CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 97 เสียงครวญที่หน้าผา

    ท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงเดือนดารา ทว่าความมืดมิได้ปกคลุมไปถ้วนทั่วทุกแห่งหน อย่างน้อยก็สำหรับกระท่อมน้อมริมป่าสนแห่งนี้ ตัวกระท่อมนี้มิเพียงไม่มืดมน ยังสว่างไสวราวกับกลางวันทั้งที่มิได้จุดตะเกียง หรือเทียนไขแต่อย่างใด ที่จริงก็คือมิมีเทียนไข หรือดวงไฟใดๆ จะสามารถให้ความสว่างอันโชติช่วงเช่นนี้ได้ ที่สำคัญมิเพียงแค่ความสว่างเท่านั้น กระท่อมน้อยยามนี้ยังเต็มไปด้วยกระแสอากาศร้อนแรง กลุ่มควันพวยพลุ่ง และเสียงเพี๊ยะ พ๊ะ ดังไปทั่วบริเวณโดยรอบ

    กระท่อมน้อยถูกไฟเผาผลาญลามเลียไปโดยทั่ว!!!

    เด็กชายผู้หนึ่งอายุประมาณสิบปีใบหน้าขมุกขมอม ดวงตาแดงช้ำ กำลังจ้องมองกระท่อมดังกล่าว

    สภาพดังกล่าวพลันแปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลน ทั้งกระท่อมน้อย ทั้งท้องฟ้ามืดวังเวง และเปลวไฟต่างหายไป ภาพที่ปรากฎคือเส้นเชือกที่มีสภาพตั้งตรง ปลายด้านหนึ่งผูกติดกับขื่อขวาง ตัวเส้นเชือกห้อยลงด้านล่างอยู่ในสภาพตึงเปรี๊ยะ ราวกับว่ามันถูกบางสิ่งบางอย่างถ่วงเอาไว้ และที่ปลายด้านนั้นมีบางสิ่งถ่วงเอาไว้จริงๆ เพียงแต่มันมิใช่วัตถุอันใด เป็นซากศพซากหนึ่ง!!!!!!!

    ภาพทุกอย่างพลันกลายเป็นขาวโพลนอีกครั้ง จากนั้นพลันได้ยินเสียงกระหืดกระหอบ แล้วค่อยๆ ปรากฎภาพเด็กชายวัยสิบขวบคนเดิม ในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น คราบโลหิตเกาะกรัง เด็กชายวิ่งพลางล้มลุกคลุกคลาน กิ่งไม้ และหนามแหลมคมหลายอันสะกิดถูกใบหน้าน้อยๆ ของเขาจนโลหิตไหลซึม เด็กชายวิ่งหนีสิ่งใดมา?

    "ฮื่อ แห่ โห่งๆๆๆ" เสียงขู่คำราม เสียงเห่ากรรโชก สุนัขดำหลายตัวขนาดย่อมกว่าลูกม้าเพียงเล็กน้อยแยกเขี้ยวยิงฟัน ควบทะยานติดตามเด็กชายมา ห่างเพียงมิถึงยี่สิบวา

    "แฮ่กๆๆ" หลิวหยงเคอสะดุ้งตื่นขึ้นจากการหลับใหล ทั่วร่างเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เจ้าสำนักหัวซาน และว่าที่ผู้นำหอห้ากระบี่ ค่อยเคลื่อนกายลงจากเตียง เขาสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง และความง่วงออกไป จากนั้นมันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าในยามวิกาลของคืนนี้เต็มไปด้วยเมฆหมอก บดบังจนมิพบเห็นแสงเดือนดารา

    "ช่างคลับคล้ายยิ่งนัก..." หลิวหยงเคอพึมพัมออกมา จากนั้นรวบมือกำเป็นหมัด ทุบปังลงบนขอบหน้าต่าง

    "เราใกล้จะบรรลุเป้าหมายแล้ว! มิว่าอันใดก็มิสามารถขัดขวางเราได้! แม้แต่เจ้า....ฮั่นตง!!!!"

    ................
    ...............................

    เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย  ที่นี่นับเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดบนลุ่มน้ำแยงซีเกียง หูเป่ยนั้นมีความหมายว่า "เหนือทะเลสาบ" พื้นที่มีแม่น้ำสำคัญสองสายไหลผ่าน หนึ่งนั้นคือแม่น้ำแยงซีเกียง สภาพพื้นที่ทางเหนือติดต่อกับมณฑลเหอหนัน ตะวันออกติดต่อกับมณฑลอันฮุย ตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงทางใต้ติดมณฑลเจียงซี และหูหนัน ตะวันตกติดกับเมืองฉงชิ่ง ตะวันตกเฉียงเหนือติดกับมณฑลส่านซี พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลอุดมสมบูรณ์ และเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดทั้งยังสามารถออกสู่ทะเลได้ก็คือ เมืองอู่ฮั่นนี้เอง

    ดังนั้นเมืองอู่ฮั่นมิเพียงมีความสำคัญในทางค้าขาย ยังมีผู้คนอยู่อาศัยกันหนาแน่น นับเป็นเมืองท่าสำคัญทีเดียว!!! ถึงกับมีคนเคยกล่าวไว้ว่า "ครอบครองอู่ฮั่น เท่ากับควบคุมแยงซี"


    ลมเย็นพัดโชยระเรื่อยริมฝั่ง พัดพาจนต้นหลิวที่เรียงรายอยู่ริมน้ำแกว่งไกวประดุจมีชีวิต เกิดเป็นภาพงดามสุดบรรยาย คล้ายกับบรรดาต้นหลิวทั้งหลายร่ายรำต่อเนื่องกันไปตลอดริมฝั่ง ที่นี่เนื่องจากมีทิวทัศน์งดงาม ทั้งยังเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด แลมีผืนดินที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูก ดังนั้นตลอดสองข้างฝั่งแม่น้ำจึงเต็มไปด้วยไร่นา และบ้านเรือนของชาวบ้าน


    นับเป็นเวลาหลายสิบ หลายร้อยปี ที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งชุมนุมของผู้คนที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่ง ทว่าเวลานี้กลับมิมีวี่แววของผู้คน กระท่อมใหญ่น้อยถูกทิ้งรกร้างว่างเปล่า ไร่นาเรือกสวน แม้เต็มไปด้วยต้นข้าว ผักเขียว และมันเทศ รวมถึงพืชพันธุ์ธัญญาหาร เช่นข้าวโพด ถั่ว ข้าวฟ่าง เหล่านี้ ที่ออกดอกชูช่อรอให้ผู้คนมาปลิดเอาผล หรือฝักของมันไปใช้สอย แต่กลับมิมีแม้นเพียงผู้เดียวที่จะมาทำหน้าที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเหล่านี้?

    ชาวบ้านนับสิบนับร้อยหลังคาเรือน พากันหนีหายไปที่ใดจนหมดสิ้น เหตุใดพวกมันจึงพากันละทิ้งบ้านเรือนอันอบอุ่น ทอดทิ้งพืชพรรณที่พร้อมจะเก็บเกี่ยว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อุตสาห์ดูแลประคบประหงมมาอย่างยากลำบากไปจนหมดสิ้น

    เกิดเหตุใดขึ้นที่นี่กันแน่?

    ลมพัดวูบหนึ่ง พัดเข้าสู่เขตหมู่บ้าน พัดผ่านลานกว้าง ที่นั่นมีไผ่ลำหนึ่งปักแน่วนิ่งอยู่กลางลาน ลำไผ่แม้แน่วนิ่ง ทว่ากลับมีบางสิ่งเคลื่อนไหว บนลำไผ่ยังผูกติดด้วยธงสีดำสนิทผืนหนึ่ง ตรงกลางของผินธงกลับถักทอด้วยไหมแดงเป็นรูปมัจฉาอันคึกคะนองแทบจะกระโจนออกมานอกผืนผ้า

    สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่เวลานี้นอกจากต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกลมพัดพาแล้ว ก็มีเพียงธงพื้นดำรูปปลาผืนนี้เท่านั้น!!!

    "ตึก ตึก ตึก"

    เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ปรากฎนักพรตผู้หนึ่งในวัยสามสิบกว่าปี ไว้เคราห้าแฉกยาวจรดอก ใบหน้าคมคาย เค้าหน้าแฝงความหล่อเหลา ดวงตาทอประกายปัญญา คนผู้นี้พกพาขลุ่ยหยกเลาหนึ่ง และกระบี่เล่มหนึ่ง ก้าวเดินเข้าสู่หมู่บ้านน้อย

    นักพรตท่านนี้มีธุระอันใดในสถานที่รกร้างผู้คนเยี่ยงนี้?

    นักพรตเดินมาจนถึงโคนของลำไม้ไผ่ที่มีผืนธงรูปลากระโจนผืนนั้น มันแหงนมองผืนธงดังกล่าว จากนั้นก็ยิ้มออกมา คนพลันเคลื่อนไหววูบหนึ่ง คล้ายคิดทะยานขึ้นหยิบธงรูปปลา แต่แล้วเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ชุดยาวเพียงกระพือแต่แผ่วเบา กลับมิได้กระโจนขึ้นไป กลับหมุนตัวกลับ มุ่งหน้าเดินเข้าสู่กระท่อมใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง

    ลมเย็นยังคงโชยพัดมาจากแม่น้ำกว้าง ใบไม้ยังคงพริ้วไหวโลดแล่น ทว่าผืนธงรูปปลากลับหายไปจากยอดไม้ไผ่ลำนั้นแล้ว!!!! หรือผืนธงกลับกลายเป็นปลาที่มีชีวิตจริงๆ แล้วกระโจนกลับลงแม่น้ำไปแล้ว?

    หากผืนธงสามารถกลายเป็นมัจฉาได้จริง มันก็มิได้กระโจนลงแม่น้ำเด็ดขาด! เนื่องเพราะมันกระโจนเข้าสู่มือของนักพรต!!!

    เวลานี้นักพรตนำธงผืนนั้นวางลงบนโต๊ะตัวเดียวของกระท่อม จากนั้นทรุดกายลงนั่งบนม้ายาว ขลุ่ยหยกที่พกพาถูกนำออกมาทาบกับริมฝีปาก ปรากฎเป็นเสียงไพเราะอันนุ่มนวลก้องกังวานไปทั่วบริเวณหมู่บ้าน

    จากคุณ : มันตั้ม(น้องมันตรัย) - [ 12 ม.ค. 49 21:10:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป