PANTIP.COM : W4089833 Brokeback Mountain :: หุบเขาเร้นรัก...เอามาแปลให้ได้ลองอ่านกันดูครับ [เรื่องแปล]

ความคิดเห็นที่ 1

Original Title :: Brokeback Mountain

Author :: Annie Proulx

ชื่อเรื่อง :: หุบเขาเร้นรัก (ตามชื่อหนังซึ่งถ้าจำไม่ผิดคุณโตมรเป็นคนตั้งนะครับ)

แปลโดย :: Aekio

หุบเขาเร้นรัก

เอ็นนิส เดลมาร์ตื่นตั้งแต่ยังไม่ทันห้าโมงเช้า สายลมที่พัดผ่านมาทำให้บ้านล้อเลื่อนส่ายโคลงเกิดเป็นเสียงหวีดหวิวของสายลมลัดเราะเข้ามาตามประตูอลูมิเนียมและบานหน้าต่าง ชุดต่างๆ ถูกแขวนอยู่บนหมุดของเครื่องระบายอากาศที่สั่นไหวอยู่น้อยๆ เขาลุกขึ้นเกาขนอ่อนสีเงินบริเวณหน้าท้องและหัวหน่าวของตัวเอง จากนั้นก็เดินลากเท้าไปยังเตาแก๊ซ เทกาแฟที่เหลืออยู่ลงไปในกะทะที่รอยโลหะเคลือบแหว่งเว้าออกไปบ้างแล้ว เปลวเพลิงห่อหุมมันไว้ด้วยสีน้ำเงินฉ่า เขาบิดหัวก๊อกน้ำเปิดแล้วปล่อยปัสสาวะลงไปในอ้างล้างหน้า แล้วก็คว้าเอาเสื้อและกางเกงยีนของเขามาใส่แล้วสวมเท้าเข้าไปในรองเท้าเก่าคร่ำคร่าของเขา จากนั้นก็เคาะมันกับพื้นเพื่อให้เข้าที่ สายลมพัดผ่านไปใต้ส่วนโค้งยาวของบ้านล้อนี้ ลึกลงไปในนั้น เขาได้ยินเสียงก้อนกรวดทรายถูไถไปมา มันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่สำหรับบ้านล้อเลื่อนบนทางด่วน เขาจึงเพิ่งจะเคลื่อนตัวออกจากที่นั่นมาเมื่อตอนเช้า อีกครั้งที่ฟาร์มปศุสัตว์ยุ่งวุ่นวายกับการค้าขาย พวกเขาส่งม้าคอกสุดท้ายออกไปกับเรือ แจกจ่ายเงินของเมื่อวันก่อนให้กับทุกๆ คน แล้วเจ้าของก็จะพร่ามว่า “โก่งราคาให้งามๆ เลยละ ฉันออกไปข้างนอกก่อน” แล้วก็ทิ้งกุญแจไว้ในมือของเอ็นนิส บางทีเขาอาจจะต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับลูกสาวที่แต่งง่านแล้วจนกว่าเขาจะได้งานใหม่ แต่กระนั้นเขาก็ยังระบายความสุขให้ตัวเองได้เพราะแจค ทวิส อยู่ในผันของเขา

กาแฟเหม็นหืนเดือดพร่านแล้วแต่เขาก็คว้ามันเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหกเรี่ยราด เขาเทมันลงไปในถ้วยกาแฟสกปรก แล้วเป่าไปที่ของเหลวสีดำนั่น ปลดปล่อยตัวเองให้อยู่ในห้วงความฝันต่อ ถ้าเพียงแค่เขาไม่พยายามเป็นกังวนกับมันแล้ว ป่านนี้มันอาจจะเติมเชื่อเพลงให้คืนวันของเขา แต่งเติมไฟแห่งความอบอุ่นให้กับวันเก่าๆ บนหุบเขาอันหนาวเย็นในตอนที่พวกเขาเคยเหมือนจะเป็นเจ้าของโลกทั้งใบและไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งผิด สายลมถาโถมเข้าใส่บ้านล้อเลื่อนราวกับขยะเป็นตันหล่นลงมาจากรถขนขยะ จากนั้นก็เริ่มผ่อนลง แล้วก็สูญสลายไป เหลือทิ้งไว้เพียงช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ

พวกเขาเติบโตมาบนฟาร์มเล็กๆ ซอมซ่ออีกมุมหนึ่งของเมือง แจค ทวิสอาศัยอยู่ในไลท์ติ้งแฟลททางตอนบนของด่านมอนทาน่า ส่วนเอ็นนิส เดลมาร์นั้นอยู่แถวๆ เสจ ใกล้ๆ กับเส้นแบ่งเขตแดนอูทาธ์ ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับไฮสคูล ส่งผลให้ต้องตรากตรำทำงานหนักและขาดแคลนความรู้ เด็กทั้งสองต่างมารยาททราม พูดจาหยาบคาย ถูกเสี้ยมสอนให้ใช้ชีวิตตามปรัชญาของโซอิค เอ็นนิสผู้ซึ่งถูกเลี้ยงดูโดยพี่ชายและพี่สาวของเขาหลังจากที่พ่อแม่ขับรถออกมาเพียงโค้งเดียวของถนนเดดฮอร์สแล้วทิ้งพวกเขาไว้พร้อมกับเงินจำนวนยี่สิบสี่ดอลลาร์และที่ดินติดจำนองอีกสองแห่ง ได้เริ่มชีวิตการงานของเขาด้วยวัยเพียงสิบสี่ปีที่มีความยากลำบากในชีวิตของเขาเองเป็นใบรับรองจนทำให้เขาได้มีโอกาสขับรถหลายชั่วโมงจากฟาร์มไปโรงเรียน รถกะบะคันนั้นเก่าเหลือเกิน ไม่มีเครื่องทำความร้อน มีที่ปัดน้ำฝนหน้ากระจกเพียงข้างเดียวพร้อมกับล้อรถที่เสื่อมแล้ว กว่ามันจะตกทอดมาถึงเขา เขาเองก็ไม่มีเงินพอที่จะซ่อมแซมมันได้ เขาเคยอยากที่จะเป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่รถคันนั้นก็ดันมาพังเร็วไปหน่อย ส่งผลให้เขาต้องทำงานในฟาร์มอย่างเต็มเวลา

ในปี 1963 ตอนที่เขาได้พับกับแจค ทวิส เอ็นนิสก็ได้หมั้นกับเอลมา เบียร์สไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งแจคและเอ็นนิสต่างก็อ้างกับตัวเองว่าจะเก็บเงินไว้เพื่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในกรณีของเอ็นนิสนั้นหมายถึงกล่องยาสูบที่ต้องแรกมาด้วยธนาบัตรห้าดอลลาร์สองใบ ฤดูใบไม้ผลินั้นเอง ด้วยความกระหายงาน พวกเขาก็ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัทจัดหางานฟาร์มและปศุสัตว์ ทั้งสองยื่นเรื่องพร้อมกันในตำแหน่งคนเลี้ยงสัตว์และผู้ดูแลแคมพ์ให้กับฟาร์มเลี้ยงแกะทางตอนเหนือ แสงแห่งฤดูร้อนทอดผ่านแนวไม้บนพื้นที่ของกรมป่าไม้บนภูเขาโบรคแบ็ค นี่ดูเหมือนจะเป็นหน้าร้อนบนภูเขาครั้งที่สองของแจค ทวิส แต่เป็นครั้งแรกของเอ็นนิส ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 19:48:10
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 18:43:10
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 18:29:45
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 18:07:53
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 17:54:06

[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]

จากคุณ : Aekio - [ 8 ก.พ. 49 17:47:26 ]