CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 98 ยาถอนพิษที่แท้จริง

    ลงไปก่อนส่วนเดียวนะครับ ส่วนที่เหลือจะทยอยมาจนครบภายในวันเสาร์จ้า


    *******************

    ดวงตะวันยาสายสาดส่องประกายสีทองอันอบอุ่น ประดุจความอบอุ่นอันเข้าใจ และจริงใจของมิตรสหาย เสี่ยวซากำลังใช้จอบอันหนึ่งถากถางกอพุ่มหญ้าคาออกอย่างง่ายดาย ราวกับว่าต้นหญ้าเหล่านั้นเป็นตะไคร่น้ำที่ติดอยู่บนก้อนหินใหญ่ ที่เพียงใช้นิ้วมือสะกิดถูกก็หลุดร่วงออก

    ที่ด้านข้างของเด็กหนุ่มยังมีชายกลางคนผู้นั้นยืนนิ่งอยู่ เวลานี้ทั้งสองสวมใส่ชุดเก่าสีเทามอซอ บนศีรษะสวมงอบปีกกว้างเพื่อป้องกันแสงแดด ชายกลางคนรอจนเสี่ยวซาถากถางได้หญ้าคากองใหญ่ เขาก็ตรงเข้ารวบเก็บหญ้ากองนั้นขนไปวางที่ด้านข้าง
    คนหนึ่งถาง คนหนึ่งเก็บรวบรวม จวบจนอาทิตย์ตรงศีรษะ ทั้งสองค่อยหยุดมือลง

    “พี่หลอ พวกเราหยุดมือรับประทานอาหารก่อนดีหรือไม่?”

    ชายกลางคนนามหลอฮั่นได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศีรษะ ทั้งคู่เดินมุ่งตรงไปยังกระท่อมท้ายหมู่บ้าน ตลอดเส้นทางที่ทั้งสองเดินผ่าน เดิมทีล้วนเป็นสภาพรกร้าง เต็มไปด้วยหญ้าคา และวัชพืชขึ้นรกรุงรัง ทว่าตอนนี้มีอยู่หลายแปลงที่ถูกถากถางจนเป็นระเบียบเรียบร้อย มิเพียงเท่านั้น ยังมีร่องรอยการขุดเป็นร่องยาวต่อเนื่องกันจนสุดแปลง และมีเว้นระยะระหว่างร่องประมาณหนึ่งศอก ดูไปคล้ายเป็นพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรผืนหนึ่ง!

    เด็กหนุ่มเดินไปจนถึงกระท่อมท้ายหมู่บ้าน ที่นี่เสี่ยวซาเคยอยู่อาศัยมาก่อน ในเวลานั้นเด็กหนุ่มเข้ามาทำงานแลกเปลี่ยนค่าเดินทางกับชายชรา ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นยอดฝีมือซุ่มซ่อนกาย ที่สูญเสียหลานชายเพราะพวกฉิกจับอิด จึงพยายามค้นหาความผิดของฉิกจับอิด เพื่อทำลายรากฐานของพวกมัน ต่อมาชายชราตกตายด้วยฝีมือของเกี่ยมฮุ้น ผู้คุ้มกฎซ้ายในเวลานั้น

    เสี่ยวซาเดินอ้อมไปข้างหลังกระท่อม ที่นั่นก็มีแปลงผักอยู่ เป็นผักปวยเล้งซึ่งชูใบขียวสด มีความสูงประมาณคืบเศษ ผักเหล่านี้แม้ยังไม่โตเต็มที่ แต่ก็อยู่ในช่วงอายุที่สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว มีอายุประมาณยี่สิบกว่า สามสิบวัน แสดงว่าคนทั้งสองอยู่ที่นี่มาเกือบเดือนหนึ่งแล้ว!

    เด็กหนุ่มเลือกเก็บผักใส่กระบุง จากนั้นนำไปล้างในถังน้ำด้านข้าง แล้วจึงลงมือหั่นเป็นขนาดพอคำ ก่อนที่จะนำเข้าห้องครัว ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผักปวยเล้งอันหอมกรุ่นจานใหญ่ก็ถูกนำมาวางตรงหน้าของหลอฮั่น

    หลอฮั่นสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นของผัดผักจานดังกล่าว พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คล้ายมิสามารถทนทานกลิ่นเย้ายวนของมันได้ รีบกระวีกระวาดไปตักข้าวถ้วยใหญ่มาสองถ้วย เสี่ยวซายื่นส่งตะเกียบคู่หนึ่งให้กับฝ่ายตรงข้าม ตนเองหยิบตะเกียบอีกคู่ ชักชวนให้หลอฮั่นรับประทานผัดผัก

    ทั้งสองคีบผักเข้าปาก พลางคุ้ยข้าวตาม ชั่วอึดใจผัดผักจานใหญ่ก็หมดลง หลอฮั่นตบท้อง พลางทอดถอนใจ กล่าวว่า

    “น้องท่าน ฝีมือการผัดผักของท่านนี้ เราผู้พี่รับทานมากว่ายี่สิบวัน แต่มิว่าทานคราใดก็ยังรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมอยู่เช่นเดิม”

    เสี่ยวซายิ้มนิดหนึ่งกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะข้าพเจ้าใส่ความตั้งใจลงไป ทำให้มันมีรสชาติที่กลมกล่อมแล้ว ยังมีรสชาติของความใส่ใจที่มิอาจเลียนแบบได้อยู่อีกด้วย”

    หลอฮั่นพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่หากตั้งใจมากเกินไป ใยมิใช่กลายเป็นหมกมุ่น เมื่อหมกมุ่นไยมิใช่ทำให้จิตใจไม่ปลอดโปร่ง ถ้าเช่นนั้นย่อมมิอาจรักษาสภาพจิตใจว่างเปล่าดังที่ท่านเคยแนะนำแก่เราผู้พี่ได้หรอกหรือ?”

    เสี่ยวซายิ้มกว้าง กล่าวว่า “พี่หลอนับว่ามีวาสนากับทางพุทธมิใช่เล็กน้อย กลับสามารถเข้าใจถึงเรื่องราวเหล่านี้ ถูกต้อง! หากมุ่งมั่นมากไป จะกลายเป็นหมกมุ่น และจะทำให้จิตใจเป็นระลอก สุดท้ายจากหมกมุ่น จะแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการเอาชนะ อยากจะทำให้สำเร็จ อยากจะทำให้ดี สุดท้ายก็เกิดเป็นกิเลส ดังนั้นท่านต้องรู้จักควบคุมจิตใจมิให้ก้าวผ่านจากมุ่งมั่น กลายเป็นหมกมุ่น ซึ่งการนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนทั้งด้านจิตใจ และร่างกาย ให้ท่านสามารถรู้จักระงับอารมณ์ อดทนต่อสภาพกดดันต่างๆ นาๆ และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมพวกเราจึงต้องหักร้างถางพง ทำไร่ปลูกผักกัน ณ ที่นี้”

    “อืม ข้าพเจ้าเข้าใจ มีเพียงวิธีที่ต้องฝึกฝนร่างกาย และจิตใจ เพื่อที่จะควบคุม และสลายกิเลสเช่นนี้ จึงสามารถหลุดรอดจากตัวยาอุบาทว์นั้นได้!!!”

    เสี่ยวซาพยักหน้า กล่าวว่า
    "จีอวีเย่า คือตัวยาที่ฉิกจับอิดผสมลงในสุรา เพื่อมอมเมาผู้คน ฤทธิ์ของยาแตกต่างกันออกไป แล้วแต่บุคลิก และจิตใจของแต่ละผู้คน เพียงแต่อาการหลักๆ แบ่งได้เป็นตามกลุ่มด้วยกันประมาณสามกลุ่ม"
    เสี่ยวซากล่าวพลางรำลึกถึงเรื่องที่มันขบคิด และปรึกษาหารือมากับฟาหลินซี ฮั่นตง เสี่ยวโกย และเหวินเหม่ยชิง ในที่สุดจำแนกอาการของผู้ที่โดนยาออกมาได้!

    "กลุ่มแรกคือ คนทั่วไป กลุ่มคนเหล่านี้เมื่อได้รับตัวยาก็จะลุ่มหลงมัวเมาในกิเลส กลายเป็นบุคคลที่สุรุ่ยสุร่าย รักความสบาย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นานวันเข้าเมื่อตัวยาสะสมในปริมาณมาก คนพวกนี้จะถูกกิเลสกัดกร่อนทั้งร่างกาย เลือดเนื้อ จิตใจ และวิญญาณ ตกเป็นทาสของตัวยา ในที่สุดก็จะกลายเป็นโรค "ผีตายซาก" ขึ้นมา"

    "อา!" หลอฮั่นอุทานออกมา ตัวมันกลับเคยได้ยินโรคผีตายซากมาก่อน นึกมิถึงกลับมากจากตัวยาอุบาทว์นี้เอง

    เสี่ยวซากล่าวต่อไปว่า "กลุ่มที่สอง จัดเป็นพวกที่ห้าวหาญดุดัน มีพลังฝีมือ และพลังใจกล้าแข็ง ตัวยามิมีผลกัดกร่อนร่างกาย เลือดเนื้อของพวกมัน กลับมีส่วนช่วยเพิ่มพูนพลังของร่างกาย และพลังลมปราณ ทว่าตัวยายังมีผลออกฤทธิ์กัดกร่อนจิตใจ และครอบงำพวกมัน ทำให้คนพวกนี้มีความโน้มเอียงไปในทางที่จะกระทำผิดได้โดยง่าย ซึ่งเดิมทีพื้นฐานจิตใจของคนเหล่านี้ก็มิได้ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีอยู่แล้ว ดังนั้นคนเหล่านี้เมื่อได้รับตัวยาเข้าไป จะกลายเป็นยอดฝีมือที่เก่งกล้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนับสิบๆ เท่า!!! เพียงแต่เส้นทางที่พวกมันเลือกเดิน มักมีแนวโน้มไปในทางที่แสวงหาลาภยศ และอำนาจ เข้าสู่หนทางที่ผิดพลาด โชคยังดีที่คนกลุ่มนี้กลับมีน้อยกว่ากลุ่มแรกมากนัก ในร้อยคนอาจพบได้เพียงสองถึงสามคนเท่านั้น!"

    "โอวววว" ชายกลางคนร่ำร้องออกมา

    "ส่วนกลุ่มที่สามนั้น ท่านพี่ท่านก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มนี้ เฉกเช่นเดียวกับพี่รองของข้าพเจ้า คนกลุ่มนี้นับว่ามีน้อยยิ่งกว่าน้อย ยังน้อยกว่าคนกลุ่มที่สองหลายเท่า เพราะว่าคนเหล่านี้มิเพียงจะมีพลังฝีมือ และจิตใจเข้มแข็ง ยังต้องเป็นผู้ยึดมั่นถือคุณธรรม คนกลุ่มนี้มิได้ผลกระทบต่อสุขภาพดังเช่นกลับคนกลุ่มแรก ยิ่งมิลุ่มหลงมัวเมาเดินสู่หนทางที่ผิดเช่นคนกลุ่มที่สอง เพียงแต่ตัวยาอันร้ายกาจยังมีผลสั่นคลอนจิตใจของคนเหล่านี้ ทำให้พวกมันมีอาการสับสนผิดพลาด ยิ่งกระทบถูกพลังฝีมือ เป็นเหตุให้พลังฝีมือลดต่ำลง กลายเป็นว่าตัวยามิเพียงไม่ส่งผลดีต่อพวกมันเช่นคนกลุ่มสอง กลับกลายเป็นบั่นทอนพลังฝีมือพวกมันลง และมิแน่ว่าพวกมันจะยังสามารถฟื้นคืนฝีมือได้ดังเดิม!!!"

    หลอฮั่นฟังถึงตรงนี้ก็มีใบหน้าที่ซีดเผือด กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "นึกมิถึง การมีจิตใจยึดมั่นในคุณธรรม มิเพียงมิมีส่วนดี กลับเป็นโทษเสียอีก!"

    เสี่ยวซาส่ายศีรษะกล่าวว่า "พี่ท่าน เรื่องราวในโลกนี้ล้วนมีสองด้านเช่นเดียวกับเหรียญอีแปะ เพียงท่านจักมองจากทางด้านไหนเท่านั้น อย่าลืมว่าท่านยังโชคดีไม่ป่วยไข้เช่นคนกลุ่มแรก เวลานี้ท่านยังมีชีวิตอยู่"

    "หึ แล้วเช่นนั้นเหตุใดเราไม่เป็นเหมือนพวกที่สอง หากเป็นเช่นนั้น เราก็มิต้องสูญสิ้นทุกอย่างเช่นนี้!!!"

    เสี่ยวซาผงกศีรษะ กล่าวว่า "ถูกต้อง หากท่านเป็นอย่างคนกลุ่มสอง พลังฝีมือของท่านจะยิ่งก้าวหน้า ย่อมมิสูญสิ้นทุกอย่างเพียงแต่..."

    "เพียงแต่อันใด?" ชายกลางคนถาม

    "เพียงแต่ท่านอาจมิเป็นตัวของตนเอง ถูกกิเลสครอบงำ ยามเคลิบเคลิ้มหลงใหล มิแน่ว่าอาจกระทำผิดเป็นเหตุให้เสียใจไปตลอดชีวิต!!!  จริงอยู่เพื่อเป้าหมายคนส่วนใหญ่อาจยินยอมกระทำผิดเพื่อให้สำเร็จ แม้แต่ลงมือปล้นชิง เข่นฆ่า ก็สามารถทำได้ แต่ตัวท่านลองถามใจดู หากท่านต้องกระทำในสิ่งที่ผิดพลาดเพื่อให้สำเร็จในเป้าหมาย ท่านยังสบายใจอยู่ได้หรือ?"

    ชายกลางคนนิ่งงันไปพักใหญ่ ค่อยทอดถอนใจออกมา จากนั้นส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ

    เสี่ยวซายิ้มกว้างขวาง กล่าวว่า "ท่านถึงเป็นคนประเภทที่สาม!!! มองผิวเผินอาจคล้ายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อเทียบกับประเภทที่สอง แท้จริงแล้วเป็นเพราะจิตใจของท่านเข้มแข็งมั่นคงกว่า ยิ่งยึดมั่นถือคุณธรรมยิ่งกว่า ดังนั้น ท่านเพียงสูญเสียพลังฝีมือในกาลก่อน แลกมากับสภาพร่างกาย และจิตใจที่แม้จะสับสนไปบ้าง แต่ก็มิถูกกิเลสครอบงำ สำหรับข้าพเจ้า คิดว่าประเสริฐเลิศเลอกว่า!!!"

    ชายกลางคนได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นก็พลันผงกศีรษะ กล่าวว่า "ถูกต้อง พลังฝีมืออย่างไรก็สามารถฝึกฝนได้ ซักวันก็มีทางฟื้นคืน แต่หากเป็นจิตใจที่ป่วยไข้ และถูกครอบงำด้วยกิเลสแล้ว คงยากยิ่งที่จะฟื้นคืน ถือว่าเรายังโชคดีกว่าอีกหลายคน!!!"

    เสี่ยวซาแย้มยิ้ม

    “ครั้งแรกที่พี่ท่านมาถึงที่นี้ หากข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ท่านจะมีปฏิกริยาเช่นไร?”

    หลอฮั่นกล่าว่า “ย่อมต้องมิพอใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจลงมือสังหารท่านเสียเลย ดังเช่นเราได้เกือบกระทำลงไปในคราแรกนั้น!”

    เสี่ยวซากล่าวต่อไปอย่างยิ้มแย้ม “ท่านเข้าใจหรือไม่? ว่าเวลานี้เกิดอันใดขึ้นกับท่าน?”

    “อา….หรือว่า….”

    เสี่ยวซาผงกศีรษะกล่าวว่า “ท่าทุเลาจากตัวยา “เสริมกิเลส” แล้วอย่างน้อยหกเจ็ดส่วน ขอเพียงท่านดำเนินการฝึกตามเคล็ดวิชา “เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง” พร้อมทั้งฝึกฝนร่างกายอยู่ที่นี่อีกสิบวันครึ่งเดือน อาการของท่านก็จะหายสนิท!!!”

    หลอฮั่นหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดี

    จากคุณ : มันตั้ม(น้องมันตรัย) - [ 19 ม.ค. 49 21:32:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป