สวัสดีค่ะ เพื่อนนักเขียนทุกคน
วันนี้ได้ฤกษ์ดีมาตั้งกระทู้พูดคุยกันในหมู่คนเขียนนิยายรัก ถือโอกาสตั้งกระทู้นี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะไม่ทราบว่าเป็นการถือวิสาสะเกินไปไหมที่มาตั้งกระทู้แบบนี้ แต่คิดว่าเราน่าจะมาทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที และคงจะดีไม่น้อยที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน (แต่รู้สึกว่าการตอบคำถามของก่องปิลันธน์ข้างล่างนี้มันเหมือนเป็นการสัมภาษณ์ตัวเองเลยแฮะ-*-) มาร่วมตอบคำถามกันดีกว่า
ทำไมคุณถึงอยากเป็นนักเขียนคะ?
อะไรเป็นแรงบันดาลใจงั้นหรือ?
แล้วเหตุใดจึงเลือกมาเขียนนิยายรัก?
นามปากกาของคุณมีที่มาอย่างไร?
พล็อตเรื่องของคุณเกิดขึ้นได้อย่างไร?
แล้วคุณได้อะไรจากการเป็นนักเขียน?
สุดท้าย..อยากฝากบอกอะไรให้กับเพื่อนนักเขียนบ้าง?
สำหรับก่องปิลันธน์...
คำถามแรก: สมัยเด็กเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ชอบขีดๆ เขียนๆทั้งเรียงความ บทความเรื่องสั้น บทกลอน แล้วมาจับนิยายเรื่องรักเธอ..เจอพลิกล็อคเป็นเรื่องแรก คนเราทุกคนมีฝัน...แต่จะมีสักกี่คนที่ทำตามความฝันของตนเอง เมื่อมีฝันอยากเป็นนักเขียนแล้วจึงคิดว่าควรมุ่งหน้าสู่ถนนสายนี้ค่ะ
สอง: แรงบันดาลใจจริงๆ เกิดขึ้นสมัยเรียนม.ปลาย มีโอกาสได้แต่งเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แล้วน้องสาวหยิบไปให้เพื่อนๆ เขาอ่าน ปรากฏว่าชอบกันใหญ่และบอกว่าสนุกมาก พวกเขาอยากให้แต่งเรื่องให้ได้อ่านอีก นั่นคงเป็นการจุดประกายให้เกิดแรงบันดาลใจ คิดว่าคงจะดีไม่น้อยหากเราได้ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ด้วยงานเขียน ตั้งแต่นั้น ก็บอกกับตัวเองว่าจะต้องเป็นนักเขียนให้ได้ค่ะ
สาม: สำหรับคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากนะ เหตุที่เลือกแนวรักนี่คงเป็นเพราะเป็นแนวที่ถนัดและเหมาะกับจินตนาการของตนเองมั้งคะ คิดว่าก้าวแรกของตนเองควรจะเริ่มจากโรมานซ์นี่แหละ ไว้มีฝีมือมากกว่านี้ค่อยหันไปจับแนวแฟนตาซีคงดีกว่า
สี่: ความจริงนามปากกาเดิมของก่องปิลันธน์คือ kagali แต่ที่เปลี่ยนเพราะคิดว่าอยากได้นามปากกาที่เป็นเอกลักษณ์ ตอนนั้นก็หามาหลายชื่อ แต่สุดท้ายตัดสินใจเลือก ก่องปิลันธน์ ซึ่งเป็นชื่อที่คุณแม่ช่วยคิดให้ นามปากกาอันนี้ฟังดูแปลกใช่ไหมคะ? ความจริงความหมายนั้นไพเราะมาก คำว่า ก่อง แปลว่า สว่างไสว งดงาม ส่วนปิลันธน์ แปลว่า เครื่องประดับ ดังนั้น ก่องปิลันธน์ จึงหมายถึง เครื่องประดับอันสว่างไสวงดงาม คิดว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ดีเหมือนกับช่วยสนับสนุนการเป็นนักเขียนของเราน่ะค่ะ
ห้า: เกิดจากการที่ความตั้งใจจะเป็นนักเขียนมันพุ่งดีกรีสูงจนล้น จู่ๆ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วมันก็ปิ๊งไอเดียขึ้นทันที แล้วพล็อตเรื่องก้อไหลออกมาไม่หยุด เหมือนสายธารแห่งความคิดน่ะค่ะ ส่วนหนึ่งนี้ประยุกต์มาจากชีวิตจริงด้วย
หก: สิ่งที่ได้ไม่ใช่เงินทองหรือลาภยศสรรเสริญ แต่มีค่ากว่านั้น การได้เป็นคนเขียนนิยายทำให้ตนเองค้นพบว่า สิ่งที่ทำให้เรายังพอมีความสุขเล็กๆ ท่ามกลางความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือการมอบความสุขให้ผู้อื่นโดยการถ่ายทอดผ่านตัวอักษรเรียงร้อยเป็นถ้อยคำถักทอเป็นเรื่องราวนั่นเอง..คิดว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์และมีค่ายิ่งในชีวิตที่เราสามารถทำให้คนอ่านหัวเราะ ร้องไห้ และยิ้มไปกับตัวอักษรของเราได้ ราวกับว่าเราได้สร้างให้ตัวอักษรมีชีวิตขึ้นมา..
เจ็ด: อยากฝากบอกให้เข้าไปอ่านนิยายของก่องปิลันธน์ (ล้อเล่นค่ะ^^) ความจริงแล้วเราทุกคนมีฝันเดียวกันและกำลังเดินเข้าสู่ถนนนักเขียนสายนี้ ไม่มีใครทราบว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แม้นเจออุปสรรคใดๆ จงท้อได้แต่อย่าถอยเด็ดขาด หากถอยเมื่อใดนั่นเท่ากับเราได้ทำลายความฝันของตนเองลงแล้ว เพราะฉะนั้น ขอให้ก้าวต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ แม้เรื่องของเราไม่ได้รับการนิยมหรือตีพิมพ์ แต่ก็จงถือว่าเราได้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะความสำเร็จอันแท้จริงของการเป็นนักเขียนคือ การมอบความสุขให้กับคนอ่านนั่นเอง..
สักวัน..ฉันจะเป็นนักเขียน
นักเขียน...ผู้มอบหัวใจให้ตัวอักษร
ตัวอักษรเหล่านี้อาจเป็นเพียงเศษขยะสำหรับใครบางคน..
แต่สำหรับบางคนมันคือชีวิต
ชีวิตมีเรื่องราวนับร้อยพัน....
และทุกชีวิตต้องดำเนินมาจนถึงจุดจบ
แต่ความภาคภูมิใจของนักเขียนคือ
ตัวอักษรที่เราสร้างไว้จะยังคงอยู่...
จะยังมีชีวิตอยู่...แม้นเราจะล่วงลับไปแล้ว.....ตลอดกาล
ฉันจะก้าวเท้าไปข้างหน้า..
เดินไปในถนนนักเขียนสายนี้
ฉันจะเรียงร้อยและถักทอสายธารแห่งอักษร...
ด้วยหนึ่งสมองและสองมือนี้...
เพื่อจะเป็นนักเขียนที่ดีได้...สักวัน
เป็นกำลังใจให้เพื่อนนักเขียน
" ก่องปิลันธน์ "
แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 49 09:53:00
แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 49 09:30:48
จากคุณ :
kagali
- [
25 ม.ค. 49 09:23:11
]