CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    "เค้าหาว่าผมเป็นฆาตกร"

    เค้าหาว่าผมเป็นฆาตกร

                                     “บอลโว้ย!...บอล ลูกบอลมากินข้าวมาลูกมา”
    นั่นละครับเสียงพ่อที่แสนดีของผม พ่อที่รักพวกเรา ดูแลเอาใจใส่พวกเราเป็นอย่างดี

                                     ...ตัวผมเองชื่อลูกบอล ผมเป็นสมาชิกตัวหนึ่งในเชื้อสาย ซิบบ้าแคมป์ เป็นหมาที่พ่อผมชอบมาก ตอนผมยังเป็นหมาเล็ก ๆ อยู่ มีคนเอาสตางค์มาให้พ่อผม ๘,000 บาท พ่อผมไม่ยอมขาย พ่ออยากเก็บผมกับพี่สาวเอาไว้พ่อบอกว่า

                                     “นี่เป็นลูกหมาคอกแรกที่พ่อตั้งใจมาก”  

                                     ...ผมอยู่กับพ่อมาหนึ่งปี กับ หกเดือนแล้วครับ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวผมสร้างความวุ่นวายให้กับพ่อผมพอสมควร แต่ก็ทำให้พ่อมีความสุขมากกว่านั้นอีกหลายเท่า จากคนที่เคยเที่ยวกลางคืนกลับบ้านดึก ๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ ตกเย็นมารีบกลับบ้าน กลับมาดูแลพวกผม เมื่อพูดถึงความวุ่นวายแล้ว ผมมีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟัง

                                     ...เมื่อตอนที่พ่อย้ายจาก..พัทยากลับมาอยู่บ้านใหม่ ๆ พ่อหอบหิ้ว ‘Am pitbull’ ตัวเมียมาด้วยหนึ่งตัว..ชื่อแครอท ครั้งแรกที่พ่อก้าวเท้าเข้าบ้าน บ้านของพ่อมีแต่ขี้หมา..
    หน้าบ้าน..หลังบ้านรอบ ๆ บริเวณบ้านเต็มไปด้วยขี้หมา
                                     ...พ่องงมาก พ่อปิดบ้านเอาไว้อย่างดีทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ พ่อเริ่มสำรวจรอบ ๆ บ้าน ถึงได้รู้ว่าบ้านข้าง ๆ ด้านขวาพยายามจะทำบ้านให้เป็น ที่เพราะพันธุหมา ‘บางแก้ว’ แต่การบริหารจัดการไม่ดีพอ บ้านค้านซ้ายยิ่งแล้วใหญ่ เป็นที่รวมหมาพันธุทางทุกสายพันธุ ป้าแกเป็นคนรักหมาด้วยใจบริสุทธิ์ แกจึงเลี้ยงมันทุกตัวที่แกพอจะหาได้ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรใคร

                                     วันรุ่งขึ้นพ่อก็เริ่มสำรวจอย่างจริง ๆ จัง ๆ และซ่อมแซมจุดที่มีช่องโหว่ เพื่อไม่ให้หมาข้าง ๆ บ้านเข้ามาได้ แต่หลังจากนั้นอีกสองวัน พวกมันก็พังรั้วบ้านเข้ามาได้อีก พ่อเลยต้องเดินไปบอกพวกเค้าว่า

                                     “ช่วยดูแลหมาหน่อยครับ พวกมันเข้ามาทำบ้านผมสกปรกไปหมดแล้ว”

                                     แต่คำพูดที่ ทั้งสองบ้านพูดเหมือนกันเลยก็คือ

                                     “ตีมันเลยถ้ามันเข้าไปอีกก็ตีมันได้เลย”


                                     เป็นคำพูดที่พ่อเกลียดมากเพราะพวกเค้าได้แต่พูด แต่เค้าไม่ทำอะไรกันเลย  ก็ยังปล่อยให้หมาของพวกเค้า เข้ามาสร้างความเดือดร้อนอยู่เหมือนเดิม แถมเมื่อรู้ว่าพ่อเลี้ยง ‘pitbull’ ก็ยังพูดจาถากถางว่า

                                     “ไม่เห็นจะดุเลย ลองไห้ฟัดกับ’บางแก้ว’ ซักตั้งไหม”

                                     พ่อผมพูดเสมอว่า

                                     “พ่อไม่ได้เลี้ยงหมาเอาไว้ฟัดกับหมาของใคร”

                                     ...พ่อเลี้ยงพวกผมเพราะว่าพ่อชอบ..ความฉลาด..ความขี้ประจบประแจงของพวกผมพ่อบอกว่า

                                     “หน้าตาเหมือน ‘ซาตาน’ นิสัย ‘คิขุ’ เหมือน ‘พุดเดิ้ล’ ”

                                     หลังจากนั้นมาพ่อก็ไม่ได้พูดถึงปัญหานี้กับใครอีก พ่อก็พยายามแก้ปัญหาของพ่อไป แต่พ่อเป็นคนที่จิตใจดีเกินไป พ่อไม่เคยตีหมาไม่ว่าจะเป็นหมาของใคร พวกมันจึงไม่กลัวพ่อเมื่อพ่อไล่ตะเพิดพวกมัน พวกมันก็วิ่งหนีไป แต่พอพ่อเผลอมันก็เข้ามากันอีก
                                     ...ส่วนแม่แครอท ของผมนะหรือ หึ!..อย่าให้พูดเลยรายนั้นนะวัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ทำสวยท่าเดียว ยิ่งมีตัวผู้มาเที่ยวบ้านด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เอาแต่วิ่ง ‘บิดก้นส่ายสะโพก’ ไปมา เหมือน

                                     “ดัดดรุณีแรกรุ่น ที่เพิ่งพานพบประสพชาย”

                                     วันดีคืนดี ก็โดนเจ้าหมาหมู่กลุ่มนั้นรุมกัดเข้าให้ สู้ก็ไม่ยอมสู้เค้าเอาแต่วิ่งหนีท่าเดียว พ่อก็ต้องคอยระวัง เมื่อ..แม่แครอท เป็น ‘ฮีท’ ก็ต้องคอยเอา..แม่แครอท ไปซ่อน ตอนกลางคืนก็ไม่เป็นอันหลับอันนอนกัน เห่าหอนกัน ‘โขมงโฉงเฉง’ ไปหมด เป็นอย่างนี้เกือบทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า
                                     ...ตอนแม่ผมเป็นสาวใหม่ ๆ แม่เป็นหมาที่ขี้กลัวมากไม่ยอมตอบโต้ใคร เอาแต่วิ่งหนีอย่างเดียว จนคนที่บ้านผมโมโหจับแม่ไปผูกใต้ต้นไม้ ปล่อยให้หมาหมู่รุมกัด..แม่แครอทก็ยังไม่สู้เค้าอยู่ดี จนป้าข้างบ้านแกสงสารต้องออกมาไล่ตีหมาของแก- แกบอกว่า

                                     “สงสารมันเถอะเห่ามันก็ไม่เห่า กัดมันก็ไม่เคยกัดใครอย่าทำมันเลย ไม่เหมือนหมาของป้าเห่ากัน ‘โขมงโฉงเฉง’ ไปหมด บางทีเที่ยววิ่งไล่กัดเด็ก ๆ ที่เดินผ่านหน้าบ้านของป้าจนต้องเสียเงินค่าทำขวัญมาหลายรอบแล้ว”


    ...............................................................................


                                     ...วันเวลาผ่านไปเกือบ ๒ ขวบปีเห็นจะได้ วันนั้นวันที่พ่อไปเจอพ่อหมาของผม พ่อบอกว่ามันเป็นอะไรที่เข้าตามาก จนพ่ออดใจไว้ไม่ไหว ต้องเข้าไปคุยกับคุณตาเจ้าของ พ่อหมาของผม พ่อบอกว่าคุณตาเป็นคนใจดี ต้อนรับพ่ออย่างเต็มที่ในฐานะคนที่รักหมาพันธุเดียวกัน แล้วคุณตาก็ตกลงยอมรับแม่แครอท เป็นลูกสะใภ้ แต่แม่แครอท ก็ยังเล่นตัวอยู่ ‘กระโดดโลดเต้น..เต้นไป..เต้นมา’ รอบ ๆ ตัว พ่อหมาของผม กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอาพ่อเหนื่อย แต่พ่อบอกว่า

                                     “มีความสุขมาก เหมือนได้ดูหมา ‘pitbull’ เต้นระบำด้วยลีลาที่สวยงาม”

                                     หลังจาก..แม่แครอท อุ้มท้องพวกผมมาสองเดือนกับอีกห้าวัน ผมกับพี่สาวก็ลืมตามาคูโลก มาพบกับครอบครัวที่ ‘อ่อนโยน’ ดูแลพวกผมอย่างทะนุถนอม แม้ว่าบางครั้งพวกผมจะดื้อไปบ้าง ซนไปหน่อย พ่อก็ไม่เคยตี ผมแข็งแรงกว่า แค่เพียงอาทิตย์กว่า ๆ ผมก็เดินได้ แต่พี่สาวของผมสิน่าสงสาร
                                     หนึ่งเดือนผ่านไปก็ยังไม่ยอมเดิน ยังเป็น ‘ลูกเต่า’ อยู่เลย พ่อก็เลยพาไปหาหมอ หมอบอกว่า

                                     “เค้าขาด แคลเซี่ยมค่ะ ให้กิน แคลเซี่ยม แล้วหมั่นนวดขาบ่อย ๆ แต่ก็ให้ทำใจเอาไว้หน่อยนะ เพราะโอกาสหายมีไม่ถึง ๒0 เปอร์เซ็น อาจจะต้อง..พิการ แต่ถ้าไม่อยากเลี้ยงหมา..พิการก็ให้พามาฉีดยาให้หลับไปตลอดชีวิต”

                                     พ่อบอกว่า

                                     “พ่อยอมรับไม่ได้ยังไงลูกสาวของพ่อก็ต้องหาย”
                                     
                                     กลับมาถึงบ้านพ่อให้กินยา โทรฯไปที่บริษัทขอลาพักร้อนสองอาทิตย์ เพื่อมาดูแลพี่สาวผม ตั้งหน้าตั้งตานวดทั้งวันจนพี่สาวผมร้องลั่นบ้าน ผ่านไปสามวันก็อาการดีขึ้นพอจะยืนได้บ้าง แต้ก้าวขาได้สองสามก้าวก็ ‘ล้มแผละ...ล้มแผละ’
                                     พ่อก็เลยคิดวิธีใหม่ขุดดินให้เป็นร่องยาว ๆ เอาพี่สาวผมลงไปปล่อยในร่องดินให้เดินอยู่ในนั้นทั้งวัน ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ก็เดินได้บ้าง แต่ไม่ค่อยดีนัก สองอาทิตย์ผ่านไปก็เดินได้เกือบจะเป็นปกติ แต่ก็มีอาการตูดบิดอยู่บ้างเวลาเดิน เดี๋ยวนี้ก็ยังบิดอยู่นิดหน่อย แต่ผมว่าเซ็กซี่ดีเดินเหมือน ‘ดาวยั่วในทีวีเลย’


    ...............................................................................


                                     หลังจาก..แม่แครอท คลอดพวกผมนิสัยของแม่ก็เปลี่ยนไป..มีอยู่วันหนึ่ง แม่พาพวกผมไปเล่นที่ชายน้ำ แล้วแม่ก็แอบหนีมานอนเล่นที่หน้าบ้าน เจ้าพวกหมาหมู่ไม่รู้มาจากไหน มารุมกัดผม พ่อบอกว่า

                                     “วันนั้นเป็นวันที่วุ่นวายมาก พ่อรีบไปที่ต้นเสียง แต่..แล้ว เหมือนมีจรวดทางเรียบวิ่งผ่านหน้าพ่อไป สายตาของพ่อเห็นแม่ผมกำลังฟัดกับหมาหมู่กลุ่มนั้นอยู่..ฟัดชนิดเอาตาย
    หมาตัวหนึ่งแน่นิ่งไป ก็หันไปหาอีกตัวหนึ่ง จนพวกที่เหลืออยู่ถอดใจพากันวิ่งหนีหมด เจ้าตัวที่จมเขี้ยวแม่ผมอยู่ พยายามสะบัดเพื่อให้หลุดพ้นคมเขี้ยวแล้วโดดหนีลงน้ำ...แต่แม่ผมก็โดดตามลงไปจับกดน้ำ กดจนจมลงไปในขี้เลนแล้วลากขึ้นมาบนฝั่ง”

                                     กว่าที่พ่อผมจะตามไปแยกออกจากกันได้ เจ้าสองตัวนั้นก็อาการปางตาย พ่อยืนงง  ป้าข้างบ้านก็ยืนงง แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริเวณบ้านผมก็กลายเป็น สถานที่อันตรายทั้งคนทั้งหมาไม่ค่อยกล้าที่จะเดินผ่าน
                                     ...หลังจากข่าวคราวความโหดของแม่ผมแพร่กระจายออกไป ป้าข้างบ้านที่แกเคยเอ็นดูพวกผมก็มีอาการแปลก ๆ จากสายตาอ่อนโยนที่มองพวกผมก็เปลี่ยนไป กลายเป็นสายตาที่ ‘หวาดกลัว’ เจ้าหมาหมู่กลุ่มนั้น จากที่เคยเดินเข้าเดินออกก็ไม่กล้าเข้ามาอีก ได้แต่เห่าท้าทายอยู่ในรั้วบ้านของตัวเอง

                                     เวลาผ่านไปจนผมอายุครบ หนึ่งปีพอดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราโดนเห่าท้าทายตลอด ไม่ว่าพวกเราจะเดินไปมุมไหนของบ้าน เจ้าพวกนั้นเป็นได้ตามเห่าอยู่ตลอดเวลา จนพ่อผมทนไม่ไหวต้องจับพวกเราล่ามโซ่ จะปล่อยก็แต่ ตอนเช้ากับตอนเย็นเท่านั้น แต่ก็ยังไม่วายโดนปั่นป่วนอยู่ดี
                                     ...ผมยังจำครั้งแรกที่โดนล่ามโซ่ได้ดี ตัวผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะผมรู้ว่าผมซน และพ่อรู้ว่าผมไม่ค่อยจะยอมอะไรง่าย ๆ แต่ผมก็แค่งอนนิด ๆ หน่อย ๆ แต่พี่สาวของผมสิ น่าสงสาร นอนร้องครางหงิง ๆ ทั้งวันเลย ข้าวปลาไม่ยอมกินจนพ่อผมต้องไปลูบหัวปลอบถึงได้ยอมกินข้าว

                                     ...แล้ววันนั้น...วันที่ผมได้ชื่อว่า ‘ฆาตกร’ ก็มาถึง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ พ่อปล่อยพวกเราตั้งแต่เช้า แล้วพ่อก็ไปนั่งอยู่หน้าจอ ‘คอมพิ้วเตอร์’ ผมก็เล่นกันตามภาษา หมา..หมา แต่วันนี้รู้สึกหงุดหงิดมาก เจ้าตัวที่เคยรุมกัดผมเมื่อตอนเด็ก ๆ คอยตามราวีผมตลอดไม่ว่าผมจะไปทางไหน คอยตามเห่าผมตลอดจนผมทนไม่ไหว รั้วบ้านเราเป็นรั้ว ‘สังกะสี’ ผมเล็งไว้หลายวันแล้วว่าจะจู่โจมตรงไหน แล้วผมก็คิดว่าวันนี้ละมันถึงเวลาแล้ว
                                     ...ผมวิ่งไปดักตรงที่..สังกะสีมีรอยผุกร่อน เจ้าตัวนั้นวิ่งตามมา เมื่อได้ระยะที่ผมหมายตาเอาไว้ ผมวิ่งชน..สังกะสีจน..สังกะสีทะลุ เมื่อเห็นลำคอของเป้าหมายได้ชัดเจน ผมขย้ำเข้าไปตรงจุดนั้นตามแรงแค้นที่ผมมีอยู่ พ่อผมบอกว่า

                                     “ได้ยินเสียงหมาร้อง ‘เอ๋ง’ เดียวเท่านั้นพ่อก็รีบวิ่งไป ไม่ทันถึงสองนาที”

                                     ...ภาพที่พ่อเห็น..ผมยืนคร่อมอยู่บนเจ้าหมาตัวนั้น เจ้าหมาตัวนั้นนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงขาเท่านั้นที่ยังกระตุกอยู่ ที่ลำคอมีเลือดไหลนองอยู่ที่พื้นเป็นทาง
                                     ...ในความ รู้สึกของผมตอนนั้นเหมือนได้..ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่ค้างคาใจมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นลูกหมาเล็ก ๆ อยู่
                                     ...แต่ความจริงแล้ว ผมไม่อยากเป็นอย่างนี้หรอกครับ ผมต้องการเพียงแค่เป็นหมาที่ดี รู้จักหน้าที่ในการปกป้องบ้านเรือน ปกป้องเจ้านายและครอบครัว แค่นั้นผมก็พอใจแล้วครับ

                                     แล้วตั้งแต่วันนั้นมา บ้านผมก็สงบเงียบขึ้นอีกเยอะ ไม่มีหมามาเห่ารบกวน จากที่พ่อผมต้องคอยซ่อมรั้วเอง ก็ไม่ต้องซ่อมอีกแล้ว เพราะข้างบ้านทั้งสองข้างพากันก่อรั้วปูนอย่างแน่นหนา หน้าบ้านจากที่เคยมีเด็ก ๆ มา ‘เย้ว...เย้ว’ คอยแหย่พวกผมก็เงียบสงบขึ้น ทำให้สุขภาพจิตของพวกเราดีขึ้น ไม่ต้องถูกล่ามโซ่หรือขังกรงตลอดเวลา

    ...............................................................................

    จากคุณ : zimbacamp - [ 11 ก.พ. 49 20:50:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป