CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    โมโกจู

    โมโกจู ๑/๒๕๔๕
    ๑  พฤศจิกายน  ๒๕๔๕
           
    บ่าย ๓ โมงของวันที่ ๑  พ.ย.  ๒๕๔๕  สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาที่หน้าต่าง แข่งกับเสียงฝักบัวในห้องน้ำ   อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี่ผมต้องเดินทาง     อดกังวลไม่ได้ เพราะชีวิตหลังจากนี้อีก ๕ วัน  สิ่งที่คลุมหัวคงมีแต่หมวกผ้าใบเล็กๆ  ในป่าดงพงลึก    ชีวิตในเมืองกับเม็ดฝนหนักนาน คงไม่สู้ดีนัก  บ่ายสามโมงกว่า...ผมเหวี่ยงเป้ใบเก่งใส่พาหนะคู่ชีพออกเดินทางไปรับเพื่อนรุ่นน้อง โสภณ ทับแห  น้องชายผู้แสนสุภาพกับเพื่อนร่างใหญ่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ..นายเจ   จากนั้นพวกเราเดินทางฝ่าสายฝนไปรับเพื่อนอีกคนหนึ่ง บุรุษร่างเล็กรวยไปด้วยอารมณ์ขัน ผู้ที่ยามเดินป่าแล้วไม่เคยยอมให้ใครหายใจรดต้นคอ  ชื่อของเขาคือ โก..  จากนั้นพวกเราทั้ง ๔  ชีวิตออกเดินทางฝ่าการจราจรจราจลของวันศุกร์ ท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของสายฝนตรงไปยัง    อ.  อินทร์บุรี   ที่นั่นเราได้พบกับพี่ชายใจดีที่ต้องมรสุมสุขภาพ ไม่อาจร่วมทางกับเราได้  พี่โจมารออยู่ก่อน   พร้อมกับสั่งอาหารไว้รอต้อนรับเป็นการเลี้ยงฉลองทริปเดินป่าครั้งใหญ่ของทีมเรา หลังจากเสร็จมื้อเย็นเราก็ตรงไปที่อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์  อ. คลองลาน  จ. กำแพงเพชร  

    …สายฝนยังคงกระหน่ำเราอยู่ตลอด  อากาศภายนอกดูอึมครึม รถวิ่งฝ่าไปท่ามกลางความมืด   นานๆ ทีจึงมีแสงไฟจากรถที่สวนมาเป็นระยะ  พวกเราพูดคุยกันถึงเป้าหมายในครั้งนี้  “โมโกจู” ยอดเขาสูงที่สุดแห่งป่าตะวันตก  ๑,๙๖๔ เมตร เหนือระดับน้ำทะเล  ป่าเมฆ และความเหนื่อยยากในการเข้าถึง  สำหรับผมแล้ว “โมโกจู"  ปรากฏอยู่ในโสตประสาทตั้งแต่ปลายปี ๒๕๔๔ ในครั้งแรกที่มีโอกาสได้เดินป่า     พี่ยุทธเพื่อนเดินป่าอาวุโสท่านหนึ่ง   เอ่ยปากชวนให้ไปเยือนมันสักครั้ง พร้อมกับเล่าความเหนื่อยยากที่ได้รับฟังจากการเดินทางไปยอดชื่อประหลาดนี้ให้ฟัง  ซึ่งในทันทีที่ฟังจบผมก็ไม่ลังเลที่จะตอบปฏิเสธไปทันที แต่หลังจากการเดินป่าครั้งแรกในชีวิต ในใจกลับมีความห้าวเล็กๆ  ตั้งแต่นั้นมาชื่อ  “โมโกจู”  มันก็รบกวนจิตใจผมเสมอมา   และหนึ่งปีผ่านไปผมก็รวบรวมสมัครพรรคพวกร่วมอุดมการณ์เพื่อทำมโนภาพนั้นให้เป็นจริง  ๕ ทุ่มเศษ รถของเราก็แล่นอยู่บนถนนที่ตัดมาจากโค้งวิไล  แสงไฟของรถที่แล่นสวนมากลายเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเรา ในนาทีนั้นเหมือนกับว่ามีเพียงเราทั้ง ๔ , รถ,  ถนนกับความมืดเท่านั้น..   นานๆ ทีจึงเห็นคนเดินหาปลา หากบ อยู่ข้างทาง  ซึ่งนั่นทำให้เรามั่นใจว่าเรายังคงขับรถอยู่บนโลกใบนี้...  

    ก่อนหน้านี้ผมได้อ่านหนังสือ ที่บอกเล่าถึงประสบการณ์และโศกนาฏกรรมในการเดินทางพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรส ของนักเขียนสารคดีชื่อดัง  จอน  คราเคาเออร์  และเพื่อสร้างบรรยากาศการผจญภัย    ผมตกลงใจเล่าเรื่องอัปมงคลนี้ให้ทุกคนฟัง..   มันเป็นการเดินทางขึ้นพิชิตยอดเขาสักการะมาธา  ในปี ค.ศ.๑๙๙๖ (สักการะมาธา แปลว่า เทวีแห่งฟากฟ้า …เป็นชื่อที่เรียกขานกันในหมู่คนเนปาล ส่วนคนธิเบตเรียกว่า โจโมลุงมา แปลว่า มารดรแห่งโลก)  มีคณะที่ตัดสินใจเดินทางอยู่หลายคณะ หนึ่งในนั้นเป็นคณะ  “แอ็ดเวนเจอร์คอนซัลแตนต์"        ซึ่งเป็นคณะของไกด์นิวซีแลนด์นามอุโฆษ …ร็อบ ฮอลล์ และ คณะของคู่แข่งรายสำคัญ  “เมาท์เทินแมดเนส"  นำทีมโดย สก๊อต ฟิชเชอร์  ร็อบนั้นสามารถพิชิตยอดเอเวอเรสได้ถึง ๓ ครั้ง ในขณะที่สก็อต พิชิตได้ ๒ ครั้ง ทั้งสองคนต่างทำงานเป็นไกด์นำบุคคลทีมีตัณหาในเรื่องที่สูง (และมีเงินจ่าย) ไปยังจุดที่สูงที่สุดของโลก  พวกเขามากันจากหลายที่ และหลายสาขาอาชีพ บางคนเป็นนักข่าวนิตยสาร บางคนเป็นแพทย์ บางคนเป็นผู้จัดการบริษัท  เป็นดาราและบ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ ทั้งหมดใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นเดือนๆ ฝึกฝนร่างกายให้ชินกับสภาพอากาศที่หนาวและร้อนผิดปกติ และ ฝึกการหายใจให้ชินกับสภาพอากาศที่มีปริมาณออกซิเจนจำนวนน้อย  ทุกคนมาร่วมกันลำบากเพื่อเป้าหมายเดียวกัน... แล้วในวันที่  ๑๐ พฤษภาคม  ค.ศ. ๑๙๖๖  คณะของร็อบ และสก๊อต ก็ได้ขึ้นไปเหยียบยอดหลังคาโลก แต่ละคนอยู่ที่นั่นเพียง ๑ หรือ ๒ นาทีเท่านั้น  เพราะที่นั่นไม่ใช่ดินแดนสำหรับสิ่งมีชีวิต จากนั้นทุกคนก็หันหลังกลับลงมาในเวลาต่างๆ กัน...  และแล้วในระหว่างทางเทพีแห่งฟ้าก็เล่นตลก พายุเฮอร์ริเคนได้ก่อตัวและพัดกระหน่ำคณะทั้งสอง จนหลายคนไม่อาจหาเส้นทางเดินกลับที่พักได้  มีบางคนถูกพายุพัดตกไปตามช่องเขาซึ่งมีความลึกกว่า ๘๐๐ เมตร และอีกหลายคนถูกพายุตัดขาดบีบบังคับให้ต้องจำนนอยู่ท่ามกลางหิมะ  ท้ายที่สุดก็หมดเรี่ยวแรง ล้มตายไป สำหรับร๊อบ เขาติดอยู่ที่ทางเดินห่างจากยอดเขาไม่กี่ฟุต  มีความพยายามจะส่งเชอร์ปา (คนพื้นเมืองซึ่งทำงานรับจ้างเป็นลูกหาบในคณะปีนเขา)  ไปนำเขากลับลงมา แต่ไม่สำเร็จเพราะร็อบติดอยู่ในจุดที่สูงเกินไป  ท้ายสุดเขาทิ้งเมียที่กำลังท้อง ๗ เดือนไว้ที่บ้าน  ส่วนสก็อตได้จบการแข่งขันกันในวันเดียวกัน  มีคนพบศพเขาอยู่ภายใต้น้ำแข็งใกล้กับยอดเขา  ที่ตายก็ได้ตายไป..  แต่ที่รอดทรมานกว่า  บางคนต้องตัดมือทั้งสองข้างทิ้งเพราะหิมะกัด  บางคนอวัยวะอยู่ครบแต่ต้องสำนึกเสียใจไปตลอดชีวิต  เมื่อนึกถึงนิ้วมือเล็กๆ ของเพื่อนหญิงร่วมทาง ที่เลื่อนหลุดจากขาของเขา โดยที่เขาไม่ได้แม้กระทั่งเหลียวมามอง  และที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นภรรยาท้องแก่ของร็อบที่ได้พูดคุยกับสามีในขณะที่กำลังดิ้นรนหนีมัจจุราชอยู่ที่ยอดเขา ทั้งที่รู้อยู่ว่าเค้าไม่มีทางรอดกลับมาดูหน้าลูก  

    ผมเล่าเรื่องนี้จบ เพื่อนๆ ในรถต่างเงียบ    ผมไม่รู้ว่าใครคิดอะไร แต่สำหรับผม "โมโกจู"  ไม่อาจเทียบเอเวอเรสต์ได้ในทางใด ไม่ว่าจะเป็นความสูง ตลอดไปถึงความยากลำบากในการเดินทาง ไม่ต้องพูดถึงว่าการไปเอเวเรสต์คือการปีนเขา        แต่การไปโมโกจูเป็นเพียงการเดินเขาเท่านั้น... อย่างไรก็ตามระหว่างโมโกจูและเอเวอเรสต์มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ คือมันเป็นยอดเขา  และเป็นยอดเขาที่กดทับอยู่ในใจใครหลายๆ คน...  รถเราเคลื่อนตัวมาอยู่ในเส้นทางขึ้นสู่ที่ทำการอุทยาน  อากาศภายนอกเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ฝนยังคงตกอยู่และกระหน่ำเป็นระยะๆ  ทุกคนในรถใจคอไม่ดี เรารู้ดีว่า การเดินในระยะทาง กว่า ๕๐ กิโลเมตร ท่ามกลางสายฝนไม่ใช่เรื่องสนุกแน่  ระยะเวลาเดินที่มากขึ้น โอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากการลื่นล้มมากขึ้น  อุปสรรคในการก่อไฟทั้งหลายทั้งปวงเป็นปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง โสภณหันมาถามผมอย่างติดตลก "เอาไงพี่ จะกลับไม๊"  ผมหัวเราะ ก่อนจะตอบไปว่า "มากันขนาดนี้แล้วจะทำไงได้"  โสภณได้แต่ยิ้ม..  เพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เหตุที่ผมไม่ถอยไม่ใช่เพราะระยะทางที่ดั้นด้นหรือเพราะสภาพภูมิอากาศ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะผมต้องการทำให้มันเสร็จ …เสร็จไปจากใจผม

    “….หากชีวิตคือการดิ้นรน  คนหนึ่งคนต้องเดินก้าวไป
    ให้เรียนรู้เส้นทางแห่งใจ แล้วก็ไปให้ถึงที่นั่น
    เพราะชีวิตคือการต่อสู้  ให้เรียนรู้ด้วยใจตั้งมั่น
    เส้นทางไกลแค่ไหนช่างมัน  คนช่างฝันเท่านั้นทำได้ …”

    เสียงเพลงจากเทปของโลโซ ดังขึ้นก่อนที่เราจะถึงที่ทำการไม่กี่นาที... เกือบเที่ยงคืนพวกเราทั้ง ๔  ก็มาถึงที่ทำการและพบว่า พี่ตุ๋ย พี่ยุทธ  พร้อมกับเพื่อนอีกสองคนยึดเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่กางไว้รอรับนักท่องเที่ยวนอนกันไปแล้ว   พวกเราจึงแยกย้ายกันยึดเต็นท์ที่เหลือ...  ผมเอนหลังลงหลับตา  ฟังเสียงฝนตกกระทบหลังคาเต็นท์  เม็ดแล้วเม็ดเล่า จนหลับไป...

    จากคุณ : ฤษีข้ามน้ำ - [ 30 ม.ค. 49 22:35:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป