 |
เอามาให้อ่านค่ะ ==> อาหารอะไรที่ทำให้เกิดสิว -=Byหมอแมว=-
|
|
กระทู้แนะนำจากห้องหว้ากอนะคะ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X12833214/X12833214.html
เชื่อมั่นได้ว่าสิวบนใบหน้าเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายๆคน เพราะใบหน้าเป็นส่วนที่ปรากฎเด่นชัดที่สุดเวลาเราติดต่อกับบุคคลอื่น การมีสิวมาปรากฏให้คนจ้องมองคงไม่เรื่องสนุกแน่ๆ ปัจจุบันมีการรักษาด้วยวิธีต่างๆมากมายเพื่อจัดการกับปัญหาสิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการกดการดูดการใช้เลเซอร์ หรือการรักษาด้วยยากินยาทา ซึ่งต้องอาศัยบริการจากคลินิกหรือผู้ที่มีความรู้ แต่อีกส่วนหนึ่งที่ทำได้ง่ายกว่าและทำได้เองที่บ้านก็คือ การระมัดระวังเรื่องอาหาร วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องอาหารที่อาจเกี่ยวข้องกับสิวครับ
กลไกที่ทำให้เกิดสิว กลไกที่ทำให้เกิดสิวหลักๆมี3-4อย่างครับ ได้แก่
1. การเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในชั้นผิวหนัง โดยปกติผิวหนังคนเราใช้เวลา 5-7วันในการที่ผิวหนังเดิมจะหลุดออกไปเป็นขี้ไคล หากมีอะไรมาทำให้ผิวหนังโตเร็วกว่าปกติหรือทำให้เซลล์หลุดลอกช้ากว่าปกติ ผิวหนังที่หนาตัวขึ้นนี้ก็จะเกิดอุดตันเป็นสิวได้ง่ายขึ้น
2. การผลิตน้ำมันของผิวหนังออกมาจากต่อมไขมัน โดยปกติต่อมไขมันจะผลิตไขมันออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแห้งของผิวหนัง แต่หากมีมากไปก็จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันจนนูนเป็นสิวได้
3. การอักเสบภายในสิวหรือต่อมไขมัน แม้ว่าจะเกิดการสะสมเป็นหัวสิวหัวไขมัน แต่บางครั้งก็แค่นูนๆไม่เกิดอะไร แต่หากสารที่อยู่ภายในมีการอักเสบ ก็จะทำให้สิวนั้นเกิดการอักเสบแดงหรือบวมขึ้นกว่าเดิมได้
4. การมีเชื้อ Propionibacterium acnes ในรูขุมขน เชื้อนี้สามารถสร้างสารที่ทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบรั่วออก และกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้มารวมที่สิวจนเกิดเป็นสิวอักเสบได้ โดยอย่างสุดท้ายเป็นการมีเชื้อโรคที่มักจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป การรักษาก็อย่างที่เราเห็นกันอยู่คือบางครั้งแพทย์ที่รักษาสิวจะสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อชนิดทาหรือรับประทานมาให้ แต่สำหรับสามสาเหตุแรกมีผู้ที่พยายามทำการทดลองหรือหาความเกี่ยวข้องระหว่างอาหารและการเกิดสิวอยู่ ซึ่งมีดังนี้ครับ
1. อาหารที่มีค่า Glycemic Index สูงๆ Glycemic index คือค่าที่บ่งบอกว่าอาหารแต่ละชนิดเมื่อเรากินเข้าไปแล้วมีการดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดในรูปแบบน้ำตาลได้ดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับกลูโคส อาหารที่มีค่าเหล่านี้สูงเมื่อบริโภคเข้าไปแล้วก็จะทำให้เกิดน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้นได้ เมื่อกินอาหารที่มีค่าGlycemic สูงเข้าไป สิ่งที่ตามมาคือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายก็จะตอบสนองโดยการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมน IGF-1 ออกมาเพื่อช่วยในการเอาน้ำตาลเหล่านั้นไปใช้ที่ส่วนต่างๆของร่างกายหรือเก็บสะสมไว้เป็นแหล่งพลังงานสำรอง สิ่งที่ตามมาคือฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาไม่ได้มีฤทธิ์ต่อน้ำตาลเพียงอย่างเดียวครับ โดยพบว่าฮอร์โมน IGF-1ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังให้โตขึ้นเร็วผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ นอกจากนี้ทั้งอินซูลินและ IGF-1 ก็ไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างฮอร์โมนAndrogenเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำการสร้างไขมันเพิ่มมากขึ้น สำหรับการจดจำว่าอาหารใดมีค่าglycemic index สูงๆอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่หากแปลเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายก็คืออาหารที่มีรสชาติหวานใส่น้ำตาลมากๆไม่ว่าจะเป็นน้ำผัก น้ำผลไม้ น้ำหวานน้ำอัดลม รวมไปถึงขนมหวานทั้งหลาย หรืออาหารที่ทำจากแป้ง เช่นขนมขบเคี้ยว ขนมปัง
2. นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนม ตามหลักแล้วนมเป็นอาหารที่มีค่าGlycemic indexต่ำ แต่ว่ามันเองสามารถกระตุ้นอินซูลินและIGF-1ได้ดีเหมือนของหวาน ดังนั้นจึงอาจมีผลต่อการเกิดสิวได้ด้วยกลไกที่เหมือนกัน โดยนมในที่นี้รวมไปถึงนมสด นมปราศจากไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนมเช่นเวย์โปรตีน หรืออาหารและขนมที่มีนมเป็นส่วนผสม
3. อาหารที่มีไขมันสูงแบบตะวันตก บางคนอาจจะเชื่อกันว่าการกินไขมันมากๆก็จะไปทำให้เกิดการมันที่ใบหน้าตามไปด้วยแล้วทำให้เกิดสิว แต่ว่ากลไกที่แท้จริงมันไม่ได้ตรงไปตรงมาแบบนั้นครับ เพราะเป็นที่สังเกตกันว่า ภาวะของโรคสิวในสังคมตะวันตกจะมีมากกว่าสังคมตะวันออกอย่างชัดเจน โดยพบว่าเมื่อคนแถบเอเชียย้ายไปอยู่ในทางตะวันตก หรือกินอาหารแบบตะวันตก ก็มีการเกิดสิวมากขึ้น กลไกที่ทำให้เกิดสิวในอาหารแบบตะวันตกที่สำคัญ ก็คือไขมันที่ใช้ในอาหาร โดยไขมันที่ใช้ในอาหารแบบตะวันตกมักจะเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า6 ที่พบมากในน้ำมันพืชหรือน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีอย่างเช่นพวกมาการีนหรือเนยเทียม ซึ่งกรดไขมันกลุ่มนี้สามารถชักนำให้ร่างกายสร้างสารที่ก่อการอักเสบเพิ่มขึ้น ทำให้หากมีสิวก็จะเกิดเป็นสิวอักเสบมากขึ้น ดังนั้นหากมีสิว วิธีที่น่าลองอีกอย่างหนึ่งก็คือหลีกเลี่ยงอาหารFastfoodทั้งหลายดู รวมไปถึงอาหารไทยๆแบบผัดหรือทอดน้ำมันพืชเยิ้มๆ
4. ช็อคโกแลต เคยมีงานวิจัยที่ออกมาสมัยก่อนว่าช็อคโกแลตไม่เกี่ยวกับการเกิดสิวและถูกนำมาอ้างอิงกันบ่อยๆคืองานวิจัยที่ทำโดย Fultonและคณะในปี1969 ที่ทำโดยให้คน65คนกินช็อคโกแลตหรือขนมที่แต่งสีกลิ่นเหมือนช็อคโกแลตจากนั้นให้รายงานผลว่าสิวขึ้นเท่าเดิม ดีขึ้น หรือแย่ลง ซึ่งผลที่ออกมาปรากฏว่าพอๆกันในทั้งสองกลุ่ม ทำให้มีการแปลผลว่าช็อคโกแลตไม่ได้ทำให้เกิดสิวมากขึ้น แต่ปัญหาคือในการทดลองนี้ แท่งช็อคโกแลตจริงจะมีส่วนผสมของโกโก้ทั้งที่เป็นผงโกโก้และไขมันโกโก้ ส่วนแท่งขนมที่ไม่มีโกโก้ ก็ใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีหรือไขมันทรานส์ซึ่งก็สามารถก่อให้เกิดสิวได้เหมือนกัน นอกจากนี้ในแท่งช็อคโกแลตไม่ได้มีแต่โกโก้ แต่มักจะประกอบไปด้วย น้ำตาล นม เลซิทินหรือไขมันจากพืช ซึ่งทุกส่วนผสมในนี้ต่างทำให้เกิดสิวได้เหมือนกัน ดังนั้นเราอาจจะสรุปไม่ได้ครับว่าโดยตัวมันเองแล้ว ช็อคโกแลตทำให้เกิดสิวหรือไม่ แต่ส่วนประกอบที่ทำเป็นแท่งช็อคโกแลตก็มีน้ำตาล นม และไขมันจากพืช ซึ่งครบตามสามข้อที่แล้วเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกันครับ (กินเยอะๆไม่สิวก็อ้วนล่ะ)
ความจริงแล้วในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันว่าจริงๆแล้วอาหารจะมีผลกับสิวอย่างชัดเจนจริงหรือไม่ เพราะสิวเป็นสิ่งที่มีตัวกระตุ้นหลายอย่าง นอกจากนี้การวิจัยส่วนมากมักให้ผู้ร่วมวิจัยนึกอาหารที่กินเข้าไป หรือในการทดลองที่ให้กินอาหารที่สงสัยเข้าไป ก็ยากที่จะไปควบคุมอาหารที่ผู้ร่วมวิจัยกินในแต่ละวัน แต่ว่าสำหรับผู้ที่อยากจะลองจัดการกับปัญหาสิวโดยที่ยังไม่อยากพึ่งมือหมอ จะลองดูก่อนก็ไม่เสียหายครับ เพียงแค่ปรับมากินอาหารแบบธรรมชาติที่มีกากใย กินผักให้มากขึ้น ลดของหวานลง นอกจากจะลดสิวได้แล้ว ยังอาจได้ลดน้ำหนักและสุขภาพดีเป็นของแถมก็ได้ครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม 1. Acne and diet: truth or myth? , An Bras Dermatol. 2010;85(3):346-53. 2. Diet and acne: a review of the evidence , International Journal of Dermatology 2009;48, 339347 3. Implications for the role of diet in acne , Semin Cutan Med Surg 2005 ;24:84-91
จากคุณ |
:
เมมิจัง
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ต.ค. 55 22:17:26
|
|
|
|  |