CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีจอ

    วัน ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีจอ

    จากหนังสือ คู่มือ นวโกวาท ฉบับชาวบ้าน
    ของ พระมหาฉลาด ปริญฺญาโณ ป.ธ.๙
    วัดโมลีโลกยาราม ฯ กรุงเทพมหานคร
    ฉบับพิมพ์เมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๓๐

    ธรรมวิภาค
    หมวด ๒

    ธรรมมีอุปการะมาก
    สติ ความระลึกได้
    สัมปชัญญะ ความรู้ตัว

    สติ ช่วยให้บุคคลไม่ประมาทเลินเล่อเผลอตัว
    สัมปชัญญะ เตือนบุคคลให้รู้สึกตัวในการประพฤติปฏิบัติ
    สู่ลู่ทางที่ดีที่ชอบ ถูกต้อง ไม่เสียหาย
    ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี

    บุคคลผู้มีสติสัมปชัญญะ ประจำสันดาน
    จะกระทำการใด ย่อมมีความผิดพลั้งน้อย
    ถูกต้องมาก เป็นปัจจัยนำไปสู่ความเจริญมั่นคง

    สติพาระลึกรู้                        ตัวตน
    ควรค่าความเป็นคน                เด่นได้
    อีกสัมปชัญญะปน                  ควบคู่
    ธรรมะสองบทไซร้                 ช่วยคุ้มคนดี

    ธรรมเป็นโลกบาล คือคุ้มครองโลก
    หิริ ความละอายแก่ใจ
    โอตตัปปะ ความเกรงกลัว

    หิริ คือความละอายใจ ในอันจะประพฤติความชั่วทั้งปวง
    โอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาปทุจริต
    อันจะเกิดจากการประพฤติชั่วทั้งปวง

    บุคคลผู้มีหิริโอตตัปปะ ย่อมทำให้สังคมสงบสุข
    ปราศจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

    ยังมีหิรินั้น                           ละอาย
    เห็นบาปตัวอันตราย               ชั่วแท้
    โอตตัปปะยึดกาย                  เกรงก่อ กรรมนา
    ธรรมะจะช่วยแก้                    ผ่านพ้นภัยพาล

    ธรรมอันทำให้งาม
    ขันติ  ความอดทน
    โสรัจจะ ความเสงี่ยม

    ขันติ ความอดทน ทนต่อความเจ็บแค้น
    ทุกข์ยาก ตรากตรำลำบาก
    โสรัจจะ คือความแช่มชื่นเบิกบาน
    ไม่วิตก วิจารณ์ กับการดูหมิ่นถิ่นแคลนใด ๆ

    บุคคลผู้มีขันติ โสรัจจะ ประหนึ่งมีอาภรณ์ประดับใจ
    ทำให้ใจงาม ย่อมทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    ในที่ทั่ว ๆ ไป

    ขันติ ธรรมนำท่านให้                 อดทน
    หนักเท่าไรใจฝึกฝน                   ไม่ท้อ
    โสรัจจะอยู่ในตน                        ควรค่า
    สงบเสงี่ยมกายใจล้อ                   เล่นแล้วเลิกจำ

    บุคคลหาได้ยาก
    ปุพพการี บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน
    กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้ว
    แลทำตอบแทน

    บุคคลผู้เป็นบุพการีหนึ่ง เป็นคู่บุคคลที่จะทำหน้าที่ต่อกัน
    ให้สมบูรณ์ได้ยาก
    เพราะต่างฝ่ายยังมีตัณหาครอบงำจิตใจอยู่
    ผู้เป็นบุพการีอาจจะทำหน้าที่ไม่ครบถ้วน
    และผู้มีหน้าที่กตัญญูกตเวทิตา ก็อาจทำหน้าที่ไม่สม่ำเสมอ

    กตัญญูยึดมั่นไว้                               ในใจ
    คุณท่านมีเพียงใด                             ย่อมรู้
    หาทางที่จะไป                                  คืนท่าน
    นับว่ายังเป็นผู้                                   ก่อเกื้อกตเวที

    หมวด ๓
    รตนะสามอย่าง
    ๑.พระพุทธเจ้า ท่านผู้สอนให้ประชุมชนประพฤติชอบ
    ด้วยกายวาจาใจ ตามพระวินัยที่เรียกว่าพระพุทธศาสนา
    ๒.พระธรรม คือพระธรรมวินัยที่เป็นคำสอนของท่าน
    ๓.พระสงฆ์ คือหมู่ชนที่ฟังคำสั่งสอนของท่านแล้ว
    ปฏิบัติชอบตามพระวินัย

    รตนะ แปลว่าแก้ว เป็นแก้วมีค่า แก้วประเสริฐ แก้ววิเศษ
    รตนะ ๓ หมายถึงแก้ววิเศษทั้งสาม คือ พระพุทธ
    พระธรรม พระสงฆ์ เป็นดวงแก้วนำให้บุคคลพ้นทุกข์ทั้งปวง

    พระพุทธองค์หนึ่งนั้น                         ศาสดา
    สองนั่นพระธรรมา                             ท่านให้
    พระสงฆ์ช่วยยกมา                            สอนสั่ง
    สามสิ่งขอเทิดไว้                               ชั่วฟ้าแลดิน

    โอวาทของพระพุทธเจ้าสามอย่าง
    ๑.สัพพปาปัสส อกรณัง เว้นจากการทุจริต
    ๒.กุสลัสสูปสัมปทา ประกอบสุจริต
    ๓.สจิตตปริโยทปนัง ทำจิตให้หมดจด

    เว้นจากทุจริต คือเว้นประพฤติชั่ว ไม่กระทำบาปหยาบช้า
    ประกอบสุจริต คือทำบุญทำกุศล
    ทำจิตให้หมดจด คือทำจิตให้หมดจากเครื่องเศร้าหมอง

    ทุจริตพึงว่างเว้น                            กระทำ
    กอรปแต่ความดีนำ                         ทั่วหน้า
    วางใจว่างประจำ                             ติดต่อ เสมอนา
    สามส่วนควรรีบคว้า                         ท่านย้ำคำสอน    


    อกุศลมูลสามอย่าง
    ๑.โลภะ อยากได้
    ๒.โทสะ คิดประทุษร้ายเขา
    ๓.โมหะ หลงไม่รู้จริง
    สามประการนี้เป็นรากเง่าแห่งความชั่วทั้งปวง

    โลภะ คือความโลภอยากได้โดยไร้สติ ไม่รู้ผิดรู้ถูก
    ทำให้ประพฤติชั่ว เห็นแก่ตัวไม่รู้จบสิ้น
    โทสะ คือความโกรธแค้นคิดประทุษร้าย
    นำไปสู่การประพฤติชั่ว ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนลำบาก
    โมหะ คือความงมงายโดยไม่รู้จริง โฉดเขลาเบาปัญญา
    ไม่ใช้สติ เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดโลภะ

    โลภะความอยากได้                          ของเขา
    โทสะความโกรธเผา                          หม่นไหม้
    โมหะนี่มัวเมา                                  งมโง่
    สามแซ่รวมกันไซร้                           อย่าให้สะสม

    บุญกิริยาวัตถุ สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ
    ๑.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
    ๒.สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
    ๓.ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา

    ดังเป็นที่ทราบ ทาน ศีล ภาวนา เป็นธรรมวิเศษ
    เป็นโอสถวิเศษใช้บำบัด โลภะ โทสะ โมหะ
    ผู้บำเพ็ญทาน ย่อมมีความปิติเบิกบานใจ
    ผู้รักษาศีล ย่อมมีความสงบเยือกเย็น
    ผู้เจริญภาวนา พิจารณาเห็นตามภาวะความเป็นจริง
    ย่อมเกิดสติปัญญา สุขุมเปรื่องปราชญ์

    ทานมัยชวนช่วยให้                            ทำบุญ
    ศีลมั่นพาให้คุณ                                 ค่าล้ำ
    ภาวนายิ่งเนืองหนุน                            ไปสู่ สุขนา
    สามกิจนี่เคียงค้ำ                               ล่วงเข้านิพพาน


    สามัญลักษณะสามอย่าง
    ๑.อนิจจตา  ความเป็นของไม่เที่ยง
    ๒.ทุกขตา  ความเป็นทุกข์
    ๓.อัตตตา  ความเป็นของไม่ใช่ตน

    สังขารใด ๆ ไม่ว่าจะมีวิญญาณเช่นมนุษย์และสัตว์
    หรือไม่มีวิญญาณเช่นสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ก็ดี
    ย่อมไม่เที่ยงแท้แน่นอนเป็นอนิจจัง มีความผันแปร
    เปลี่ยนแปลง บุบสลาย เป็นทุกข์
    จะยึดถือเป็นของตนของตัวไม่ได้ เพราะเป็นอนัตตา

    อนิจจังหาเที่ยงแท้                           ธรรมดา
    ทุกข์ที่เวทนา                                  ค่ำเช้า
    ชีวิตย่อมพบพา                               เกิดแก่ ตายนอ
    ทุกอย่างสูญหายเข้า                         ข้อท้ายอนัตตา

    ขอฝากไว้ในวันมาฆบูชา ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
    โคลงที่นำมาประกอบนั้น ขอยืมมาจากอาศรมโคลง ภาค ๑๕๘

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 ก.พ. 49 13:01:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป