ประมาณสี่โมงเย็นของทุกวัน...เราจะนำรถออกจากโรงเรียน ฝ่าการจราจรที่เริ่มหนาแน่น
มุ่งตรงกลับบ้าน ... บ้านที่คุณลูกชายภูมิใจมากเพราะอยู่ชานเมือง
ผมเคยแนะนำให้เรียกขอบเมืองบ้าง ริมเมืองบ้าง ก็ดูจะไม่ถูกใจเท่าบ้าน...ชานเมือง ฟัง
ดูดีมีราคา อากาศบริสุทธิ์ หลังบ้านยังเป็นทุ่งนา มีนก มีหุ่นไล่กาให้ดูด้วย หาที่ไหนไม่ได้
อีกแล้ว!! ถ้าอยากไปเที่ยว เพียงแต่เก็บเสื้อผ้า เดินออกจากหมู่บ้านสักห้าสิบก้าว
ก็ถึง...ต่างจังหวัด
ดีไหมลูก!! ผมให้ข้อมูลพร้อมสำรวจความคิดเห็นเขา ในหลายครั้งที่เราแวะเข้ามาดู
ก่อนจะตัดสินใจ
สักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจได้เองว่า บ้านที่ดูดีมีราคา...แค่นี้ ก็ควรจะอยู่แถวๆนี้ละ ใกล้เมือง
...นิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ตามที่โฆษณาไว้เลย
ผมลองใช้...การขับเคลื่อนชีวิตน้อยๆให้เจริญเติบโตด้วย ทัศนะคติเชิงบวก ดัดแปลง
จากบทความทางธุรกิจที่ฟังแล้ว...ขลัง ขลังมากๆ
พ่อ ใกล้ปีใหม่แล้วนะ เขาพูดขณะที่รถเรากำลังวิ่งลอดใต้สะพานลอยคนข้าม
แล้วไง ลูก ผมถามไป ขณะที่มีสิ่งที่น่าสนใจกว่าเคลื่อนไหวอยู่บนสะพาน
ใกล้ปีใหม่แล้วพ่อ ชีวิตเราก็จะเหลือเวลาน้อยลงไปอีกนะครับ
!!!!
ดูเหมือนว่า คุณลูกชายจะขับเคลื่อนชีวิตน้อยๆด้วย ทัศนะคติเชิงลบ หรือมีชื่อเรียกทาง
วิชาการว่า พวกน้ำครึ่งแก้ว (จะเป็นกาแฟครึ่งแก้ว เบียร์ครึ่งแก้ว หรือเหล้าครึ่งแก้ว อันนี้
ตามอัธยาศัย แต่อย่าลืม...กับแกล้ม เพื่อสุขภาพ)
เมื่อครั้งที่ยังอาศัยอยู่บ้านหลังเก่า... ในเมือง จำได้ว่ามีบึงน้ำใกล้ๆอยู่แห่งหนึ่ง เป็นบึงที่
เราได้ชักนำลูกชายวัยประมาณสามขวบเข้าสู่วงการ...ลอยกระทง เป็นครั้งแรกของชีวิต
เขาตื่นเต้นกับการทำกระทงอยู่หลายวัน ได้รู้จัก หยวกกล้วย กลีบกระทง ธูป เทียน เหรียญ
บาท ที่รวมตัวกันเป็นกระทง เสร็จแล้วก็ห่อหุ้มด้วยคำอธิฐาน ก่อนจะปล่อยให้ลอยออกไป
ตามแรงไหลของน้ำยามค่ำคืน ลอยออกไป... ลอยออกไป...
อุตสาห์ทำ ทิ้งไปทำไมละพ่อ เออ!! จริงของท่าน จะถามใครละเนี่ย!!
แต่ปัญหาจริงๆของคืนนั้นคือ พลุ พลุที่สร้างสีสันสวยงามให้ความมืด ในค่ำคืนพระ
จันทร์เต็มดวงแห่งวันกระทง
พ่อ แม่ กลับบ้านเถอะ ลูกชายกระซิบบอก หลังจากที่บรรดาวัยรุ่นและเด็กโตกว่า
เขาเริ่มจุดพลุ และดอกไม้ไฟ เสียงดังไปทั่วลำคลอง
ดูพลุ ดูดอกไม้ไฟสวยๆซิลูก คุณแม่ชี้ให้ดู
จะกลับบ้าน ลูกชายยืนยันพร้อมขายัน จะกลับบ้านให้ได้
ดูก่อนสิลูก สวยนะ เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อขนมด้วย ผมเริ่มใช้กลยุทธ์ เอาเงินฟาดหัว
ไม่ไม่ไม่ จะกลับบ้าน เร็วซิแม่ เสียงชักไม่ค่อยจะดีแล้ว ท่าทางจะหัวแข็งมาก
คุณแม่ สัมผัสได้ว่าลูกชายเริ่มตัวสั่นเทา เธอจึงรีบอุ้มขึ้นแนบตัว ผมได้เห็นความพยายามปลอบประโลม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ประผลสำเร็จ เริ่มมีการร้องไห้...เป็นเสียงของลูกชายแน่นอน
แต่ไม่กี่อึดใจผมก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ตรงกันข้าม.... อย่างสิ้นเชิง
เสียงสะอื้นหายไป
จริงหรือแม่ เสียงเล็กๆ กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
จริงๆลูก พ่อมาดูเร็ว มาดูกับลูกหน่อยซิ คุณแม่แสนสวยเรียกผมเข้าร่วมชะตากรรม
แบบใกล้ชิด ผมขยับตัว สวมวิญญาณไทยมุง (แม้จะเป็นลาวโดยกำเนิดเชียว)
พ่อดูซิ พ่อคิดว่าใครจะยิงจรวดถูกดวงจันทร์ก่อนกัน คุณแม่รีบหันมาถามผมด้วยเสียง
ที่ดังมาก เพื่อให้รับมุขและแข่งกับเสียงพลุที่ระเบิดเป็นระยะๆ ราวกับอยู่ในสงคราม
หนูเชียร์ลูกนั้น ลูกสีแดงๆนะพ่อ
ขอบคุณ คุณแม่แสนสวยมาก ถึงมากที่สุด ... อีกครั้ง
เรื่องราวคืนนั้น กลายเป็นบทเรียนเกี่ยวกับทัศนะคติที่ถูกผมนำมาใช้ประกอบการพูด
คุยเสมอๆ
เรามีสิทธิ์เลือกกรอบเลือกมุม...มอง ของแต่ละเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา
เพื่อให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า
ข่าวดี... เราเลือกได้ ที่จะขับเคลื่อนชีวิตด้วย ทัศนะคติเชิงบวก
ข่าวร้าย...เราไม่ใช่เด็ก ที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ เปลี่ยนกรอบ เปลี่ยนมุมกันง่ายๆ
แต่...ลองเป็นแบบเด็กดูบ้าง ชีวิตก็สนุกและมีความสุขดีนะ
แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 49 01:14:29
จากคุณ :
ใบไม้ในทางช้างเผือก
- [
23 ม.ค. 49 23:19:22
]