เรื่องสั้น
ลุงทองที่รัก
ดึกสงัด ลมพัดกรูเกรียวพาเอาความเย็นเยือกเข้ามา ผสมกับความหนาวที่แสนหนาวอยู่แล้ว ให้เย็นเฉียบยิ่งขึ้น ผมขดตัวให้งอก่อลงไปอีก หนาวเหลือเกิน.........อากาศบ้าบออะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยพบเคยเห็นเลย หนาวจนปวดกระดูกกระเดี้ยวไปหมด
เจ้าแดงกับเจ้าหมึกที่นอนสุมอยู่ข้าง ๆ ผม ขยับตัวพร้อมกับครางออกมาเบา ๆ เสียงของมันสั่นสะท้านอย่างน่าสมเพช ท่านอาจจะไม่มีโอกาสได้รู้สึกถึงความทารุณอย่างนี้หรอก ถ้าท่านกำลังนอนอยู่บนฟูกที่แสนจะอ่อนนุ่ม ภายใต้ผ้าห่มผืนโตเบ้อเริ่ม ขนาดที่พวกผมสามารถจะซุกหัวนอนได้ตั้งฝูงอย่างนั้น แม้ท่านที่อยู่นอกบ้านก็คงจะได้พอกเสื้อขนสัตว์ หรืออย่างเลว ๆ ก็สักหลาดหนาเปอะ ที่จะให้ความอบอุ่นได้อย่างพอเพียงทีเดียว
จะมีผู้ที่เข้าอกเข้าใจในความทรมานของลมหนาวในเวลานี้ นอกจากพวกผม ๆ ก็เห็นจะเป็นพวกกระจอกงอกง่อย ที่อาศัยอยู่ในกระต๊อบโย้เย้ หลังคาพะเยิบพยาบ โดยมีแต่เสื่อขาด ๆ และผ้าที่ใกล้จะเป็นผ้าขี้ริ้วคลุมร่างอยู่เท่านั้น ที่ยังหนุ่มยังสาวหรือเด็กรุ่นคะนองก็คงจะไม่กระไรนัก แต่คนแก่ ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเอาใจใส่......อย่าง......อย่างลุงทองนี่ซิ จะทนอยู่ได้ยังไงหนอ.........ลุงทองที่น่าสงสาร
ไม่มีใครในกลุ่มที่อาศัยท้องถนนเป็นที่พำนักพักพิง ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งซุกหัวนอนอย่างพวกเรา ที่จะไม่รู้จักลุงทอง..........ลุงทองผู้มีแต่ความสนุกสนานร่าเริง และเต็มไปด้วยความเมตตาปราณี อันเป็นคุณสมบัติที่ออกจะหาได้ยากยิ่ง ในสมัยที่ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาแก่งแย่งชิงดี
ชนิดตัวใครตัวมันอยู่ในขณะนี้ พวกเราทั้งรักและกตัญญูต่อลุงทองอย่าง...อย่าง.....ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี รู้เพียงแต่ว่าเราจะยินดีตายแทนแกได้ทีเดียว ถ้าถึงคราวจำเป็นขึ้นมา
ไม่มีใครบอกได้ถึงประวัติดั้งเดิมของลุงทอง ว่าแกเป็นใครมาแต่ไหน พอพวกเราเกิดมาก็ได้เห็นแกด้อม ๆ วุ่นวายอยู่กับพวกเราอย่างเดี๋ยวนี้แล้ว แกไม่มีเมียไม่มีลูกและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก แกอยู่ในโลกอย่างเดียวดายแท้ ๆ และถึงจะไปถาม เฒ่าดอก ซึ่งมีอายุมากกว่าพ่อของเจ้าแดงเป็นกอง ก็คงจะเล่าให้ฟังไม่ได้เหมือนกัน เคยได้ยินบางคนว่าแกเคยเป็นมหาดเล็กอยู่ในวัง บางคนก็ว่าแกเคยข้ามน้ำข้ามทะเลไปรบในต่างประเทศมาแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งข้อหลังนี้อาจจะมีความจริงอยู่บ้าง เพราะดู ๆ แกช่างชอบชีวิตทหารเสียจริง ๆ แม้แต่เสื้อกางเกงของแกที่เก่าคร่ำคร่า และมีรอยปริอยู่ทั่วไปนั้น ก็ยังพอจะมองออกว่า เมื่อก่อนนั้นได้เคยเป็นเครื่องแบบทหารมาแล้ว
เกือบทุกครั้งที่ทหารลงสนามฝึก แกชอบจะไปยืนดูอยู่ได้ครั้งละนาน ๆ ในแววตาของแกจะแสดงความชื่นชมในสมรรถภาพของอาวุธใหม่ ๆ และระเบียบวินัยของเหล่าทหารอย่างจริงใจ และโดยเหตุที่แก.........และแน่ละ ต้องรวมทั้งพวกเราด้วย ได้มีนิวาสถานอยู่ในบริเวณอันเป็นที่ตั้งของหน่วยทหาร ดังนั้นในเวลาเย็น ๆ ที่พวกทหารว่างจากการฝึกหัด ลงเตะตะกร้อกัน แกก็จะต้องมีส่วนได้ร่วมวงด้วยเสมอ ๆ พวกทหารก็เช่นเดียวกับพวกเรา คือไม่มีใครเกลียดแก แม้ว่าแกจะเตะผิดเตะถูกทำให้ตะกร้อตาย สียบ่อย ๆ จนเป็นที่ล้อเลียนของใคร ๆ เขาเหล่านั้นก็ยังยินดีที่จะให้แกเข้าร่วมวงด้วยเสมอ
ในเวลาเหล่านั้นจะเห็นได้ชัดว่า แกยังกระฉับกระเฉง และรื่นเริงผิดกว่าวัยและสังขารของแกอย่างน่าประหลาด ในบางครั้งที่แกโหม่งตะกร้อด้วยศีรษะอันอัตคัดผมของแก แล้วพลาด ก็จะเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากเหล่าทหารทั้งในวงและนอกวง ตลอดจนตัวแกเองได้อย่างครื้นเครงทีเดียว และใคร ๆ ก็มักจะยุให้แกโหม่งเสมอ เพื่อที่จะได้นั่งหัวเราะกันให้ครึกครื้นบ่อย ๆ ดู ๆ แล้วก็ไม่เห็นจะมีใครเกลียดแกได้สักคนเดียวนอกจาก...........นอกจากพวกแม่ค้าที่ตลาด
พวกแม่ค้าที่ตลาดนี่ร้ายนักเชียว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงตั้งหน้าตั้งตาเกลียดแกเสียเป็นหนักหนา เวลาแกเดินผ่านไปก็มักจะได้ยินเสียงบอกกันด้วยความเอือมระอา บางคนก็ไล่เอาดื้อ ๆ คราวหนึ่งผมเห็นมากับตาเองทีเดียว แกแวะเข้าไปที่ร้านขายขนมร้อนหนึ่งเพื่อขอน้ำดื่ม ยายแม่ค้าตักน้ำมาให้ด้วยอาการไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ดูราวกับว่าเชื้อโรคจะกระโดดเกาะติดขันน้ำของแกไปอย่างนั้นแหละ ลุงทองดื่มน้ำแล้วก็ยังคงนั่งพักร้อนอยู่ ปากก็ชวนคุยซักถามถึงการทำมาค้าขายตามนิสัยของแก ผลที่ได้รับก็คือเสียงตะเพิดใส่
จะไปไหนก็ไปเสียเถอะตาทอง อย่ามัวตะบิดตะบอยอยู่เลย
ยายคนนั้นล้วงหยิบเหรียญสองสลึงออกมาวางโป๊กลงตรงหน้า สำทับว่า
เอ้าเอาไป แล้วกรีบลุกไปเสีย ฉันจะได้ขายของของฉันบ้าง มานั่งอยู่อย่างนี้ใครเขาจะเข้าร้าน
ลุงทองหน้าม่อยลงทันที แกลุกออกมาโดยดี มิอกำเหรียญอันนั้นแน่น ดูเถอะ.....มนุษย์เรา เขามองกันแต่เครื่องแต่งกายภายนอกเท่ารนั้นเอง ใครจะรู้บ้างว่าภายในเสื้อผ้าที่คร่ำแขรอะของลุงทองนี้ น้ำใจของแกอาจจะสะอาดบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่า พวกผู้ดีที่แต่งตัวสวย ๆ อยู่บนรถเก๋งนั่นเสียอีก.....ลุงทองผู้น่าสงสาร............
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
6 ก.พ. 49 08:57:41
]