ทุกวันนี้ มักมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับวงการตำรวจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ข่าวการซ้อมผู้ต้องหาเพื่อให้ยอมรับสารภาพ ที่ดูจะเป็นข่าวอันดุเดือดดุเด็ดเผ็ดมัน และเป็นที่ต้องการของบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายที่จะนำไปประโคมข่าว ขยายเรื่องราวให้ดูยิ่งใหญ่น่ากลัวมากขึ้นไปอีก
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว กลวิธีในกาสอบวนผู้ต้องหาเพื่อให้ยอมรับสารภาพนั้น มีอยู่เป็นเรื่องปกติวิสัย จะหนักหรือเบาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกิด การให้ความร่วมมือของผู้ต้องหา หรือกระทั่งว่าสภาพจิตใจของตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนเอง
ในต่างประเทศ การใช้ความรุนแรงในการสอบสวนผู้ต้องหาก็มีอยู่เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน ไม่ใช่มีแต่เฉพาะในประเทศเราเท่านั้น ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สภาพของผู้กระทำความผิดก็ต่างกัน บางคน เมื่อเห็นหลักฐานอันชัดแจ้งที่ตำรวจเอามาให้ดูก็ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหาโดยดุษฎี ทำให้คดีจบลงอย่างสงบเรียบร้อยไม่ยืดเยื้อ ไม่ทำให้พนักงานสอบสวนต้องเหน็ดเหนื่อเมื่อยล้าหรือเสียเวลามาก
หากแต่ผู้ต้องหาบางคนนั้นกลับดื้อด้าน ดึงดัน เมื่อพบเห็นหลักฐานที่ตำรวจนำมาให้ดูอย่างชัดแจ้งแบบชนิดปฏิเสธไม่ได้แล้วก็ยังดันทุรังปฏิเสธข้อกล่าวหา ทำทีท่ากวน ยั่วยวนโทสะ ไม่ให้เกียรติเจ้าพนักงานสอบสวน ซึ่งบางครั้งก็เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ตำรวจต้องหนักใจ ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องสั้นเปลืองแรงกายแรงใจ และเวลาในการสอบสวนและทำให้คดีต้องยืดเยื้อไม่จบสิ้น ทั้งๆที่หลักฐานทุกอย่างก็มีให้เห็นอย่างชัดเจนโจ่งแจ้งแจ่มแจ๋วแล้ว แต่ก็ยังปิดคดีไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ กลวิธีการสอบสวนก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม อาจเข้มข้นหรือรุนแรงขึ้นบ้าง ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยในกรณีที่ตำรวจต้องเจอกับผู้ต้องหาที่ดื้อด้าน กวนโทสะเช่นนั้น เพราะใครจะไปทนได้กับโจรหรือฆาตกรปากแข็งที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปลิ้นปล้อน เหมือนกับดูถูกตำรวจว่างี่เง่า
หากแต่บางครั้ง การสอบสวนผู้ต้องหาอาจใช้ความรุนแรงจนเกินเหตุ ถึงขั้นเลือดตกยางออก ช้ำนอกช้ำใน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะตำรวจที่สอบสวนนั้นอาจอดกลั้นอารมณ์โกรธไม่อยู่ อาจมีสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยปกติ หรือเป็นพวกที่มีความสุขกับการใช้ความรุนแรง หรือเห็นคนอื่นเจ็บปวดร้องครวญครางขอชีวิต ถือเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ว่าตำรวจทุกคนจะเป็นเช่นนั้น
ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการสอบสวนผู้ต้องหาที่ผิดจริงเหล่านั้นได้ ผู้เขียนจึงใคร่ขอแนะนำวิธีการสอบสวนผู้ต้องหาแบบไม่รุนแรง แฝงความขบขัน หฤหรรษ์และสนุกสนานกันทั้งสองฝ่าย ให้ตำรวจลองนำไปใช้กันดู ดังนี้
1. เกลียดสิ่งไหน ให้สิ่งนั้น
วิธีนี้ ให้ตำรวจสายสืบไปสืบเสาะดูซิ ว่าผู้ต้องหาที่จับได้ว่าผิดจริงแต่ไม่ยอมรับสาภาพนั้น เกลียดและกลัวสิ่งใดมากเป็นพิเศษ ก็ให้แสวงหาสิ่งนั้นมาใช้ประกอบการสอบสวน เช่น เกลียดไส้เดือน จิ้งจก ตุ๊กแก แมลงสาป ก็นำสัตว์เหล่านั้นมาหลอกล่อให้หวาดผวาเล่นๆ อาจปล่อยให้ไต่ไปตามเนื้อตัวบ้างพอเป็นพิธี หรือในกรณีที่บางคนเกลียดสิ่งที่ไม่น่าจะเกลียด เหมือนพวกดาราที่เกลียดสับปะรด ผักบุ้ง กิ๊บหนีบผม พัดลม ตระกร้าหวาย ก็ให้สรรหาสิ่งเหล่านั้นมาหลอกล่อได้เช่นกัน
2. สวรรค์บนปลายนิ้ว
วิธีนี้ไม่มีอะไรยาก หากรู้ว่าผู้ต้องหาคนนั้นบ้าจี้ ก็ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ แล้วจู่โจมจั๊กกะจี๊ด้วยปลายนิ้วตามจุดต่างๆของร่างกายที่ไวต่อความรู้สึกขบขัน เช่น เอว รักแร้ ซอกคอ และฝ่าเท้า บ่างครั้งอาจเอาไม้ขนไก่มาลูบไล้เนื้อตัวเพื่อให้ผู้ต้องหารู้สึกจั๊กกะจี๊มากยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้ไม่หวงห้าม แต่... ควรทำๆ หยุดๆ ทุกๆ 5 นาที เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาหัวเราะจนขาดใจตาย จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก เอาแค่เบาะๆ แทบขาดใจก็พอแล้ว
3. สยิวกับภาพบาดตา
ถ้าหากต้องการสอบสวนผู้ต้องหาในคดีลามกอนาจารต่างๆ เห็นควรพาผู้ต้องหาไปดูภาพบาดตาที่ทำร้ายความรู้สึกและจิตใจของเขาอย่างมาก เช่น ภาพการชำแหละศพของนิติเวช หรือภาพหวือหวาที่ตรงกันข้ามกับรสนิยมทางเพศของเขา เช่น หากผู้ต้องหาชอบทำลามกอนาจารกับผู้หญิง ก็ให้ดูภาพหรือหนังเกย์ที่มีแต่ผู้ชายมีอะไรกัน โดยจับถ่างตาให้ดูอยู่ทุกวันทุกคืนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็น่าจะเพียงพอแก่การยอมรับสารภาพแล้ว
4. พาไปคาราโอเกะ
อย่าเพิ่งคิดไปว่าเราจะใจดี พาผู้ต้องหาไปร้องเพลง เพราะมันไม่ใช่เช่นนั้น วิธีนี้เห็นควรใช้กับผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะจนเสียงดังรบกวนชาวบ้านชาวช่อง โดยนำผู้ต้องหาไปขังไว้ในตู้คาราโอเกะแล้วเปิดเพลงร็อคให้ดังถึงขีดสุด ดังกว่าเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของพวกมันก็พอ โดยจับขังไว้สัก 2-3 คืน แล้วค่อยนำตัวออกมาให้ยอมรับสารภาพ ซึ่งในระหว่างที่จับขังไว้ ตำรวจอาจชวนกันลุกขึ้นมาเต้นประกอบไปรอบๆตู้คาราโอเกะด้วยก็จะเป็นการผ่อนคลายความเครียดในการปฏิบัติหน้าที่ได้อีกวิธีหนึ่ง
จากทั้ง 4 วิธี ที่กล่าวมา คงพอมองเห็นแล้วว่าเราจะสอบสวนผู้ต้องหาแบบไหนที่ไม่รุนแรง แฝงความขบขันหฤหรรษ์ในการปฏิบัติได้ โดยไม่ต้องไปใช้วิธีเตะต่อยตบตีจี้ช๊อตด้วยไฟฟ้า หรือว่าลนด้วยเทียนไข ไฟแช็ค เพราะวิธีเหล่านั้นมันโหดร้ายป่าเถื่อนเกิยมนุษย์มะนา ซึ่งมีแต่พวกโรคจิตที่ชอบความรุนแรงซาดิสม์เท่านั้นที่จะทำกัน ไม่เหมาะกับตำรวจที่ดีซึ่งถือเป็นที่พึ่งของประชาชน
- - - - - - - - -
หมายเหตุ : กรุณาอย่าคิดมาก ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเริงรมย์เท่านั้น
จากคุณ :
misterpolice
- [
15 ม.ค. 49 17:35:28
]