CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    พ่อมดเจ้าเล่ห์ ผู้ตามหากระจกเงา

    พ่อมดเจ้าเล่ห์ ผู้ตามหากระจกเงา

    ณ ดินแดนแห่งเทพนิยายที่เพรียบพร้อมด้วยสรรพสิ่งที่มนุษย์หลายคนใฝ่ฝัน แต่สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง บนดินแดนของเทพนิยาย เขากับรู้สึกเหมือนชีวิตขาดบางสิ่งบางอย่างไป และสิ่งที่เขารอคือ ความรักนั่นเอง สิ่งที่จะมาเติมเต็มความรู้สึกของเขาได้ ชายคนนี้มีนามว่า “พ่อมดเจ้าล่ห์”

    เมื่อก่อนพ่อมดเจ้าเล่ห์ อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์ และชื่อเดิมของเขาก็คือ “พ่อมด” ธรรมดาเพียงเท่านั้น แต่ไอ้คำว่า “เจ้าเล่ห์” เป็นฉายาที่แม่มดหลายคน พร้อมใจกันเติมให้เขา เพราะคารมอันคมคายในการเจรจาพาที การเลือกคบหาดูใจแม่มดที่ละหลาย ๆ คน แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่มีใครเติมเต็มหัวใจของเขาได้เสียที

    กระทั่งวันหนึ่ง ข่าวลือของดินแดนแห่งเทพนิยาย ที่มีตำนานอันยาวนานในเรื่องของการตามหารักแท้ก็มากระทบหูพ่อมดเจ้าเล่ห์ ดินแดนที่หลายคนเข้าไปแล้วได้พบรักแท้ ที่สามารถเติมเต็มบางส่วนของชีวิตที่ขาดหายได้ พ่อมดเจ้าเล่ห์จึงไม่รอช้าที่จะเดินทางสู่ดินแดนแห่งนั้น

    ชีวิตของพ่อมดเจ้าเล่ห์ เริ่มต้นด้วยคำว่า “พรหมลิขิต” คำ ๆ เดียวที่ทำให้เขาได้รู้จักกับกระจกใสหลายบาน ได้มีความสุข ความทุกข์ร่วมกันกับกระจกใสเหล่านั้น
    พ่อมดเจ้าเล่ห์ เดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพนิยาย ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถตามหาความรักที่ทำให้ชีวิตของเขาถูกเติมเต็มสักที และเมื่อเขาเดินเข้าสู่ประตูแห่งดินแดนเทพนิยาย ได้เจอกับนกกางเขนตัวหนึ่งเอ่ยทักทายเขาว่า

    “หวัดดีพ่อมดเจ้าเล่ห์... ท่านมาเยือนดินแดนแห่งเทพนิยานี้เพื่ออะไรกัน”

    “เจ้าทักเราหรือ!!! นกกางเขน”

    “จะเป็นใครกันได้เล่า... เมื่อมีท่านและข้าอยู่ตรงนี้เท่านั้น”

    “เราได้ยินมาว่า ผู้ที่มาเยือนดินแดนแห่งนี้ จะสามารถตามหารักแท้ที่ต้องการได้”

    “ท่านก็คงเหมือนกับคนอื่น ๆสินะ ที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน แต่รู้ไหม ผู้ที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ใช่ว่าจะสามารถตามหาความรักได้ทุกคนหรอกนะ แต่ถ้าท่านมีความมุ่งมั่นที่จะตามหาจริง ข้าจะแนะนำให้”

    “สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือ การตามหากระจกใส ซึ่งในดินแดนแห่งนี้มีเป็นล้านบานให้เลือก และท่านมีเวลาทั้งชีวิต ที่จะเลือกบานที่ท่านคิดว่าเหมาะกับท่านที่สุด แต่กระจกใสบานที่ท่านเลือกต้องคู่ควรจะเป็นของท่านจริง ๆ นะ”

    “และเมื่อวันนั้นมาถึง ท่านจะรู้สึกได้เองว่า ชีวิตของท่านได้ถูกเติมเต็ม ด้วยความรักที่ขาดหายไป และท่านจะสามารถเดินออกจากดินแดนแห่งเทพนิยายนี้ได้ด้วยความสุข แต่ถ้าท่านหมดความหวัง ในการตามหากระจกใสบานที่ควรเป็นของท่าน ก็ควรออกจากดินแดนแห่งนี้ไปเสีย เพราะคนที่สิ้นหวังจะไม่สามารถตามหากระจกใสแห่งรักที่จะมาเติมเต็มความรู้สึกได้”

    “ขอบใจเจ้ามากนกกางเขน... ที่แนะนำสิ่งที่เราควรรู้”

    “ไม่เป็นไรหรอกท่าน นี่เป็นหน้าที่ของข้า ที่ต้องแนะนำผู้มาเยือนดินแดนแห่งเทพนิยาย ขอให้ท่านโชคดี เจอกระจกใสที่ควรเป็นของท่านในเร็ววัน”

    หลังจากพ่อมดเจ้าเล่ห์ ได้คุยกับนกกางเขน เขาก็เดินทางด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมไป ยังเมืองแรกแห่งดินแดนเทพนิยาย

    เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวชอุ่มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ บานสะพรั่งต้อนรับผู้มาเยือนทั้งหลาย เมื่อพ่อมดเจ้าเล่ห์เยียบย้ำเข้าสู่ผืนดินแห่งนี้ เขาได้พบกับกระจกใสบานหนึ่งสวยงามมาก มันช่างดูเพรียบพร้อมสำหรับเขาซะเหลือเกิน กระจกใสบานนี้ เป็นกระจกที่อ่อนหวาน งดงามด้วยสรีระได้สัดส่วน

    พ่อมดเจ้าเล่ห์ใช้เวลาทำความรู้จัก เรียนรู้กระจกใสบานนั้น ด้วยความสุข และความทุกข์ระคนกันไปสักระยะหนึ่ง แต่เมื่อพ่อมดเจ้าเล่ห์เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ กลับพบว่ากระจกใสบานนั้นไม่สามารถส่องสะท้อนเงาเขาได้ ฉะนั้นกระจกบานนี้คงไม่ใช่กระจกสำหรับเขาแน่
    เมื่อคิดได้เช่นนั้น... พ่อมดเจ้าเล่ห์จึงเดินทางไปอีกเมืองหนึ่ง

    การเดินทางใช้เวลาไม่นาน ก็ถึงเมืองที่สอง เมืองที่แห้งแร้งด้วยทะเลทรายรายล้อม มีแต่แสงแดดแผดเผา แต่พ่อมดเจ้าเล่ห์ก็ได้เจอกับกระจกใสอีกบานจนได้ กระจกใสบานนี้มีคำพูดที่อ่อนหวาน ไพเราะจับใจเขาไม่น้อย เหมือนดังน้ำทิพย์ ที่หยดลงบนหัวใจที่แห้งแร้ง พ่อมดเจ้าเล่ห์จึงคิดว่า นี่แหละคือกระจกใส่สำหรับเขาอย่างแน่นอน แต่เมื่อเขาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ กลับพบว่ากระจกใสบานนั้นไม่สามารถส่องสะท้อนเงาของเขาได้อีกเช่นเคย ฉะนั้นกระจกบานนี้คงไม่ใช่กระจกสำหรับเขา

    เวลาผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นหลายปี พ่อมดเจ้าเล่ห์ยังคงเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ใช้เวลาที่มีกับกระจกใสบานแล้วบานเล่า มีความสุข และความทุกข์ปะปนกันไป และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็กลับพบว่ากระจกใสเหล่านั้น ก็ไม่สามารถส่องสะท้อนเงาของเขาได้ เขาจึงคิดว่ากระจกใสเหล่านั้น ก็คงไม่ใช่กระจกสำหรับเขาอีกเหมือนเคย

    ทุกวันนี้ พ่อมดเจ้าเล่ห์ยังคงเดินตามหากระจกใสบานที่ควรจะเป็นของเขาอยู่ จากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่งไปเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไปแล้วกว่า 30 ปี และยังคงต้องตามหาต่อไป

    ฉันคงต้องจบนิทานเรื่องนี้แบบไม่แฮปปี้สักเท่าไหร่ เพราะทุกวันนี้พ่อมดเจ้าเล่ห์ก็ยังตามหากระจกใสบานที่คู่ควรไม่เจอ ไม่ใช่พ่อมดเจ้าเล่ห์ตนนี้ไม่ฉลาดหรอกนะ แต่เขาไม่รู้วิธีตามหากระจกใสที่ควรจะเป็นของเขา

    ตราบใดที่พ่อมดเจ้าเล่ห์ ยังไม่รู้จักวิธีทำให้กระจกใสบานใดก็ตาม กลายเป็นกระจกเงาสำหรับเขา พ่อมดเจ้าเล่ห์ตนนี้ก็ยังคงต้องตามหากระจกใสอยู่เช่นนั้น เพราะความรักที่พ่อมดเจ้าเล่ห์ต้องการก็คือ คนที่รักในตัวตนที่เขาเป็น เข้าใจในตัวเขาจริง เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนความเป็นตัวเขาเท่านั้นเอง

    ทว่า... การจะทำให้กระจกใสกลายเป็นกระจกเงาก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพียงแค่นำสีทึบ ๆ ไปทาที่กระจกด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ความรักก็เหมือนกัน หากเรียนรู้ที่จะมอบความรักให้กับใครก็ตามด้วยความจริงใจ และมอบให้กับคนที่เห็นคุณค่าในความรักนั้นจริง ๆ แล้ว กระจกใสก็จะกลายเป็นกระจกเงาในทันที

    คุณคงเริ่มสงสัยว่า...ฉันเป็นใครกันแน่!!! ถึงรู้จักพ่อมดเจ้าเล่ห์ตนนี้ดีนัก

    ความจริง ฉันเป็นกระจกใสบานหนึ่งที่เผอิญหลุดเข้ามาในดินแดนแห่งเทพนิยาย และฉันก็ไม่ได้รู้จักพ่อมดเจ้าเล่ห์ตนนี้ดีนักหรอก สิ่งที่ฉันเล่าให้พวกคุณฟัง เป็นเพียงภาพของพ่อมดเจ้าเล่ห์ที่สะท้อนในกระจกใสของตัวฉันเท่านั้น

    แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจ ไม่รู้ว่าพ่อมดเจ้าเล่ห์ตนนี้จะรู้บ้างหรือเปล่าก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาคือ สิ่งที่สวยงามเสมอ ถึงแม้บางครั้ง สิ่งเหล่านั้นจะทำให้พ่อมดเจ้าเล่ห์ หัวเราะเสียงดัง สนุกสุดเหวี่ยง หัวใจเต็มอิ่มไปด้วยความรัก เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย หงอยเหงาเศร้าสร้อย จนต้องเสียน้ำตาในบางโอกาสก็ตาม แต่มันก็มีแง่มุมที่สวยงามแอบแฝงมาด้วยเสมอ

    เรียบเรียงจินตนาการ และความคิด
    โดย... ธัญวา

    จากคุณ : ธัญวา - [ 8 ก.พ. 49 10:55:14 A:221.128.116.218 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป