CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    + + + + ห้องใต้ดิน + + + + (เรื่องสั้นแนวสยองเล็กๆ)

    แก้วใบหนึ่งตกลงบนพื้นห้อง....

    เสียงของแข็งที่ตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆกรีดบาดหูของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ   เศษแก้วกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน   วจนีอุทานตกใจนิดหนึ่งแล้วหันรีหันขวางมองหาทางแก้ไข   ไม่คิดมาก่อนว่าเพียงแค่จะยกจานชามแก้วน้ำที่ไม่ได้ใช้นานแล้วลงมาเก็บในชั้นวางข้างล่างจะทำให้เธอต้องอยู่ในนี้นานกว่าที่คาดไว้   ที่จริงเธอไม่เคยรู้สึกอยากจะลงมาทำอะไรแม้แต่นิดในห้องอับทึมวังเวงนี้เลยด้วยซ้ำ

    หลอดไฟเก่าคร่ำคร่าแขวนเพดานจับฝุ่นอยู่กลางห้อง   แสงเพียงน้อยนิดและโดดเดี่ยวไม่สามารถต่อสู้ความมืดตามมุมต่างๆได้เลย   ถัดจากชั้นวางของเหล็กและกล่องใส่กระดาษใหญ่น้อยที่เรียงซ้อนกันถัดจากปลายเท้าของเธอไปไม่กี่ก้าวจึงมีแต่สีดำทมึนจนดูเหมือนจะหาขอบเขตของห้องไม่ได้เลย


    เมื่อแรกที่วจนีรับช่วงผ่อนบ้านหลังนี้จากธนาคาร   เธอบอกกับชิตผู้เป็นสามีว่าชอบบ้านหลังนี้มาก   ราคาที่ธนาคารประเมินถือว่าถูกเหมือนซื้อของเล่นเมื่อเทียบกับทำเลทองย่านชานเมืองแบบนี้   แม้ว่าเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของบ้านคนเก่ามากนักแต่เธอกับสามีก็ชื่นชอบห้องหับต่างๆที่ถูกตกแต่งเรียบร้อยสวยงาม  เตียงนอนกว้าง  ห้องครัวใหญ่  โถงบันไดสว่างไสว   มีเพียงสิ่งเดียวในบ้านที่หญิงสาวไม่ชอบคือห้องเก็บของใต้ดิน   ครั้งแรกที่เธอก้าวผ่านประตูเหล็กหนาหนักหลังโรงรถลงไปเห็นห้องสี่เหลี่ยมข้างล่างนั้น   วจนีก็บอกกับตัวเองทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะลงมาเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

    หลายครั้งเธอพยายามจะพูดกับชิตให้เห็นว่าห้องที่อยู่ลึกลงไปใต้เท้าของทั้งสองนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานและมีอยู่เลย   มันจะทำให้เธอสบายใจมากถ้าหากชิตจะให้ช่างมาโบกปูนปิดตายประตูทางลงนั้นเสีย   แต่ทุกครั้งชิตก็ยืนยันว่าห้องเก็บของนี้มีความจำเป็นต้องใช้   ว่าแล้วเขาก็ยืนยันด้วยการยกข้าวของที่นานๆครั้งจะมีโอกาสได้ใช้ลงไปเก็บในห้องข้างล่างโดยไม่สนใจอาการของวจนีที่ยืนมองและแทบจะกรีดร้องอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย   หลังจากนั้นทุกครั้งเวลาที่หญิงสาวจำเป็นต้องเดินผ่านทางลงไปยังชั้นใต้ดินเธอจะรู้สึกเหมือนว่าอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตูเหล็กบานนั้นกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่   แม้ว่าจะพยายามไม่คิดถึงและรีบเดินผ่านไปโดยเร็วที่สุด  แต่เสียงหัวเราะที่ทำให้เธอแทบเป็นบ้าก็ดูเหมือนจะยังก้องอยู่รอบบริเวณเสมอ  มาซี่....  นังหญิงไร้น้ำยา  เกลียดห้องใต้ดินนักหรือ  ปิดฉันให้ได้ซี่  เรียกสามีเธอมาปิดตายฉันเลย  ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ....

    ดูเหมือนชิตจะถูกใจห้องเก็บของใต้ดินนี้เหลือเกิน   ถูกใจจนกระทั่งระยะหลังๆเมื่อใดก็ตามที่เขาเครียดจากที่ทำงานกลับมาหรือทะเลาะกับเธอ   แทนที่เขาจะมาพูดคุยปรับทุกข์กับเธอหรือทำอะไรก็ได้สักอย่างให้จิตใจผ่อนคลายกลับกลายเป็นว่าเขาจะลงไปนั่งเงียบๆกับโซฟาที่ยกลงไปในห้องใต้ดินและปล่อยให้เธอเดินหาจนทั่ว   บางวันถึงกับลงไปนอนเล่นนานค่อนวันทีเดียว   ปากบอกเหตุผลว่าในนั้นเย็นสบายและเงียบสงบดีเหลือเกิน   ด้วยเหตุนี้วจนีจึงทะเลาะกับเขาแทบทุกวัน

    ดูๆไปก็เป็นเพียงเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวที่เกิดจากความชอบและไม่ชอบที่แตกต่างกันเท่านั้น   แต่เมื่อวจนีสะสมความเครียดมาเป็นแรมปี   เธอก็ตัดสินใจว่าอย่างไรก็ต้องคุยกับสามีให้รู้เรื่องแม้ว่าเธอเองก็บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่อยากให้มีห้องใต้ดินนั้นในบ้านของเธอ   วจนีสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วเปิดประตูเหล็กลงไปยังชั้นใต้ดินเรียกชื่อเขา   แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ   แต่เธอรู้โดยความเคยชินว่าเขาอยู่ในนั้น   และเธอก็ได้เห็นชิตอยู่ที่นั่นจริงๆ   ร่างของชิตลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ   เกลียวเชือกบนท้ายทอยขมวดเป็นปมแน่น   เสียงของชีวิตเขาเงียบพอๆกับเสียงเงียบในห้องสี่เหลี่ยมนั้น

    ชิตผูกคอตาย.....


    ตำรวจสรุปสาเหตุเบื้องต้นว่าน่าจะเกิดจากความเครียดในสถานที่ทำงาน   ญาติๆต่างเข้ามาช่วยจัดงานศพอย่างพร้อมหน้าและคอยอยู่เป็นเพื่อนกับวจนีเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น   แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าสักวันอีกไม่นานเธอก็ต้องอยู่คนเดียว   นอกจากชิตแล้วก็ไม่มีญาติคนไหนที่จะอยู่กับเธอได้ตลอดไป

    หลังจากที่สามีของเธอเหลือแต่เพียงเถ้ากระดูก   พี่น้องของเธอแนะนำให้จัดทำบุญที่บ้าน   แต่หญิงสาวซึ่งยังไม่อยากทำใจเชื่อว่าได้สูญเสียสามีไปแล้วขอผัดผ่อนไปไม่มีกำหนดจนกว่าจะทำใจได้   เพราะเธอรู้ว่าการทำบุญให้ชิตมีหมายความเท่ากับยอมรับการตายของเขา   ญาติๆไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่โอนอ่อนตามใจเธอไปก่อน

    เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า   ญาติที่เคยมานอนค้างอ้างแรมในช่วงแรกเริ่มกลับไปประกอบกิจของแต่ละคน   วจนีแขวนรูปถ่ายกรอบใหญ่ของชิตบนฝาผนังห้องพระแล้วนั่งมองอย่างปวดร้าว   แม้ในที่สุดจะต้องยอมรับว่าเขาจากเธอไปแล้วจริงๆ     แต่ในบ้านยังมีร่องรอยของชีวิตคู่ในวันวานเสมอ  ในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อกางเกงของเขา  ในตู้กับข้าวมีจานชามชุดที่เขาชอบ  มีหนังสือที่เขาหยิบอ่านให้เห็นเสมอวางไว้ทั่วบ้าน  ในบ้านนี้ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่ชิตยังมีชีวิตอยู่เลย   เพื่อนคนหนึ่งของวจนีบอกเธอว่าเธอควรจะเก็บข้าวของของสามีที่ล่วงลับให้หมด  อย่าให้ภาพเก่าๆกลับมารบกวนวิถีชีวิตของเธอต่อจากนี้ได้อีก   แม้จะยากลำบากสักนิดในช่วงแรกที่ต้องทำใจขนย้ายของเหล่านั้น   แต่จะเป็นผลดีในระยะยาวแก่ตัวเธอเอง   ซึ่งวจนีก็เห็นด้วย

    หญิงสาวลางานสองวัน   หาชุดเก่าที่เปื้อนก็ไม่เสียดายมาใส่   เตรียมถุงดำกับผ้าเช็ดฝุ่นไว้เสร็จสรรพก็ลงมือขนย้ายของทันที   สองมือพับเสื้อผ้าของชิตวางเรียงในถุงดำ   มัดปากถุงมิดชิดเรียบร้อยก็ขนมาวางที่สนามหญ้า   สักพักหนึ่งก็ตามมาด้วยถุงดำจากในครัว  ในห้องน้ำ  ห้องรับแขก  ห้องอ่านหนังสือ   วจนีวางถุงสุดท้ายและนั่งลงหมดแรงเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มยามเย็น   ตอนแรกคิดแต่ว่ารวบรวมของมากองไว้ก่อน   รอเช้าวันถัดไปมีรถรับซื้อของเก่าผ่านมาก็จะฝากไปด้วย   แต่เมื่อได้ยินเสียงครืนคำรามของเมฆฝนและเงยหน้าขึ้นไปเห็นปุยนุ่นสีเทาหม่นบนท้องฟ้าแล้วเธอก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักถ้าจะปล่อยให้ถุงเหล่านี้ต้องตากฝนตลอดทั้งคืน   อย่างไรเสียนี่ก็เป็นของสามีที่เธอรัก

    กำลังหันซ้ายหันขวาว่าจะทำอย่างไรต่อไป   สายตาก็เหลือบมองไปทางโรงรถพอดี   ประตูเหล็กบานนั้นทำให้เธอทั้งดีใจทั้งลังเล   แม้จะเป็นที่เก็บของที่เหมาะสมที่สุดแล้วแต่ก็ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะต้องลงไปยังสถานที่แบบนั้นอีก   เวลานี้ห้องใต้ดินไม่ใช่แค่บริเวณที่เธอเกลียดอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ยังเป็นที่ที่เธอกลัวอีกด้วย

    วจนียืนรวบรวมความกล้าอยู่นานหน้าประตูเหล็กบานนั้นก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยๆผลักมันเข้าไป   เสียงแอดจากความฝืดช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงของเธอมากขึ้นขณะกำลังค่อยๆก้าวลงไปชั้นล่างอันเงียบเชียบ   ในที่สุดเธอก็มายืนอยู่กลางห้องใต้ดินอันวังเวงนั้น   อากาศมีกลิ่นอับและเย็นจนชวนขนลุก   หลอดไฟกลมดวงเล็กยังคงทำหน้าที่เท่าที่ความสามารถอันน้อยนิดของมันจะพอทำได้   วจนีก้มหน้ารีบยกถุงดำสองถุงในมือขึ้นวางบนหิ้งแล้วรีบหันหลังกลับวิ่งขึ้นบันไดออกมานอกห้อง   รู้สึกหัวใจเต้นแรงและมือสั่นอย่างไม่เคยแป็นมาก่อน   ดูเหมือนเวลาจะไม่คอยเธอเลย   เพราะหลังจากที่หญิงสาวออกมายืนหอบพักบนโรงรถ  เมฆฝนก็ตั้งเค้าเตรียมจะตกในอีกไม่ช้านี้แล้ว   เธอจึงต้องลืมความเกลียดกลัวนี้ไปก่อนแล้วรีบยกถุงดำวิ่งขึ้นลงผ่านประตูเหล็กอยู่หลายรอบ   ฝนเริ่มเทลงมาตอนที่เธอกำลังยกถุงจานชามผ่านประตูเหล็กจะลงบันไดไป   ฝีเท้าของเธอจึงต้องเร็วขึ้นอีกเท่าตัว   ถุงเสื้อผ้าของชิตอีกหลายถุงยังวางอยู่ในสวนและกำลังจะเปียก   แต่เพียงแค่กำลังรีบยกถุงจานชามตะแคงเก็บที่ชั้นวางอยู่ก็ปรากฏว่าปากถุงที่มัดไม่แน่นได้คลายตัวออก   แก้วน้ำใบหนึ่งหลุดออกจากปากถุงหล่นลงพื้นแตกกระจาย

    แก้วใบนั้นเป็นแก้วใบที่ชิตโปรดปรานที่สุด.....

    เสียงของแข็งที่ตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆกรีดบาดทั้งหูและใจของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ   เศษแก้วกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน   วจนีอุทานตกใจนิดหนึ่งแล้วหันรีหันขวางมองหาทางแก้ไข   ไม่คิดมาก่อนว่าเพียงแค่จะยกแก้วน้ำที่ไม่ได้ใช้นานแล้วลงมาเก็บในชั้นวางข้างล่างจะทำให้เธอต้องอยู่ในนี้นานกว่าที่คาดไว้  

    กำลังสบถด่าความซุ่มซ่ามตัวเองเบาๆขณะก้มลงใช้กระดาษแข็งช่วยกอบเศษแก้วมารวมกันที่กลางห้องเพื่อรอตักไปทิ้งอยู่นั้น   อยู่ๆเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว   รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านไปด้านข้าง   พยายามเงยหน้าขึ้นมองไปรอบตัวก็เห็นแต่ความเงียบและความว่างเปล่า  แต่เมื่อจะก้มลงไปเก็บกวาดเศษแก้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม   มีอะไรบางอย่างอยู่กับเธอในห้องใต้ดินมืดๆนี้

    หญิงสาวตัวสั่นด้วยความกลัว   ความหวาดระแวงจากสายตาที่กวาดไปยังมุมมืดต่างๆของห้องสะดุดเข้ากับเงาร่างหนึ่งตรงหน้า   เท่านั้นเองวจนีก็ตกใจจนแทบคุมสติไม่อยู่   เงาร่างของชิตยืนอยู่ห่างไปตรงหน้าเธอไม่ถึงวา   และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอช้าๆ   จนเข้ามาใกล้ในระดับที่จมูกเริ่มได้กลิ่นสาปสางวจนีจึงเริ่มรวบรวมสติที่มีเหลือเพียงน้อยนิดถัดตัวถอยหลังหนีออกไป   แต่เพียงไม่กี่ครั้งก็พบว่าหลังตัวเองติดกำแพงเสียแล้ว   ตอนนั้นเองที่หญิงสาวเห็นสามีของตัวเองขยับริมฝีปากเขียวคล้ำเหมือนจะพูดอะไรในความเงียบ   แม้จะไม่มีเสียงอะไรแต่เธอกลับได้ยินเหมือนชิตกำลังพูดอยู่ในหูของเธอนี่เอง   มาอยู่กับฉันไหม.....ที่นี่สนุกเหลือเกิน

    จบคำของชิต  เบื้องหลังร่างโปร่งแสงของเขาก็มีเงาร่างของชายหญิงอีกคู่ตามมาให้เห็น   ชิตบอกเธอว่านี่คือลุงน้อยและป้าแก้วเจ้าของบ้านคนก่อน   ทั้งคู่กินยาตายในห้องใต้ดินนี้ทั้งที่ยังผ่อนบ้านไม่หมดจนบ้านนี้ตกทอดผ่านธนาคารเจ้าของเงินกู้มาถึงเรา   ฉันเพิ่งได้เห็นแกทั้งสองคนตอนลงมาเก็บของเมื่อไม่กี่เดือนก่อน   จนลุงกับป้าชวนมาอยู่ด้วยฉันถึงผูกคอ   เธอลงมาที่นี่ก็ดีแล้ว   อยากมาอยู่กับพวกเราใช่ไหม   อยู่ที่นี่กับพวกเราเถอะ  

    เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นของวจนีว่าเกิดจากการฆ่าตัวตายเพราะตรอมใจตามสามี   เศษเก้วคมที่บาดข้อมือของเธอโดยตั้งใจยังอยู่ในมือเมื่อตำรวจเข้าไปถึง   ไม่มีร่องรอยการต่อสู้   เพื่อนบ้านให้การว่าทุกอย่างในวันเกิดเหตุเงียบสงบและไม่มีคนแปลกหน้าผ่านมาเลย   จากนั้นทุกคนก็ปิดปากเงียบ   บ้านถูกปล่อยร้างอยู่หลายเดือนพร้อมกับค่างวดผ่อนที่ยังเหลืออีกหลักล้าน   ไม่นานนักก็มีช่างมาตกแต่งบ้านใหม่   เจ้าหน้าที่ธนาคารพาคู่สามีภรรยาอีกคู่มาดูตัวบ้าน   ดูท่าทางทั้งสองคนจะชอบใจกับความสวย  ทำเล  และราคาผ่อนที่เหลือเหลือเกินจนอดสงสัยถามไม่ได้ว่าทำไมเจ้าของรายเก่าย้ายออกไปไหนเสียสองครั้ง   แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารรีบกลบเกลื่อนด้วยการชี้ชวนความสวยงามของบ้านและราคาที่ไม่แพงแทน

    “อุทิศคะ  ฉันชอบบ้านนี้จังเลย”

     “ผมต้องเริ่มวางมัดจำเมื่อไหร่”

    “ดูสิคะ  มีห้องใต้ดินที่โรงรถด้วย”

     “ดีจ้ะ  เราจะได้ใช้เก็บของกัน”

    คู่แต่งงานใหม่ทั้งสองมองไปยังตัวบ้านสีขาวที่หมายมั่นจะให้เป็นเรือนหอของตัวเองอย่างมีความสุข   ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจที่เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระซิบบอกข้างหูเบาๆว่าบ้านหลังนี้ก็ยินดีต้อนรับเขาและเธอเช่นกัน
    ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะออกมาจากประตูเหล็กห้องใต้ดินนั้นเอง.....
                   
    (27 สค – 24 กย 48)

    จากคุณ : ธามาดา - [ 26 ม.ค. 49 20:13:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป