ไดอารี่ของผม
ผมกับเธอ เราเริ่มรู้จักกันเมื่อตอนผมเรียนอยู่ปี 3 ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ผมเรียนอยู่คณะวิศวะ อย่าเพิ่งคิดว่าผมเรียนเก่งอะไรนะครับ ผมเรียนปี 3 มาเป็นปีที่ 2 แล้วล่ะ ผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่ผมก็พยายามแล้ว
ผมกับเธอเรารู้จักกันเพราะ เธอเป็นเพื่อนกับแฟนของเพื่อนผม (แต่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับแฟนเพื่อนผมนะครับ เธอเพียงแต่เรียนอยู่สาขาเดียวกับแฟนเพื่อนผมเท่านั้น) ผมกับกลุ่มเพื่อนเราไปเที่ยวที่ภูกระดึงกัน เพื่อนผมมันได้เจอกับแฟนของมันที่นั่น หลังจากเริ่มคบกันมาซักระยะ กลุ่มพวกผมก็เริ่มสนิทกับกลุ่มเพื่อนของแฟนเพื่อนผม
ผมกับเธอเราเรียนกันอยู่คนละที่ ผมเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก เมื่อวันใดที่ผมไม่มีเรียน ผมก็จะแวะไปหาเธอเป็นประจำ
ในทีแรก ผมไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรอกครับ เป็นเพราะไอ้เพื่อนผมนั่นแหละ มันยุ มันบอกผมว่าเธอเป็นคนบ้านเดียวกับผม และเมื่อผมลองได้คุยกับเธอดู เธอก็น่ารักดีครับ เธอตัวเล็ก ไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป ผมสั้น(แต่ไม่สั้นมาก) ดูกระฉับกระเฉง เธอออกจะดูห้าวกว่าผู้หญิงคนอื่นทั่วไป ถ้ามองเธอจากภายนอก การแต่งตัวของเธอ หลายคนอาจจะคิดว่าเธอคงเป็นทอมกระมัง เธอมักจะชอบนุ่งกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดพอดีตัว ปกติผมไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเกินไปอยู่แล้ว
ครั้งแรกที่เราได้พบกันนั้น ผมพบเธอที่ตลาดนัดแถวมหาลัยของเธอ กลุ่มพวกผมกำลังเดินดูของกันอยู่ เธอเดินมากับเพื่อนอีกคนนึง แฟนของเพื่อนผมก็เลยแนะนำให้เธอรู้จักกับพวกผมทุกคน เธอยกมือไหว้พวกผม รวมทั้งผมด้วย ผมสะดุดตากับเธอตั้งแต่คราวนั้น เพราะเธอดูห้าวเกินกว่าคนอื่นน่ะสิ
หลังจากไปเที่ยวคราวนั้นผมก็กลับมาที่มหาลัยของผม ดำเนินชีวิตไปตามปกติ แต่ผมยังอดที่จะนึกถึงเธอคนนั้นไม่ได้ ผมจึงขอเบอร์โทรของเธอผ่านทางแฟนของเพื่อนผมดู ไอ้พวกเพื่อนผมมันแซวกันใหญ่เชียว เพราะปกติผมไม่ค่อยได้สนใจใคร ผมจะอยู่กับกลุ่มเพื่อนฝูงของผมมากกว่า ไม่ค่อยฝักใฝ่ในเรื่องแฟนซักเท่าไหร่ ก็เห็นจะมีคราวนี้นี่แหละครับ
หลังจากได้เบอร์มาแล้ว ผมก็โทรไปคุยกับเธอ ครั้งแรกที่คุยกันผมก็อำเธอครับ เธอจำไม่ได้ว่าเป็นผม เพราะเธอคงไม่ได้ใส่ใจกับการทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าที่ตลาดนัดครั้งนั้นเท่าไหร่ ผมก็เลยยิ่งสนุกครับ อำเธอต่อไป เป็นเพราะเรามาจากจังหวัดเดียวกันน่ะครับ เลยมีหลายเรื่องให้ผมหยิบยกเอามาอำเธอได้บ้าง
ผมจำได้ว่า ผมโทรหาเธอครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภา 2546 หลังจากวันนั้น ผมก็ยังคงโทรไปอำเธอเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 14 กุมภา เธอก็ส่ง sms มาให้ผม เธอส่งมาว่า ไม่ต้องมาอำแล้วนะ รู้แล้วว่าเป็นใครน่ะ Happy Valentine Day นะ
ว้า...เธอรู้ซะแล้วว่าผมเป็นใคร แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดี ผมไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรไปคุยกับเธอแล้วล่ะ เอาวะ รู้แล้วก็ไม่เป็นไร ผมก็เลยโทรไปคุยกับเธออีกครั้งในวันแห่งความรักปีนั้น ผมถามเธอว่า รู้ได้ยังไงเหรอว่าเป็นเรา
ก็เพื่อนมันถามว่า พี่...โทรมาหาบ้างรึปล่าว เราก็สงสัยว่าพี่อะไรเหรอ เพื่อนมันก็เลยเล่าให้ฟัง เราก็เลยรู้นี่แหละ เธอตอบผมมาอย่างนั้น
รู้ว่าเป็นเราแล้ว จะยังคงคุยกันเหมือนเดิมรึปล่าว ผมถามเธออีก
อ้าว ทำไมล่ะ เราก็คุยกันได้เหมือนเดิมนั่นแหละ เธอตอบ
คำตอบของเธอทำให้ผมใจชื้นขึ้นเยอะเลยทีเดียว แล้วต้องเรียกพี่รึปล่าวล่ะ เธอถามผม
ไม่ต้องเรียกหรอก เรียกแค่ชื่อก็พอ เราเกิดปีเดียวกัน เกิดก่อนแค่ไม่กี่เดือนเอง ผมตอบเธอ
อ้าวเหรอ โอเค ได้ๆ
ถัดมาอีก 2 วัน วันนี้เป็นวันเกิดผม ผมจึงมาที่มหาลัยของเธอ คราวนี้พวกเพื่อนผมก็มากันเหมือนเดิมครับ เรากะจะเปลี่ยนที่ฉลองวันเกิดผมกันด้วย
คราวนี้จะเป็นการเจอกันอย่างเป็นทางการครับ ผมตื่นเต้นมาก ผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี ผมจำได้ว่าตอนเจอกันครั้งนี้ แฟนของเพื่อนผมบอกให้เธอมาหาที่หอครับ เพราะว่าสะดวกกว่า เธอก็ขี่มอไซค์ ของเธอมาที่หอของแฟนเพื่อนผมครับ
เมื่อเธอมาถึง ผมเดินลงมาหาเธอข้างล่างหอ ผมประหม่ามาก ผมเดินสะดุดบันไดหลายครั้งมาก กว่าจะพาตัวเองลงมาถึงชั้นล่างได้ ก็ไอ้เพื่อนผมน่ะสิครับ มันเว่อร์ ไม่รู้จะลุ้นอะไรกันนักหนา ผมเลยยิ่งประหม่ากันไปใหญ่
เรานั่งคุยกันอยู่พักนึง ส่วนมากเธอจะชวนผมคุยครับ ผมนึกเรื่องที่จะคุยกับเธอไม่ออก ได้แต่นั่งฟังเธอและตอบคำถามของเธอเท่านั้น บอกแล้วว่าผมตื่นเต้น ตอนคุยกันในโทรศัพท์กับคุยกันแบบเจอหน้ากันแบบนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ
เมื่อคุยกันได้ซักพัก ผมก็ถามเธอว่า กินข้าวหรือยัง
ทำไม จะชวนไปกินข้าวล่ะเซ่ เธอชอบแซวผมตลอดเวลาที่คุยกัน ยิ่งรู้ว่าผมตื่นเต้น ผมประหม่า เธอจะยิ่งชอบแหย่ผม
ใช่ แล้วจะไปรึป่าว ผมถามเธอ
ไปก็ได้ ดี วันนี้มีคนเลี้ยงข้าวด้วย
ใครบอกว่าจะเลี้ยง ชวนไปกินเฉยๆ ไม่ได้บอกซักคำว่าจะเลี้ยง ผมเริ่มที่จะตอบโต้เธอได้บ้างแล้ว
อ้าวเหรอ จิงดิ
ล้อเล่นน่า ชวนไปกินก็เลี้ยงสิ น่าไปป่ะ
ไป ไป ไปกินกันร้านไหนดีล่ะ
อ้าว เจ้าถิ่นก็แนะนำสิ จะไปรู้เหรอร้านไหนอร่อย
โอเค ไปร้านนี้ละกัน เราชอบไปนั่งประจำ
ผมกับเธอก็ไปนั่งกินข้าวกันสองคนไปด้วยรถของเธอนั่นแหละครับ เมื่อไปถึงที่ร้านระหว่างรออาหารที่เราสั่งกันไป ผมก็บอกเธอว่า
นี่วันนี้วันเกิดเรานะ
เธอมองหน้าผม เหมือนไม่เชื่อ ก็ก่อนหน้านี้ผมอำเธอไว้เยอะนี่ครับ
จริงๆ วันนี้วันเกิดจริงๆ ไม่เชื่อล่ะสิ อ้ะดูนี่ ผมต้องเอาบัตรประชาชนของผมให้เธอดู เพราะท่าทางเธอยังไม่เชื่อ ไอ้เด็ก(เคย)เลี้ยงแกะอย่างผม
อ้าวเหรอ งั้นเราอวยพรให้ละกัน อืม อวยพรว่าไงดีน๊า... อ้ะ ขอให้ตัวสูงๆ ขึ้นละกัน ให้ได้แฟนเร็วๆ ขอให้เรียนจบเร็วๆ ด้วย เธออวยพรให้ผม
ก็ผมตัวไม่สูงครับ สูง 171 cm เองครับ เธอเลยอวยพรให้ผมซะข้อแรกเลย แต่ยังไงผมก็สูงกว่าเธอแล้วกันน่า..
ไอ้เรื่องสูงนี่ คงไม่สูงแล้วล่ะมั้ง ส่วนเรื่องอื่นก็ขอบใจนะที่อวยพรให้ ปีนี้...เป็นคนแรกเลยนะที่อวยพรให้เรา ผมบอกเธอไป
จิงดิ โอ้โห น่าปลื้มใจ ขอให้พรที่ให้ไปเป็นจริงทุกประการเลยนะ
ขอบใจมาก เอ้า ข้าวที่สั่งได้แล้ว กินกันดีกว่า
เมื่อเราดินเนอร์กันเสร็จแล้ว ผมก็จะต้องกลับไปที่หอของแฟนเพื่อนผมต่อ ซึ่งผมมีโปรแกรมกันว่า จะไปหาที่นั่งกินฉลองวันเกิดผมกัน เมื่อถึงที่หอผมถามเธอว่า ไปด้วยกันมั้ย
จะไปร้านไหนกันล่ะ
ไม่รู้เหมือนกัน
เหรอ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะไปได้รึปล่าว เพราะต้องดูพวกที่บ้านก่อนว่าจะไปไหนกันรึปล่าวคืนนี้ เธอตอบผม เธอหมายถึงกลุ่มเพื่อนของเธอซึ่งพวกเธอเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน คนละกลุ่มกับแฟนของเพื่อนผม
อ้าวเหรอ ไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ วันเกิดเราทั้งทีนะ ปีนึงมีหนเดียวเอง ผมถามเธออีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าเศร้าๆ
ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป บอกว่าเดี๋ยวดูก่อนไง แต่คาดว่าคงไปได้แหละ แต่คงไม่ไปพร้อมกันนะ อาจจะตามไปทีหลังน่ะ ถ้ารู้แล้วว่าไปนั่งร้านไหนกัน ก็โทรบอกด้วยแล้วกัน เดี๋ยวกลับบ้านก่อนนะ แล้วเจอกัน เธอตอบผม
อย่างน้อยเธอก็รับปากผมว่าเธอจะมาแหละน่า
ผมกับเพื่อนๆ เราไปนั่งกันร้านนึง เป็นร้านเงียบๆ หน่อย เป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับให้เพื่อนฝูงมานั่งคุยกัน เพราะเสียงมันไม่อึกทึกจนเกินไป ตัวร้านเป็นบ้านไม้ทรงเก่า โต๊ะนั่งก็เป็นพวกของเก่า ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ภายในบริเวณบ้าน มานั่งร้านนี้แล้วบรรยากาศเหมือนนั่งกินเหล้ากับเพื่อนที่บ้านเพื่อนคนไหนซักคนนึง ผมชอบบรรยากาศร้านนี้
นั่งไปซักพัก ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ เห็นจะได้ ผมไม่เห็นว่าเธอจะมาซักที ผมโทรไปบอกร้านที่ผมมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำแล้วนะ หรือว่าเธอจะไม่มา ผมยังคงนั่งเงียบๆ ไปกับบรรยากาศในโต๊ะที่เริ่มจะครึกครื้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ในร่างกายของแต่ละคน แต่ผมยัง ผมยังดื่มไปไม่มากนัก ผมยังคงรอเธออยู่ จนกระทั่ง 5 ทุ่ม เธอโทรมา เธอบอกผมว่า เธอติดธุระคงออกมาไม่ได้คืนนี้ ไว้เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน ผมได้แต่รับคำเธอ ผมยิ่งเศร้ากว่าเดิม วันเกิดผม ผมหวังว่าผมจะได้มานั่งคุยกับเธอซักหน่อย ผมถึงได้นั่งรถมาที่นี่ คิดแล้วผมก็เศร้า ผมจึงเริ่มกระดกมากขึ้น คราวนี้ผมดื่มเข้าไปเยอะทีเดียว
เมื่อร้านปิด พวกเพื่อนผม มันบอกจะไปนั่งต่อกันที่หาด ผมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ผมอยากจะดื่มๆๆๆ
เมื่อมาถึงที่หาดพวกเพื่อนผมมันก็ไปซื้อเสบียงกัน ทิ้งผมไว้กับไอ้..เพื่อนผมอีกคนนึง แล้วมันก็ขอตัวไปยิงกระต่ายแถวนี้หน่อย ผมนั่งอยู่คนเดียว นั่งมองทะเล แสงจันทร์ที่สาดส่องอาบทะเลในคืนนี้ช่างสวยนัก แต่มันคงจะสวยกว่านี้ถ้าคืนนี้ผมไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว ดาวบนฟ้าที่พอจะโผล่มาให้ผมได้เห็นบ้าง ผมนั่งเหงาอยู่ซักพัก ผมก็ได้ยินเสียงรถ ไอ้พวกเพื่อนผมมันคงจะมากันแล้วล่ะ ไปซื้อเสบียงถึงไหนกันฟะ นานจัง
นั่งทำอะไรอยู่คนเดียวเอ่ย เสียงผู้หญิงดังขึ้น
ผมหันไปเห็นเธอมากับพวกเพื่อนๆ ผม เธอถือของมาในมือด้วย เธอยื่นให้ผม
สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะ อ้ะ ของขวัญวันเกิด เธอบอกผม
ผมมัวแต่งงอยู่ ว่า นี่ผมดื่มมากไปขนาดเห็นภาพเธอเลยเหรอเนี่ย จนกระทั่งไอ้เพื่อนผมมันเข้ามาตบหลังผมนั่นแหละ ทำให้ผมรู้ว่าภาพทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้ฝันไป
ผมกับเธอ เรา 2 คน ปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนมานั่งคุยกันเงียบๆ สองคน ห่างจากวง ไม่ไกลนัก แต่ก็ไกลพอที่จะไม่ได้ยินเสียงไอ้พวกเพื่อนผมที่ส่งเสียงร้องเพลงกันดังเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์
ผมรู้สึกมึนๆ หัว แต่ก็ยังพอคุยกับเธอรู้เรื่องอยู่ ผมถามเธอว่า ทำไมไม่มาที่ร้านล่ะ รออยู่ตั้งนาน ไหนบอกว่าจะมาไงล่ะ
ก็มาแล้วนี่ไง มัวไปหาของมาให้อยู่นี่ล่ะ ถึงได้มาช้าหน่อย มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มาไม่ใช่เหรอ เธอยังกวนผมเหมือนเดิม
อืม แล้วให้อะไรเราเหรอ ผมถาม
อยากรู้ก็เปิดดูเอาเองสิ
ผมจึงแกะของขวัญที่เธอให้ผม ผมจึงพบว่ามันเป็นสมุดโน้ตขนาดประมาณกระดาษ A4 พับครึ่งเล่มนึง
เล่มนี้ทำเองเลยนะ ทำไว้ตั้งใจว่าจะให้ตอนวันเกิดน่ะแหละ แต่ตอนแรกไม่รู้ไงว่าเกิดวันไหน กำลังจะถามเพื่อนอยู่พอดี กะจะเซอร์ไพร์สซักหน่อย ดันเกิดเร็วกว่าที่คิด เลยต้องกลับไปนั่งทำต่อให้เสร็จ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปตอนนี้นี่แหละ อาจไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะ เธอตอบผม
ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรขึ้นมาจุกที่อกผม นี่เธอหายไปนานเพราะไปนั่งทำของขวัญให้ผมหรอกเหรอเนี่ย เธอไม่ได้ไปเดินเลือกซื้อด้วย ถึงจะไปซื้อมาผมก็ดีใจอยู่แล้ว ของที่เธอซื้อให้ หรือแม้แต่ไม่ให้อะไรผมเลย ผมก็ดีใจที่มีเธออยู่กับผมด้วยในคืนวันเกิดของผม แต่นี่เธอทำของขวัญให้ผมเองกับมือเลยเชียว ผมพูดอะไรไม่ออก
เธอจึงถามผมว่า ทำไมเงียบไปเลยล่ะ ของเราไม่สวยล่ะสิ งั้นไม่ต้องเอาก็ได้ เดี๋ยวไว้ไปซื้ออันใหม่ให้ละกัน
ผมรีบแย่งคืนมาจากเธอ ไม่ใช่อย่างงั้น มันดีใจมากจนพูดไม่ออก ไม่เคยมีใครมาทำอะไรให้แบบนี้น่ะ ก็เลยปลื้มมากไปหน่อยน่ะ
เธอลดมือลง พร้อมกับทำหน้าเขินนิดหน่อยกับคำพูดที่ผมบอกเธอ มันเป็นอย่างที่ผมบอกเธอจริงๆ ผมไม่คิดว่าการที่เราจะคบกับใครซักคนนึงมันจะทำให้ผมรู้สึกดีขนาดนี้
แล้วคืนนั้นผมกับเธอเราก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน แล้วเธอกับผมเราก็....
จากคุณ :
ID Guy
- [
6 ม.ค. 49 17:13:55
A:61.7.149.28 X: TicketID:114107
]