CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Life In a Week : ลูกที่ไม่ยอมโต

    ลูกที่ไม่ยอมโต


    ผมเริ่มต้นเขียนต้นฉบับของสัปดาห์นี้เมื่อเวลา 22.25 น. ของค่ำคืนวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์..  วันที่มีการชุมนุมประท้วงขับไล่นายกรัฐมนตรีที่มีชื่อว่า 'ทักษิณ ชินวัตร' ให้ลาออกจากตำแหน่ง

    เวลาสี่ทุ่มกว่า การชุมนุมประท้วงนี้ยังคงดำเนินอยู่  ถามว่าผมทราบได้อย่างไร?

    ผมทราบได้ด้วยเพราะเปิดเครื่องรับโทรทัศน์รับชมและฟังการรายงานข่าวทางช่องสถานีโทรทัศน์ 'เนชั่นแชนแนล' ซึ่งขณะนี้ยังคงตามเกาะติดสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่องมากว่าสองชั่วโมงแล้ว  คุณผู้หญิงของบ้านได้ขยายความให้ฟังว่า  เขารายงานมาทั้งวัน ตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุม  ไม่ใช่แค่กว่าสองชั่วโมงที่ผมเปิดเครื่องรับ  เธอขยายความต่ออีกว่า  ช่องรับช่องอื่นแทบไม่มีการรายงานข่าว  ถึงมีบ้างแต่ก็ไม่ต่อเนื่อง  แน่ละ..  ก็เมื่อช่องสถานีเหล่านั้นล้วนอยู่ในความดูแลของรัฐบาลเป็นหลัก  ใครบ้างที่อยากให้ใช้เครื่องมือของตัวเองมาว่า  มาประท้วงตนเอง

    ผมเห็นด้วยกับความคิดของเธอ  ไม่น่าเชื่อว่า 'ปรากฏการณ์สนธิ' จะทำให้เธอแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ออกมาได้  ผมชอบ--ชอบความคิดที่มีเหตุและผลของเธอ  ซึ่งนานๆครั้งเราสองคนจะได้มีโอกาสสนทนาเรื่องการเมืองกันสักครั้ง

    แล้วการณ์ก็ปรากฏเป็นจริงอย่างทีคุณผู้หญิงของบ้านว่า..  ผมกดรีโมทเปลี่ยนช่องรับไล่ลงไปเรื่อยตั้งแต่ช่องสาม ห้า เจ็ด เก้า และไอทีวี (independent television) ล้วนมีแต่ละคร  รายการขำขัน  รายการคัดเลือกดาวดวงใหม่  ส่วนช่องสิบเอ็ดผมยกผลประโยชน์ให้ เพราะติดการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลเยอรมัน

    กลับไปยังต้นเรื่องดีกว่า..  ผมไม่ได้มีความต้องการอยากเขียนถึงการนำเสนอรายการของสถานีโทรทัศน์ของเมืองไทย--ของกองทัพบก  นัก (ธุรกิจ) การเมือง  และของรัฐบาล





    การชุมนุมประท้วงยังคงเป็นไปอย่างสงบและราบรื่น  ทางด้านคุณสนธิก็ได้เข้ายื่นฎีกาที่บ้านสี่เสาเทเวศน์แล้ว  รอเพียงการแถลงว่ายืนยันว่าใครเป็นผู้รับ  ซึ่งฟังจากการรายงานข่าวนั้นบอกว่าไม่ใช่ประธานองคมนตรี  เป็นแต่เพียงตัวแทนของท่านที่ออกมารับ

    ถ้าการณ์เป็นเช่นนั้นจริง  ในทัศนะส่วนตัวผมมองว่านั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประธานองคมนตรี  เป็นการแสดงออกถึงการดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง  เพราะถ้าหากออกมารับด้วยตนเองแล้วนั่นก็เท่ากับว่าท่านมีความเอนเอียงไปกับผู้ชุมนุม  และถ้าไม่ออกมารับก็เท่ากับว่าดูเหมือนท่านไม่รับรู้ฟังเสียงของประชาชน - ผู้ชุมนุม  และอาจทำให้พวกเขาเหล่านั้นพาลคิดไปได้ว่า 'ท่าน' เห็นแก่หน้าของรัฐบาล - นายกรัฐมนตรี

    การส่งผู้แทนมารับฎีกาแทนจึงเป็นการอะลุ้มอล่วย  แสดงถึงการรับฟังและรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย  ไม่เอนเอียงเข้าหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

    หากการยื่นฎีกาของผู้นำการประท้วงจะผิดจากความต้องการต้องการในเบื้องต้นไปบ้าง  คือ  ต้องการยื่นให้ท่านประธานองคมนตรีโดยตรงก็ไม่ควรจะเสียใจ หรือเสียความตั้งใจในการดำเนินงานต่อ  แต่ควรจะตระหนักและสำนึกใส่หัวเอาไว้เป็นอย่างยิ่งว่า นี่คือ 'พระมหากรุณาธิคุณ' อย่างที่สุดที่ทรงพระราชทานให้

    ประธานองคมนตรีนั้นเปรียบเสมือน 'ผู้แทน' องค์พระมหากษัตริย์  ความสำคัญข้อนี้จงอย่าลืมเลือน  หากคุณตัดพ้อน้อยใจประธานองคมนตรีก็เท่ากับคุณได้ตัดพ้อพระองค์ท่าน

    และหากเจตนารมณ์ที่จะถวายมอบพระราชอำนาจคืนให้กับพระองค์ท่านนั้น  หากท่านมิทรงปรารถนาจะรับ  คุณก็ควรจะยุติการชุมนุมประท้วงอย่างโดยเร็ว  ให้สมกับที่คุณได้ใช้คำว่า 'ทำเพื่อพระมหากษัตริย์' กล่าวอ้างในการนี้มาอย่างตลอด  ซึ่งในทัศนะของผมนั้นไม่เห็นด้วยเลยกับการกล่าวอ้างเหตุผลเช่นนี้  เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าพวกเราจำนวนมากมายนั้นไม่มีความสามารถ  มีปัญญาที่จะขบคิดแก้ไขปัญหากันเอง..

    ทำไมถึงคิดโยนภาระปัญหาบ้านเมือง - การเมืองไว้ให้กับพระองค์ท่านแต่เพียงผู้เดียว!





    รายการวิทยุ 'นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน' ออกอากาศในเช้าวันที่ 4 ก.พ. ตอนหนึ่งนายกฯกล่าวว่า

    "...ผมไม่สามารถลาออกได้...ผมไม่สามารถทรยศกับผู้ที่เลือกให้ผมมาบริหารประเทศนี้ได้...ไม่มีใครสามารถมาบอกให้ผมลาออกจากการเป็นนายกฯได้...จะมีเพียงคนเดียว  ไม่ต้องบอกในที่นี้ก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร..."  เงียบ  เว้นกลืนน้ำลายลงคอ  "ในหลวงกระซิบบอกผมเท่านั้นว่าให้ลาออก ผมก็พร้อมออกทันที..."

    ฟังอย่างผ่านๆเหมือนดูเข้าที แต่เมื่อคิดพิจารณากับทุกถ้อยคำพูดก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

    จาบจ้วง  หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกแล้วท่านนายกฯ--หากท่านไม่ขยายความในตอนท้าย!

    นักการเมืองอย่างท่านมิทราบหรอกหรือว่า 'พระมหากษัตริย์' นั้นทรงอยู่เหนือกฎหมาย และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..  สิ่งที่นักการเมืองอย่างพวกท่านนั้นได้ร่วมกันบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรตราไว้รัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทยตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ.2475 เป็นต้นมา  เช่นนี้แล้วนั้นนายกฯกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรว่า 'เพียงพระองค์ท่านกระซิบกับผม'!

    ไม่ทราบว่ากี่ครั้งแล้วที่นายกฯคนนี้ได้กล่าววาจา 'จาบจ้วง' องค์พระมหากษัตริย์





    23.58 น.--อีกสองนาทีเที่ยงคืนล่วงเข้าสูเช้าวันอาทิตย์  ขบวนกลุ่มผู้ประท้วงยังคงปักหลักกันอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าตามเจตนารมณ์หรือไม่ผมมิอาจทราบได้  เนื่องจากผมปิดเครื่องรับโทรทัศน์ไปร่วมหนึ่งชั่วโมงแล้ว

    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่  ในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์ผมปรารถนาขออย่าให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุม และขอให้เดินทางกลับบ้านหลังจากใส่บาตรตอนเช้าแล้วโดยสวัสดิภาพกันถ้วนทุกคน  และหากผลของการชุมนุมแสดงพลังในครั้งนี้จะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ความต้องการ  ผมขอให้คุณสนธิกลับมาดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมพินีต่อไป  พร้อมกับผลักดันเรื่องการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญข้อใหญ่ใจความสำคัญแรก  เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ไม่กระดากใจครับ  หากจะทำการเรียกร้องใดๆแล้วยกเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเหตุผลข้ออ้างในครั้งต่อไป
     
    แต่เห็นว่าจะเป็นการดีที่สุด  หากเราจะไม่ไปรบกวนพระองค์ท่าน--'พ่อหลวง' ของแผ่นดินของพวกนั้น ท่านได้ทำงานหนักมากว่า 60 ปีแล้ว  ลูกๆอย่างเราต่างคนต่างมีความรู้  มีการศึกษาเพียงพอที่จะใช้ปัญญาขบคิดแก้ไขปัญหาต่างได้  แล้วไยถึงต้องผลักภาระให้พ่อเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

    หรือเราโตแต่ร่างกาย  แต่จิตใจนั้นกลับไม่  เอะอะก็เรียกร้องให้พ่อช่วยด้วยเสียทุกครั้ง  ทำเช่นนี้บ่อยๆครั้งเข้าแล้วเมื่อไหร่พวกเราจะโตกันเสียที!  



    ด้วยมิตรภาพ
    4 กุมภาพันธ์ 2549

    จากคุณ : อานันท์-โจนาธาน - [ 6 ก.พ. 49 00:26:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป