อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
อาทิตย์ที่สองของเดือนมกราคม
แม่จ๋า
กว่าจดหมายจะถึงมือแม่ ชื่อหนูคงปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ไปหลายวันแล้ว แม่คงกำลังเครียดที่ต้องคอยตอบคำถามใครต่อใครว่าเกิดอะไรขึ้น แม่คงวิตกกังวลว่าหนูหายไปไหน หนูขอโทษ แต่หนูไม่ได้ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหนูมั่นใจว่าเรื่องราวที่แม่ได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ได้เป็นผลพวงจากความผิดพลาดของหนูเลยแม้แต่น้อย การตัดสินใจที่ผิดพลาดของหนูเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งเมื่อแปดปีก่อน หากหนูไม่ฝนดินสอเลือกคณะแพทยศาสตร์ในวันนั้น แม่คงไม่ต้องนั่งร้องไห้อยู่ในวันนี้
เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นในช่วงวันพ่อ (หนูขอโทษที่ไม่ได้กลับไปร่วมทำบุญไหว้พ่อ หนูพยายามแลกเวรแล้ว แต่ไม่สำเร็จ) เช้าวันอาทิตย์ช่วงประมาณตีสี่ พยาบาลห้องฉุกเฉินโทรมาปลุกหนูเพื่อให้ไปตรวจน้องโต้ง จริงๆแล้วหนูก็รู้จักกับแม่ของน้องโต้งอยู่บ้าง แกเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่หน้าโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลไม่มีอาหารกล่องให้กินในช่วงวันหยุดแล้ว ต้องอาศัยมาม่าหรือไม่ก็ข้าวแกงแม่น้องโต้งนี่ล่ะ เช้าวันนั้น หนูจำได้ว่าน้องโต้งไข้สูง หน้าซีดมาก หนูฟังปอดแล้วไม่มีอาการทางปอด มีแค่ทอนซิลอักเสบ จึงได้จ่ายยาปฏิชีวนะไป ก่อนจะให้ หนูก็ได้ถามแม่น้องโต้งว่า น้องเคยแพ้ยาอะไรไหม เขาก็บอกว่าไม่ หนูจึงจ่ายยาไปตามปกติ และกำชับว่าถ้าไข้สูงให้เช็ดตัวและกินยาลดไข้เพื่อป้องกันอาการชัก
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ แม่ก็พาน้องโต้งกลับมาโรงพยาบาลพร้อมกับผื่นแดงเต็มตัว ปากบวมเจ่อ ตาแดงก่ำ ทันทีที่หนูเห็นก็นึกถึงอาการแพ้ยาที่เรียกว่า สตีเฟ่นจอห์นสัน หนูจึงบอกไปว่าเป็นอาการแพ้ยาขั้นรุนแรง ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลศูนย์ แม่น้องโต้งก็ยังพูดคุยและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี น้องโต้งถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลศูนย์อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่โชคชะตาคงได้กำหนดมาแล้ว แม้เราจะพยายามแค่ไหนก็ยังสายเกินไปอยู่ดี หนูทราบข่าวจากเพื่อนที่โรงพยาบาลศูนย์ว่าน้องโต้งรอดชีวิตแต่ไม่สามารถรักษาดวงตาทั้งสองข้างไว้ได้ หนูนอนร้องไห้ทั้งคืนในวันที่ทราบข่าว โดยไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของข่าวร้าย
เช้าวันต่อมา ขณะที่หนูนั่งตรวจคนไข้อยู่ที่แผนก เสียงทุบประตูรัวดังขึ้นหน้าห้องตรวจ ไม่ทันที่หนูจะลุกไปเปิด ชาวบ้านห้าสิบกว่าคนก็กรูเข้ามาโดยมีพ่อกับแม่น้องโต้งเดินนำหน้า หลังจากนั้น หนูจำเหตุการณ์ไม่ได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวาย มีแต่เสียงกร่นด่าที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำแม้จนวันนี้
หมอทำลูกฉันตาบอด
หมอจ่ายยาผิด
โรงพยาบาลหรือโรงฆ่าสัตว์
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน
ใช่ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน อาการแพ้ยาเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายของคนไข้ทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของยา โดยที่หมอคนไหนก็ไม่สามารถทำนายได้ ว่าคนไข้จะแพ้ยานั้นหรือไม่ หากคนไข้ไม่เคยมีประวัติมาก่อน ยาที่หนูสั่งไปเป็นยามาตรฐานที่ใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อทั่วไป หนูพยายามที่จะอธิบายให้ชาวบ้านทุกคนฟัง แต่ดูเหมือนในใจของทุกคนได้ตัดสินลงไปแล้วว่าหนูผิด ไม่มีที่ว่างสำหรับคำอธิบาย เหตุการณ์ในวันนั้นจบลงที่ หนูโดนตบหน้าหนึ่งที
แม้ผู้อำนวยการจะพยายามออกมาช่วยปกป้องหนู แต่เรื่องราวก็ลุกลามราวกับไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะในยุคที่สื่อเน้นขายข่าวเพื่อสนองตัณหาผู้อ่าน โดยไม่เคยคำนึงถึงความถูกต้องและเป็นธรรมในการนำเสนอ หนูตัดสินใจเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าหนีออกมาในวันที่เห็นรถของสถานีโทรทัศน์มาจอดหน้าตึกโรงพยาบาล
ตลอดสองปีของชีวิตการเป็นแพทย์ฝึกหัด หนูคิดอยู่เสมอว่าอาจมีวันเคราะห์ที่หนูต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้ พูดเล่นกับเพื่อนก็บ่อยครั้ง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง หนูกลับสับสนทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างถาโถมใส่ราวกับพลัดตกลงไปในสายน้ำที่เชี่ยวกราก
ชีวิตหกปีที่ทุ่มเทให้กับการเล่าเรียนวิชาแพทย์ ปริญญาเกียรตินิยมที่ได้มา คงจะไม่มีค่าใดๆอีกต่อไป ตอนนี้หนูสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่าง แต่หนูไม่อยากให้ความภูมิใจที่แม่มีต่อหนูสูญเสียไป หนูจะยังมีโอกาสได้ยินคำว่า คนเก่งของแม่ ที่แม่เคยใช้เรียกอยู่เสมอใช่ไหม
ตอนนี้หนูตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง เมื่อกระแสน้ำนิ่งลงบ้าง หนูคงมีเวลาที่จะคิดอะไรต่อไป
รักแม่
ป.ล. หนูรู้ว่าคุณสรยุทธอยากจะเอาหนูไปออกรายการ ฝากแม่เอาจดหมายนี้ไปให้เขาอ่านหน่อยนะ ถ้าเขามีเวลาพอสำหรับการฟังข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่ายและจิตใจที่เป็นกลาง เขาคงเข้าใจ
จากคุณ :
Cafe_noir
- [
12 ม.ค. 49 16:32:56
]