CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องเล่าของสมเด็จโต (๓) (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

    เรื่องเล่าของสมเด็จโต (๓)


    ประวัติของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม จากหนังสืออนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์เทพ สาริกบุตร เมื่อ ๙ มกราคม ๒๕๓๗ โดย มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา มีความว่า

    นางงุดมารดา และนายผลผู้เป็นตา นางลาผู้เป็นยาย เป็นชาวกำแพงเพชร ในรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้พากันลงเรือบรรทุกสินค้าทางเหนือมาขายที่บางขุนพรหม  โดยอาศัยจอดเรืออยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้านนายทองนางเพียน ซึ่งเป็นชาวเหนือด้วยกัน

    ขายของหมดแล้วก็ซื้อของทางใต้กลับไปขายเมืองเหนือ ตั้งแต่นครสวรรค์ขึ้นไปจนถึงกำแพงเพชร เมื่อมีเงินทองพอสมควรจึงปลูกบ้านเป็นเรือนแพสองหลัง แลซื้อที่ดินเหนือบ้านนายทองขึ้นไปสักสี่วาเศษ ปลูกโรงขึ้นเพื่อเป็นที่พักและเก็บสิ่งของที่เป็นสินค้า จะได้ขนไปค้าขายโดยสะดวก

    ขณะนั้นนางงุดได้มีครรภ์อยู่ เมื่อครบกำหนดคลอด ท่านได้บรรยายไว้ว่า

    นางงุดปั่นป่วนครรภ์เป็นสำคัญ รู้กันว่าจะคลอดบุตร จึงจัดแจงห้องนางงุดให้เป็นที่คลอดบุตรโดยฉับไว บนเรือนที่ปลูกใหม่บางขุนพรหมนั้น ครั้นได้ฤกษ์งามยามดี นางงุดก็คลอดบุตรเป็นชายพีลำสัน หมู่ญาติมิตรก็ได้มาพร้อมกัน ช่วยอภิบาลบำรุงรักษาพยาบาล ฯ

    วาระนั้นเป็นปลายรัชสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี มารดาก็ตั้งชื่อทารกว่าหนูโต มีรูปลักษณะพิเศษคือ กระดูกแขนเป็นท่อนเดียว และมีปานดำอยู่กลางหลัง  จึงมีคนทักทายไปต่าง ๆ นา ๆ

    นางงุดมารดาจึงพาเด็กชายโตไปถวายเป็นบุตรท่านอาจารย์แก้ว  วัดบางลำภูบน ท่านก็ยินดีรับไว้แต่ให้นางงุดมารดาเลี้ยงดูต่อไป จนอายุเด็กเจริญขึ้นได้สามเดือนจึงทำการโกนผมไฟ แล้วไว้จุกตามธรรมเนียมโบราณ

    การค้าขายของนางงุดแลนายผลผู้บิดาก็เจริญขึ้นตามลำดับ ท่านร่ายไว้ว่า

    ครั้นจัดการทำบุญให้ทานเสร็จแล้ว พักผ่อนพอหายเหนื่อย จึงจัดสรรพสินค้าเมืองปักษ์ใต้ได้เต็มระวางแล้ว จึงออกเรือไปเมืองเหนือ จำหน่ายแล้วก็จัดรองสินค้าเมืองเหนือมาจำหน่ายในบางกอก กระทำพานิชกรรมสัมมาอาชีวะอย่างนี้เสมอมา ก็บันดาลผลให้เกิดหมุนพูลเถา มั่งคั่งสมบูรณ์ขึ้นหลายสิบเท่า พ่อค้าแม่ค้าทั้งปวงก็รู้จักมักคุ้นมากขึ้นเป็นลำดับมา ตาผลยายลานางงุด จึงได้ละถิ่นฐานทางเมืองกำแพงเพชรเสีย ลงมาจับจองจำนองที่ดินเหนือเมืองพิจิตร ปลูกคฤหสถานตระหง่านงามตามวิสัย มีเรือนอยู่หอนั่งครัวไฟ บันไดเรือนบันไดน้ำโรงสี โรงกระเดื่องโรงพักสินค้าโรงเรือ รั้วล้อมบ้านประตูหน้าประตูหลังบ้าน ได้ทำบุญให้ทานที่วัดใหญ่ในเมืองพิจิตรนั้น จึงได้มีความชอบชิดสนิทกับท่านพระครูใหญ่ วัดใหญ่นั้น มีธุระปะปังอันใดก็ได้สังสรรไปมา ทายกแจกฎีกาไม่ว่าการอะไร มาถึงแล้วไม่ผลัก ยินดีรักในการบุญการกุศล เลยเป็นบุคคลมีหน้าปรากฏในเมืองพิจิตรสืบไป ฯ

    ต่อมาเมื่อสิ้นแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นปีที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์ ปราบดาภิเษกเปลี่ยนปฐมบรมจักรีพระองค์แรก และย้ายพระมหานครมาข้ามฝั่งตะวันออกแห่งกรุงธนบุรี ตรงหัวแหลมระหว่างวัดโพธิ์กับวัดสลัก เป็นวัดเก่ามากทั้งสองวัด ทรงขนานนามพระนครใหม่ว่า กรุงเทพพระมหานคร ฯ

    สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ กรุงเทพ ฯ ทรงตั้งเจ้าพระยาสุรสีห์ น้องชาย เป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามหาสุรสีหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงตั้งพระมเหสีเดิมเป็น สมเด็จพระ อมรินทรามาตย์

    ทรงตั้งพระราชโอรสที่ ๔ อันมีพระชนมพรรษาได้ ๑๖ พระพรรษา เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์เทเวศร์  ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าภาคิเณยราช กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ฝ่ายพระราชวังหลังรับพระราชบัญชา ฯ

    ขณะนั้นเด็กชายโตมีอายุได้เจ็ดปี บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเป็นปกติแล้ว นางงุดจึงได้นำหนูโตเข้าไปถวายพระครูใหญ่เมืองพิจิตร ให้เป็นศิษย์เรียนหนังสือไทยหนังสือขอม และกิริยามารยาท ขนบธรรมเนียมการวัดการบ้านการเมือง การโยธาการเรือนการค้าขาย เลขวิธี

    จนอายุได้สิบสามปี จึงได้ทำการโกนจุกเมื่อเดือนหก และพอถึงเดือนแปดในปีวอกนั้นเอง ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใหญ่เมืองพิจิตร ได้ร่ำเรียนวิชาการต่าง ๆ จากท่านพระครูอุปัชฌาย์ ทั้งพุทธศาสตร์แลไสยศาสตร์อยู่สองปีก็เจนจบ คล่องแคล่วชำนิชำนาญ ใช้ได้ดังประสงค์ทุกประการ

    สามเณรโตก็กราบเรียนท่านพระครูผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ ขอเรียนคัมภีร์พระปริยัติธรรมต่อไป ท่านอาจารย์ก็แนะนำให้ไปเรียนกับพระครูจังหวัด วัดเมืองไชยนาทบุรี โยมผลและโยมงุดมารดาจึงพาสามเณรไปฝากกับพระครูที่เมืองไชยนาทดังประสงค์

    เมื่อสามเณรโตได้ร่ำเรียนมาได้สามปี อายุได้สิบแปด ก็จบถึงแปดชั้นบาลี จึงมีความกระหายจะล่องลงมาร่ำเรียนในสำนักราชบัญฑิตนักปราชญ์หลวงบ้าง  จึงกราบลาท่านพระครูเจ้าคณะเมืองไชยนาท และไปบอกตาผลยายลานางงุดมารดาที่เมืองพิจิตร

    ตาผลกับแม่งุดก็พาสามเณรโตมาฝากกับพระอาจารย์แก้ว วัดบางลำภูบน

    ฝ่ายพระอาจารย์แก้วเมื่อเห็นเวลาฤกษ์ดีแล้ว จึงได้นำพาสามเณรโตไปฝาก พระ               โหราธิบดี พระวิเชียร กรมราชบัณฑิต ให้ช่วยแนะนำสั่งสอนสามเณรให้มีความรู้ดี ในคัมภีร์พระปริยัติธรรมทั้งสามปิฎก

    ท่านทั้งสองก็รับและสอนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จนเวลาได้ล่วงไปหนึ่งปี

    พระชนมายุกาลแห่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ย่างขึ้นได้ ๒๘ พรรษา โดยจันทรคตินิยม

    อายุสามเณรโตก็ได้ ๑๘ ปีบริบูรณ์ ในเดือนห้า ศกนั้น ฯ

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 29 ม.ค. 49 07:14:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป