เธอคือเด็กหญิงสาวงามวัยน่ารัก ที่ผมใฝ่ฝันที่จะได้คุย หรือแม้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอมานานแล้ว
ทุกครั้งที่เราได้พบกัน เธอมักจะยิ้มทักทายแล้วก็เดินจากไป แต่วันนี้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเธอมากเลยทีเดียว
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาที่เราจะได้จับคู่กันเต้นลีลาศในวิชาเรียนคาบสุดท้ายก่อนเลิกเรียน โอ้พระเจ้า
ผมรำพึงรำพันกับตัวเองก็แหม คนที่คุณแอบชอบอยู่มานาน แต่คุณไม่กล้าที่จะบอกความในใจของคุณออกไป
โถ่เอ๊ย แม้แต่จะพูดหรือมีคำทักทายกันหน่อยที่มันมากกว่าการยิ้มให้กันเวลาเจอกันนั้นยังไม่มีเลย แต่ ณ ตอนนี้
เธอกับยืนอยู่ตรงหน้าผมรอยยิ้มอันมีเสน่ห์สุดแสนจะบริสุทธิ์ ใสๆดูน่ารักๆ ผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายืนยิ้มอยู่ตรง
หน้าเธอเหมือนทุกครั้งที่เราเดินสวนกัน สีหน้าของผมนั้นดูเฉยๆราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต แต่ใครจะรู้บ้างเล่า
ว่าหัวใจของผมนั้นมันเต้นเร็วแรงและสั่นจนแทบจะออกมาวิ่งอยู่ข้างนอกเสียให้ได้ ผมได้แต่ยืนมองเธออยู่ซักพัก อาจารย์
ก็สั่งให้นักเรียนทุกคู่จับมือกัน เสียงกรี๊กกร๊าดดังออกมาจากทุกๆคู่ บางคนก็ได้คู่ที่ชอบแซวกันเป็นประจำ บางคนก็ได้
คู่ที่สวยงามน่ารัก บางคนก็โดนเพื่อนๆล้อเพราะว่าจับได้คู่กับนักเรียนสาวที่รูปร่างอ้วนและดำซึ่งมักจะเป็นตัวตลกในหมู่นักเรียน
ชายด้วยกัน ส่วนคู่ผมนั้นทุกๆคนต่างเงียบและไม่มีเสียงติฉินนินทาใดๆทั้งสิ้นก็ แหมเธอคือดาวเด่นประจำห้องนี่ครับอย่าว่าแต่
ห้องเลยทั้งระดับชั้นหรือแม้แต่ทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ผมสังเกตุดูรอบๆข้างของผมถึงแม้จะไม่มีใครมาแซวหรือว่าพูดจาใดๆ แต่เอ้
ท่าทางทุกคนมักจะเหล่หรือว่าแอบมองคู่ของผมทุกครั้ง เอ๊ะหรือเราคิดไปเองไม่มั้ง เพื่อนๆคงอิจฉาผมอะเพราะเธอเป็นดาวเด่นนี่นา
ผมกับมาตั้งสติอีกครั้งหลังจากที่แอบคิดถึงเพื่อนๆรอบข้าง เสียงเพลงดังขึ้นอาจารย์สั่งให้นักเรียนทุกคู่มือข้างนึงตั้งวงขึ้นในระดับหัวใหล่
ส่วนอีกข้างให้เอื้อมไปโอบเอวของฝ่ายตรงข้าม แล้วยืนอยู่ในท่าพร้อม โอ้ผมไม่รู้จะรำพึงรำพันอะไรกับตัวเองดีแล้ว นอกจากมืออันแสน
นุ่มนวลของเธอที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส มากกว่านั้นตอนนี้ผมอาจจะได้สัมผัสถึงรูปร่างของเธอด้วย แหม วันนี้ฝนฟ้าช่างเป็นใจกับผมเหลือเกิน ผมเหมือน
พวกสามล้อถูกหวยหรืออะไรอย่างนั้นแหละ ผมค่อยๆเอื้อมมือไปโอบเอวของเธออย่างช้าๆ แล้วก็สบตากับเธอก่อนที่ผมจะทำเป็นไม่สนใจ
ฟอร์มมองไปยังคู่อื่นๆ ก็แหมเขินจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วนี่นา หลังจากนั้นอาจารย์ก็สั่งให้เราเต้นไปตามจังหวะที่เขาทำให้ดูข้างหน้า
ขาผมสั่นไปหมดไม่อยากจะก้าวไปไหนเลยเพราะมันไม่มีสมาธิแล้วก็รู้สึกเกร็งๆอย่างบอกไม่ถูก ทุกๆครั้งที่ผมก้าวผิดจังหวะผมก็ได้แต่เพียง
บอกกับเธอสั้นๆว่า "โทษนะ" เวลาผ่านไปซักพัก นานเท่าไรผมไม่รู้แต่ว่าเราเริ่มจะชินกับจังหวะช้าๆและง่ายๆ ที่เป็นจังหวะแรกที่เริ่มเรียนได้แล้ว
อาจารย์สั่งให้ทุกคู่ห้ามมองที่เท้า แล้วให้จ้องมองหน้ากันตัวตรงไม่งั้นจะเสียบุคลิกในการเต้น เท่านั้นแหละอาการใจสั่นมันก็กำเริบผมอีกแล้ว
ผมจึงสบตากับเธอซักพักแล้วก็แก้เขินด้วยการมองไปที่นาฟิกาสีชมพูน่ารักสดใสของเธอ เฮ้ยยยยยอะไรว่ะ อีกสิบนาทีบ่ายสามและ กำ
ทำไมเวลามันเดินผ่านไปเร็วนักว่ะวันเนี่ย ฮึม เป็นครั้งแรกนะเรียนมาก็สองปีและเป็นคาบแรกเลย ที่อยากจะอยู่อยากจะเรียนมันนานๆ
ไม่อยากให้หมดคาบเร็วๆเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แล้วเสียงที่ผมอยากได้ยินทุกวันที่มาเรียนแต่ไม่ใช่วันนี้มันก็ดังขึ้นสนั่นทั่วโรงเรียน เด็กนักเรียน
ทุกคนขวักไขว่เดินกันเยอะแยะไปหมด อาจารย์สั่งทิ้งท้ายให้นักเรียนทุกคนไปฝึกและทำตามจังหวะแล้วมาเจอกันอีกทีอาทิตย์หน้า วันนั้นผมจึงรวบ
รวมพลังความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่พูดกับเธอไปสั้นๆว่า "เดี๋ยวกับบ้านเลยหรอ ไม่แน่อาจเจอกันที่รถเมล์อีก" เธอพยักหน้าแล้วก็ยิ้มจากไปเหมือนเดิม
แทบจะเป็นประโยคแรกเลยมั้งที่ผมได้พูดกับเธอ สำหรับเธอแล้วมันคงเป็นเพียงคำถามธรรมดาที่เพื่อนคนนึงในชั้นเรียนถาม แต่สำหรับผมนอกจากเป็น
ประโยคแรกที่ได้คุยกับเธอแล้วมันยังเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาในความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนง่ายๆ เย็นวันนั้นผมมายืนรอเธออยู่ที่ป้ายรถเมล์เช่นเดิมแต่เอ้
วันนี้ผมไม่ได้เห็นเธอเหมือนทุกครั้งก่อนๆที่ผ่านมา ผมเหม่อลอยนึกถึงช่วงเวลาที่ผมกำลังเต้นอยู่กับเธอ แม้ตอนเต้นอยู่จะสบตากับเธอหรือมองหน้าเธอนับครั้งได้
แต่ตอนนี้หรอวิวที่มองอยู่นั้นมีแต่เพียงหน้าเธอเท่านั้น และแล้วผมก็สะดุ้งอีกครั้งเพราะรู้สึกว่ามันแปลกๆไปจากเดิม เวร เลยมาตั้งหลายป้ายแล้วนี่หว่า!!!
จากคุณ :
หลุดโลก
- [
29 ม.ค. 49 18:00:54
]