CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++++ แม่นางโมนาลิซ่า...ขลังนัก +++++

    อากาศหนาวเย็น โรยตัวปกคลุมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่ยืนตระหง่านอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแซนน์ กลางกรุงปารีส

    แม้จะเป็นเวลาสิบโมงเช้า แต่ทุกครั้งของการหายใจเรายังสามารถมองเห็นควันขาวพวยพุ่งเป็นกลุ่มใกล้ๆเพียงปลายจมูก ก่อนจะสลายตัวไปกับไอหนาวของปลายเดือนพฤศจิกายน

    รถบัสท่องเที่ยวขนาดสี่สิบที่นั่ง พาเรามุดลงไปยังลานมหึมาใต้พิพิธภัณฑ์ ซึ่งถูกจัดให้เป็นลานจอดรถสำหรับกรุ๊ปทัวร์ มีรถบัสจอดแน่นแทบจะเต็มพื้นที่ คนขับคงปวดหัวไม่น้อยกับการหาที่จอดรถ

    “อย่าลืมเสื้อกันหนาวนะคะ” เสียงเจ้าหน้าที่ประจำบัสแจ้งเตือน ก่อนที่รถจะจอดตรงประตู ทางเข้า ผมกระชับเสื้อหนังกันหนาวสีดำตัวโคล่งให้เข้าที่ ก้าวลงจากรถ เดินผ่านบันไดทรงโรมันสี่ห้าขั้น เข้าสู่พิพิธภัณฑ์


    ได้ข่าวมาว่า แม่นางโมนาลิซ่าที่นี่...ขลังนัก




    เมื่อสองเดือนก่อน พี่เหลิม รุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยที่สนิทสนมถึงขั้นยืมเงินกันได้ โดยไม่ต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ย เวลาชำระคืน และหลักทรัพย์ค้ำประกัน แวะมาเยี่ยมเยียนอาการหัวใจชอกช้ำช้ำซากเรื้อรัง ที่ผมเป็นมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม

    “เอ็งถึงเวลาต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิแล้วว่ะ” พี่เหลิมฟันธงหนทางเยียวยา เมื่อพบอาการที่ทรุดหนัก และมองไม่เห็นอนาคตของเจ้าของบ้าน

    “แต่ผมก็พึ่งมาตลอดแล้วนะพี่ ท่านรถเก๋ง 3000 ซีซี 200 แรงม้า ท่านมือถือติดกล้อง 5 ล้านพิกเซล ถ่ายรูปได้พร้อมกลิ่น ท่านดอกทิวลิบขนาดสามคนโอบจากฮอลแลนด์ แล้วนี่ก็ไม่ใช่เพราะท่านสยาม...พารากอนรึ ผมถึงมีสภาพอย่างที่พี่เห็นนี่” สภาพอ่อนระโหยโรยแรง เนื่องจากการหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยบะหมี่สำเร็จรูป...ทุกมื้อ

    “เอ็งมันเห็นกรงจักรเป็นดอกบัวโดยแท้” น้ำเสียงพี่เหลิมเจือความสงสาร ห่วงใย อาทรและสมเพช ได้ในคราวเดียวกันอย่างมืออาชีพ

    “อย่างเอ็งนี่ มันต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับโลก” พี่เหลิมว่าต่อ


    ก่อนจะลาจากกันในวันนั้น พี่เหลิมยื่นภาพถ่ายให้ผมหนึ่งใบ

    “เอ็งต้องไปที่นี่ ว่ากันว่า...ขลังนัก” น้ำเสียงพี่เหลิมจริงจังมาก แล้วตบไหล่ให้กำลังใจเต็มแรง จริงจังไม่แพ้น้ำเสียง ตัวผมคะมำไปตามแรงตบจนรูปภาพหล่นจากมือ

    “พิพิธภัณฑ์ลูฟร์...ปารีส” เป็นข้อความที่สลักอยู่หลังภาพถ่าย พี่เหลิม รุ่นพี่ที่ได้ชื่อว่า ไปมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ กับแม่นาง...โมนาลิซ่า


    พี่พินิจ รุ่นพี่ที่ทำงาน มือวางอันดับต้นๆของวงการท่องเที่ยวตามย่านน้ำต่างๆ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนยันความศักดิ์สิทธิ์

    “โมนาลิซ่า สุดยอด มีให้เลือกเยอะ แถมบริการดีอีกต่างหาก” พี่พินิจยืนยันด้วยแววตาเปี่ยมความสุข ดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก





    ผมพาสองเท้ามายืนอยู่ใต้ปลายแหลมๆของปิระมิดแก้ว ส่วนที่ถูกทำให้ดูเหมือนทะลุทิ่มลงมายังชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม... ตามคำแนะนำของพี่เหลิม ส่วนคำแนะนำของพี่พินิจนั้นฟังดูแปลกเกินไป แม่นางโมนาลิซ่า ไม่น่าจะมีให้เลือกมากนัก


    “ชั่วโมงแรกเราจะไปด้วยกันเป็นกลุ่ม เราได้รับเกียรติจากอาจารย์ชาวไทย ที่อยู่ปารีสมายี่สิบกว่าปีแล้วมาบรรยายและนำชม ดังนั้นอย่าเพิ่งแตกกลุ่มนะคะ แล้วหลังจากนั้นเราจะให้ทุกท่านเที่ยวชมตามอัธยาศัยจนถึงเที่ยง ก็กลับมาพบกันที่นี่นะคะ” เป็นเสียงผู้ดูแลกรุ๊ปทัวร์ของเรา ผมเพิ่งสังเกตว่าเธอเป็น...ผู้หญิง


    จากทางเข้า เราผ่านส่วนฐานของอาคารใหญ่หลังนี้ พร้อมโมเดลย่อส่วนที่เผยให้เห็นอดีตที่เคยเป็นพระราชวังเก่า ก่อนจะถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปวัตถุ กว่า 200000 ชิ้น

    ความทรงจำของผมหยุดการบันทึกข้อมูลเพียงเท่านี้ หัวใจเรียกร้องต้องการพบเพียงแต่สตรีชื่อดังแห่งลูฟร์...แม่นางโมนาลิซ่า

    ผมรู้สึกเหมือนเป็นก้อนหินหยุดนิ่งขวางสายน้ำแห่งภาพเขียน รูปปั้น ที่เรียงรายไหลผ่านตัวผมไปอย่างเชื่องช้า

    ในที่สุด ผมก็ได้มายืนสบตากับเธอ ท่ามกลางผู้คนมากมาย


    แม่นางโมนาลิซ่า...ตำนานแห่งลีโอนาร์โด ดา วินชี...ของแท้


    แม่นางโมนาลิซ่าที่พี่เหลิมกล่าวขานนักว่า เมื่อคุณอยู่ในระยะที่ประสานตากับเธอได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะก้าวไปทิศทางใด เธอจะมองตามคุณราวกับไม่ต้องการให้คลาดสายตา

    แม้จะต้องยืนห่างกันถึงสองเมตร ตามระยะที่กั้นไว้ด้วยเชือกสีน้ำเงิน ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอที่จ้องมองมาที่ผม

    เสียงกดชัตเตอร์ดังระงม ผู้คนเอื้ออึงกับความงามและรอยยิ้มของเธอ


    ถึงเวลาแล้วที่ผมต้อง...ตัดสินใจ


    ผมใช้มือซ้ายประคองพุ่มดอกไม้ธูปเทียนออกจากกระเป๋าเสื้อหนังตัวโคล่ง มือขวาตวัดไฟแช็คเข้าใกล้ก้านธูป เพียงครู่เดียวควันธูปหอมจากเมืองไทยก็เริ่มส่งกลิ่นกำจายไปทั่วบริเวณ  พร้อมกับแสงสว่างขนาดหนึ่งแรงเทียนในมือผม

    ผมทำตามที่พี่เหลิมกำชับมา ให้ขอความช่วยเหลือด้านความรักเพียงอย่างเดียว อย่าทำให้แม่นางสับสน


    เสียงชัตเตอร์ดังระงม ผู้คนอื้ออึงกับ...ควันธูปและแสงจากเปลวเทียน ในเวลานั้นผมเริ่มมองอะไรไม่เห็น ทั้งควันธูปและผู้คน และเสียงอื้ออึงจากหลายภาษา วินาทีนั้น ผมเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่จะติดตามมา...ผมจะหาที่ปักธูปเทียนได้ที่ไหน

    ท่ามกลางความสับสน และการควานหาที่ปักธูปเทียน ผมรับรู้ได้ถึงไออุ่นมาสัมผัสที่ข้อมือซ้าย กระชากผมออกจากความสับสนวุ่นวายภายใต้ควันโขมงกลุ่มใหญ่


    ผมวิ่งตามไออุ่นที่ข้อมือ ผ่านพื้นไม้ พื้นปูน บันไดเวียน จนกระทั่งหลุดออกมายืนอยู่บนพื้นหิน ใกล้ปิระมิดแก้วขนาดใหญ่นอกตัวอาคาร ผมจึงพบว่าต้นตอของไออุ่นที่ข้อมือซ้ายนั้น สามารถสาวไปถึงมือขวาของเจ้าหน้าที่สาวประจำกรุ๊ปทัวร์ เธอกำลังยืนหอบอย่างเอาจริงเอาจัง มือข้างซ้ายท้าวอยู่กับกระจกปิระมิด

    “คุณ...คุณ ไปทำอะไรตรงนั้น...คะ” ถามเสร็จเธอก็กลับไปหอบต่อ จากที่หยุดไว้
    “อธิษฐานครับ” ผมบอกความจริงทันที ไม่มีเหตุต้องปิดบัง
    “อธิษฐาน” เธออุทานเสียงดังมาก เหมือนพลาดสิ่งสำคัญในชีวิต ผมเริ่มรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ชวนเธอแต่แรก คงเป็นเพราะผมเตรียมดอกไม้ธูปเทียนมาเพียงชุดเดียว


    ตั้งแต่นั้น สายตาที่มองผมอย่างไม่ให้คลาดไปไหน ก็เปลี่ยนจากแม่นางโมนาลิซ่าเป็นเจ้าหน้าสาวประจำกรุ๊ปทัวร์


    โอ...แม่นางโมนาลิซ่า...ขลังนัก

    ...............................................................ยังมีต่อ................

    แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 49 18:50:47

    แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 03:02:50

    จากคุณ : ใบไม้ในทางช้างเผือก - [ วันเด็กแห่งชาติ 02:56:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป