เรื่องระหว่างเรา
เราสองคนพบกันในวันที่เพื่อนของเราประสบอุบัติเหตุ การพบกันมันเกิดขึ้นโดยบังเอิญปนกับความตั้งใจ...
เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่า ณ วันหนึ่งประมาณกลางเดือนมกราคมเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ฉันเรียนอยู่ปี 4 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เพื่อนของฉันประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มบาดเจ็บพอสมควรเมื่อคืนที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันกับเพื่อนจะพากันไปเยี่ยม และก่อนที่จะออกจากบ้านเพื่อไปยังโรงพยาบาลนั้น ก็ได้พบกับเค้าคนนั้นซึ่งเราไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยแต่ฉันรู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนกับเพื่อนของฉันที่รถล้มนอนอยู่ที่โรงพยาบาล พอดีว่ามาทำธุระกับรุ่นน้องที่เช่าบ้านติดอยู่กับบ้านที่ฉันเช่าอยู่กับเพื่อนๆ และคาดว่าเค้าน่าจะยังไม่รู้เรื่องที่เพื่อนรถล้มแน่นอน ก็เลยเรียกเค้าและบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเพื่อนให้เค้าฟัง และเป็นไปตามที่คาดจริงๆ เพราะว่าเค้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ด้วยแหละ เหตุเพราะไม่มีใครสามารถติดต่อเค้าได้เนื่องจากทำโทรศัพท์หายไปเมื่อตอนต้นปีหายไปกับความเมาจากการฉลองปีใหม่...
แล้วเค้าคนนั้นกับฉันและเพื่อนๆ ของฉันก็พากันมาโรงพยาบาลพร้อมๆ กัน เพื่อมาเยี่ยมเพื่อนของเรา แว่บแรกที่เห็นหน้าเพื่อนถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะจากตอนแรกที่ได้รู้ข่าวมาแฟนเพื่อนมันบอกว่ารถล้ม ไม่คิดว่าอาการจะดูน่ากลัวขนาดนี้ จำสภาพเดิมแทบไม่ได้เลยทีเดียว เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่ามันดันล้มเอาหน้าลงนี่เอง ซวยรับปีใหม่จริงๆ เล้ย...เพื่อนเรา
กลับมาที่เรื่องของเค้ากับฉันต่อดีกว่า หลังจากเยี่ยมเพื่อนกันเสร็จแล้วพวกเราก็ยังกลับมาจากโรงพยาบาลพร้อมกัน เพราะเค้ายังทำธุระกับรุ่นน้องที่ข้างบ้านฉันยังไม่เสร็จ เราก็เลยกลับมาทางเดียวกัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปที่หน้าบ้าน เค้าก็ไปทำธุระที่ข้างบ้าน ส่วนตัวฉันและเพื่อนๆ ก็เข้าไปในบ้านเพื่อล้อมวงดูทีวีกันตามปกติเหมือนเดิมๆ ทุกวัน แต่ถ้าเหตุการณ์มันจบลงแค่ตรงนั้น ฉันคงไม่มีเรื่องมาเขียนให้พวกคุณได้อ่านกันหรอกน่า
แล้วเค้าคนนั้นก็มาเคาะประตูบ้านฉัน เรียกฉันออกไปนั่งคุยกันหน้าบ้าน แล้วเราสองคนก็เดินไปหาที่คุยกันต่อที่อื่น เค้าชวนฉันเดินไปนั่งที่ร้านนมแถวบ้าน นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
แล้วนึกยังไง ถึงเรียกเราออกมาคุยด้วยเนี่ย ฉันถามเค้าออกไปด้วยความสงสัย
ก็เห็นมองหน้าเรามาตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วนี่ ก็เลยคิดว่าน่าจะมีเรื่องให้คุยกันต่อน่ะ เค้าตอบออกมาอย่างนั้น
อ้าวเหรอ เรามองหน้านายบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันถามเค้าไปด้วยความสงสัย นี่ฉันเสียมารยาทขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
อืม ใช่ ก็เลยสงสัยไงว่ามองทำไมนัก พอทำธุระเสร็จก็เลยชวนออกมาคุยด้วยไง เค้าตอบมาก่อนที่จะดูดนมปั่นในแก้ว พร่องลงไปเกือบครึ่งแก้ว
ก็พอดีว่า เคยเห็นนายมาก่อนหน้านี้ไง แต่ไม่เคยคุยกันหรอก ตอนที่ไปกินข้าวกับไอ้แม็กไงแล้วเห็นนาย แม็กมันก็บอกว่านายเป็นเพื่อนมัน เราก็เลยรู้ไงว่านายชื่ออะไร ฉันตอบเค้าไปเหมือนกัน
เออ ว่าจะถามอยู่พอดีว่ารู้จักชื่อเราได้ยังไง แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นเพื่อนไอ้แม็กมัน
เอาเป็นว่าต่างกันก็ต่างรู้เรื่องที่ค้างคาใจของแต่ละฝ่ายกันไปแล้วล่ะ
หลังจากนั้นเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อย ฉันกับเค้าคุยกันถูกคอกันมากทีเดียว เราคุยกันอยู่นาน จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เราจึงเดินกลับมาบ้านฉันเค้าส่งฉันที่หน้าบ้านแล้วก็ขี่รถกลับไป จากนั้นมาเราก็ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ
เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ฉันยังไม่ได้มาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนที่บ้านหลังนี้ ฉันกับเพื่อนๆ เช่าหอกันอยู่ที่หลังมหาวิทยาลัย ฉันมักจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งเค้าจะขี่มอเตอร์ไซค์เก่าสีน้ำเงินเข้ามาหาเพื่อนที่อยู่หอเดียวกับฉันเสมอๆ และในบางคราวฉันจะเจอเค้าคนนั้นตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัย ตามร้านข้าว ฯลฯ ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่เห็นฉันจะคอยมองตามและสังเกตอยู่เสมอว่าเค้าทำอะไรอยู่ เค้าจะไปไหน วันนั้นๆ เค้ามีสีหน้าอย่างไร นั่นมันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วสินะ แต่ ณ ตอนนี้เค้าคนนั้นกับฉันคนนี้เราสองคนได้พูดคุยกันและรู้จักกันแล้ว เค้ากับฉันเราเรียนกันคนละคณะ มีเพื่อนต่างกลุ่มต่างนิสัยกัน มีสังคมเพื่อนที่ต่างกัน เค้ากับฉันเราพบกันไม่บ่อยนักหรอก แต่ในทุกครั้งที่เราพบกัน เค้ามักจะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเล่าให้ฉันได้ฟังเสมอๆ เค้าเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ฉันมีเพื่อนเพียงกลุ่มเดียว เค้าเข้ามาทำให้โลกของฉันกว้างขึ้นเยอะกว่าเดิม
ทุกครั้งที่พบกันเรามักจะคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไป ไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องส่วนตัวกันมากนัก แต่ในวันหนึ่งฉันอดสงสัยไม่ได้จึงได้ถามเค้าออกไปว่า
นี่เป๊ก เป๊กมีแฟนหรือยังน่ะ อยู่ๆ ฉันก็ถามเค้าออกไปแบบนั้น สรรพนามแทนตัวระหว่างเค้ากับฉันนั้นดูสนิทสนมขึ้นมามากแล้วใช่มั้ยล่ะ
ถามทำไมเหรอ
ก็เค้าอยากรู้นิ
แล้วเคยเห็นเค้าไปไหนมาไหนกับผู้หญิงมั้ยล่ะ เค้าตอบกลับมาแบบนั้น
ก็เคยเห็นน่ะ แต่เป็นเพื่อนเป๊กที่คณะน่ะ ฉันตอบไปอย่างที่ฉันเคยเห็นอย่างนั้นจริงๆ
อืม ก็นั่นแหละ คำตอบ
ฉันก็ไม่รู้ว่าคำตอบแบบนั้นที่เค้าตอบออกมามันเป็นคำตอบที่เค้าตั้งใจจะตอบคำถามของฉันหรือไม่ แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยถามเค้าอีกเลย
แล้วฉันกับเค้า เราก็ยังคบกันมาอยู่เรื่อยๆ จนพักหลังๆ เค้าหายไปหลายวัน ไม่ติดต่อกลับมา บางครั้งเป็นเดือนที่เค้าหายหน้าไป การเรียนของฉันแย่ลงเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็จบออกมาจนได้คงเป็นเพราะเพื่อนๆ ของฉันที่พยามยามช่วยกันสุดฤทธิ์เพื่อจะเข็นให้ฉันจบไปพร้อมกันให้ได้ เรื่องระหว่างฉันกับเค้าก็ยังดำเนินเหมือนเดิมมาเรื่อยๆ เรายังเจอกันนานๆ ครั้งเหมือนเดิม เค้าเรียนไม่จบในปีนี้ ส่วนฉันได้งานทำที่ต่างจังหวัด ยิ่งทำให้ความใกล้ชิดของเราที่มันมีอยู่น้อยอยู่แล้ว มันยิ่งน้อยลงไปทุกที แต่ฉันก็พยายามติดต่อเค้าอยู่เรื่อยๆ ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่
พักหลังมานี้เป็นฉันซะมากกว่าที่เป็นคนติดต่อเค้าอยู่ตลอด เรานัดเจอกันบ้างในบางครั้ง มีทั้งที่เค้ามาหาฉัน และฉันไปหาเค้าที่มหาวิทยาลัย อีก 1 ปีผ่านไป ในปีนี้เค้าเรียนจบ และในปลายปีเค้าจะต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งฉันก็เตรียมตัวนับวันรอเพื่อที่จะไปร่วมงานกับเค้าในฐานะคนใกล้ชิดของเค้า
วันพระราชทานปริญญาบัตรในปีการศึกษานี้มาถึงในเดือนธันวาคมของปี เรานัดเจอกันที่มหาวิทยาลัย ส่วนฉันก็ไปร่วมงานของเพื่อนในกลุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งจะเข้ารับพระราชทานในปีนี้ เนื่องจากปีที่แล้วติดธุระที่ต่างประเทศ จึงเลื่อนมารับในปีนี้แทน ฉันจึงไม่ต้องเสียเวลามาครั้งเดียวได้ถึง 2
เรานัดเจอกันในวันซ้อมใหญ่
ฮัลโหล เป๊กอยู่ตรงไหนแล้วเหรอ
ก็อยู่ตรงแถวๆ ที่เค้ารายงานตัวนี่แหละ
เหรอ เค้าอยู่ที่คณะน่ะ โอเค เดี๋ยวเดินไปหานะ
อืม
เมื่อฉันเดินไปหาเค้าที่จุดรับรายงานตัวเดินหาจนทั่วก็ไม่พบ จึงโทรศัพท์ถามดูอีกครั้ง
เป๊ก อยู่ตรงไหน ไม่เห็นเลย
อ๋อ ตอนนี้เดินกลับมาที่คณะแล้วน่ะ พอดีเพื่อนมาลากมาถ่ายรูปน่ะ
งั้นเดี๋ยวเค้าไปรอตรงเต้นท์ที่ตัวเองต้องเข้าแถวก่อนเดินเข้าหอประชุมนะ
โอเค ได้ๆ
แล้วฉันก็เดินไปรอเค้าตรงเต้นท์ ซึ่งเพื่อนฉันก็ไปรอเข้าแถวอยู่แถวนั้นแหละ ฉันและเพื่อนๆ ก็สนุกสนานกับการถ่ายรูปกันเอง และถ่ายรูปกับน้องๆ ที่เข้าแถวรออยู่ในเต้นท์นั้น
พอใกล้จะถึงเวลาที่บัณฑิตทุกคนจะต้องเข้าหอประชุมแล้ว ฉันก็ยังไม่เห็นเค้าเลย และแล้ว....... เพื่อนฉันก็เรียกฉันให้หันไปมอง ชายหญิงคู่หนึ่งเดินจับมือกันมากำลังเดินผ่านตรงเต้นท์ที่ฉันและเพื่อนยืนรอกันอยู่
เค้าคนนั้น เดินจูงมือมากับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งฉันไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อน ฉันได้แต่ยืนนิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินจากมาจากตรงนั้น โดยไม่พูดกับใครซักคำ...
ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเค้าถึงไม่พูดไม่บอกอะไรฉันเลยซักคำ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเค้าถึงทำกับฉันแบบนี้ เค้าคนที่เคยพูดสนุกสนานมีเรื่องราวมากมายมาเล่าให้ฉันได้ฟังเสมอ มาบัดนี้แม้เพียงเหตุผลสักข้อเค้าก็ไม่เคยบอกฉัน ว่าเพราะอะไร...
จากเหตุการณ์วันนั้น จนถึงวันนี้เป็นเวลาไม่ถึงเดือน เค้ากับฉันก็ยังพูดคุยกันได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรายังโทรศัพท์คุยกันบ้างในบางเวลา เค้าถามฉันว่าทำไมวันรับปริญญาถึงไม่มาถ่ายรูปกับเค้าล่ะ ฉันได้แต่ตอบเค้าไปว่า ฉันหาเค้าไม่เจอ แล้วมีธุระด่วนก็เลยรีบกลับ
จน ณ วันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ฉัน สำหรับเค้านั้นระหว่างเรามันคืออะไรกัน ฉันคงไม่มีความหมายกับเค้าเลย หรือเค้าคิดกับฉันเป็นแค่เพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ไม่มีเหตุผลออกมาจากปากของเค้า ไม่มีคำถามออกมาจากปากของฉัน แล้วเรื่องระหว่างฉันกับเค้า มันก็ยังคาราคาซังอยู่ในใจของฉันจนถึงทุกวันนี้...
* * * * * * - - - - - - * * * * * *
เรื่องนี้อาจดูห้วนๆ ไปหน่อย มันเกิดขึ้นจากการที่เอาตัวเองเข้าไปเป็นตัวเอกของเรื่อง แล้วคิดว่าเค้าคิดแบบนี้จะเป็นยังไง แล้วมันก็เลยจบมาแบบนี้ จริงๆ ผู้หญิงเค้าคงจะคิดซับซ้อนกว่านี้ (รึปล่าวนะ) ???
ขอบคุณทุกท่านที่(ทน)มาอ่านทุกท่าน(เหมือนเดิม)ขอรับ
จากคุณ :
ID Guy
- [
3 ม.ค. 49 00:22:37
A:203.172.115.234 X: TicketID:114107
]