CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    บางครั้ง ชั่วขณะหนึ่ง

    เสียงเท้าย่ำน้ำดังแจ๋ม   หลังฝนตกมีน้ำตกค้างบนพื้นถนน   อาจสักห้าสิบก้าว หลังลงจากรถย่างเท้าเดินจนถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ของเธอ   ผมมักสงสัยแต่ไม่คิดหาคำตอบ   การได้พบกับเธอสำคัญกว่ารายละเอียดต่างๆตามรายทาง    แต่นับวันระยะหลัง  ผมมักใจเขวพัวพันกับรายละเอียดเหล่านั้น    การสงสัยจำนวนก้าวที่ย่ำเดินเป็นอย่างหนึ่ง     ยังหรอก   ผมไม่คิดหาคำตอบที่แน่นอน จะกี่ก้าวก็ช่างมันก่อนเถอะ
       
    “ฝนหลงฤดู”  เธอพูดขึ้น
         “มาหลงอยู่ในฤดูหนาว  น้ำฝนคงเย็นน่าดู”
         “แต่ตกไม่นาน  ไม่ถึงสามสิบนาที  พรุ่งนี้ฟ้าคงใสเหมือนเคย”
         “คืนนี้ผมค้างที่นี่นะ”
         “ตามใจคุณสิ”


         เราพบกัน  มองหน้ากัน  นั่งคุยกัน  หัวเราะด้วยกัน  บางครั้งเราต่างแอบมองที่ภายในดวงตาของกันและกัน   เมื่อต่างรู้ตัวว่าถูกจ้อง  เราจะยิ้มให้กัน    เราบ่นถึงความเหงา  ปัดเป่ามัน    บางครั้งถึงเรื่องชีวิต   ผลัดกันสาธยายยืดยาว  แต่หลายครั้งเราก็หุบปากเงียบ ไม่รู้จะเอ่ยอันใดกับคำว่าชีวิต   เราสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เป็นไปในแต่ละวัน     บางครั้งเราทะเลาะกัน   ทะเลาะขึ้นเสียง  ทะเลาะบึ้งเงียบ    เราเป็นชายหญิงสองคน  คู่หนึ่ง     ได้มาพบกัน    
         พบกันเพื่ออะไรนะ   เพื่อนั่งกุมมือกัน  จ้องดูรายการทีวีไร้สาระ ที่มีแต่คนบ้าๆบอๆทำอะไรพิเรนๆ เพราะคิดว่าเราจะขำ   เราไม่ได้ขำ    เราเพียงแค่ยิ้ม     แต่ไม่ใช่ยิ้มเพราะพฤติกรรมแผลงๆของคนบ๊องๆในจอทีวี        เราเพียงนั่งกุมมือ   แล้วยิ้ม  

    ---------------------------------------------



         ร่างกายที่เบียดกระชิดแนบใกล้  ไอร้อนขับเร้นเหงื่อจนซึม  ทุกการเคลื่อนไหวสอดประสานร่ายทำนอง   มือของคุณที่แตะต้องฉัน   กอดรัดฉัน   จูบของคุณที่เคยทำให้ฉันล่องลอยกำลังเลือนละลายลอยหายไร้ซึ่งปฏิกิริยา    ทั้งที่ผิวกายเราสัมผัสกัน  แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย    คุณสัมผัสฉันอยู่ใช่ไหม   กอดฉันอยู่ใช่ไหม   จูบฉันอยู่ใช่ไหม   เคลื่อนเข้ามาภายในร่างฉันอยู่ใช่ไหม  ทุกจุดที่แตะต้อง   ทุกแรงที่กดกระทำ   คุณกำลังสัมผัสอยู่ใช่ไหม ?
     
      ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเราเริ่มห่างไกลกันออกไปทุกที  ทุกที
         

         ความรู้สึกสามารถมลายหายไปได้ด้วยหรือ   ลมหายใจผะแผ่วผ่านผิวคอ  ฉันคิดว่าฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจของคุณ    คุณอยู่ใกล้ฉัน  ชิดกันติดแนบ  อยู่กับฉันหรือว่าห่างกันดั่งเมฆที่ไม่มีวันสัมผัสผืนดิน      ฉันพยายามรีบร้อนหลับเพื่อให้ผ่านอาการคิดกังวลนี้ไป   เพื่อจะพบว่าพรุ่งนี้เช้า ฉันจะยังรู้สึกเช่นที่เคยเป็นมา  อ้อมกอดคุณจะยังคงให้ความอบอุ่นแก่ฉัน

    ---------------------------------------------



         คุณต้องแปรงฟันก่อนเข้านอนทุกครั้งอย่างเคร่งครัด  แปรงสีฟันที่เราใช้ทั้งสองอันสีเหมือนกัน  ระหว่างเราไม่มีใครแยกออก   คุณเป็นคนซื้อมันมาทั้งคู่     คุณชอบจิบชาก่อนนอน  ชากับชุดกาน้ำชาที่คุณซื้อมา    เช่นกันทุกเช้าที่คุณจะใช้แปรงสีฟันอันใดอันหนึ่งนั้นแปรงฟัน  และคุณจะจิบชาก่อนออกจากห้อง

    ---------------------------------------------



         ผมตื่น  แปรงฟัน  แต่งตัว   ประกอบร่าง  นั่งจิบชา  เดินออกจาห้องของคุณ
         “ผมไปก่อนนะ”



         ก่อนพบเธอ  เมื่อก่อนนี้  ผมวิ่งพล่าน ร้อนรนเหมือนตัวอะไรสักอย่าง   ตามหาอะไรบางสิ่ง   พล่านไปมา  เป็นอย่างนี้เรื่อยมา  เรื่อยมา   จนผมไม่คิดว่าจะเจอสิ่งที่ตามหา
       
     แล้วผมก็เจอเธอ   เธอยืนอยู่นิ่งๆ   ผมไม่ได้รีบพุ่งไปที่ตัวเธอ  เพียงแต่ย่างเท้าหาค่อยๆ   เชื่องช้าทีละก้าว  ไปหาตัวเธอ  พินิจที่ร่างเธอ  อะไรบางอย่างที่ผมตามหาอยู่กับเธอ  เธอคงจะมอบให้ผมได้  เช่นกันสิ่งที่ผมไม่เคยมอบให้ใคร  ผมจะให้กับเธอ   เราต่างแลกเปลี่ยนซึ่งกัน  จากจุดเริ่มต้นนั้น ผ่านมาถึงห้วงขณะนี้
       
     บางคืน ผมคิดถึงเธอ   นอนไม่หลับ  กระทั่งตีสาม   ผมจะลุกมายืนมึนวุ่นวายใจ  เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ผมคิดถึงตอนตีสาม  แต่เธอเป็นคนแรกที่ผมคิดถึงแล้วไปหาตอนตีสาม   เมื่อผมไปพบ   เธอจะงัวเงียจากการตื่น  เดินมากอดผม
       
     แต่มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน   ความรู้สึกเคว้งคว้างที่เกิดขึ้น  สัมผัสของเธอที่ทำให้ผมรู้สึกอ่อนโยน มันจางลงไปหรือไร    หลังจากนอนกับเธอ  ผมเหมือนหลงทางในอวกาศ งุนงงจนหาทางกลับกาแล็คซี่ที่อาศัยไม่ถูก  เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน  มันก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ  จนผมเริ่มกลัวว่าจะไม่มีวันหาทางกลับบ้านได้ถูก


         จากประตูอพาร์ทเม้นท์ของเธอถึงประตูรถผมมีจำนวนเจ็ดสิบสามก้าว

    ---------------------------------------------


       
     ฉันขับรถออกมา  ไปที่ไหนสักแห่ง  ไปจากวันเวลาที่เรียกขานว่า “เมื่อวาน”   ฉันเช่าบ้านของคุณลุงคนหนึ่ง   บ้านร่มรื่น  แกชอบจิบชา   มักชวนฉันนั่งจิบชาสนทนาบ่อยๆ    เกือบอาทิตย์  ตื่นขึ้นทุกเช้าในที่ๆแตกต่าง  ตัวฉันจะต่างไปจากเดิมไหมนะ   คงไม่ต่าง
     
      วันสุดท้ายที่ฉันตั้งใจจะกลับ  ฉันตื่นขึ้นตอนตีสี่   พบคุณลุงอย่หน้าบ้านของแก  เรายืนคุยข้ามรั้วไม้เตี้ยๆที่คั้นกันไว้
         
    “ตื่นมาทำอะไรคะ คุณลุง”
         “แล้วแม่หนูล่ะลุกขึ้นมาทำอะไร  ฉันตื่นเวลานี้ทุกวัน เดินคุยกับต้นไม้”
         “คิดว่าจะกลับวันนี้ค่ะ”
         “กลับไปทำงานสินะ”
         “ค่ะ   แต่อยากมีเวลาอยู่คนเดียวแบบนี้อีกสักพัก  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่จนกว่าจะเหงาถึงค่อยกลับไป  คุณลุงอยู่คนเดียวนานๆเหงาบ่อยไหมคะ”
       
    “บางครั้งเราก็คิดว่าเราเปล่าเปลี่ยว  ฉันเคยคิดอยู่บ่อยๆ  คิดแล้วก็รู้สึกตามนั้น  เป็นแบบนั้นทุกๆครั้ง     เฮ้อ....ช่วยไม่ได้  อะไรช่วยได้บ้างล่ะ  ชาร้อนๆ  บทเพลง  สัตว์เลี้ยง  ต้นไม้ที่ปลูกไว้  หรือมิตรภาพ      อืม....บางทีอาจเป็นความรับผิดชอบ   ฉันอยู่ว่างเกินไป  ถ้าหากมีอะไรให้รับผิดชอบมากๆ  ก็คงวุ่นจนไม่มีเวลาคิด”
         “ไม่ลองเขียนหนังสือดูเล่าคะ”
     
       “ฉันคิดอยากเป็นกวี  เคยพยายามใช้ความตั้งใจ  แต่ก็พบว่าฉันไม่ละเอียดอ่อนหรือรอบคอบในความลึกซึ้งพอ”
         “เข้าใจยากจัง”
         “ใช่  เผลอๆคงไม่มีอะไรให้เข้าใจด้วยซ้ำ  ละเอียดมากๆก็คงกลายเป็นป่นไปเลย”
         “ไม่มีใครบ้างเลยหรือคะ”
         “ไม่มีใคร    ฉันไม่เคยมี   รู้ตัวอีกทีก็เกินแกง  นานเต็มที”

         “นี่แม่หนู  เคยมีที่ของตัวเองหรือเปล่า  ที่เฉพาะไว้นั่งทอดอารมณ์  ไปดูที่ของฉันไหม  จิบชาสักถ้วย แล้วขับรถพาฉันไป”
         ฉันพยักหน้า


         เป็นเนินเขา   ฉันจอดรถบนไหล่ทาง  จุดชมวิวมองเห็นเมืองเบื้องล่าง   ต้นสนสูงยาว  ผืนหญ้าพรมไปด้วยน้ำค้าง
         “มุมโปรด  ฉันชอบมานั่งที่นี่  ตั้งแต่ยังรุ่นๆ  บางทีเมาแอ๋ไม่รู้เรื่องก็ยังมา  นั่งดูอาทิตย์ขึ้น”
         “อากาศเย็นจังเลย    ผิวเย็น”
         “ถืออะไรอยู่ในมือหรือแม่หนู?”
         “น้ำค้าง   มันเลือนหายไปกับฝ่ามือแล้ว”
         “ไออุ่นจากร่างกายทำให้น้ำค้างระเหยเชียวรึ”
         “ขอโทษค่ะ  คุณลุงมาบ่อยๆไม่กลัวหนาวบ้างหรือ  หนาวมากๆแล้วยิ่งดื่มเข้าไปด้วย  แข็งตายไม่รู้ตัวเชียว”
         “กลัวทำไม?   ความตายอยู่ตรงหว่างคิ้วแค่นี้เท่านั้นเอง”
         “ทำไมถึงอยู่ตรงนั้นเล่าคะ”
         “เพราะอยู่ในจุดที่ใกล้ตาเราที่สุด  แต่กลับมองไม่เห็น”
         “แต่ส่องกระจกก็เห็นนี่คะ”
         “ชีวิตไม่เคยมีกระจกส่องให้เราเห็น”
         “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นคะ”
     
       “โลกที่ไม่มีความผิดพลาดคงไม่ใช่โลก  ถึงจะรู้ล่วงหน้า  แต่หลายครั้งกลับยับยั้งไม่ได้”
         “แต่บางเรื่องเราก็แก้ไขได้นี่คะ   ยกเว้นบทจะตายกระมัง”
         “นั่นสิปุบปับตาย  ง่ายกว่าอยู่เยอะ  ความตายอยู่ตรงหว่างคิ้ว  ความรักอยู่ในอ้อมกอด  โอบกระหวัดใครสักคนยามลมหนาวสาดร่างงันงก”
       
    “คุณลุงถ่อมตัวเหลือเกินที่บอกว่ายังไม่ใช่กวี”
         “ฉันไม่ใช่กวี  ฉันเป็นแค่คนที่บกพร่องทางอารมณ์และการใช้ชีวิต”
         “มีใครไม่บกพร่องเล่าคะ  โลกที่ไม่มีความผิดพลาดคงไม่ใช่โลก”
     
      “หึหึ  ฉันเคยพาผู้หญิงที่รักมาที่นี่  ครั้งสุดท้าย  ฉันคิดจะขอเธอแต่งงาน  เฝ้ารอให้ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงค่อยกล่าวกับเธอ   แต่เธอดันชิงตัดหน้าเสียก่อน   เธอพูดออกมาว่า   ฉันเบื่อรอพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว  ส่งฉันกลับบ้านทีเถอะ  เธอลุกขึ้นยืนเดินไปที่รถ   พอสิ้นเสียงปิดประตู  แสงแรกก็แยงตาฉัน  ฉันจึงลุกตามเธอไปแล้วส่งเธอที่บ้าน  จากนั้นเกือบสามเดือนเธอแต่งงาน  ทุกวันนี้เธอเป็นคุณยายใจดีของหลานๆ”
       
     “เธอคงเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่คุณลุงพามาที่นี่”
         “ใช่”
         “คงไม่คิดจะขอหนูแต่งงานหรอกนะ”
         “อ๋า  ฮ่าๆไม่หรอก ฉันเลิกคิดเรื่องนั้นมานานแล้ว  เก็บคำปฏิเสธเอาให้ผู้ชายคนอื่นเถอะแม่หนู”

         ละอองของแสงแดดเคล้ากับละอองของไอเย็น  ความอุ่นกลืนเข้ากับความหนาว

    ---------------------------------------------




         ฉันนั่งจิบชาจากถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวของเขา  ฟังเพลง Don’t  give up on me ของ Solomon  Burke  บนโต๊ะมีแปรงสีฟันสองอันวางอยู่   ทั้งสองอันสีเหมือนกัน
         “ทำไมคุณต้องซื้อมาเหมือนกันด้วยล่ะ”
         “แล้วทำไมเราต้องซื้อต่างกัน”  เขาบอกแบบนั้น  เหตุที่ไม่เป็นผลอันใด   ฉันจะทิ้งมันทั้งคู่  เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่าอันไหนเป็นของตัวเองกันแน่   เราใช้มันสลับกันจนแยกไม่ถูก  ก่อนที่จะโยนแปรงลงถังขยะ   เสียงเคาะประตูดังขึ้น
       

     “ทำไมคุณกลับมา”
         “ผมทำแผนที่หาย”
         “แผนที่ ?”
         “บอกทางกลับบ้านผม”
         “อยู่ที่ฉันหรือ ?”
         “ใช่   ถ้าไม่มีแผนที่ผมคงหลงทาง  คุณคงไม่ปล่อยให้ผมหลงทาง”

    ...................................................................

    จากคุณ : อุปกรณ์ประกอบฉาก - [ 10 ม.ค. 49 18:01:52 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป