณ : บานมิรู้โรย เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:56:18

ความคิดเห็นที่ 70 ตอบทุกปัญหาการทาและทานคอลลาเจนเพื่อผิวสวย แพทย์ผิวหนังผู้ทรงคุณวุฒิ" ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ " เป็นคลิปสัมภาษณ์ จากเว็บน้องเอิ๊ก erk erk ใครนำวีดีโอมาแป่ะให้หน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ http://www.erk-erk.com/2012/09/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99-%E0%B9%81/ จากคุณ : ann~nna เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:49:36

ความคิดเห็นที่ 71 เราว่าคนญี่ปุ่นที่ยังใส ผิวพรรณดี แก่ช้า เป็นเพราะเผ่าพันธุ์ชาติเค้าด้วย รวมไปถึงสภาพอากาศสิ่งแวดล้อม และ อาหารการกิน เช่นพวกสาหร่ายเป็นต้น ส่วนเรื่องคอลลาเจน เฉยๆไม่เคยกิน ไม่คิดจะกิน (มีตังค์นะแต่ไม่) ไม่ตามกระแส ขอบคุณ จขกท ที่มาแบ่งปันค่ะ จากคุณ : la vie c'est pas facile (audray) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 05:11:59

ความคิดเห็นที่ 72 เอ้อ ถึงแม้ว่า collagen จะพัฒนาให้มีโมเลกุลเล็กมากแค่ไหน หรือที่โฆษณากับว่าเป็น peptide ซึ่ง peptide ที่ว่าคือ amino acid ที่มาต่อกันเป็นสายค่ะ ก่อนร่างกายจะดูดซึ่มได้จะต้องย่อย peptide เหล่านั้นออกให้เป็น amino acid ก่อนอยู่ดี ถึงจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ จากนั้น amino acid ที่ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ว่ากันไปค่ะ เอาไปสร้าง enzyme กระดูก กล้ามเนื้อ หรือ collagen ถ้าถามว่ากินแล้วมันดีอย่างไร ? แน่นอนว่าโปรตีนแต่ละชนิดเป็นส่วนผสมของ amino acid หลายๆ ชนิดที่ต่างกันไป การกิน collagen ก็จะได้รับ amino acid ที่เฉพาะกับมัน ก็เท่านั้นเองค่ะ เรื่องกินแล้วผลเป็นยังไงอันนี้ก็แล้วแต่คนกันไปค่ะ แต่ถ้าให้อธิบายตามหลักการก็ตอบได้เท่านี้ล่ะค่ะ :) จากคุณ : แหนมน้อยท่องโลก เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 17:15:23

ความคิดเห็นที่ 73 ทำไมพี่สาวกินแล้วผิวใส หรือเค้าใส่วิตามินตัวอื่น เราลองกินแล้วผิวเนียนขึ้นอะ จากคุณ : คาปูชิโน่_ไม่หวาน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 22:10:40

ความคิดเห็นที่ 74 แล้วสรุปว่ากินwhey โปรตีน แทนคอลลาเจนได้ ? จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 10:44:37

ความคิดเห็นที่ 75 คนที่กินคลอลาเจนแล้วบอกผิวดีขึ้น อุปทานไปกันทั้งนั้นแหละ ความรู้สึกของตนเองมันไม่ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้เลย ถ้าอยากจะพิสูจน์จริงๆ ต้องมีเครื่องมือค่ะ กล้องความละเอียดสูงๆ ตัด section ให้เห็นกันชัดเลยว่าชั้นคลอลาเจนใต้ผิวมันเพิ่มขึ้นจริงๆ ถ้าได้เรียนมีพื้นฐานทางสรีรวิทยาหรือเคมีกันบ้าง ก็จะรู้ว่าการสังเคราะห์คลอลาเจนมีสารอาหารตั้งต้นคืออะไร คนไทยเห่อตามกระแสค่ะ ได้ผลจริงรึป่าวไม่รู้ แต่คนอื่นบอกว่าได้ กินไปก็อุปทานไปว่าได้ผลจริง จากคุณ : มามั่ว เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:02:46

ความคิดเห็นที่ 76 สรุปก็คือทานตัวคอลลาเจนเข้าไปมันก็ไปซ่อมแซมทั่วร่างกาย ไม่ได้เน้นหน้าใสผิวใสไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังด้วย ใครไปโรงบาลลองแวะถามหมอได้ว่าคอลลาเจนมันดูดซึมไหมยังไง คุณอาจจะกินแล้วได้ผล แต่คจขกท.เค้าเข้ามาแนะนำเฉยๆว่า.... คุณจะเสียเงินค่าโง่ให้โฆษณาทำไมกระปุกเป็นร้อยๆพันๆ? ในขณะที่ของพวกนี้มันอยู่รอบตัวคุณ แล้วก็ราคาไม่ได้แพงเว่อ? ส่วนคนที่อ้างว่าใช้คอลลาเจนนั่นนี่โน่นแล้วผิวใสกิ๊ก บลาๆๆ ขอให้คุณลองนำสิ่งที่คุณใช้นั่นน่ะไปให้ห้องแลปอย. เอาไปวิเคราะห์เลยว่าสิ่งที่ทำให้คุณหน้าใสเด้งมันคือ"คอลลาเจน"หรือน้ำมัน หรือสารอะไรกันแน่ ที่แน่ๆมัน"ไม่ใช่"คอลลาเจน อย่าลืมสิว่าสิ่งที่คุณกินๆๆๆหรือป้ายๆๆๆๆๆหน้ากันน่ะ มันไม่ได้มีสารตัวเดียวเพียวๆซะหน่อย เรื่องคนยุ่นน่ะ เคยเห็นวิถีชีวิตเค้ารึยังว่าทำไมเค้าผิวใสขนาดนั้น? เค้าไม่ได้กินคอลลาเจนกระปุกกันทั้งชีวิตแล้วแปลงร่างเป็นสาวใสกิ๊งนะ 1 คือเค้าประเทศสะอาด เดินไปไหนมาไหนไม่มีฝุ่นท่อไอเสีย ตามพื้นไม่มีเศษขรี้หมาหรือลอยน้ำลาย 2 กรรมพันธุ์ เพื่อนที่เรารู้จักมันไม่ต้องทำไรมาก แต่งหน้าหนาเตอะ กลับบ้านมาหน้าไม่ล้าง แต่หน้าใสกิ๊ง.... บ้านเราขัดให้ตายยังไงก็ทำได้แค่ขาวเหลือง บ้านเค้าขอแค่ทากันแดดก็ขาวอมชมพูแล้ว 3 ผัก ผลไม้ บลาๆเพื่อสุขภาพทั้งนั้น ซูชิ ข้าวปั้น แต่บ้านเราวันไหนไม่มีไรกินไปปากซอยสั่งอาหารตามสั่ง กระเพราะหมูไข่ดาว...... น้ำมัน คราบเขม่า ผงชูรส สารก่อมะเร็งทั้งนั้น จากคุณ : Pon Pon Pata Pon! เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 00:23:55

ความคิดเห็นที่ 77 all about collagen (ต่อ) ถมตีนกา(ฉีดฟิลเลอร์)ยังไงให้ปลอดภัยอะตัว จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 13:50:38

ความคิดเห็นที่ 78 แม่ค้าคอลลาเจนคงเกลียดกระทู้นี้กับเป็นแถบ  :) จากคุณ : paq เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 22:55:23

ความคิดเห็นที่ 79 ความเห็นที่49 ขอยืมแชร์นะค่ะ ชอบค่ะ จากคุณ : Sheyun ying เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 16:45:01

ความคิดเห็นที่ 80 มันเป็นเรื่องของการตลาด กับเม็ดเงินมหาศาล ความรู้ทางวิชาการก็เอาไม่อยู่ คนขายก็เชียร์ไป ขายแล้วไ้ด้เงิน คนมีเงินซื้อกินก็ซื้อกันไป ไม่ได้ผลก็เลิก เงินมีก็แบ่งๆ กันใช้ หมุน ๆ กันไป จะได้มีตังกันถ้วนหน้า จากคุณ : มุนีน้อย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 05:12:10