"พอไปค้นรูปเก่าๆ โอ้ว...ทำไมฉันโทรมขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่เกรงใจแฟน"
บลาๆๆๆๆ
"คิดแล้วเศร้า ทำตัวเอง แท้ๆๆ"
เอ่อ... โทษตัวเองทำไมเหรอคะ
ผู้ชายแบบนี้มันเฮี่ยค่ะ ไม่มีค่าพอให้คุณโทษตัวเองหรอกค่ะ
คุณแน่ใจเหรอว่าถ้าสวยเด้ง หน้าเป๊ะ จมูกสันเป๊ะเป็นรูปหยดน้ำ นมเป๊ะ
วันนึงมันจะไม่ทิ้งคุณอะ คนมันเฮี่ย ก็คือเฮี่ยค่ะ
เจอสวยกว่า เดี๋ยววันนึงมันก็ไปอยู่ดี
เผลอๆอาจไปเอาคนที่สวยน้อยกว่าคุณก็ได้ เพราะอาจให้เหตุผลว่า
"สวยไป กุเบื่อ" สรุปคือ ถ้าคนมันไม่รุ้จักพอมันก็ไม่รุ้จักพอค่ะ
อึ้งนะ อ่านเจอคนที่โดนทิ้งแล้วมาส่องกระจกมองตัวเอง
แล้วมาโทษตัวเองเนี่ย มีในโลกใบนี้ด้วยเหรอ
เป็นเราถ้าโดนทิ้งจะไม่มานั่งต่ำตมโศกาอาดูรโทษตัวเองเลยค่ะ
มันไม่ใช่เจ้าชีวิตเราที่จะมา judge มนุษย์อีกคนหนึ่งได้
ทำไมต้องยอมให้มนุษย์คนนึงมาตีกรอบมนุษย์อีกคนนึงด้วยล่ะคะ
ทั้งๆที่คนเรามันก็มีดีเลวในตัวเหมือนกัน หายใจ กินข้าว เดินด้วยเท้าเหมือนๆกันอะ
คือ อิชั้นไม่ได้จะบอกใ้ห้คนมีแฟนแล้วปล่อยตัวเป็นอีเพิ้งนะ
แต่คนเราก็ต้องมีช่วงโทรมบ้าง เป๊ะบ้างสลับๆกันไป
วัยทำงานก็ต้องมีวันที่เหนื่อย งานเยอะลืมดูแลตัวเองบ้าง
ซึ่ง ถ้าเป็นคนที่รักคุณจริงๆนะ ต่อให้คุณโทรมเพราะเหนื่อย
ช่วงนี้ไม่ได้ดูแลตัวเองเลย บลาๆๆ เค้าก็ต้องเข้าใจค่ะ
และเป็นกำลังใจให้เราหายเหนื่อยด้วย
ไม่ใช่กรูเหนื่อย ขี้เกียจทาครีม พอโทรมก็ทิ้ง แบบนี้มันไม่ make sense แล้ว
แบบนี้แต่งงานไป ถ้าช่วงอุ้มท้อง ช่วงเพิ่งคลอด
ทั้งอ้วน ทั้งโทรม ให้เยเย่ก็ไม่ได้ ก็ซวยอะสิคะ??
ไหนจะเลี้ยงลูกให้นมลูก จะให้ชั้นมานั่งกินสลัดน้ำใสมื้อเย็น
ออกกำัลังกายทุกวัน กรีดตา โบกคอนซีลเลอร์
ทาปาก คัดเบ้าตา ตอนอุ้มท้อง เลี้ยงลูกเหรอ
พิมพ์มายาวซะยาว เหมือนโดนทิ้งเอง อินเว่อ
สุดท้ายนี้จะสรุปว่า
คุณๆที่โดนทิ้ง ไม่ว่าจะก่อนแต่งหลังแต่
ก่อนมีลูก หลังมีลูก
ขอบอกว่า คุณเป็นคนที่โชคดีแล้วค่ะ
เพราะแปลว่าผู้ชายคนนั้นมันไม่ได้รักคุณจริงเลย
คนมันไม่รู้จักพอ คบไปก็มีแต่จะเหนื่อยไปตลอดชีวิต
ดังนั้นอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ
จากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของเวรกรรมของไอ้ตัวผู้ละกันนะคะ