CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 99/2

    ตะวันแดงสดลอยตัวต่ำจนดูคล้ายแนบชิดกิ่งสนใหญ่ ไม้มหึมาแผ่สาขากว้างไกล สกุณาใหญ่น้อยเข้าอาศัยพึ่งพิงหลบน้ำค้างกลางคืน ทั้งลมเย็นเหน็บหนาวเสียดกระดูก

    วิหคต้องการที่พักเช่นใด ผู้คนก็เฉกกัน เวลานี้สามมณฑลสำคัญอันได้แก่ เหอหนาน หูเป่ย ซานซี ล้วนเกิดมิจฉาชีพปล้นฆ่า กำลังทางการส่วนใหญ่ตรึงอยู่ด่านเจี๊ยะหยูกวาน ดังนั้นโอกาสจึงตกแก่ฉิกจับอิด

    เพื่อปัญหานี้ ฮ่องเต้ทรงมีบัญชาให้ “หลิวหยงเคอ" ว่าที่ผู้นำหอห้ากระบี่ รับสิทธิขาดปราบโจร ทว่าภายหลังเจ้าสำนักหัวซานหลังจากเดินทางมาพบซ่งปังกลับพลันแปรเปลี่ยนทีท่า ถอนตัวไปรับตำแหน่งราชครู

    หลิวหยงเคอทูลฮ่องเต้ทราบถึงความฮึกเหิมของฮั่นตงฉิกจับอิดเดนตาย ฮ่องเต้กริ้วก็สั่งให้ปิดประกาศจับมือปราบ ทั้งพี่น้องสามนาย คนใดคนหนึ่งไม่ว่าเป็นหรือตาย จะตกทองสามร้อยตำลึง!!!

    ยังมิทรงวางใจ จึงบัญชาให้ราชครูหลิว อัญเชิญราชโองการเดินทางพันลี้ ไปยังด่านเจี๊ยะหยูกวาน เชื้อเชิญจูคังมาปราบปรามกบฏให้สิ้นซาก

    ที่แปลกประหลาดกลับเป็นตัวคำสั่ง ซึ่งว่าฉินอ๋องมาได้เพียงองครักษ์สามสิบ แล้วฉินอ๋องอาศัยอันใดจัดการโจรนับร้อยที่กำลังกล้าแข็งขึ้นทุกวัน?

    ทว่าจูคังกลับมิอิดออด เร่งออกเดินทาง ปล่อยให้ราชครูหลิวเฝ้าด่านเจี๊ยะหยูกวานแทนที่

    เขาไม่แม้กระทั่งมุ่งสู่นครเสียนหยาง ซึ่งยังสามารถรวบรวมผู้คนจำนวนมากได้ กลับไปฉงซิ่งโดยตรง

    ..........
    .......................

    เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ชายกลางคนผู้หนึ่งพึ่งเดินทางมาถึงตัวเมืองในเวลาที่ดวงตะวันตกดินไปแล้ว ทั่วทั้งเมืองมืดมีเพียงแสงจันทร์และแสงจากตะเกียงจากบ้านเรือนไม่กี่หลัง

    เขาจากนานร่วมเดือน ใช้ชีวิตในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่ง เท่าถึงวันนี้จึงได้หวนคืนบ้านเดิม ทว่าที่นี่กลับเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนกลายเป็นบางตา ตลาด ถนนสงัด เกิดอันใดขึ้นกันแน่?

    ลมเย็นเยือกโชยพัดมา พาเอาเมฆก้อนน้อยที่บดบังดวงจันทร์บางส่วนเลื่อนออก แลดวงจันทร์พลันสาดส่องแสงสีเหลืองนวลใยลงมาต้องกระทบกับใบหน้าของคนผู้นั้น ...เป็น ...หลอฮั่นเอง!

    หลอฮั่นกลับมายังเมืองอู่ฮั่น แปลว่าคนผู้นี้หายดีแล้วหรือ? มันหายจากอาการโดนยา "จีอวี้เย่า" ได้แล้วหรือ?!

    หลอฮั่นก้าวตามท้องถนน นึกไปถึงคำสุดท้ายที่เสี่ยวซากล่าวแก่มัน

    "จีอวี้เย่าในความรู้สีกของข้าพเจ้า กลับมิใช่ยาพิษ และมิใช่เพราะมันที่ส่งผลร้ายต่อผู้คน แต่...เป็นเพราะกิเลสที่ฝังรากอยู่ในตัวของเรามาตั้งแต่ต้น! ตัวยาเพียงกระตุ้นให้ความโลภ โทสะ และโมหะอันโง่เขลาของพวกเราออกมาเท่านั้น

    เท่ากับว่า ยาพิษได้อยู่ในตัวเรามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก มันเพียงรอเวลากำเริบขึ้นมาเท่านั้น! และยาเสริมกิเลสก็เป็นตัวกระตุ้นให้พิษร้ายแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาอย่างรุนแรง และรวดเร็ว!"

    หลอฮั่นยังจำได้ มันกล่าวถามอีกฝ่ายว่า "แล้วบางคนเล่า เช่นตัวท่าน เหตุใดพิษร้ายเหล่านั้นจึงไม่สามารถส่งผลร้ายต่อตัวท่าน? หรือเพราะอะไรจึงไม่กำเริบขึ้นมา?"

    เสี่ยวซาแย้มยิ้ม "ใครว่ามันมิกำเริบ ตัวข้าเองในสมัยก่อนขนาดว่ายังมิได้รับตัวยาจีอวี้เย่าเข้าไป ยังถูกความแค้นกระตุ้นให้พิษร้ายแสดงผลออกมาเลย" เด็กหนุ่มนึกไปถึงครั้งที่ตนโกรธแค้นเรื่องที่จื่ออิงสังหารเสี่ยวเง็ก รวมถึงเรื่องที่คิดล้างแค้นให้เตียหงี จากนั้นก็ยิ้มบางๆ

    "พิษที่น่ากลัวที่สุดกลับมิใช่จีอวี้เย่าที่ฉิกจับอิดคิดค้นขึ้นมา แต่เป็นกิเลสที่ซ่อนอยู่ในตัวคนเราต่างหาก! พึงสังวรณ์เอาไว้เถิด แม้ท่านจะหายดีแล้ว แต่หากตัวท่านยอมให้กิเลสเข้าครอบงำ พิษร้ายก็ย่อมสามารถกำเริบขึ้นได้ทุกเมื่อ! และเมื่อนั้นจะมิมีผู้ใดหยุดยั้งตัวท่านได้ นอกจากตัวของท่านเอง!!!"

    พลันความคิดของหลอฮั่นก็สะดุดเมื่อเห็นป้ายประกาศข้างกำแพง โคมไฟด้านบนส่องแสงวับแวม พอให้เห็นใบหน้าบนป้าย

    มันพบแผ่นแรกปรากฏหน้าบุรุษคมคาย ลักษณะมั่นคง เด็ดเดี่ยว ป้ายใบต่อมาเป็นชายวัยประมาณสี่สิบ ท่วงท่าประดุจพ่อค้าวาณิชย์ ทว่าแฝงเค้าความเข้มแข็งอยู่หลายส่วน ป้ายที่สามเป็นคนฉกรรจ์ท่าทางหยาบกร้าน คิ้วหนาตาโต ใบหน้าดำคล้ำถมืง ส่วนป้ายสุดท้ายกลับทำให้มันตกตะลึงทีเดียว

    ...เป็นเสี่ยวซาเอง!

    หลอฮั่นมองดูรางวัลนำจับที่ระบุไว้ในป้ายทั้งสี่ใบก็ต้องอุทานออกมา "ทองคำสามร้อยตำลึง ต่อคน มิว่าจับเป็นหรือตาย!"

    มันจ้องมองรูปวาดเสี่ยวซาอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของมันสับสน ทองคำสามร้อยตำลึงมากพอที่จะให้มันฟื้นฟูสำนัก แต่นี่เป็นผู้มีพระคุณของมัน มันยังหักหลังได้หรือ?

    สุดท้ายยื่นมืออันสั่นเทา ค่อยๆ ปลดป้ายใบที่สี่ออกมา จึงรีบพับเก็บไว้ในอกเสื้อร้อนรน

    มันหอบหายใจ ป้ายประกาศเพียงเล็กน้อยแค่นั้น กลับทำให้สูญสิ้นเรี่ยวแรงจนเหนื่อยหอบ?
    ป้ายกระดาษบางเบาย่อมมิกินแรงผู้ที่คิดปลดลงมา กลับเป็นจิตใจของมันต่างหากที่มิรู้ว่าสมควรปลดป้ายดังกล่าวลงมาหรือไม่?

    หลอฮั่นจากไปแล้ว มันต้องการคนผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าอันสนิทสนม มันมีเรื่องต้องพึ่งพาคนผู้นั้น และคืนนี้มันต้องเสาะหาจนเจอ!

    .............
    ...............................

    คืนนั้นอันธพาลชาวเมืองคนหนึ่งชื่อกงซุนสงถูกกำลังแรงลากออกจากบ้านกลางดึก

    พอโกรธตื่นจึงพบว่าผู้กระทำคือต้ากอซึ่งหายสาปสูญไปเนิ่นนานเอง
    กงซุนสงดีใจนัก กราบกรานร่ำร้อง “พี่หลอ พี่หายไปแห่งใด ผู้น้องคิดถึงนัก”

    “เรื่องราวมากมายกล่าวไม่จบ เวลานี้เจ้าทำตามคำสั่งข้า รวบรวมพี่น้องเราทุกคนมาก่อน” หลอฮั่นว่า

    กงซุนสงผงกศีรษะหลายครา จึงทำตามคำสั่ง

    สองชั่วยามต่อมาเขานำพาผู้คนที่มีลักษณะท่าทางต่างๆ ยี่สิบกว่าคนติดตามหลอฮั่นไปยังหมู่บ้านปวยเล้ง

    ...เสี่ยวซาถูกขายเสียแล้วหรือ?...

    ...  ...  ...

    หลายวันต่อมา ประตูบ้านเสี่ยวซาถูกทุบ

    เสี่ยวซาเปิดประตูก็พบหลอฮั่นนำกำลังคนประมาณร้อยเศษล้อมเรือนของเขาอยู่ แต่ละนายท่าทางดุร้ายเป็นนักเลง ชาวหมู่บ้านปวยเล้งพากันแตกตื่นหลบหนี

    เด็กหนุ่มขมวดคิ้วบ้าง “พี่หลอ ท่านมาที่นี่ทำไม ...แล้วคนพวกนี้เล่า?”

    “ทั้งหมดอธิบายได้ด้วยพิมพ์กระดาษแผ่นเดียว” หลอฮั่นตอบ โยนประกาศจับเสี่ยวซาซึ่งพึ่งแกะลงกับพื้น

    เสี่ยวซาพอคาดเดาความหมายของฝ่ายตรงข้ามออก ด้วยฝีมือของเขา ต่อให้พวกอันธพาลมากกว่านี้ร้อยเท่าย่อมมิใช่คู่มือเด็ดขาด เขาเพียงเสียดายว่าไม่อาจกล่อมเกลานิสัยฝ่ายตรงข้ามได้ สลดใจนัก
    “...พี่หลอ ชีวิตผู้ต่ำต้อยเช่นข้าย่อมราคาถูก แต่ยังเห็นว่ามากกว่าเงินเพียงสามร้อยตำลึงอยู่?”

    “ถูกต้อง ชีวิตเจ้าแพงกว่าเงินสามร้อยตำลึงนัก” หลอฮั่นกล่าวขึงขัง

    “แล้วเหตุใดท่านจึงขายข้าด้วยราคาเท่านี้” เสี่ยวซาถาม

    หลอฮั่นเลิกคิ้ว นิ่งพักหนึ่งจึงโบกมือเรียกบริวาร สักครู่ก็มีคนหาบกระจาดใส่ใบประกาศจับจำนวนนับพันนับหมื่นใบมากมาเทกองไว้ จำนวนนั้นมีทั้งหน้าฮั่นตง ฟาหลินซี และเสี่ยวโกยด้วย

    ขณะเด็กหนุ่มตะลึงพรึงเพริศ หลอฮั่นก็กล่าวว่า “ข้าเรียกเหล่าพี่น้อง แอบชิงฉีกแกะป้ายประกาศจับท่านและพี่น้องซึ่งติดไว้ทั่วทั้งเมืองออกจนสิ้น ทั้งยังใช้ทรัพย์สมบัติมากมายและการข่มขู่บังคับปิดปากข้าราชการ”

    หลอฮั่นนำพวกพ้องคุกเข่าลงกราบเสี่ยวซา “บัดนี้เมืองนี้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับท่านและพี่น้องแล้ว สามารถหลบพักได้ตามสบาย ทั้งหมดเพื่อแทนคุณท่านรักษาข้านั่นเอง!” ขาดคำพวกนักเลงทั้งนั้นร้อง “ขอบคุณจอมยุธเสี่ยวซา!!!” โดยพร้อมเพรียง

    เสี่ยวซาอ้ำอึ้งบ้าง ทอดสายตาดูบรรดานักเลงเหล่านั้น หลายคนมีลักษณะของยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้ม คาดว่าชายหลอฮั่นคงมีความเป็นมาไม่ธรรมดา

    เขาถอนหายใจกล่าว “ข้าต่างหากต้องขอบคุณท่าน แต่สิ่งนี้คงต้องรับไว้ด้วยใจ”

    “อ้าว ทำไมเล่า!?” หลอฮั่นแปลกใจร้อง

    “พี่น้องข้าถูกทางการประกาศจับ ก่อนอื่นข้าต้องไปช่วยพวกเขา จากนั้นล้างมลทินให้ได้”

    พวกนักเลงมองหน้ากัน หลอฮั่นถามว่า “แล้วท่านทราบหรือว่า พวกฮั่นตงอยู่ที่ใด?”

    “อืม... ไม่ทราบ” เสี่ยวซายิ้มเจื่อนๆ

    ขณะนั้นมีนักเลงคนหนึ่งกล่าวแทรกว่า “ข้าได้ยินว่าฮั่นตงประกาศตั้งพรรคฉิกจับอิดใหม่ขึ้นที่เมืองฉงซิ่ง หรือว่าเขาอยู่นั่น?”

    เสี่ยวซาร้องอ้อ “อย่างนั้นข้าจะไปเมืองฉงซิ่ง”

    “แต่ท่านเชื่อหรือว่าพี่ร่วมสาบานของท่านเป็นพวกฉิกจับอิดจริง? นี่น่าจะเป็นการใส่ร้ายมากกว่า” หลอฮั่นพูด

    “แน่นอนข้าไม่เชื่อ” เสี่ยวซาผงกศีรษะ “แต่ด้วยวิสัยพี่ข้า เขาจะต้องปรากฏกายออกมาล้างมลทินแก่ตนเองเช่นกัน เท่ากับเขาก้าวสู่กับดักศัตรู ซึ่งข้ามิอาจไม่ช่วยเหลือ...”

    เมื่อเด็กหนุ่มตกลงใจดังนี้แล้วพวกนักเลงทัดทานเท่าใดก็ไม่เป็นผลอีก หลอฮั่นกับบริวารจึงอาสาติดตามเขาไปทำศึกด้วย

    เสี่ยวซาตกลง ระหว่างเดินทางได้ทำการรักษาพรรคพวกคนที่โดนยาจีอวี้เย่า แต่ยังมิออกอาการมากนัก จนหายดีหลายราย ยิ่งเดินทางชื่อเสียงของเสี่ยวซายิ่งโด่งดังขึ้น มีผู้มารับการรักษากับเขาจำนวนมาก ที่เป็นยอดฝีมือหลายคนพอฟังจุดประสงค์ของเสี่ยวซาก็สมัครใจติดตาม ขบวนของเด็กหนุ่มจึงใหญ่ขึ้นทุกขณะ

    จากคุณ : เชษฐา - [ 2 ก.พ. 49 22:45:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป