CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ซาก...........(ตอนที่ 3)

    ตอนที่แล้ว

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4062432/W4062432.html


    +++++++

    ชาติเป็นแรกที่วิ่งไปถึงประตูก่อนขณะกำลังจะจับลูกปิดประตู ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสุดาจนแสบแก้วหู พอหันกลับไปดู คนสวนหนุ่มถึงกับตัวเย็นเฉียบ

    หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังพยายามดึงอะไรบางอย่างที่มีระยางค์เกะกะมองเผินๆ เหมือนแมงมุมยักษ์ซึ่งกำลังเกาะคอเสื้อออกอย่างอุตลุด

    มือนรกนั่นเอง ...ไม่รู้ว่ามันดีดตัวเข้ามาคว้าคอเสื้อไว้ได้อย่างไร  ชาติกลัวก็กลัว แต่ความเป็นห่วงชู้รักรุ่นพี่มีมากกว่า จึงตัดสินใจกัดฟันคว้าข้อมือขาดด้วนนั้นบีบและกระชากเต็มแรง   มือนรกหยุ่นเหนียวหากเย็นเฉียบเหมือนมือคนตาย ให้ความรู้สึกขยะแขยงทั้งสยดสยองและน่าพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน

    มือปีศาจปล่อยคอเสื้อของสุดา ทำท่าจะหันมาเล่นงานคนสวนหนุ่ม แต่เขารีบเหวี่ยงมันลงบนพื้นสุดแรง แล้วตามไปกระทึบซ้ำหลายครั้งราวคนเสียสติอันเนื่องมาจากความหวาดกลัว และความบ้าเลือดประทุขึ้นมาจนเกินพิกัด

    แต่เสียงร้องอย่างเจ็บปวดกลับดังมาจากร่างซึ่งกำลังดิ้นทุรนทุรายบนเตียง ร่างผอมซีดแห้งกรังนั้นบิดเบี้ยวไปในลักษณะผิดรูปผิดลักษณ์และผิดธรรมชาติ เห็นแล้วชวนขนลุกขนพองสยองขวัญที่สุด

    “หนีเร็ว.....”

    เสียงสุดาร้องลั่นสนั่นหู ชาติได้สติ เปิดประตูออก ดึงแขนหญิงสาวและเผ่นออกอย่างรวดเร็ว

    “ลงไปชั้นล่าง”

    สุดาร้องบอกอีกครั้งเพราะรู้สึกว่าอยู่ชั้นเดียวกับซากสยองนั่นไม่น่าจะเป็นผลดีอย่างแน่นอน เหตุการณ์ซึ่งผ่านมาไม่ผิดอะไรกับฝันร้ายอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงจนเหลือเชื่อ

    ขณะลงบันได คนสวนหนุ่มสะดุดขาตัวเองกลิ้งโครมครามลงไปยังชั้นล่าง ท่ามกลางความตกใจของสุดา  ซึ่งวิ่งเข้าไปประคองดูอาการ แสงจากชั้นบนยังคงสาดสว่างลงมาถึง พอที่จะทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของชายหนุ่ม

    “ขาของผมคงแย่แล้วพี่ “

    ชาติบอกอาการด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววแห่งความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด มือกุมเข่าซ้ายซึ่งหักพับทำให้ท่อนขาบิดไปในทิศทางที่ไม่น่าเป็นไปไม่ได้
    “พี่ดาต้องหาทางออกจากบ้านหลังนี้ ถนนปากทางเข้ามีรถมอเตอร์ไซด์ผมจอดอยู่ พี่ดาต้องไปเอามันมา แล้วเราจะหนีออกจากบ้านผีๆ นี่กันเสียที”

    ชาติยื่นมือส่งลูกกุญแจรถให้ด้วยมืออันสั่นเทา สุดาแทบอยากจะขาดใจตาย หรือบ้าตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดในตอนนั้น คนที่คิดว่าจะพึ่งพาความเข้มแข็งและพละกำลังของวัยหนุ่ม กลับมีอันเป็นไปก่อนเธอเสียด้วยซ้ำ บัดนี้ภาระหนักนรกแตกทั้งหลาย  ต้องตกมาอยู่ที่เธออย่างช่วยไม่ได้

    เธอหันไปมองรอบๆ นึกโมโหตัวเองที่ไม่เปิดไฟชั้นล่างเอาไว้ ทำให้มองไปทางไหนก็พบแต่ความมืดอันเยือกเย็นอ้างว้าง บ้านชั้นล่างที่แสนคุ้นเคยตอนนี้กลับกลายเป็นเป็นสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคยอีกต่อไป แสงสว่างตอนนี้ก็มีเพียงแสงไฟจากชั้นบนซึ่งส่องเป็นทางลงมาจากบันได ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นทางเชื่อมไปยังอเวจี เพราะยังไม่ทันจะทำอะไรก็ได้ยินเสียงย่ำทึบๆ หนักๆ ดังมาจากชั้น บนทำเอาสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมาจากอก

    เงาดำอะไรบางอย่างโผล่พ้นขึ้นมาจากบันไดชั้นบนสุดอย่างช้าๆและบีบคั้นความรู้สึก  แม้ว่าจะมองไม่ถนัดชัดเจนเพราะแสงไฟสาดมาจากด้านหลังจนทำให้เป็นร่างเงาตะคุ่ม  ร่างแบบนั้นก็คุ้นความรู้สึกเหลือแสน

    “มันตามมาแล้ว.......”

    เสียงของชาติฟังแทบไม่ได้ศัพท์ พยายามถีบตัวแบบลืมเจ็บถอยหลังกรูดหนีออกไป จนแผ่นหลังปะทะกับผนังคอนกรีตอันเย็นเฉียบ  แต่เหงื่อกลับทะลักหลั่งไหลจนเสื้อเปียกชุ่มโชก  เขารู้ว่านั่นอย่างไรก็ไม่ใช่คน แต่ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไร จะว่าเป็นภูตผีปีศาจก็คงยังมีตัวตนเห็นชัดๆและผีแบบนี้ปู่ย่าตายายไม่เคยเล่าให้ฟังเลย

    สุดาเองก็มีอาการแห่งความหวาดกลัวสุดขีดแทบไม่ต่างจากชู้รักเท่าไร   แข้งขาอ่อนปวกเปียกแทบไม่มีแรงพยุงร่างกายจนซวนเซไปพิงผนัง

    “พวกแก..ทำอะไรกันฉัน....”

    เสียงร่างนรกนั้นแผ่วโหย แต่ทั้งสองกลับฟังชัดเจนราวกับมาพูดอยู่ข้างหู

    “มันเจ็บขนาดไหนรู้ไหมพวกแก......”
    ร่างนั้นค่อยๆ โผล่พ้นบันใดยืนเต็มตัว  เป็นเงาดำสั่นระริกไหวบิดเบี้ยวไปมาอย่างน่าสยดสยอง
    “มันทรมานขนาดไหน....ที่เห็นร่างกายของตัวเอง...หลุดออกมาทีละชิ้น.....โดยที่ยังมีชีวิต...มันทรมานและน่ากลัวขนาดไหน..พวกแกรู้ไหม....”

    หลังจากยืนโงนเงน สั่นประสาทครู่หนึ่ง  ร่างนั้นก็ถึงฤกษ์ถึงยามล้มฟาดโครม กลิ้งลงมาตามบันไดแบบเดียวกันกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดกับชาติแทบไม่มีผิดเพี้ยน

    สุดาร้องสุดเสียง วิ่งเตลิดออกไปแบบคนสติแตก ชนกับโต๊ะเก้าอี้ซึ่งน่าจะอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นล้มโครมครามล้มระเนระนาด แต่ตอนนั้นเธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในความคิดคือต้องหนีออกไปจากบ้านนรกนี้ให้ได้เท่านั้น มรดกทรัพย์สินเงินทองที่เคยอยากได้ตอนนี้หายลับดับสูญไปจนหมดสิ้น มือทั้งสองคลำเปะปะไปในความมืดราวคนบ้า ขอเพียงพบประตูหรือหน้าต่างสักบานเท่านั้น เธอก็จะหลุดออกไปจากห้วงแห่งความสยดสยองนี้  เหมือนจะได้ยินเสียงร้องของชาติดังยาวนาน แต่สองหูอื้ออึงไปหมดแล้วในตอนนี้ จนยากจะแน่ใจว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่ ทุกอย่างสับสนกดดันปั่นป่วนจนไม่ได้ศัพท์

    ดูเหมือนว่าเธอจะมีโชคอยู่บ้าง มือซึ่งตะกายไปในความมืดสัมผัสกับพื้นผิวที่น่าจะเป็นหน้าต่างสักบาน มันเป็นการรู้ด้วยสัญชาติญาณ ว่านั่นคือหน้าต่าง ซึ่งจะเปิดออกสู่โลกภายนอก ไม่ใช่บ้านอันอับทึบมืดทะมึนน่ากลัวหลังนี้ หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างดีใจจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เพียงแต่เสียงหัวเราะนั่นฟังดูเหมือนคนใกล้บ้าเข้าไปทุกที ใช่....มีหน้าต่างก็ต้องกลอนหน้าต่าง ซึ่งคุ้นเคยดีว่าควรจะอยู่บริเวณใด และเธอก็หามันเจอแล้ว

    แต่ความความหวังของเธอก็พลันดับวูบลงจนโลกมืดและหมุนคว้างไปชั่วขณะ กลอนหน้าต่างไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ไม่ว่าจะออกแรงมากขนาดไหน ดันดึงจนเล็บบางนิ้วฉีกขาดออกมันก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย  ราวกับว่ามันกลายเป็นส่วนผนังของผนังบ้านไปแล้ว

    เสียงหัวเราะพลันกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องอย่างผิดหวังและหวาดกลัว ตอนนี้สุดาเพิ่งรู้ว่าความกลัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร ในความมืดดำรอบด้านซึ่งไม่รู้ว่าอะไรรอคอยอยู่อย่างเงียบกริบ  หรือว่ากำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างมุ่งร้าย สิ่งนั้นอาจบีบคอเธอจนตายหรือกระทั่งฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ หรือแม้แต่ควักตับไตไส้พุงออกมากิน แบบเดียวกับที่ดูในหนังกลางแปลงสมัยเธอเป็นเด็กๆ  ...อะไรก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่มันก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้อยู่แล้ว

    ยิ่งคิดยิ่งประสาทจะเสีย สุดาเริ่มรู้ตัวว่าใกล้บ้าเข้าไปทุกที....

    สู้.......จิตใต้สำนึกของหญิงสาวระเบิดคำๆ นี้ขึ้นมาจากสติสัมปชัญญะที่หลงเหลือ มันเป็นความรู้สึกของคนที่หวาดกลัว จนเปลี่ยนเป็นความกล้าหรือความบ้าแบบสุดขีด หนีไม่ได้ก็ต้องสู้ให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่จะเอาอะไรมาสู้ล่ะ........ห้องครัว... .ใช่....ที่นั่นมีสิ่งของซึ่งน่าจะเป็นอาวุธอยู่หลายอย่าง มีดทำครัวเล่มยาว มีดสับเนื้อเล่มใหญ่ คร หรือไม้ตีพริกสักชุด  กระทะสักใบ หรือแม้แต่แก้วน้ำถ้วยชามทั้งหลาย ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือหาห้องครัวให้พบ จะได้ทำศึกให้ถล่มทลายกันไปข้างหนึ่ง

    ความคิดสู้พอบังเกิด เรี่ยวแรงก็ตามมา สุดาพยุงตัวเองขึ้นมาจากความท้อแท้สิ้นหวัง แม้ว่าพลังที่ฉุดขึ้นมาจะเป็นพลังแห่งความบ้าคลั่งก็ตาม  ถ้าคลำผนังไปเรื่อยๆ ก็ต้องเจอห้องครัวจนได้ เพราะถึงบ้านจะหลังใหญ่โตปานใด ชั้นล่างก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนจนจะนึกไม่ออกว่าควรจะไปทางไหน เพียงแต่ตั้งสติให้ดีเท่านั้น

    ฝนทำท่าจะตกหนักอีกครั้ง แสงสายฟ้าแลบเป็นระยะๆ ทะลุกระจกช่องลมเข้ามาทำให้สุดาเริ่มสังเกตได้ว่าตนเองอยู่บริเวณใดของบ้าน ส่วนคนสวนหนุ่มชู้รักเดี๋ยวค่อยหาทางติดตามดูอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตะเกียงหรือไฟฉายเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดพอๆ กับอาวุธ

    แสงสายฟ้าสว่างจ้าผ่านกระจกช่องลมอีกครั้ง คราวนี้สว่างมากเป็นพิเศษ และอึดใจต่อมาเสียงกึกก้องกัมปนาทจนบ้านทั้งหลังสะเทือนก็ติดตามมาจนแก้วหูแทบแตก สุดาบอกกับตัวเองว่าคราวนี้ฟ้ามันจะต้องผ่าลงส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านอย่างแน่นอน เพราะเธอรู้สึกถึงพลังงานไร้สภาพมหาศาลอย่างหนึ่งผ่านตัวเธอไปอย่างรวดเร็ว และในอากาศเหมือนมีกลิ่นเหม็นไหม้จางๆ กระจายไปทั่วบ้าน และแสงไฟรับหรี่ที่พอจะหลงเหลือจากชั้นบนดับวูบลง บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความมืดสนิท

    สุดาเพิ่งนึกถึงความจริงอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ว่าบ้านหลังนี้ถูกฟ้าผ่ามากเป็นพิเศษ อย่างน้อยกว่ามากกว่าที่ควรจะเป็น ทุกครั้งที่มีลมฝนพายุ คนในบ้านต่างหลบเข้าสถานที่ที่คิดว่าจะปลอดภัยกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยพบในบ้านหลังอื่นๆละแวกนั้นเลย

    เธอนึกถึงคำพูดครั้งหนึ่งของยายปาน ผู้ซึ่งเป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้ และเพิ่งเสียชีวิตไปปีกว่าๆมานี่เอง  ยายปานเป็นคนใช้เก่าแก่คนหนึ่งของเจ้าของบ้านซึ่งติดตามมาจากบ้านหลังเก่า

    “อย่าแปลกใจเลยทุกคน”

    ยายปานเคยพูดอย่างนี้ก่อนที่แกจะเสียชีวิตไม่นาน
    “พวกเราไปอยู่บ้านหลังไหน มันก็จะโดนฟ้าผ่าแบบนี้ล่ะ อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเอง”
    พูดจบ ยายปานก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ยอมตอบคำถามของหลายคนซึ่งพยายามซักถามถึงเหตุผล  สุดาเองก็สงสัยเหมือนกันในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้รบเร้าซักถามอะไร เพราะเธอรู้สึกว่ายายปานกับเธอคล้ายมีม่านอันบางๆ แต่เย็นชาชนิดหนึ่งกางกั้นอยู่ จนทำให้ไม่รู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยกันเลย ทั้งที่สุดาอยู่ในฐานะเจ้านายคนหนึ่งก็ตาม

    “ยายปานแกรักนับถือนายผู้หญิงคนก่อนคนเดียวเท่านั้น...”

    คนใช้หลายคนตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น

    และวันที่ยายปานตาย ฟ้าก็ผ่าลงมาที่ตัวบ้าน จนเกิดไฟไหม้ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุด ทั้งที่ไม่มีเมฆฝนอะไรเลยสักนิดในขณะนั้น เหตุการณ์แปลกๆนี้ทำให้มีเสียงเล่าลือต่างๆ นาๆ ในทางอัปมงคล

    กรอบสว่างแสงอ่อนๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้าผืนผ้าแนวตั้งปรากฏไม่ห่างออกไปมากนัก นั่นเป็นประตูครัว แสงนั่นคงมีใครเปิดไฟอะไรสักอย่าง แต่ต้องไม่ใช่ไฟฟ้าจากหลอดไฟบนเพดานเด็ดขาด เพราะฟ้าผ่าเมื่อครู่คงทำลายระบบไฟฟ้าของบ้านไปแล้ว แต่จะแสงอะไรก็ช่างหัวมัน ขอให้เป็นความสว่าง  ......จะต้องไปตรงนั้น..... แสงสว่างอย่างน้อยก็ดีความมืดมากมายหลายเท่า


    +++

    จากคุณ : Psycho man - [ 11 ก.พ. 49 06:09:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป