CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สวัสดีปีใหม่ 49

    สวัสดีปีใหม่ 49

    ๑๙–๑๒–๔๘
    ซา-หวัด-ดี-ปีใหม่   อีกครั้งหนึ่งถึงจะช้าไปหน่อยนะคะ  ปีนี้ที่บริษัทฉันจะจัดงานปีใหม่  ตอนแรกจะจัดในวันที่ ๒๕  ซึ่งเป็นวันคริสต์มัส  แต่ปรากฏว่า  น้อง ๆ นักเรียนสัมมาสิกขาจะต้องเดินทางไปเตรียมงานปีใหม่ตลาดอริยะเลยเลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ ๑๙–๑๒–๔๘ เพื่อให้น้อง ๆ ได้อยู่ร่วมงานด้วย

    บริษัทของฉันเป็นฐานงานให้นักเรียนสัมมาสิกขาได้มาฝึกงานต่าง ๆ  เกี่ยวกับด้านพาณิชย์   มีเด็กฐานทั้งหมด 5 คน  เรียนอยู่ ม. ๑  คนหนึ่ง  อีก ๔ คนเรียนชั้น ม. ๔  เด็กจะต้องมาเข้าฐานช่วงเช้าเวลา ๖.๓๐ น. จนถึง ๘.๓๐ น.  เด็ก ๆ จะออกจากฐานไปขึ้นศาลาฟังธรรม  พร้อมรับประทานอาหาร  กลับมาเข้าฐานอีกครั้งเวลา ๑๑โมงจนถึง  บ่าย ๒.๑๕ น. ครูฐานผู้ดูแลเด็กจะมาพูดคุยกับเด็ก ๆ ทุกวัน  ก่อนปล่อยออกจากฐานไปเข้าเรียนเวลา บ่าย ๓ โมงเย็นถึง ๕ โมงเย็น

    เราเข้าบรรยากาศงานปีใหม่กันเลย….

    ช่วงเช้าน้อง ๆ สัมมาสิกขาพอว่าง  ก็รีบจัดเตรียมสถานที่  ตกแต่งประดับประดา   เราจัดงานกันที่โกดังสินค้า  ฉันรีบเคลียร์งานประจำวัน  แต่ก็ยังไม่เสร็จอยู่ดี  ตอนบ่ายเริ่มห่อของขวัญ  ของขวัญปีนี้ที่ฉันเอามาจับฉลากเป็นผ้าพันคอ  ห่อด้วยกระดาษดับเบิ้ลเอสีแดงแป๊ดเหมือนปีที่แล้วเลย  แต่งโบว์เองเหมือนเดิม  เก๋ไก๋มากเหมือนเดิม…ขอบอก(อีกที)  จนลูกน้องต้องเอาตามอย่างลูกพี่เลย  ฮี่…ฮี่…  เสร็จก็เริ่มห่อของขวัญส่วนกลาง  กับของคนที่เอามาให้ช่วยห่อ  ห่อ ๆ ไปเกิดอาการเครียด  แล้วก็มีโทรศัพท์ถึงฉันตลอดให้หงุดหงิดรำคาญใจ  เพราะว่าเราไม่ได้ปิดร้านยังเปิดทำการอยู่  ที่เริ่มเครียดเพราะดูเวลากับของขวัญแล้ว  คงทำไม่ทันกันแน่ ๆ  โชคดีตอนเย็นพี่เมย์มาช่วยห่อ  ว่าจะโทรบอกเขาให้มาร่วมงานยังลืมเลย  ได้แต่คิดไว้ในใจ  แหม…น่าจะโทรเรียกให้มาช่วยห่อของขวัญตั้งแต่เช้าแล้ว  ห่อของขวัญเสร็จค่อนข้างช้า  มีน้อง ๆ สัมมาสิกขาฯ  มาช่วยทำบัตรจับฉลาก  ติดหมายเลขของขวัญ  ดีจังเลย  (ค่อยยิ้มออกหน่อย)  แล้วก็ทยอยขนของขวัญลงไปที่บริเวณงานตั้ง 6 โมงเย็นกว่าแล้ว  จัดวางของขวัญอย่างเป็นระเบียบ แบ่งโซนตามหมายเลข  เพื่อง่ายต่อการค้นหา  ซื้อริบบิ้นมาทำโบว์ห่อของขวัญ  ไม่ได้ใช้เลย  เพราะไม่มีเวลาจะทำ  น้อง ๆ ช่วยกันดีมาก ๆ  ฉันเลยสบายไม่ต้องทำอะไร  เด็ก ๆ ดูตื่นเต้นกับของขวัญ  คอยดูแล  จัดการอย่างเอาใจใส่  

    คนที่มาร่วมงานจากบริษัทใกล้เคียง  เพื่อนบ้านที่รู้จัก  ญาติธรรมต่าง ๆ  ก็แวะมาร่วมงาน  นำของขวัญมาร่วมจับฉลาก  ที่วางของขวัญคือกระสอบข้าวที่เอามาวางซ้อน ๆ กัน   มีคอมพิวเตอร์ไว้คาราโอเกะอยู่ตรงกันข้ามกัน

    ฉันเพิ่งได้กินข้าวตอนเย็นนี่เอง  เมนูเด็ดได้แก่  ขนมจีนน้ำยา  กับน้ำยาป่า  อันนี้กินไม่ทันเขา  หมดก่อน  ว้า…เห็นบอกกันว่าอร่อยมาก  ได้กินผัดกระเพราะร้อน ๆ  อร่อยถูกใจมาก ๆ  ข้าวร้อน ๆ นุ่ม ๆ  กินกับผัดกระเพราะร้อน ๆ  หืม…สุดจะบรรยายได้ถึงความอร่อยอย่างลงตัว  อิอิ    จะกินราดหน้าก็ไม่ทันเขาอีก  หมดก่อน  เหลือแต่เส้นราดหน้า  ได้กินวุ้นกระทิ  ลูกค้าที่ส่งของทำมาร่วมรายการ  มีแพนเค้กธัญพืช  ฝรั่ง  นอกนั้นกินไม่ลง  อิ่มมาก ๆ  กินข้าวไม่ค่อยลงไม่รู้เป็นอะไร  แต่ว่าเดินไปตักอาหาร  ๓-๔ รอบนะ  แฮ่…แฮ่…  

    ฉันพยายามลงโปรแกรมนิคคาราโอเกะมาหลายวัน  จนถึงวันงานก็ยังลงไม่สำเร็จ  เพราะซาวด์การ์ดมันไม่ยอมรับกับโปรแกรม  น้องชายคนเก่งก็ติดงานไปส่งของให้ลูกค้า  แต่แก้ปัญหาคือ  คุณสมพงษ์จะมาเล่นดนตรีในงานจะกลับไปเอาเครื่องดนตรี  เครื่องเสียงที่บ้านฉันมา  น้องฉันเลยให้เอาซีพียูของที่บ้านมาเปิด  ก่อนถึงวันงานฉันกับลูกน้องซ้อมร้องเพลงกัน  ว่าจะมาโชว์กะเขาซักกะหน่อย  ซัก ๓-๔ เพลงก็พอ  ฮี่ ๆ   ปรากฏว่า  ถึงเวลา  จอคาราโอเกะ  ไม่ว่างเลยแฮะ  มีคนจับจองร้องเพลงเป็นแถว  แน่นตลอด  คิวยาวเชียว  ไมล์ไม่ว่างซะเลย  มีไมล์ลอยตั้ง 4 อัน  ไม่ว่างซักกะอัน เลยไม่ร้องดีก่า  อิอิ  

    ฉันเจอนายพล(เขาเป็นใบ้)  ถามเขาว่าไม่ร้องเพลงเหรอ  เขาส่ายหน้า  แล้วนึกได้ว่าเขาพูดไม่ได้  ชี้มือว่าฉันแกล้งใหญ่เลย  ฮา….

    ของขวัญเยอะมาก  มีร้อยกว่าชิ้นแหนะ  บางคนได้จับตั้ง ๒ รอบแหนะ  มีน้องคะทาชรเอาแชมพูมาให้ ๑ ลัง  ๓๐ ขวด  มีป้าคนหนึ่งเอานมแลคตาซอย ๑ โหลมาให้จับฉลาก  ให้แยกเป็นกล่อง ๆ  ตอนที่พิธีกรจำเป็นกล่าวว่า  ใครที่อายุ ๓๐–๔๐ ปี  ให้ออกมาจับฉลากได้  ฉันก็เลยวางจานข้าว  แล้วออกไปจับฉลาก  ในใจภาวนาว่า  เพี้ยง!  อย่าจับได้แชมพูกับนมเล้ย!! เพี้ยง!! (แชมพูที่บริษัทขายพนักงานสามารถเบิกใช้เป็นสวัสดิการได้อยู่แล้วอ่ะ)  ปรากฎว่า  ฉับจับได้กล่องมือถือ  พี่เมย์ดีใจมาก ๆ  เมื่อเห็นฉันจับได้กล่องนี้  ทำเอาฉันพลอยตื่นเต้นดีใจไปด้วย  นึกว่าฉันจับได้มือถือน่ะสิ!  จริง ๆ มันมีแต่กล่องไง  ฮา…  สรุปว่าฉันได้ที่ใส่ซีดีเป็นรูปแฮมเบอร์เกอร์  กับถ้วยพลาสติก ๑ ใบ  แล้วก็การ์ดอวยพร  

    งานเลิกประมาณ  ๓ ทุ่ม  ก็เก็บข้าวของ  คะทาชรขับรถเอาเครื่องเสียงและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปส่งถึงบ้านฉันเลย  น้องชายคนนี้  เป็นอภิชาตบุตร  สามารถทำให้พ่อแม่มาศึกษาธรรมะได้  ทำให้พ่อแม่ปฏิบัติธรรมได้  เรียกว่าสามารถทำให้พ่อแม่ดวงตาเห็นธรรมได้  กินมังสวิรัติทุกคน  พ่อแม่จะตัดสินใจทำอะไร  หรือมีปัญหาตกลงกันไม่ได้  ต้องให้คะทาชรตัดสิน  ต้องถามความเห็นลูกชายตลอดทุก ๆ เรื่อง  น่าชื่นชมมาก ๆ  แบบนี้เรียกว่า  ทดแทนบุญคุณพ่อแม่หมดแล้ว  สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณของพ่อแม่ได้  เยี่ยมมาก ๆ  ที่หลังบ้านน้องชายคนนี้  ปลูกผักสวนครัว  เช่น  ถั่วฝักยาว  อร่อยมาก  ฝักอวบ  รสหวานมาก   ปลูกแบบธรรมชาติ  ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี  ถามเขาว่า  ปลูกขายเหรอ  เขาบอกว่า  ไม่ครับ  แจกครับ  ขนมาให้ ชมร. ทำอาหารขายประจำ  ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงก็ให้ไปเอาขี้แพะได้ฟรี  เกิดการช่วยเหลือ  ให้แบ่งปันกัน  ที่บ้านสกลนคร  พ่อกับแม่ก็ปลูกแตงโมอร่อยมาก ๆ  ไร้สารพิษ  แต่ปลูกให้วัด  ไม่ขาย  โห!  เก็บ ๆ กองไว้  มีคนมาขโมยอีกต่างหาก  ประทับใจน้องเขามาก ๆ เลย

    ๒๙–๑๒–๔๙
    เช้านี้ตื่นตี ๕ เศษ  เตรียมเดินทางไปราชธานีอโศก  พอรถบัสออกเดินทาง  ฉันก็หลับตามระเบียบ  ประมาณ ๙ โมงไปถึงลำตะคอง  สวนท้าวสุรนารี  เราไปหาที่หม่ำกันที่ก้อนหินเหมาะ ๆ ก้อนหนึ่ง  หินก้อนนั้นทำหน้าที่เหมือนโต๊ะกินข้าวญี่ปุ่นให้กับพวกเรา  อี่ ๆ  กินเสร็จออกเดินทางต่อ  ถึงราชธานีประมาณเกือบ ๕ โมงเย็น

    ตอนค่ำมีหนังฉายเรื่อง Sister เป็นหนังจีน  อาจจะดูไม่สนุกตื่นเต้น  ดำเนินเรื่องง่าย ๆ ไปเรื่อย ๆ  แต่ถ้าดูดีดีเป็นหนังที่ให้ข้อคิดกับเด็ก ๆ ที่ยังอยู่วัยเรียน  เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งชื่อเซียนหนาน  เขากำลังเขียนจดหมายถึงพี่สาว  เล่าตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักพี่สาว  ในวันที่เขาเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ชนบทอันทุรกันดาร  อยู่ในหุบเขา  ห่างไกลความเจริญ  พ่ออยากให้ลูกรู้จักชีวิตของเด็กชนบท  ที่ชนบทอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่  มีหลาน ๆ อยู่ ๓ คน  เป็นหญิง ๑ คนชื่อเสี่ยวเหม้ย  และชาย ๒ คน  เด็กชายคนหนึ่งเป็นน้องสาวของเสี่ยวเหม้ย  ตอนไปถึงเสี่ยวเหม้ยกำลังแบกฟืนอยู่  เธออายุประมาณ 12 ขวบ  ตัวเล็ก ๆ  เธอไม่ได้เรียนหนังสือ   เพราะพ่อไม่ให้เรียน   ต้องทำงานหนักตั้งแต่เด็ก  มีหน้าที่เลี้ยงเป็ด  ซักผ้า  ทำงานบ้าน   แต่เธอก็ไม่เคยบ่นซักคำเดียว  ไม่เคยเรียกร้องว่าเธอลำบาก  ไม่เคยนั่งน้อยใจกับโชคชะตาของตัวเองที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่น  เงินที่ได้มาต้องเก็บไว้เพื่อให้น้องชายของเธอได้เรียน  

    พ่อของเสี่ยวเหม้ยเป็นคนติดเหล้า  เมียหนีไปเพราะเขาเป็นคนช่างด่า  เดินขากระเพลก ๆ มีอาชีพเอาเป็ดไปขายในเมือง  เวลาเสี่ยวเหม้ยทำอะไรไม่ถูกใจ พ่อจะตบหน้า  และทุกครั้งที่ถูกตบตี  เลือดกำเดาจะไหล  

    หลังจากเสี่ยวหนานเดินทางไปถึง  ก็ทำตัวเป็นหัวโจก  คุยโอ่ถึงความร่ำรวย  วัตถุข้าวของที่ตนเองมี  อยากได้อะไรพ่อจะซื้อให้  เดี๋ยวจะให้พ่อซื้อโน่นซื้อนี่ให้  พ่อของเสี่ยวหนานธุรกิจมีปัญหา  ต้องรีบกลับก่อน  ตอนนั้นเซียนหนานไปเล่น  เสี่ยวเหม้ยจึงไปเดินตามหา  พอตามเจอก็บอกว่า  พ่อจะกลับแล้วให้ไปหาด่วน  พวกเด็กผู้ชายก็ไม่เชื่อหาว่า  เสี่ยวเหม้ยโกหก  พากันหัวเราะเยาะ  ทำให้พ่อเซียนหนานรอไม่ได้  ต้องกลับก่อน  

    ระหว่างที่เสี่ยวเหม้ยเลี้ยงเป็ด  จะแอบเอาหนังสือที่ซ่อนไว้ในโพรงหญ้ามาหัดอ่าน  ตอนค่ำเธอจะแอบหัดคัดลายมือ  ถ้าพ่อเธอมาเห็นว่าเธอหัดอ่านหนังสือ  หรือเขียนหนังสือจะถูกตบ  หนังสือที่เธอเขียนจะถูกฉีกทิ้งเป็นชิ้น ๆ  พวกเด็กผู้ชายที่ได้เรียนกลับเอาแต่หนีไปเล่น

    เด็ก ๆ พากันไปเล่นขโมยเอาไข่นกมา  แล้วพากันไปขโมยเป็ดที่เสี่ยวเหม้ยเลี้ยงไว้มาฟักไข่นก  ตอนที่เสี่ยวเหม้ยเผลอหลับไป  พอเธอตื่นมานับเป็ดดูก็รู้ว่าหายไปตัวหนึ่ง  เธอรีบวิ่งออกตามหาไปทั่ว  ตะโกนร้องเรียกเป็ดตลอดเวลา  เด็กผู้ชายได้แต่มองเธอวิ่งหาเป็ดไปมา  ไม่ยอมบอกว่าเป็ดอยู่ที่ไหน  เอาเป็ดไปซ่อนไว้  จนเป็ดตาย  เมื่อพ่อกลับมา  เธอถูกพ่อตบตี  เลือดกำเดาออก  ทุกครั้งที่ถูกเด็ก ๆ แกล้ง  เธอไม่เคยฟ้องใคร  ไม่เคยพูดแก้ตัวซักคำเดียว  ไม่เคยบอกว่าใครเป็นคนทำที่แท้จริง  เป็นคนอดทนมาก  วันนั้นฝนตกหนัก  เธอล้มป่วยลงจนต้องส่งโรงพยาบาล  หมอบอกว่า  เม็ดเลือดขาวเธอมีน้อยมาก  ต้องใช้เงินรักษามากเป็นแสน ๆ  

    ครอบครัวของเธอยากจนเกินกว่าจะมีเงินรักษา  คนในครอบครัวพยายามเลี่ยไรเงินจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน  จนถึงในตำบล  เซียนหนานเสียใจมาก  เอาเงินที่มีติดตัวทั้งหมดมาให้  โทรไปหาพ่อ  ให้เอาเงินมาช่วยรักษาเธอ  ไปเฝ้าไข้  และสัญญากันว่า  ถ้าเธอหาย  จะพาเธอไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้  เสี่ยวเหม้ยมีความตั้งใจว่า  เธออยากจะทำงานมีเงินเยอะ ๆ  อยากพาพ่อไปเซี่ยงไฮ้  ไม่อยากให้พ่อกินเหล้า  เธอรู้ว่า พ่อเธอกินเหล้าเพราะคิดถึงแม่  ถ้าพ่อเธอเลิกกินเหล้ายังไม่ได้    เธออยากพาพ่อไปกินเหล้าแพง ๆ เหมือนคนอื่น  แต่เธอก็ไม่อาจทำอย่างที่ตั้งใจไว้ได้  เธอเสียชีวิต  เซียนหนานได้แต่เสียใจ  เขาเขียนจดหมายถึงเสี่ยวเหม้ยเพื่ออยากจะขอโทษกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เคยแกล้งเธอต่าง ๆ นา ๆ  สัญญาว่าจะตั้งใจเรียน  เป็นคนดี    เขาก็ได้แต่เขียนจดหมายถึงพี่สาว  พี่สาวที่ไม่มีวันจะได้อ่านมัน  ดูไปน้ำตาคลอไป  แฮ่…

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 9 ก.พ. 49 00:16:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป