 |
[.,.,.,.,เธอก็รู้.,.,.,.,.]
"....ไปอยู่กับแสงเดือนแสงดาวที่สุดฟ้า แล้วเราไม่ควรพบกัน เมื่อคนตั้งมากมาย เค้ามองเธอกับฉัน ไม่ควรคู่กัน เท่าไร เก็บมือที่บอบบางเก็บมือของนางฟ้า ฉันไม่กล้า...จะฉุดไว้ ขอบคุณที่ห่วงใย แต่เธอรู้บ้างไหม เธอ ว่าบนฟ้า ฉันคงไม่มีวาสนา...จะขึ้นไป ขึ้นไป ต่อให้ฉันรักเธอเท่าไรก็เท่านั้น เก็บมือที่บอบบางเก็บมือของนางฟ้า ฉันไม่กล้า ...ฮืมมม....จะฉุดไว้ ขอบคุณที่ห่วงใย แต่เธอรู้บ้างไหม เธอ ว่าบนฟ้า ฉันคงไม่มีวาสนา ...จะขึ้นไป ขึ้นไป..." เสียงเพลงของวง'พาย'แปลเปลี่ยนเป็นพลังงานเสียงจากวิทยุเคลื่อนตัวผ่านอากาศมากระทบที่หูของผม เนื้อเพลงอันแสนเศร้าได้รับการแปลผลจากสมองของผมส่งผลให้เกิดอาการเจ็บแปล็บๆบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ผมนอนใช้มือก่ายหน้าผากบนโซฟาตัวเก่า ขณะเดียวกันน้ำตาของผมมันก็ค่อยๆล้นเอ่อและไหลรินออกมาจากหางตาผ่านร่องแก้มร่วงลงสู่เบื้องล่าง เป็นเวลาเนิ่นนานที่ผมยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม ปล่อยน้ำตาให้ยังคงรินไหลต่อไป ขณะที่ภาพคืนวันเก่าๆของผมและเธอมันประเดประดังเข้ามาในหัวของผม... เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอเพิ่งโทรมาหาผม... "ฮัลโหล..." "สวัสดีค่ะ นั่นพี่พัทเหรอคะ? นี่มิ้งค์นะคะ" เสียงเล็กๆของเธอกรอกมาตามสายโทรศัพท์ "อ่า...ฮะ" ผมพูดไม่ออกไปชั่วครู่ ไม่แน่ใจว่าการได้ยินเสียงของเธอนั้นจะทำให้ผมดีใจหรือจะตอกย้ำความเศร้าในใจกันแน่นะ... "วันนี้ว่างมั๊ยคะ? อยากเจอจัง" "อืม..." ผมยังคิด... ควรจะตอบอย่างไรดี ใจนึงก็อยากพบหน้าของเธอ แต่ใจนึงก็กลัวว่าจิตใจตัวเองจะเศร้าไปกว่าเดิม... "ออกมาเจอกันหน่อยนะคะ พี่พัท ...นะคะ" "....." สุดท้ายผมก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเธอได้... ผมก็งี้แหล่ะ บางทีก็ใจอ่อนเกินไป ยอมทำอะไรๆ ที่สุดท้ายตัวเองจะต้องเสียใจ... เรานัดกันที่ร้านค๊อฟฟี่ช็อปร้านประจำของเรา... บนเก้าอี้ตัวเดิม กับโต๊ะตัวเดิม ที่มุมเดิม ในบรรยากาศเดิมๆ... จะมีเพียงแต่ความสัมพันธ์ของผมและเธอ ที่มันเปลี่ยนไป... ใบไม้สีส้มร่วงหล่นจากกิ่งก้านที่ลู่ไหว ถูกลมพัดพาล่องลอยไปไกล ผ่านบานกระจกร้านแล้วร่วงลงสู่พื้นดิน... เสียงเพลง'Wonder Wall'ของวงOasis ถูกเปิดคลอเบาๆร่วมกับเสียงหึ่งเบาๆของเครื่องปรับอากาศซึ่งคงจะเป็นตัวเดิมอีกนั่นแหล่ะ ร้านนี้เปิดเพลงเก่าจังแฮะ... ผมสั่งกาแฟคาปูชิโน ส่วนของเธอคือลาเต้ กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟล่องลอยจากผิวบนขึ้นมากระทบจมูกของผม... ผมจิบเข้าไปเล็กน้อย ส่วนเธอยังเอาแต่ดม มือเล็กๆทั้งสองยังคงเกาะกุมถ้วยกาแฟอุ่นไว้... เธอยิ้มให้ผม...ดวงตาสุกใส และใบหน้าอันอ่อนเยาว์นั้นยังคงเหมือนเดิม มีเพียงแค่ทรงผมของเธอเท่านั้นที่ดูแตกต่างไป จากผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังที่ผมเคยสัมผัสบ่อยๆ กลายเป็นผมตัดสั้นประบ่า แต่สำหรับผม เธอก็คงยังเป็น'มิ้งค์' สาวน้อยของผมคนเดิม... เราคุยกันเรื่อยเปื่อย...บางทีก็ได้แต่เงียบ ปล่อยให้เสียงเพลงเข้ามาแทนที่... "พี่พัทคะ..." "...." ผมหันไปจ้องมองตาเธอแทนคำพูดตอบรับ "งานแต่งของมิ้งค์ วันเสาร์หน้าแล้วนะคะ" เธอพูด ด้วยสีหน้าที่ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่าในใจเธอนั้นรู้สึกเช่นไร... "มิ้งค์อยากให้พี่พัทไปด้วยนะคะ" "พี่ก็อยากไปอ่ะนะ...แต่...ไม่แน่ใจว่าจะว่างมั๊ย" ผมบ่ายเบี่ยง จ้องมองผ่านกระจกใสไปยังที่ใบไม้ที่กำลังร่วง ไม่อยากที่จะสบตาเธอเลย... "มีใครที่ไหนเขามาชวนแฟนเก่าไปงานแต่งกันล่ะเนี่ย" ผมฝืนหัวเราะ "โธ่ พี่พัทคะ นั่นมันก็นานมาแล้วนะคะ... ตอนนี้เราก็เป็นเหมือนพี่น้องกันแล้วไม่ใช่เหรอ? มิงค์คิดว่าพี่อยากจะไปยินดีกับมิงค์ซะอีก... อีกอยาก พี่พัทเป็นคนเลือกแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ?...." เธอก้มลงมองที่แก้วกาแฟ แววตาหม่นลง ใช่ มันเป็นสิ่งที่ผมเลือกเอง... ครอบครัวของเธอไม่ยอมรับผม ผมจึงต้องตัดสินใจเดินจากไป... เพราะไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เธอกับครอบครัวมีปัญหา...แต่ผมก็ต้องมาเสียใจจนถึงทุกวันนี้ 2ปีมาแล้ว ผมยังเดินย่ำอยู่กับที่ จมปลักอยู่กับความเศร้าและความทรงจำเก่าๆ ถึงแม้อาจจะไม่มีใครสังเกตุเห็น ได้แต่ฝืนยิ้มฝืนไปทำงาน ดำเนินชีวิตตามปกติ... แต่ทำไม เธอถึงสามารถก้าวเดินได้ต่อไป พบกับคนใหม่ ที่ดีกว่า เหมาะสมกว่า... เคยมั๊ย? ที่เธอจะหวนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ และนอนร้องไห้อยู่บนเตียงทุกๆคืนเหมือนผม...ผมสงสัย ทำไม เธอ ถึงได้ใจร้ายกับผมเช่นนี้... พวกเราออกมจากค็อฟฟี่ช็อป เพื่อเดินย่อยกาแฟ และใช่เวลาอยู่ด้วยกันอีกสักพัก "แล้วพี่พัท มีใคร บ้างรึยังคะ?" เธอถามแผ่วเบา น้ำเสียงยังลังเลว่าพูดไปแล้ว จะกระทบกระเทือนจิตใจผมบ้างรึเปล่า... "ยังหรอก... ช่วงนี้รักไม่มุ่ง ยุ่งแต่งานน่ะ" ผมตอบ พร้อมหัวเราะแห้งๆกลับไป จะบอกได้ไงว่าผมยังไม่ลืมเธอ... พวกเรายังคนเดินต่อไป ลมเอื่อยๆพัดโชยมากระทบใบหน้า ผมขอเธอพริ้วไหวตามสายลม... ทั้งความสุขใจที่มีเธอเดินเคียงข้าง และความเศร้าใจวิ่งวนปนเปกันไปอยู่ในหัวใจผม ยังเดาไม่ออกว่าเธอรู้สึกเช่นไร... ได้แต่เดินเงียบๆ เคียงคู่กันไป "อยากเป็นเหมือนนกจังเนอะ มีอิสระเสรี จะโบยบินไปที่ไหนก็ได้... ถ้าเป็นนก เราจะมีความสุขกันมั๊ยนะ?" จู่ๆ เธอก็พูดขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า เห็นหมู่นกกำลังโบยบิน "เป็นนกไม่ได้มีความสุขเสมอไปหรอกนะ... ต้องคอยระวังที่จะกลายเป็นเหยื่อของสัตว์อื่น ไหนจะมีไข้หวัดนกอีก..." ผมพูดยิ้มๆ เอื้อมมือไปเขี่ยเส้นผมของเธอที่ตกลงมาปรกใบหน้าเพราะแรงลม เธอยอมให้ผมสัมผัสมันแต่โดยดี พลางเอื้อมมือมาจับมือผมไว้... "พี่พัท มีความสุขดีมั๊ยคะ? ถามจริงๆนะ" เธอถาม แววตาแสดงถึงความเป็นห่วง "...." ผมจะตอบว่าอย่างไรได้ ไม่อยากโกหก เลยได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ... "นับจากวันนั้น... มิ้งค์เสียใจ และก็รู้ว่าพี่พัทก็เสียใจ มิ้งค์รักพี่พัทมาก แต่ก็ยังก้าวต่อไป... ตลอดมา พี่พัทก็ยังเป็นคนสำคัญต่อมิงค์เสมอ... เป็นพี่ที่มิงค์รัก... มิ้งค์อยากให้พี่พัทก้าวไปข้างหน้าแบบมิ้งค์บ้างนะ..." "พี่รู้ พี่ไม่เป็นไรซะหน่อย... ถึงแม้พี่จะยังไม่มีใคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะเดินต่อไปไม่ได้ซะหน่อย..." ผมใช้มือขยี้หัวเธอเบาๆอย่างเอ็นดู ในที่สุด ผมก็พูดโกหกเธอไปแล้ว... พวกเราเดินไปเรื่อยๆ จนลืมสังเกตุว่าท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีส้มแก่ๆแล้ว "พี่พัทคะ ได้เวลากับแล้วค่ะ วันนี้มิงค์มีนัดทานข้าวเย็นที่บ้านพี่พลค่ะ" ผมพาเธอกลับไปที่บ้าน เพราะเธอเอารถมาจอดไว้ที่บ้านของผมก่อนที่เราจะออกไปข้างนอกด้วยกันโดยรถคันเล็กของผม จากนั้นเธอก็กลับไป ทิ้งผมไว้เพียงลำพัง.... วันนี้เป็นวันเสาร์ เวลา6โมงเย็น ผมยังคงนอนนิ่ง... มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก คราบน้ำตาจับอยู่ตามใบหน้า เสียงเพลงดังออกมาเบาๆจากวิทยุ... การ์ดแต่งงานใบหนึ่งถูกทิ้งอยู่บนพื้นห้อง... "...ขอเชิญร่วมงานมงคลสมรส ณัฐพล-รัตน์ธิดา..." ตอนนี้เธอคงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน กับคนที่เหมาะสม คนที่ครอบครัวของเธอยอมรับ... ผิดด้วยเหรอ? ที่ผมเป็นผม... ผิดด้วยเหรอ? ที่ผมไม่ใช่ผู้ชายแท้... ในงานคงจะมีแต่รอยยิ้มแต่ผมไม่อยากไป เพราะไม่อยากฝืนยิ้ม... ยินดีด้วยนะ มิงค์... "....และฉันรู้ว่าฉันควรอยู่ตรงไหน เพราะเธอแสนไกล ต่อให้ฉันรักเธอ เท่าไร ก็แค่รัก ...รัก คำเดียวเท่านั้น รักคำเดียวเท่านั้น รักเพียงเธอมากมายสักเท่าไร ไม่อยากพาฝัน ถึงฝั่ง จะพาฝัน ถึงฝั่ง เมื่อเรานั้น มันต่างมันห่างกันแสนไกล เธอก็รู้ .........." ************************** เรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากงานเขียนของจาริก แรมรอน และ เพลง 'เธอก็รู้' ของวง พาย ค่ะ
จากคุณ :
melody
- [
21 ม.ค. 49 11:41:39
A:203.188.15.220 X: TicketID:022491
]
|
|
|
|
|