CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    "ผมเกลียดมัน..."

    “ผมเกลียดมัน...”

    ปกติผมเป็นคนที่มีความอดทนสูงพอสมควร ไม่ค่อยที่จะรำคาญหรือเกลียดอะไรง่ายๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังรำคาญคนคนนึงอยู่ มันชื่ออ้ายโอ๋ มันชอบแวะมาที่ร้านผมทุกวัน วันละหลายๆ รอบ

    ผมเปิดร้านขายของชำอยู่ในหมู่บ้าน ส่วนอ้ายโอ๋มันมาช่วยญาติขายส้มตำอยู่ถัดจากบ้านผมไป ทุกวันตอนผมนั่งขายของอยู่ที่ร้านผมจะเปิดเพลงฟังจากเครื่องคอมฯ ของผม อ้ายโอ๋มันจะชอบแวะมานั่งฟังเพลงกับผมเป็นประจำ มันไม่ได้มานั่งฟังเฉยๆ หลายครั้งที่มันจะมาขอฟังเพลงนู้นเพลงนี้ ซึ่งเป็นเพลงที่มันคงจะได้ยินมาจากรายการวิทยุที่ไหนซักแห่ง แล้วมันก็จะจำได้แต่เนื้อร้อง มันก็จะเฝ้ามาวนเวียนร้องเนื้อเดิมๆ ซ้ำๆ ให้ผมฟัง แล้วก็ถามผมว่า “พี่ครับ อันนี้เพลงอะไรครับ” ผมก็ตอบมันไปว่า “ไม่รู้ ไม่เคยฟัง” มันถามอย่างนี้อยู่ประมาณ 3-4 รอบ บางวันผมจะได้ฟังเพลงท่อนเดิมๆ ของมันจนผมจะร้องไปกับมันได้ ผมอยากจะบอกมันไปว่า “กรูไม่รู้ กรูไม่เคยฟัง กรูจะไปรู้เหรอ จะถามทำไมบ่อยๆ กรูรำคาญ” ไม่ได้ๆ ผมเป็นคนสุภาพในสายตาคนอื่น แล้วอีกอย่างผมเป็นคนค้าขาย อย่างน้อยมันก็เป็นลูกค้าของผมคนหนึ่งล่ะน่า ผมต้องทำใจกับมันอยู่ทุกวัน

    ผมเพิ่งเจอมันมาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก แค่เดือนเดียว มันเพิ่งย้ายมา แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยถือสามัน ผมคิดว่ามันคงอยากฟังเพลงบ้าง ผมก็แบ่งๆ ให้มันฟังไป แต่พักหลังๆ มานี่แหละ มันมาบ่อย บ่อย จนเกินไป จนผมรำคาญ อีกอย่างมันชอบพูดจาวนไปวนมา พูดประโยคเดิมซ้ำๆ แล้วก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่ผมบอกว่า “มันเป็นคนพม่า ไม่ค่อยจะเต็ม อย่าไปถือสามันเลย” แม่บอกผมอย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าแม่ผมพูดจริงรึปล่าว เพราะว่ามันอ่านภาษาไทยออก และสามารถเขียนได้ แถมบางครั้งมันยังเขียนภาษาอังกฤษได้อีกแน่ะ... แต่ก็ดูมันหวาดๆ เล็กน้อยเมื่อเห็นตำรวจสายตรวจขี่มอ’ไซค์ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน ระยะหลังๆ มานี้ เมื่อแม่นั่งเฝ้าร้านอยู่กับผมบ่อยๆ เห็นพฤติกรรมของมัน ผมว่าแม่ผมเริ่มรำคาญมันเหมือนผมแล้วล่ะ

    นับวันพฤติกรรมมันชักจะเริ่มหนักข้อขึ้น พักหลังมันไม่ค่อยไปช่วยญาติขายของแล้ว เกือบทุกวันมันจะมานั่งขลุกอยู่กับผมที่ร้าน มาฟังเพลงกับผม ถ้ามันนั่งฟังเฉยๆ ผมคงไม่ค่อยรำคาญมันเท่าไหร่หรอก นี่มันชอบถามนู่นถามนี่ แล้วบางทีถามเรื่องที่อธิบายยากๆ ผมก็พยายามตอบ อธิบายมันไปแล้วนะ ก็เหมือนมันจะเข้าใจ แล้วอีกซักพักมันก็ยิงคำถามเดียวกันใส่ผมอีก ผมเริ่มหงุดหงิด อุตส่าห์อธิบายซะยืดยาว “แล้วมรึงจะมาถามหาพระแสงอะไรอีกเนี่ย” ผมคิด ผมเลยตอบมันไปว่า “ไม่รู้” มันก็ยังขยันยิงคำถามอยู่เรื่อยๆ ถ้ามันเป็นนักบอลมันคงได้รางวัล Man of the Match

    ผมว่าเดี๋ยวนี้ผมชักจะไม่รำคาญมันแล้วนะ ผมว่าผมเริ่มเกลียดมันแล้วล่ะ มันยังคงวนเวียนๆ อยู่แถวๆ ผมนี่ล่ะ ไม่ยอมไปไหน อย่างกับเป็นแมลงอะไรซักอย่างที่มันชอบบินๆ วนๆ อยู่ข้างหู ที่ผมได้แต่เอามือไปปัดๆ ให้มันไปไกลๆ (ผมไม่เคยเอามือไปตบมันหรอก ผมไม่ใจแข็งพอที่จะฆ่ามันได้) แต่มันก็ไม่ยอมไปไหนซักที คอยบินวนๆ ทำให้ผมรำคาญอยู่ตลอดเวลา

    มันเป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน พอเข้าเดือนที่ 4 ผมก็ได้รับฟังประโยคที่ผมรู้สึกว่ามันฟังเข้าหูผมที่สุดแล้ว มันเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า “พี่ครับ เครื่องพี่ไรท์ซีดีได้รึปล่าว”
    ผมเลยถามมันไปว่า “ถามทำไม”
    มันก็ตอบว่า “ผมจะกลับบ้านอาทิตย์หน้า กลับไปบ้านนอก ผมจะเอาซีดีไปฟังด้วย พี่ไรท์ให้ผมได้รึป่าว”
    พอผมได้ยินดังนั้น ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าบ้านนอกของมันน่ะเป็นที่ไหน ผมรู้แต่ว่าผมดีใจมาก นี่ผมจะหลุดพ้นจากมันแล้วใช่มั้ย
    “ได้ดิ จะเอาเพลงอะไรมั่งล่ะ จดชื่อเพลงมาเดี๋ยวพี่ไรท์ให้” ผมไม่รู้ว่าผมเผลอยิ้มออกไปตอนที่ตอบมันรึป่าว
    “อ้าว แล้วนี่จะกลับบ้านวันไหนล่ะ” ผมถามมันดู
    “ก็วันพุธหน้าน่ะพี่”
    แล้วมันก็หายไปที่ร้านส้มตำ อีกซักพักใหญ่ๆ มันก็กลับมาพร้อมรายชื่อเพลง ไม่กี่เพลง แล้วมันก็เริ่มกวนผมต่อ มาร้องเพลงให้ผมฟัง โดยที่มันจำได้แค่ไม่กี่ประโยคเหมือนเดิม ไม่เป็นไรตอนนี้ผมอารมณ์ดี มันร้องเพลงอะไรมาถ้าผมคุ้นผมก็บอกมันว่าเพลงนี้ใช่มั้ย แล้วก็เปิดเพลงจากเครื่องให้มันฟัง มันก็นั่งฟังนั่งเลือกอยู่กับผมเกือบชั่วโมง แล้วมันก็หายไปบอกว่าเดี๋ยวผมมา หายไปซักพักมันได้เนื้อร้องเพลงใหม่ๆ มาอีกแล้ว มันก็เริ่มร้องให้ฟังอีกแล้ว ผมคิดว่ามันคงวิ่งไปฟังวิทยุที่ร้านญาติที่ขายส้มตำอยู่ แล้วพอได้ยินเพลงที่มันชอบมันก็เอามาร้องให้ผมฟัง “แล้วมันทำไมไม่ฟังชื่อเพลงมาฟะ” ผมเริ่มรำคาญอีกแล้ว

    ผมได้แต่ปลอบตัวเองว่า อีกไม่กี่วันมันก็ไม่อยู่แถวนี้ให้ผมเห็นหน้าแล้วน่า ทนๆ กับมันหน่อยเถอะ วันนี้มันก็มาอีกแล้ว ผ่านไป 3 วันนับตั้งแต่ที่มันบอกผมว่ามันจะกลับบ้าน มันยังไม่ได้รายชื่อเพลงที่จะให้ผมไรท์ให้ซักที ผมพยายามวนเวียนมาบอกผมทุกวันว่ามันจะกลับบ้านไปแต่งงานแล้ว ช่วยไรท์ให้ผมที ผมคิดในใจ “มันจะไปแต่งงาน?? ใครจะแต่งกับมันฟะ” เออ เอาเหอะ มันจะพูดจริงพูดเล่น ให้มันไปๆ เหอะ

    วันนี้วันอังคารแล้ว พรุ่งนี้แล้วสินะที่มันจะกลับบ้าน(ไปแต่งงาน) ตามที่มันบอกผม วันนี้มันได้รายชื่อเพลงมาแล้ว ผมไรท์เพลงให้มันไป 1 แผ่น เพลงที่มันพยายามคัดสรรอยู่เกือบอาทิตย์

    เย็นวันนี้ผมอวยพรให้มันโชคดี เดินทางปลอดภัย ทั้งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านมันอยู่ไหน ผมไม่อยากรู้หรอก ผมแค่อยากให้มันไปไกลๆ จากผมแค่นั้นก็พอ ผมดีใจพรุ่งนี้ผมคงไม่เจอมันอีกแล้ว ชีวิตผมคงเงียบสงบขึ้นเยอะ เวลาผมฟังเพลงมันคงเพราะขึ้นอีกเป็นกอง คืนนี้ผมนอนหลับไปอย่างมีความสุข

    วันรุ่งขึ้นผมลุกขึ้นมาเปิดร้าน วันนี้อารมณ์ดีเ ป็นพิเศษ ผมเปิดคอมฯ นั่งฟังเพลง ขายของไปเรื่อยๆ มีลูกค้าบ้างนิดหน่อย พอสายๆ ผมเห็นผู้ชายคนนึงท่าทางคุ้นๆ เดินผ่านร้านผมไป ผมคิดในใจ “ไม่น่า ไม่ใช่มันหรอก มันบอกว่ามันจะไปแต่งงานแล้วนิ มันไปวันนี้แล้ว” ผมหันไปดูปฏิทินให้แน่ใจว่าวันนี้เป็นวันพุธจริงๆ มันก็ใช่วันนี้วันพุธ ผมคงตาฝาดไปแหละ

    ผมกำลังนั่งอ่านนิตยสารที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อวานตอนเย็น พลันผมก็ได้ยินเสียงเพลงคุ้นๆ เอ๊ะ นี่มันเพลงที่ผมไรท์ให้อ้ายโอ๋ไปเมื่อวานนี่หว่า คงมีใครใจตรงกับมันชอบเพลงเดียวกับมันล่ะมั้ง เพราะเพลงที่มันให้ผมไรท์ก็เป็นเพลงสตริงทั่วๆ ไปที่เด็กวัยรุ่นมันชอบฟังกัน แต่ฟังไปซักพัก ทั้งเพลง ทั้งการเรียงลำดับของเพลง มันเหมือนกันซีดีแผ่นนั้นเป๊ะเลย ด้วยความสงสัย ผมจึงเดินออกไปดูนอกร้าน

    ผมเห็น เห็นมัน....ผมเห็นอ้ายโอ๋มันนั่งฟังเพลงสบายใจเฉิบ อยู่ตรงร้านของญาติที่มันมาช่วยเค้าขายส้มตำนั่นแหละ แสดงว่าเมื่อเช้าผมไม่ได้ตาฝาด คนที่ผมเห็นมันคืออ้ายโอ๋จริงๆ ด้วย ไหนมันบอกผมว่ามันจะกลับบ้านนอกไปแต่งงานแล้วไง
    ผมเดินกลับมานั่งคิด “ใครมันจะไปแต่งงานกับมัน มันไม่เต็มนะมรึง มรึงมันโง่เองที่ไปเชื่อมัน โดนมันหลอกให้ไรท์เพลงให้แล้วล่ะ ไอ้ฟายเอ๊ย”
    ใช่ ผมไม่ได้เอะใจเท่าไหร่ในตอนแรกที่มันมาบอก ผมมัวแต่ดีใจซะมากกว่าที่มันบอกว่ามันจะไม่อยู่แถวนี้ให้ผมรำคาญอีกแล้ว

    หลังจากวันนั้นมาอีก 2-3 วันมันก็โผล่มาที่ร้านผม มันคงเริ่มเบื่อเพลงแผ่นนั้นแล้ว วันนี้มันมาที่ร้าน มันมาบอกผมว่า “พี่วันพุธหน้าผมจะกลับไปบวชที่บ้าน พี่ไรท์เพลงให้ผมหน่อย”
    ผมเลยบอกมันไปว่า “เครื่องไรท์ซีดีพี่เสีย ไรท์ไม่ได้แล้ว ไม่มีตังค์ซ่อม” มันเดินคอตกกลับไป
    นี่ให้มันรู้ซะมั่ง สมน้ำหน้ามัน “อยากมาหลอกตูดีนัก ตูไม่ไรท์ให้อีกแล้วเฟ้ย ตูไม่โง่แล้วเฟ้ย..”

    แล้วหลังจากนั้น จนถึงวันนี้ มันก็ยังมานั่งที่ร้านผมทุกวัน มานั่งฟังเพลง พร้อมกับมานั่งถามคำถามเหมือนๆ เดิมของมันอยู่ทุกวัน มันยังมีหน้ามาบอกผมอีกว่า
    “ก็เครื่องไรท์ของพี่เสีย ผมเลยต้องมานั่งฟังเพลงที่ร้านพี่เลยเนี่ย ก็ดีเหมือนกันไม่เปลืองไฟร้านญาติผม”
    ดู ดู ดูที่มันพูดสิครับ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี ผมได้แต่บอกตัวเองว่า...
    “ผมเกลียดมัน”

    * * * * * * - - - - - - * * * * * *

    อีก 2 เดือนถัดมา 2 เดือนแห่งความทรมานของผม เช้าวันนี้ผมลุกขึ้นมาเปิดร้านอย่างเบื่อหน่าย กับแค่การที่ผมต้องนั่งเฝ้าร้านขายของมันก็น่าเบื่อพออยู่แล้ว ผมยังต้องมานั่งทนกับไอ้คนๆ นึงที่ผมเกลียดด้วย ผมว่าสภาพจิตใจผมตอนนี้มันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผมยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันของผมไปทุกวันเหมือนเดิม

    แต่วันนี้ผมไม่เห็นอ้ายโอ๋ ไม่รู้มันหายไปไหน วันนี้ผมว่าผมฟังเพลงเพราะขึ้น ผมกินข้าวอร่อยขึ้น ผมอารมณ์ดีขึ้น นอนหลับสบายขึ้น ทุกอย่างดูดีขึ้นไปหมด

    วันถัดมาผมหวังว่าผมจะไม่ได้เห็นมันเหมือนเมื่อวาน จนถึงเย็นผมก็ไม่เห็นมันเช่นเคย ผมเริ่มสงสัยว่ามันหายไปไหน ผมแค่สงสัย ไม่ได้หมายความว่าอยากให้มันกลับมาหรืออยากเจอมันหรอกน่า ผมก็เลยไปถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่าเมื่อวันก่อนมีตำรวจเค้ามาจับแรงงานชาวพม่า ส่งกลับประเทศ อ้ายโอ๋กับญาติเลยหนีตำรวจไป ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน แต่เห็นเค้าบอกว่ามันไม่ได้ถูกจับหรอกนะ ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็โล่งใจแล้ว ต่อไปนี้ผมคงจะมีสุขภาพจิตดีขึ้น ไม่มีใครให้ผมต้องคอยรำคาญอีกแล้วล่ะ

    แล้วจู่ๆ วันนึง ผมเห็นผู้ชายรูปร่างคล้ายอ้ายโอ๋ เดินผ่านหน้าร้านผม ผมรีบวิ่งไปดูว่าใช่มันรึปล่าว สรุปว่าไม่ใช่มัน ช่วงนี้ผมเป็นโรคขี้ระแวง กลัวจะได้เจอกับมันอีก...

    พักหลังๆ มานี้ แค่ผมได้ยินคำว่า “โอ๋” ผมก็ถึงกับผวาแล้ว ผมว่าอีกซักพักผมคงดีขึ้น หวังว่ามันคงจะไม่กลับมาแถวหมู่บ้านผมให้ผมรำคาญอีกแล้วนะ...

    ไม่รู้ว่าป่านนี้อ้ายโอ๋มันจะไปป่วนใครอยู่แถวไหน??

    ถ้าคุณเห็นชายรูปร่างเล็ก สูงราว 172 cm ผิวคล้ำๆ หน่อย หน้าตาไม่ค่อยเหมือนคนไทย ค่อนไปทางคนพม่าผสมกับคนอีสาน แต่พูดภาษาไทยชัด ชอบใส่เสื้อยืดสีดำกับสีส้ม (มันจะใส่สลับกันอยู่แค่ 2 ตัว) กับกางเกงยีนเก่าๆ รองเท้าหูคีบสีดำ และถ้าชอบเข้ามาถามชื่อเพลงจากคุณ โดยที่ร้องให้คุณฟังแต่เนื้อร้องท่อนเดิมๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะว่า คุณเจอกับอ้ายโอ๋จอมป่วนเข้าแล้วล่ะ ถ้าคุณเจอมันล่ะก็ พยายามหาทางหลีกเลี่ยงไม่ไปสุงสิงกับมันดีที่สุด เพราะถ้าคุณคุยกับมันหรือตอบคำถามมันล่ะก็ มันจะมาวนเวียนอยู่กับคุณอยู่เรื่อยๆ แล้วคุณจะหาทางสลัดมันออกไปจากคุณได้ยากยิ่งกว่า ปลิงที่เกาะคุณซะอีก...

    ถ้าคุณเกิดโชคร้ายไปรู้จักมักจี่กับมันแล้วล่ะก็ ผมก็ขออวยพรให้คุณโชคดีก็แล้วกัน

    ส่วนผมน่ะเหรอผมหลุดพ้นมาจากมันแล้ว สุขภาพจิตผมกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วด้วย ^ _ ^


    * * * * * * - - - - - - * * * * * *

    จากคุณ : ID Guy - [ 5 ม.ค. 49 17:39:54 A:61.7.149.83 X: TicketID:114107 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป