CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    "เรื่องระหว่างเรา...(ในทางกลับกันบ้าง)"

    “เรื่องระหว่างเรา (ในทางกลับกันบ้าง)”

    เรื่องระหว่างเราสองคนมันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ผมกำลังไปถามเรื่องงานที่จะส่งอาจารย์ในอาทิตย์หน้าที่บ้านรุ่นน้องของผมคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่

    เมื่อผมไปถึงหน้าบ้านก็ได้พบว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลยซักคน ในขณะที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถเพื่อขี่กลับนั่นเอง ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น
    “นี่ นี่ ใช่เป๊กรึปล่าว” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาทางผม
    เฮ้ย! ใครมาเรียกชื่อผมกันหว่า...หรือว่าไอ้รุ่นน้องผมมันกลับมาแล้ว ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองไปหาต้นเสียง แต่อ้าว...นั่นมันใคร กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณ 3-4 คน กำลังมองมาที่ผม ผมไม่เห็นรู้จักเลย เค้าเรียกชื่อผมถูกได้ยังไงกันนะ
    “นี่ ใช่เป๊กเพื่อนแม็กรึปล่าว” เธอยังถามต่อ
    เมื่อผมแน่ใจแล้วว่าเธอคุยกับผมแน่แล้ว ผมจึงตอบเธอไปว่า “ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ”
    “ก็เมื่อคืนนี้แม็กมันรถล้ม ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมกัน ไปด้วยกันรึ ปล่าวล่ะ” แล้วเธอก็เฉลยสาเหตุที่เรียกผมออกมา
    “อ้าวเหรอ ไม่เห็นมีใครบอกเลยแฮะ...จิงดิ มันเป็นไรมากป่าว” ผมตอบเธอออกไปอย่างนั้น
    “ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะยังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ก็นี่ว่าจะไปดูนี่แหละ แล้วไอ้ที่ไม่มีใครบอกน่ะเห็นเพื่อนแม็กอีกคนมันบอกว่าพยายามจะโทรเป๊กแล้ว แต่โทรไม่ได้นี่นา” เธอไขข้อข้องในผมอีกครั้ง
    ทำให้ผมนึกออกมาได้ว่าผมทำโทรศัพท์หายไปเมื่อตอนปีใหม่นี่หว่า วันนั้นเมามากไปหน่อย ตื่นมามันก็หายไปแล้ว ซวยรับปีใหม่...นี่คิดขึ้นมาก็ยังเซ็งอยู่เลย
    “อ๋อ พอดีโทรศัพท์หายน่ะ เพิ่งหายเมื่อตอนปีใหม่นี่เอง ถึงว่าทำไมไม่รู้เรื่อง” ผมตอบพวกเธอออกไป
    “แล้วนี่จะไปกันเลยรึปล่าวเนี่ย” ผมถามออกไปบ้าง
    “อืม เนี่ยก็กำลังจะไปกันแล้ว” เธอตอบ
    “โอเค เดี๋ยวไปด้วย น้องมันไม่อยู่บ้านพอดี เดี๋ยวเยี่ยมไอ้แม็กมันเสร็จแล้วค่อยมาใหม่ก็ได้” ผมตอบพวกเธอไป เพราะถึงยังไงผมกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไอ้แม็กมันก็เพื่อนผมนะ แม้จะอยู่คนละคณะก็เหอะแต่เราก็สนิทกันอยู่พอสมควร

    แล้วผมกับพวกเธอก็ไปเยี่ยมไอ้แม็กที่โรงพยาบาลกัน ห้องพิเศษชั้น 3 ผมเดินตามพวกเธอไปทิ้งระยะไม่ห่างมากนัก ผมไม่ค่อยชอบมาโรงพยาบาลเท่าไหร่ ผมไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล แล้วอีกอย่างผมเป็นคนกลัวผีเอามากๆ คนหนึ่งเลยล่ะ

    เมื่อเดินไปถึงห้องคนไข้ผมเห็นแฟนของเพื่อนผมนั่งอยู่ข้างๆ เตียงมีเพื่อนๆ ของเพื่อนผมอีก 2 คนยืนอยู่ข้างๆ เตียง แล้วนั่นก็พี่ชายและพี่สะใภ้ของเพื่อนผมมาด้วยนี่...

    ผมเข้าไปทักทายพี่ และถามไถ่อาการของเพื่อนผม
    “เฮ้ย เป็นไงมั่งวะ ไม่ได้เจอกันพักนึง เจออีกทีก็เป็นงี้เลยเหรอวะ ไปทำอีท่าไหนเข้าวะเนี่ย”
    “ก็เมื่อคืนมันกินกันหนักไปหน่อยน่ะ แล้วซ้อนท้ายรถเพื่อนกลับ เพื่อนมันเมา แม่งดันขี่รถไปสะดุดก้อนหินก้อนใหญ่เข้าจังเบ้อเร่อม แล้วซ้อนสามมาด้วยไง ไอ้เราก็ไม่รู้เรื่องมึนๆ อยู่ว่ะ นั่งซ้อนอยู่ตรงกลางขยับไปไหนก็ไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็คว่ำอยู่กับพื้นแล้วว่ะ แล้วก็อย่างที่เอ็งเห็นเนี่ยแหละ” เพื่อนผมมันตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น กว่ามันจะสาธยายให้ฟังจบก็กินเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน
    “เออๆ เว้ย เห็นเอ็งแล้วไม่นึกอยากเหล้าเลยเว้ย สงสัยคงต้องระวังมากขึ้นซะแล้วว่ะ” ผมนึกขยาดกลัวถ้าเกิดคนที่เจอเหตุการณ์เป็นผมมันคงทรมานน่าดูเลยทีเดียวล่ะ

    แล้วผมก็ชวนมันคุยอีกนิดหน่อย ไม่อยากให้มันขยับปากมากนักสงสารมัน เพราะมันคงจะเจ็บแผลอยู่โขทีเดียว ในระหว่างที่ผมคุยกับมันพวกเธอที่ผมอาศัยรับรู้ข่าวก็เข้ามาพูดคุยกับไอ้แม็กมัน อยู่เป็นพักๆ ส่วนมากเป็นอาการกระเซ้าเย้าแหย่ให้มันพอได้หายเครียดบ้าง บ้างครั้งผมก็ขำไปกับมุขของพวกเธอที่นำมาเล่าให้ไอ้แม็กมันฟัง ผมนั่งอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลาเกือบชั่วโมง

    ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นพบก็รู้สึกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มพวกเธอนั้นมองมายังผมบ่อยเหลือเกิน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อผมสบตากลับไปเธอก็มักจะหลบตาผมเสมอ ยังข้อสงสัยมาให้ผมยิ่งนัก แล้วอีกซักพักผมก็ร่ำลาเพื่อนขอตัวกลับก่อน เพราะว่าจะต้องไปทำถามงานรุ่นน้องและทำงานส่งอาจารย์ให้ทัน แต่แล้วพวกเธอๆ ทั้งหลายก็ดันพูดขู่ผมถึงเรื่องลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เค้าร่ำลือกันว่าน่ากลัว ผมเลยตัดสินใจจะใช้บริการบันไดแทน แต่พวกเธอก็ยังเล่าถึงความน่ากลัวของบันไดในโรงพยาบาลให้ฟังอีก สรุปผมก็เลยต้องรอกลับพร้อมพวกเธอนั่นแหละ คุณคิดว่าผมกล้าออกจากห้องไปคนเดียวในตอนกลางคืนอย่างนี้เหรอ ในเมื่อพวกเธอเล่ากันซะขนาดนั้นแล้วนิ อีกไม่กี่นาทีพวกเธอก็พากันกลับเหตุเพราะไม่อยากรบกวนคนไข้ ผมจึงได้ฤกษ์กลับเอาตอนนี้นี่แหละ

    เมื่อกลับมาถึงหน้าบ้านรุ่นน้องของผม พวกมันกลับมากันพอดี ผมจึงเข้าไปถามถึงเรื่องงานที่อาจารย์สั่งเพราะผมไม่ได้เข้าเรียนมาหลายครั้งแล้ว จึงต้องอาศัยถามรุ่นน้องเอา อ้อ...ลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมเรียนช้าไปปีนึง ผมหยุดเรียนไปหนึ่งปีเพราะสาเหตุส่วนตัวบางประการ

    พอถามเรื่องงานได้ความเสร็จแล้ว ผมก็คิดตะขิดตะขวงอยู่ในใจถึงเธอคนนั้น คนที่เธอมักจะนั่งจ้องผมเสมอตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้เพราะอะไรทำให้ผมอยากจะคุยกับเธอต่อ ผมคิดอยู่ว่าถึงผมกลับไปบ้านตอนนี้ผมก็ยังไม่มีอารมณ์คิดงานส่งอาจารย์อยู่ดี ชวนเธอคนนั้นไปนั่งคุยเล่นดีกว่า ตามวิสัยของคนที่อัธยาศัยดีอย่างผม...

    แล้วผมก็เดินไปบ้านข้างๆ เรียกเธอคนนั้นออกมานั่งคุยเล่นกันหน้าบ้าน
    “โทษนะครับ แอ้มอยู่มั้ยครับ” ผมจำชื่อเธอได้จากที่เพื่อนเธอเรียกกัน
    “ทำไมเหรอ มีอะไรรึปล่าว” เธอถามผม
    “ก็มาชวนไปกินนมกันที่ร้านหน้าปากซอย มีเรื่องอยากคุยด้วย ไปป่าว” ผมคิดว่าชวนเธอไปกินนมดีกว่าจะได้มีกิจกรรมทำระหว่างนั่งคุยกันด้วย ดีกว่านั่งคุยกันเฉยๆ ผมหรือเธออาจจะเขินกันซะเปล่าๆ
    “อืม ไปสิ” เธอตอบผมโดยไม่ลังเล
    แล้วผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ของเธอแซวตามหลังมาเล็กน้อย

    ผมกับเธอเราเดินไปร้านนมหน้าปากซอยด้วยกัน ผมสั่งนมปั่น เธอสั่งชามะนาว และผมก็สั่งขนมปังปิ้งมากินอีก 2 อย่าง ระหว่างรอนมและขนมปังเรา 2 คนก็เริ่มบทสนทนากัน
    “แล้วนึกยังไง ถึงเรียกเราออกมาคุยด้วยเนี่ย” เธอถามผม
    “ก็เห็นมองหน้าเรามาตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วนี่ ก็เลยคิดว่าน่าจะมีเรื่องให้คุยกันต่อน่ะ” ผมตอบเธอออกไป
    “อ้าวเหรอ เรามองหน้านายบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอบอกพร้อมกับท่าทางสงสัยปนเขินเล็กน้อย
    “อืม ใช่ ก็เลยสงสัยไงว่ามองทำไมนัก พอทำธุระเสร็จก็เลยชวนออกมาคุยด้วยไง” ผมบอกเธอ
    “รู้จักไอ้แม็กมันมานานแล้วเหรอ ทำไมเราไม่เห็นรู้จักแอ้มเลยล่ะ” ผมถามออกไปเพื่อไขข้อข้องใจและหาเรื่องเพื่อชวนเธอคุย
    “ก็รู้จักมาปีนึงแล้วล่ะ แม็กเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีนึงน่ะ”
    “อืม แล้วรู้จักเราด้วยเหรอ รู้ได้ยังไงว่าเราชื่อเป๊ก แล้วเป็นเพื่อนไอ้แม็กมันน่ะ” ผมยังถามต่อ
    “ก็เคยเห็นนายบ่อยๆ นะ ขี่ไอ้มอ’ไซค์เก่าๆ สีน้ำเงินคันนั้นไง แล้วมีอยู่วันนึงไปนั่งกินข้าวกับแม็กมันแล้วแม็กมันก็ชี้ให้ดูบอกว่าคนนั้นน่ะเพื่อนชื่อเป๊ก แต่วันนั้นนายไม่เห็นเราหรอก สงสัยวันนั้นนั่งอยู่มุมอับไปหน่อยมั้ง” เธอตอบออกมา
    “อ้าวเหรอ แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ จะได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น”
    “ก็เราบอกไม่ต้องเรียกเองแหละ เห็นนายกำลังคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานเดี๋ยวจะไปขัดจังหวะเปล่า” เธอตอบผมออกมาอย่างนั้น ผมคิดว่ามันน่าจะมีเหตุผลที่มากกว่านี้น่ะ แต่เธอไม่ยอมบอกผมว่าทำไม
    “เหรอ เออ แล้วนี่แอ้ม เรียนคณะอะไรล่ะ”
    “เราก็เรียนคณะมนุษยฯ ปี 4 แล้วล่ะ แต่นายเรียนอยู่ปี 3 ใช่มั้ยล่ะ”
    “รู้ด้วยเหรอเนี่ย” ผมรู้สึกว่าเธอรู้เรื่องผมพอสมควรนะเนี่ย
    “อืม แม็กมันเคยเล่าให้ฟังน่ะก็เลยรู้”

    แล้วนม ขนมปัง และชามะนาวที่ผมและเธอสั่งก็มาแล้ว เรา 2 คนคุยกันอยู่พักใหญ่ ส่วนมากก็คุยเรื่องสัพเพเหระนั่นแหละ คุยเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน ฯลฯ ผมว่าเธอเป็นคนที่คุยสนุกทีเดียว ผมเห็นว่ามันก็ดึกพอสมควรแล้ว และเราก็จัดการกับของกินบนโต๊ะหมดไปนานแล้วด้วย ผมจึงชวนเธอกลับดีกว่า

    ผมเดินไปส่งเธอที่หน้าบ้าน ผมลาเธอแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน คืนนี้ผมได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคนนึงแล้วสินะ ผมมักจะมีเพื่อนใหม่ๆ เข้ามาเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิง ผมว่าบางทีการคุยกับผู้หญิงมันก็สนุกดีนะ เรื่องที่คุยมันก็แปลกไปจากที่เราคุยกับพวกเพื่อนกลุ่มผู้ชายของเรา เพื่อนผมมันมักจะบอกว่าผมเป็นคนเจ้าชู้ คุณว่าจริงมั้ย ถ้าผมมีเพื่อนผู้หญิงหลายคน มันทำให้ผมดูเป็นคนเจ้าชู้จริงเหรอ??

    ผมไม่ได้ขอเบอร์โทรจากเธอ เพราะว่ามันไม่จำเป็นเพราะบ้านผมกับบ้านเธออยู่ไม่ห่างกันนัก ถ้าจะพบกันเมื่อไหร่ผมก็ขี่รถมาหาก็ได้ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่มีโทรศัพท์ด้วยตอนนี้

    ไม่กี่วันถัดมาหลังจากทำงานส่งอาจารย์ชิ้นนั้นเสร็จ ผมก็แวะไปที่บ้านเธออีก ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันทำให้ผมอยากเจอและอยากคุยกับเธออีก คราวนี้ผมพาเธอไปขี่รถเล่นกัน เรามักมีเรื่องมาคุยกันเสมอ เรื่องราวมากมายที่ผมคิด ที่เธอคิด ถูกถ่ายทอดออกมาเพื่อเล่าสู่กันฟัง นั่นทำให้ความสนิทของผมกับเธอมันเพิ่มมากขึ้น ผมมักจะมาหาเรื่องมาคุยกับเธอบ่อยครั้งขึ้นในระยะหลังๆ นี้ ผมรู้สึกว่าเวลาผมไม่สบายใจ หรือแม้แต่เวลาผมสบายใจดีก็เหอะ เมื่อผมได้คุยกับเธอแล้วผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม ผมกับเธอพบกันเป็นระยะๆ บางทีก็วันสองวันเจอกันที บางทีก็ 2-3 วัน

    จากคุณ : ID Guy - [ 3 ม.ค. 49 18:04:40 A:61.7.149.85 X: TicketID:114107 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป