14
ภายในท้องพระโรงพระบรมมหาราชวัง
พระเจ้ากรุงอโยธยา พระมเหสี อำมาตย์ และปุยฝ้ายกำลังปรึกษาหารือเรื่องพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าฟ้าต้อยติ่งกันอยู่
" โหรหลวง ได้ฤกษ์ยามแล้วหรือยังล่ะ "
พระเจ้ากรุงอโยธยาตรัสจบ โหรหลวงก้มลงกราบถวายบังคมทูลว่า
" ขอเดชะ คงต้องรอพระราชสาส์นตอบกลับจากกรุงละโว้ก่อนพระเจ้าข้า "
พระมเหสีทรงยิ้มแย้มคราหนึ่งจึ่งตรัสขึ้น
" ครานี้ลูกต้อยติ่งคงจะได้พระชายาเสียที "
อำมาตย์ได้กราบทูลถามขึ้นว่า
" ไม่ทราบเกล้าว่าเจ้าหญิงแห่งละโว้พระองค์นี้จะทรงพระสิริโฉมเพียงใด "
" งามสิ ต้องงามแน่ๆ "
" ได้ยินมาว่าทรงเฉลียวฉลาดและห้าวหาญทีเดียวนะ ครานี้ลูกเราคงจะได้ชายาที่เหมาะสมกัน "
พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงพอพระทัยยิ่ง
ฉับพลันกันนั้นเอง...
พระสุรเสียงของเจ้าฟ้าต้อยติ่งก็ดังสนั่นไปทั่วท้องพระโรงแห่งนั้นว่า
" ไม่พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ "
ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปมองยังต้นกำเนิดเสียงเป็นจุดเดียวกัน ซึ่งเจ้าฟ้าต้อยติ่งได้เสด็จเข้ามาด้วยพระอารมณ์ขุ่นเคือง ฝ่ายพระมเหสีทรงมีพระดำรัส
" ต้อยติ่งลูกแม่ "
พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงลุกขึ้นจากพระราชบัลลังก์พลางตรัสว่า
" ลูกจะขัดคำสั่งพ่อรึ "
" ลูกเพียงแต่ต้องการจะทำตามใจตนเองโดยไม่มีผู้ใดมาชักจูง "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัสตบ พระเจ้ากรุงอโยธยาทรงขบพระทนต์กรอดๆ จนปุยฝ้ายต้องทูลขึ้น
" ทูลกระหม่อม... "
" ไม่ต้อง... ปุยฝ้าย เราอยากจะพูด "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงหันมาจ้องตาปุยฝ้ายจนนางต้องถอยไป จากนั้นจึงทรงหันมาทางพระราชบิดาพลางตรัสต่อไปอีกว่า
" ลูกขอบอกว่าลูกไม่ประสงค์จะอภิเษกกับผู้ใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะเจ้าหญิงแห่งละโว้ผู้นั้น นอกจากนี้ลูกยังขอประกาศให้ทุกคนทราบอีกว่า ลูกได้ส่งราชสาส์นไปยังละโว้เพื่อบอกเลิกข้อความต่างๆในพระราชสาส์นของเสด็จพ่อแล้ว "
" หา !! "
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงเป็นที่ยิ่ง
" ทำไมลูกถึงทำเช่นนั้น "
พระมเหสีตรัสด้วยพระสุรเสียงสั่นเครือ เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงหันมาทางพระราชบิดาพลางตรัสไปว่า
" ลูกขอบอกว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ลูกก็จะไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะร่ำเรียนวิชาคาถาเวทมนตร์กับเจ้าเกาะมหัศจรรย์อย่างแน่นอน "
พระเจ้ากรุงอโยธยาได้สดับดั่งนั้นก็ทรงพิโรธจัด ก่อนจะทรงยกพระหัตถ์ขึ้นชี้ไปยังประตูท้องพระโรงในทันใดพลางทรงมีพระดำรัสลั่น
" ออกไป !! ..... อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งดวงพระเนตรแดงก่ำ ทรงถลำพระวรกายเสด็จอาดๆ ออกจากท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังแห่งนั้นไปโดยไม่ตรัสอันใดอีก
" ลูกแม่ ... "
พระมเหสีทรงร้องคราหนึ่งจึงทรงทรุดพระวรกายลงบนพระแท่นที่ประทับพลางทรงร่ำไห้ออกมาคราใหญ่ จนปุยฝ้ายต้องเข้าปรณนิบัติพัดวี
เจ้าฟ้าต้อยติ่งเสด็จออกมายังภายนอกท้องพระโรง ทรงหันไปยังคำเกิด ก่อนตรัสไปว่า
" พาเราไปให้ไกลที่สุด "
" พะย่ะค่ะ "
- - - - - - - - -
เรือหงส์ อันเป็นเรือพระที่นั่งของเจ้าฟ้าต้อยติ่งค่อยๆเคลื่อนออกจากท่าไปตามลำน้ำอย่างช้าๆ โดยมีคำเกิดเป็นนายท้ายเรือคู่พระทัย พร้อมด้วยเหล่าฝีพายชายฉกรรจ์ผู้เจนงานทั้งหลายกว่า 50 นาย
เมื่อเรือเคลื่อนมาได้สักพักใหญ่ พลันปรากฏเมฆหมอกสีดำสนิทเลื่อนมาปกคลุมไปจนทั่วท้องฟ้าแห่งนั้น แล้วกระแสลมกระแสน้ำก็เริ่มโหมรุนแรงขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวกับมีเวทมนตร์เข้ามาครอบงำอย่างนั้น
จากกระแสน้ำที่กระเพื่อมรุนแรงได้ทำให้เรือหงส์ของเจ้าฟ้าต้อยติ่งนั้นโคลงไปมาอย่างน่าหวาดกลัว เหล่าฝีพายและคำเกิดผู้เป็นนายท้ายเรือ ต้องใช้ความสามารถและความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการประคับประคองเรือให้แล่นไป
" เกิดอะไรขึ้น ? "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัสมาจากบัลลังก์กัญญาอันเป็นที่ประทับมีหลังคาและตั้งอยู่กลางเรือพระที่นั่งนั้น
" ขอเดชะ กระแสน้ำปั่นป่วนมากพะย่ะค่ะ ข้าพระองค์จะพยายามนำเรือเข้าฝั่งโดยเร็ว "
คำเกิดกราบทูลจบจึงเร่งรีบคัดท้ายเรือโดยพลัน ท่ามกลางกระแสคลื่นที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรือโยกไหวไปมาและน้ำก็ซัดสาดเข้ามาทั้งสองข้างของลำเรือ ซึ่งฝีพายทุกนายต่างพยายามต้านแรงกระแสน้ำอันหฤโหดนั้นใด้ได้ แต่ก็สุดจะรั้งอยู่ เพราะเรือพระที่นั่งมีขนาดเล็กเกินกว่าจะรับกระแสคลื่นอันรุนแรงเช่นนี้ได้ "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงเล็งเห็นถึงข้อด้อยในจุดนี้ ดังนั้นจึงทรงมีพระดำรัสลั่นลำเรือว่า
" เอาพายขึ้นให้หมด เราจะสละเรือ "
คำเกิดและบรรดาฝีพายต่างหันมามองพระองค์เป็นจุดเดียว
" อะไรนะพะย่ะค่ะ "
คำเกิดย้ำ
" พวกเราไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ให้สละเรือเดี๋ยวนี้ "
ตรัสจบ คำเกิดอาจหาญขัดขืนพระราชบัญชา เขากลับจ้วงพายลงน้ำฉับๆ และพยามคัดท้ายเรือต่อไป ฝ่ายฝีพายทั้งหลายที่พากันหยุดไป ครั้นพอเห็นคำเกิดตั้งหน้าคัดท้ายเรือต่อไปก็หันมาจับพายจ้วงลงน้ำกันอีกครา
เจ้าฟ้าต้อยติ่งเมื่อทรงเห็นดังนั้นจึงทรงขัดเคืองเป็นยิ่งนัก ทรงมีพระดำรัสลั่น
" ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งเหรอ บอกให้สละเรือ "
ตรัสจบทรงผุดขึ้นจากพระที่มายังเบื้องหน้า จนคำเกิดต้องตะโกนขึ้นว่า
" อย่าพะย่ะค่ะ ทรงประทับอยู่เช่นเดิมเถิด ประเดี๋ยวจะทรงได้รับอันตราย "
จากนั้นฝีพายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นว่า
" พระองค์ทรงรักเรือหงส์ลำนี้ดุจชีวิต พวกเราก็เช่นกัน "
" พวกเราจะช่วยกันรักษาเรือปงส์ไว้พะย่ะค่ะ "
ฝีพายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม ด้วยเหตุฉะนี้ เจ้าฟ้าต้อยติ่งจึงทรงมีพระดำริอยู่ครู่จึงตรัสว่า
" ดี... ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็จะขออยู่เผชิญชะตากรรมร่วมกันกับพวกเจ้าต่อไป "
ฝีพายทั้งหมดเร่งพายกันต่อ โดยฝีพาย 3 คนด้านท้ายเรือได้ลุกขึ้นยืนจ้วงพายเพื่อความถนัด ต่างช่วยกันคัดท้ายเรือเพื่อไม่ให้ลำเรือเฉไฉหมุนวนไปมากกว่าเดิม
กระแสน้ำเพิ่มความรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น ในขณะที่สายฝนมากมายก็พรั่งพรูลงมาพร้อมๆกับท้องฟ้าที่คำรามกึกก้อง
ฉับพลัน...
กระแสน้ำวกกลับไปยังอีกทางหนึ่งดั่งจงใจ จนเรือหงส์เอียงโค้งไปอีกทางอย่างฉับพลันอันเป็นผลให้ฝีพายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านท้ายเกิดเสียหลักพลัดตกน้ำไป ท่ามกลางความตกใจของฝีพายบนเรือ ซึ่งเสียงร้องของเขาก็ดังระงมครวญครางอยู่ครู่ก็ขาดหายไปพร้อมๆกับร่างที่จมลงสู่ใต้ท้องน้ำ
เจ้าฟ้าต้อยติ่งทรงมิอาจนิ่งเฉยอยู่ได้ ทรงผุดขึ้นจากพระที่ก่อนทรงหยิบพายขึ้นจ้วงน้ำแทนที่ฝีพายผู้โชคร้ายคนนั้น คำเกิดได้หันมาตะโกนขึ้นว่า
" อย่าพะย่ะค่ะ ทรงกลับไปเถิด จะทรงได้รับอันตราย "
" ไม่... เราจะช่วยพวกเจ้า "
เจ้าฟ้าต้อยติ่งตรัส
ทันใดกันนั้นเอง...
กระแสน้ำพลันรวมตัวกันแล้วหมุนวนจนบังเกิดเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่และดึงดูดเอาเรือหงส์ลอยไปตามกระแสน้ำอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก่อนจะพุ่งเข้าสู่ใจกลางวังน้ำวนในทันที
จบตอนที่ 14 โปรดติดตามต่อตอนที่ 15
จากคุณ :
misterpolice
- [
5 ก.พ. 49 16:37:35
]