CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มหัศจรรย์คันฉ่องวิเศษ ( ตอนที่ 12 ) ..... วรรณกรรมเยาวชน โดย ด๋ง

    12



             เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงเปิดบานประตูไม้สักทองของห้องพระบรรทมนั้นออกมา ทรงพบว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่ทรงประทับยืนอยู่กับปุยฝ้ายและอำมาตย์
             " เกิดอะไรขึ้นหรือพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ เสด็จแม่ "
             พระเจ้ากรุงอโยธยาตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงเกรี้ยวกราดว่า
             " ยังจะมาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก "
             จากนั้นอำมาตย์จึงกราบทูลขึ้นว่า
             " ขอเดชะ ปุยฝ้ายเห็นปีศาจอยู่ในห้องพระบรรทมของฝ่าบาทพะย่ะค่ะ "
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งได้สดับดั่งนั้นก็ทรงขุ่นเคืองขึ้นโดยพลัน ทรงหันไปทำพระเนตรดุดันใส่ปุยฝ้ายคราหนึ่งจึ่งตรัสบริภาษเป็นการใหญ่
             " จะบ้าแล้วหรือ นี่เจ้าหาว่าเราเลี้ยงภูติผีปีศาจะเอาไว้ในห้องนอนกระนั้นฤา "
             " หามิได้เพคะฝ่าบาท แต่หม่อมฉันเห็น... "
             " พอที "
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัสจบทรงทำพระเนตรขวางใส่ จนปุยฝ้ายต้องเงียบลงไป จากนั้นจึงทรงหันมาทางพระเจ้ากรุงอโยธยาและพระมเหสี
             " วันนี้ลูกเหนื่อยมาก ขอทูลลา "
             " เดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน "
             พระเจ้ากรุงอโยธยาตรัสมิทันจบ บานประตูไม้สักทองทั้งสองก็ปิดเข้าหากันในทันใด

    - - - - - - - - -

             ภายในห้องพระบรรทม
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งเสด็จมายังม่านผืนนั้นอีกครา ชายคนดังกล่าวยังคงยืนอยู่ที่หลังม่าน เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงประทับนั่งลงบนพระเก้าอี้จึ่งตรัสว่า
             " ทำไมพวกเขาถึงชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเรานัก คราก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้ว กว่าจะบอกปัดไปได้เกือบเสียการ "
             " พวกเขาคงคิดว่าข้าเป็นปีศาจมาตามรังควาญท่านมั้ง "
             ชายผู้นั้นตอบ ซึ่งเจ้าฟ้าต้อยติ่งก็ตรัสขึ้น
             " นั่นนะสิ... เมื่อใดเราถึงจะร่ำเรียนคาถาเวทมนตร์นี้สำเร็จเสียที เราจะได้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ข้ามภพข้ามชาติข้ามมิติได้ดังที่ท่านว่า "
             " ถ้ามีคนมาคอยทำลายสมาธิของท่านอยู่เช่นนี้แล้ว การร่ำเรียนของท่านก็จะไม่ต่อเนื่อง ข้าว่าท่านควรจะเดินทางไปร่ำเรียนยังดินแดนของข้าจะดีกว่า "
             " ทำเช่นนั้นคงไม่ได้หรอก เสด็จพ่อต้องพิโรธอย่างแน่นอน แค่นี้ท่านก็ทรงไม่พอพระทัยมากแล้ว เราไม่อยากทำร้ายจิตใจเสด็จพ่อเสด็จแม่มากไปกว่านี้ "
             " พระเจ้ากรุงอโยธยากับพระมเหสีงตั้งความหวังกับท่านไว้สูงมาก "
             ชายผู้นั้นกล่าวจบ เจ้าฟ้าต้อยติ่งก็ทรงหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัสขึ้น
             " หยุดพูดเรื่องนี้ดีกว่า เรามาเรียนคาถาเวทมนตร์กันต่อเถอะ "
             " วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ท่านไม่มีสมาธิแล้ว ร่ำเรียนไปก็ไม่ได้ผลเท่าใดนัก "
             ชายผู้นั้นกล่าวจบ เจ้าฟ้าต้อยติ่งก็ทรงลุกขึ้นจากพระเก้าอี้พลางตรัส
             " เช่นนั้นก็ดี เพราะวันนี้เราก็รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน "
             " ความจริงที่ข้ามาวันนี้ มีเรื่องหนึ่งที่สงสัย "
             " มีเรื่องอันใดล่ะ ? "
             " ข้าอยากรู้เรื่องคันฉ่องวิเศษ "
             ชายผู้นั้นกล่าวจบ เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงชะงักคราหนึ่งจึงตรัส
             " ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ใครเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง "
             " อย่าถามมากเลย ข้าอยากรู้เรื่องคันฉ่องวิเศษนั่น "
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งเสด็จไปประทับบนพระแท่นบรรทมจึงตรัสว่า
             " คันฉ่องวิเศษเป็นของขวัญจากเทพเจ้าโกเมศ เทพเจ้าแห่งดอกบัว ที่ทรงประทานมาให้เนื่องในวันเกิดของเรา ประจวบเหมาะกับที่เวลานั้นมีปีศาจออกอาละวาดทางเหนือ เสด็จพ่อจึงทรงนำคันฉ่องวิเศษไปประดิษฐานไว้ที่นั่นเพื่อขับไล่ปีศาจ ครั้นเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง คันฉ่องวิเศษก็เลยอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งทางเหนือนั้น "
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัสจบ ชายผู้นั้นก็เงียบไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
             " ถ้าเช่นนั้น หากว่ามีปีศาจมาปรากฏที่กรุงอโยธยาแล้ว ก็อาจนำคันฉ่องกลับมานะสิ "
             " ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น "
             เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัสจบ ชายผู้นั้นก็หมุนตัวกลับหายวับไปในทันใด
             " อ้าว ! ท่าน... หายไปไหนแล้ว "

    - - - - - - - - -

             พระเจ้ากรุงอโยธยา ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าฟ้าต้อยติ่ง ทรงกำลังปรึกษาหารือเรื่องต่างๆอยู่กับอำมาตย์ในท้องพระโรง
             " เราจะทำเช่นไรกับลูกคนนี้ วันๆเอาแต่ท่องเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพรชมนกชมไม้ไปตามเรื่อง ไม่สนใจในงานบ้านงานเมือง อีกทั้งยังหมดมุ่นอยู่แต่เรื่องผีสางเทวดา เวทมนตร์คาถาประหลาดๆ ราวกับจะฝึกฝนตนเองเป็นพวกพ่อมดหมอผีกระนั้น "
             " เช่นนั้นข้าพระองค์เห็นควรว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทสมควรหาดวงพระฤกษ์อภิเษกสมรสองค์เจ้าฟ้าต้อยติ่งกับพระธิดาแห่งกรุงละโว้ "
             อำมาตย์กราบทูลจบ พระเจ้ากรุงอโยธยาก็ทรงยิ้มจึ่งตรัส
             " เราก็คิดเช่นเดียวกับท่าน ถ้าหากลูกต้อยติ่งได้อภิเษกสมรสเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างอาจจะกลับกลายเป็นดีขึ้นมาก็เป็นได้ "
             ตรัสจบทรงมองหามหาดเล็ก ก่อนจะตรัสอีกครา
             " จงร่างพระราชสาส์นไปว่าทางฝ่ายกรุงอโยธยาเรามีประสงค์จะขออภิเษกสมรสเจ้าฟ้าต้อยติ่งกับพระธิดาแห่งกรุงละโว้ เพื่อเชื่อมพระราชสัมพันธไมตรีแห่งสองอาณาจักรให้แน่นแฟ้นยืนยาวต่อไป "
             " พระเจ้าข้า "
             มหาดเล็กรับสนองพระราชบัญชาใส่เกล้าใส่กระหม่อมแล้วรีบไปดำเนินการตามพระราชประสงค์โดยพลัน
             ครู่หนึ่ง...
             พระมเหสีได้เสด็จพระราชดำเนินมาโดยมีปุยฝ้ายตามเสด็จมิได้ห่าง พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงเล่าให้พระมเหสีทรงทราบถึงพระราชประสงค์ที่จะทรงจัดการอภิเษกเจ้าฟ้าต้อยติ่งนั้น ซึ่งพระมเหสีก็ทรงดีพระทัยเป็นที่ยิ่งพลางตรัส
             " ประเสริฐนักเพคะ เสด็จพี่ หม่อมฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง ครานี้เห็นทีลูกต้อยติ่งคงรู้ผิดชอบยิ่งขึ้น "
             ฝ่ายปุยฝ้ายนั้นกลับกราบทูลขึ้นว่า
             " แล้วถ้าภายหลังทรงอภิเษกสมรสแล้วทรงประพฤติพระองค์เช่นเดิมอีกเล่าเพคะ "
             คำกราบทูลของปุยฝ้ายสร้างความกังวลพระทัยแก่พระมเหสีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า
             " จริงสิเพคะ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะทำเช่นไรกันต่อไป "
             พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงทอดพระเนตรออกไปยังเบื้องหน้าก่อนตรัสด้วยพระสุรเสียงเข้ม
             " ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เห็นทีเราคงจะต้องตัดออกจากพระราชวงศ์ "
             " หา.. !! "
             ทั้งหมดต่างตกตะลึงเป็นที่ยิ่ง ฝ่ายพระมเหสีทรงมีพระดำรัสลั่นโดยพลัน
             " ไม่ได้นะเพคะ เสด็จพี่ เรามีพระโอรสเพียงองค์เดียวเท่านั้น "
             " ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ "
             พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงยืนกรานหนักแน่น หากแต่อำมาตย์ได้กราบทูลทักท้วงว่า
             " ทรงโปรดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่อีกสักนิดเถิดพระเจ้าข้า ถ้าหากแม้นทรงหุนหันหักหาญกระทำการรุนแรงลงไป ทูลกระหม่อมต้อยติ่งอาจทรงเตลิดไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ แล้วเมื่อนั้นอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่ออาณาจักรสยามเราก็เป็นได้ "
             อำมาตย์กราบทูลจบครานั้น พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงมีพระดำริอยู่นานจึ่งตรัส
             " นึกไม่ถึงเลยว่า อาณาจักรสยามเราอยู่ยงมาเนิ่นนานมิเคยมีปีศาจมาอาละวาดก่อกวน สงสัยในครานี้เราคงจะต้องหาสิ่งปกป้องเพื่อไม่ให้อาณาจักรสยามต้องล่มสลายด้วยฝีมือปีศาจ "
             พระมเหสีทรงมีพระดำรัสตรัสถามว่า
             " แล้วจะทรงทำเช่นไรเพคะ "
             พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงหันมายังอำมาตย์จึ่งตรัสสั่ง
             " จงเดินทางไปยังเมืองเหนือ แล้วอัญเชิญคันฉ่องวิเศษลงมา เราจะจัดกระบวนเรือขึ้นไปรับระหว่างทาง "
             " พระเจ้าข้า "
             อำมาตย์สนองรับพระบัญชาโดยพลัน พระเจ้ากรุงอโยธยาตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงทรงพลังว่า
             " ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปีศาจที่ร้ายกาจสักเพียงใด เราก็จะปราบมันด้วยมือของเราเอง เพื่อปกป้องไม่ให้ลูกต้อยติ่งต้องตกไปเป็นทาสของมัน "


    จบบทที่ 12 โปรดติดตามต่อบทที่ 13

    จากคุณ : misterpolice - [ 24 ม.ค. 49 18:23:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป