แก้วใบหนึ่งตกลงบนพื้นห้อง....
เสียงของแข็งที่ตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆกรีดบาดหูของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ เศษแก้วกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน วจนีอุทานตกใจนิดหนึ่งแล้วหันรีหันขวางมองหาทางแก้ไข ไม่คิดมาก่อนว่าเพียงแค่จะยกจานชามแก้วน้ำที่ไม่ได้ใช้นานแล้วลงมาเก็บในชั้นวางข้างล่างจะทำให้เธอต้องอยู่ในนี้นานกว่าที่คาดไว้ ที่จริงเธอไม่เคยรู้สึกอยากจะลงมาทำอะไรแม้แต่นิดในห้องอับทึมวังเวงนี้เลยด้วยซ้ำ
หลอดไฟเก่าคร่ำคร่าแขวนเพดานจับฝุ่นอยู่กลางห้อง แสงเพียงน้อยนิดและโดดเดี่ยวไม่สามารถต่อสู้ความมืดตามมุมต่างๆได้เลย ถัดจากชั้นวางของเหล็กและกล่องใส่กระดาษใหญ่น้อยที่เรียงซ้อนกันถัดจากปลายเท้าของเธอไปไม่กี่ก้าวจึงมีแต่สีดำทมึนจนดูเหมือนจะหาขอบเขตของห้องไม่ได้เลย
เมื่อแรกที่วจนีรับช่วงผ่อนบ้านหลังนี้จากธนาคาร เธอบอกกับชิตผู้เป็นสามีว่าชอบบ้านหลังนี้มาก ราคาที่ธนาคารประเมินถือว่าถูกเหมือนซื้อของเล่นเมื่อเทียบกับทำเลทองย่านชานเมืองแบบนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของบ้านคนเก่ามากนักแต่เธอกับสามีก็ชื่นชอบห้องหับต่างๆที่ถูกตกแต่งเรียบร้อยสวยงาม เตียงนอนกว้าง ห้องครัวใหญ่ โถงบันไดสว่างไสว มีเพียงสิ่งเดียวในบ้านที่หญิงสาวไม่ชอบคือห้องเก็บของใต้ดิน ครั้งแรกที่เธอก้าวผ่านประตูเหล็กหนาหนักหลังโรงรถลงไปเห็นห้องสี่เหลี่ยมข้างล่างนั้น วจนีก็บอกกับตัวเองทันทีว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะลงมาเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
หลายครั้งเธอพยายามจะพูดกับชิตให้เห็นว่าห้องที่อยู่ลึกลงไปใต้เท้าของทั้งสองนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานและมีอยู่เลย มันจะทำให้เธอสบายใจมากถ้าหากชิตจะให้ช่างมาโบกปูนปิดตายประตูทางลงนั้นเสีย แต่ทุกครั้งชิตก็ยืนยันว่าห้องเก็บของนี้มีความจำเป็นต้องใช้ ว่าแล้วเขาก็ยืนยันด้วยการยกข้าวของที่นานๆครั้งจะมีโอกาสได้ใช้ลงไปเก็บในห้องข้างล่างโดยไม่สนใจอาการของวจนีที่ยืนมองและแทบจะกรีดร้องอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นทุกครั้งเวลาที่หญิงสาวจำเป็นต้องเดินผ่านทางลงไปยังชั้นใต้ดินเธอจะรู้สึกเหมือนว่าอะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตูเหล็กบานนั้นกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ แม้ว่าจะพยายามไม่คิดถึงและรีบเดินผ่านไปโดยเร็วที่สุด แต่เสียงหัวเราะที่ทำให้เธอแทบเป็นบ้าก็ดูเหมือนจะยังก้องอยู่รอบบริเวณเสมอ มาซี่.... นังหญิงไร้น้ำยา เกลียดห้องใต้ดินนักหรือ ปิดฉันให้ได้ซี่ เรียกสามีเธอมาปิดตายฉันเลย ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ....
ดูเหมือนชิตจะถูกใจห้องเก็บของใต้ดินนี้เหลือเกิน ถูกใจจนกระทั่งระยะหลังๆเมื่อใดก็ตามที่เขาเครียดจากที่ทำงานกลับมาหรือทะเลาะกับเธอ แทนที่เขาจะมาพูดคุยปรับทุกข์กับเธอหรือทำอะไรก็ได้สักอย่างให้จิตใจผ่อนคลายกลับกลายเป็นว่าเขาจะลงไปนั่งเงียบๆกับโซฟาที่ยกลงไปในห้องใต้ดินและปล่อยให้เธอเดินหาจนทั่ว บางวันถึงกับลงไปนอนเล่นนานค่อนวันทีเดียว ปากบอกเหตุผลว่าในนั้นเย็นสบายและเงียบสงบดีเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้วจนีจึงทะเลาะกับเขาแทบทุกวัน
ดูๆไปก็เป็นเพียงเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวที่เกิดจากความชอบและไม่ชอบที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่เมื่อวจนีสะสมความเครียดมาเป็นแรมปี เธอก็ตัดสินใจว่าอย่างไรก็ต้องคุยกับสามีให้รู้เรื่องแม้ว่าเธอเองก็บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่อยากให้มีห้องใต้ดินนั้นในบ้านของเธอ วจนีสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วเปิดประตูเหล็กลงไปยังชั้นใต้ดินเรียกชื่อเขา แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ แต่เธอรู้โดยความเคยชินว่าเขาอยู่ในนั้น และเธอก็ได้เห็นชิตอยู่ที่นั่นจริงๆ ร่างของชิตลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เกลียวเชือกบนท้ายทอยขมวดเป็นปมแน่น เสียงของชีวิตเขาเงียบพอๆกับเสียงเงียบในห้องสี่เหลี่ยมนั้น
ชิตผูกคอตาย.....
ตำรวจสรุปสาเหตุเบื้องต้นว่าน่าจะเกิดจากความเครียดในสถานที่ทำงาน ญาติๆต่างเข้ามาช่วยจัดงานศพอย่างพร้อมหน้าและคอยอยู่เป็นเพื่อนกับวจนีเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าสักวันอีกไม่นานเธอก็ต้องอยู่คนเดียว นอกจากชิตแล้วก็ไม่มีญาติคนไหนที่จะอยู่กับเธอได้ตลอดไป
หลังจากที่สามีของเธอเหลือแต่เพียงเถ้ากระดูก พี่น้องของเธอแนะนำให้จัดทำบุญที่บ้าน แต่หญิงสาวซึ่งยังไม่อยากทำใจเชื่อว่าได้สูญเสียสามีไปแล้วขอผัดผ่อนไปไม่มีกำหนดจนกว่าจะทำใจได้ เพราะเธอรู้ว่าการทำบุญให้ชิตมีหมายความเท่ากับยอมรับการตายของเขา ญาติๆไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่โอนอ่อนตามใจเธอไปก่อน
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ญาติที่เคยมานอนค้างอ้างแรมในช่วงแรกเริ่มกลับไปประกอบกิจของแต่ละคน วจนีแขวนรูปถ่ายกรอบใหญ่ของชิตบนฝาผนังห้องพระแล้วนั่งมองอย่างปวดร้าว แม้ในที่สุดจะต้องยอมรับว่าเขาจากเธอไปแล้วจริงๆ แต่ในบ้านยังมีร่องรอยของชีวิตคู่ในวันวานเสมอ ในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อกางเกงของเขา ในตู้กับข้าวมีจานชามชุดที่เขาชอบ มีหนังสือที่เขาหยิบอ่านให้เห็นเสมอวางไว้ทั่วบ้าน ในบ้านนี้ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่ชิตยังมีชีวิตอยู่เลย เพื่อนคนหนึ่งของวจนีบอกเธอว่าเธอควรจะเก็บข้าวของของสามีที่ล่วงลับให้หมด อย่าให้ภาพเก่าๆกลับมารบกวนวิถีชีวิตของเธอต่อจากนี้ได้อีก แม้จะยากลำบากสักนิดในช่วงแรกที่ต้องทำใจขนย้ายของเหล่านั้น แต่จะเป็นผลดีในระยะยาวแก่ตัวเธอเอง ซึ่งวจนีก็เห็นด้วย
หญิงสาวลางานสองวัน หาชุดเก่าที่เปื้อนก็ไม่เสียดายมาใส่ เตรียมถุงดำกับผ้าเช็ดฝุ่นไว้เสร็จสรรพก็ลงมือขนย้ายของทันที สองมือพับเสื้อผ้าของชิตวางเรียงในถุงดำ มัดปากถุงมิดชิดเรียบร้อยก็ขนมาวางที่สนามหญ้า สักพักหนึ่งก็ตามมาด้วยถุงดำจากในครัว ในห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องอ่านหนังสือ วจนีวางถุงสุดท้ายและนั่งลงหมดแรงเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มยามเย็น ตอนแรกคิดแต่ว่ารวบรวมของมากองไว้ก่อน รอเช้าวันถัดไปมีรถรับซื้อของเก่าผ่านมาก็จะฝากไปด้วย แต่เมื่อได้ยินเสียงครืนคำรามของเมฆฝนและเงยหน้าขึ้นไปเห็นปุยนุ่นสีเทาหม่นบนท้องฟ้าแล้วเธอก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักถ้าจะปล่อยให้ถุงเหล่านี้ต้องตากฝนตลอดทั้งคืน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นของสามีที่เธอรัก
กำลังหันซ้ายหันขวาว่าจะทำอย่างไรต่อไป สายตาก็เหลือบมองไปทางโรงรถพอดี ประตูเหล็กบานนั้นทำให้เธอทั้งดีใจทั้งลังเล แม้จะเป็นที่เก็บของที่เหมาะสมที่สุดแล้วแต่ก็ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะต้องลงไปยังสถานที่แบบนั้นอีก เวลานี้ห้องใต้ดินไม่ใช่แค่บริเวณที่เธอเกลียดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่เธอกลัวอีกด้วย
วจนียืนรวบรวมความกล้าอยู่นานหน้าประตูเหล็กบานนั้นก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยๆผลักมันเข้าไป เสียงแอดจากความฝืดช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงของเธอมากขึ้นขณะกำลังค่อยๆก้าวลงไปชั้นล่างอันเงียบเชียบ ในที่สุดเธอก็มายืนอยู่กลางห้องใต้ดินอันวังเวงนั้น อากาศมีกลิ่นอับและเย็นจนชวนขนลุก หลอดไฟกลมดวงเล็กยังคงทำหน้าที่เท่าที่ความสามารถอันน้อยนิดของมันจะพอทำได้ วจนีก้มหน้ารีบยกถุงดำสองถุงในมือขึ้นวางบนหิ้งแล้วรีบหันหลังกลับวิ่งขึ้นบันไดออกมานอกห้อง รู้สึกหัวใจเต้นแรงและมือสั่นอย่างไม่เคยแป็นมาก่อน ดูเหมือนเวลาจะไม่คอยเธอเลย เพราะหลังจากที่หญิงสาวออกมายืนหอบพักบนโรงรถ เมฆฝนก็ตั้งเค้าเตรียมจะตกในอีกไม่ช้านี้แล้ว เธอจึงต้องลืมความเกลียดกลัวนี้ไปก่อนแล้วรีบยกถุงดำวิ่งขึ้นลงผ่านประตูเหล็กอยู่หลายรอบ ฝนเริ่มเทลงมาตอนที่เธอกำลังยกถุงจานชามผ่านประตูเหล็กจะลงบันไดไป ฝีเท้าของเธอจึงต้องเร็วขึ้นอีกเท่าตัว ถุงเสื้อผ้าของชิตอีกหลายถุงยังวางอยู่ในสวนและกำลังจะเปียก แต่เพียงแค่กำลังรีบยกถุงจานชามตะแคงเก็บที่ชั้นวางอยู่ก็ปรากฏว่าปากถุงที่มัดไม่แน่นได้คลายตัวออก แก้วน้ำใบหนึ่งหลุดออกจากปากถุงหล่นลงพื้นแตกกระจาย
แก้วใบนั้นเป็นแก้วใบที่ชิตโปรดปรานที่สุด.....
เสียงของแข็งที่ตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆกรีดบาดทั้งหูและใจของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของ เศษแก้วกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน วจนีอุทานตกใจนิดหนึ่งแล้วหันรีหันขวางมองหาทางแก้ไข ไม่คิดมาก่อนว่าเพียงแค่จะยกแก้วน้ำที่ไม่ได้ใช้นานแล้วลงมาเก็บในชั้นวางข้างล่างจะทำให้เธอต้องอยู่ในนี้นานกว่าที่คาดไว้
กำลังสบถด่าความซุ่มซ่ามตัวเองเบาๆขณะก้มลงใช้กระดาษแข็งช่วยกอบเศษแก้วมารวมกันที่กลางห้องเพื่อรอตักไปทิ้งอยู่นั้น อยู่ๆเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านไปด้านข้าง พยายามเงยหน้าขึ้นมองไปรอบตัวก็เห็นแต่ความเงียบและความว่างเปล่า แต่เมื่อจะก้มลงไปเก็บกวาดเศษแก้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม มีอะไรบางอย่างอยู่กับเธอในห้องใต้ดินมืดๆนี้
หญิงสาวตัวสั่นด้วยความกลัว ความหวาดระแวงจากสายตาที่กวาดไปยังมุมมืดต่างๆของห้องสะดุดเข้ากับเงาร่างหนึ่งตรงหน้า เท่านั้นเองวจนีก็ตกใจจนแทบคุมสติไม่อยู่ เงาร่างของชิตยืนอยู่ห่างไปตรงหน้าเธอไม่ถึงวา และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เธอช้าๆ จนเข้ามาใกล้ในระดับที่จมูกเริ่มได้กลิ่นสาปสางวจนีจึงเริ่มรวบรวมสติที่มีเหลือเพียงน้อยนิดถัดตัวถอยหลังหนีออกไป แต่เพียงไม่กี่ครั้งก็พบว่าหลังตัวเองติดกำแพงเสียแล้ว ตอนนั้นเองที่หญิงสาวเห็นสามีของตัวเองขยับริมฝีปากเขียวคล้ำเหมือนจะพูดอะไรในความเงียบ แม้จะไม่มีเสียงอะไรแต่เธอกลับได้ยินเหมือนชิตกำลังพูดอยู่ในหูของเธอนี่เอง มาอยู่กับฉันไหม.....ที่นี่สนุกเหลือเกิน
จบคำของชิต เบื้องหลังร่างโปร่งแสงของเขาก็มีเงาร่างของชายหญิงอีกคู่ตามมาให้เห็น ชิตบอกเธอว่านี่คือลุงน้อยและป้าแก้วเจ้าของบ้านคนก่อน ทั้งคู่กินยาตายในห้องใต้ดินนี้ทั้งที่ยังผ่อนบ้านไม่หมดจนบ้านนี้ตกทอดผ่านธนาคารเจ้าของเงินกู้มาถึงเรา ฉันเพิ่งได้เห็นแกทั้งสองคนตอนลงมาเก็บของเมื่อไม่กี่เดือนก่อน จนลุงกับป้าชวนมาอยู่ด้วยฉันถึงผูกคอ เธอลงมาที่นี่ก็ดีแล้ว อยากมาอยู่กับพวกเราใช่ไหม อยู่ที่นี่กับพวกเราเถอะ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นของวจนีว่าเกิดจากการฆ่าตัวตายเพราะตรอมใจตามสามี เศษเก้วคมที่บาดข้อมือของเธอโดยตั้งใจยังอยู่ในมือเมื่อตำรวจเข้าไปถึง ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เพื่อนบ้านให้การว่าทุกอย่างในวันเกิดเหตุเงียบสงบและไม่มีคนแปลกหน้าผ่านมาเลย จากนั้นทุกคนก็ปิดปากเงียบ บ้านถูกปล่อยร้างอยู่หลายเดือนพร้อมกับค่างวดผ่อนที่ยังเหลืออีกหลักล้าน ไม่นานนักก็มีช่างมาตกแต่งบ้านใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคารพาคู่สามีภรรยาอีกคู่มาดูตัวบ้าน ดูท่าทางทั้งสองคนจะชอบใจกับความสวย ทำเล และราคาผ่อนที่เหลือเหลือเกินจนอดสงสัยถามไม่ได้ว่าทำไมเจ้าของรายเก่าย้ายออกไปไหนเสียสองครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารรีบกลบเกลื่อนด้วยการชี้ชวนความสวยงามของบ้านและราคาที่ไม่แพงแทน
อุทิศคะ ฉันชอบบ้านนี้จังเลย
ผมต้องเริ่มวางมัดจำเมื่อไหร่
ดูสิคะ มีห้องใต้ดินที่โรงรถด้วย
ดีจ้ะ เราจะได้ใช้เก็บของกัน
คู่แต่งงานใหม่ทั้งสองมองไปยังตัวบ้านสีขาวที่หมายมั่นจะให้เป็นเรือนหอของตัวเองอย่างมีความสุข ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจที่เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระซิบบอกข้างหูเบาๆว่าบ้านหลังนี้ก็ยินดีต้อนรับเขาและเธอเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะออกมาจากประตูเหล็กห้องใต้ดินนั้นเอง.....
(27 สค 24 กย 48)
จากคุณ :
ธามาดา
- [
26 ม.ค. 49 20:13:42
]