เพียรทิพย์ สาวออฟฟิศผู้มาดมั่นกำลังปั่นงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่สนใจกับสิ่งเร้ารอบด้าน เธอต้องรีบพิมพ์งานที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้
สาวน้อยจ้องมองดูแฟ้มเอกสารต้นฉบับที่ตั้งสูงเกือบท่วมหัวของเธอด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยว
" เฮ้อ... จะเสร็จทันไหมเนี่ย ? "
เธอรำพันด้วยความละเหี่ยใจ ความคิดที่อยากจะเปลี่ยนงานใหม่ได้อุบัติขึ้นในหัวของเธออีกครั้งหลังจากที่มันเงียบหายไปสักพักใหญ่ เมื่อเธอเพิ่งจะได้รับโบนัสก้อนโตมาเมื่อเดือนที่แล้ว
.....มันคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้หรือนี่.....
เธอคิด
แต่... ไม่เป็นไร หัวใจของเธอยังสู้อยู่ และในที่สุด สาวน้อยก็เริ่งรีบร่ายนิ้วมือทั้งสิบลงไปบนแป้นคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์คู่ใจอย่างว่องไวด้วยความชำนิชำนาญอย่างหาตัวจับยาก ก็เธอพิมพ์งานมามากกว่าคนอื่นๆ ในออฟฟิศแห่งนี้นะสิ ไม่มีใครพิมพ์ได้เร็วเท่าเธออีกแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง... เจ้านายถึงพิศวาสเธอเป็นนักหนา
เพียรทิพย์รู้สึกเมื่อยล้าภายหลังจากที่นั่งพิมพ์งานมาเป็นชั่วโมง ตั้งแต่บ่ายจนกระทั่งเย็น จวบจนได้เวลาเลิกงานเธอก็ยังคงต้องนั่งพิมพ์อยู่อย่างนั้น
" เพียรจ๊ะ... ยังไม่กลับเหรอ ? "
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งทักเธอ
" ยังจ้ะ... งานยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวเจ้านายเล่นงานเอา ท่านจะเอาพรุ่งนี้เช้าแล้ว "
เพียรทิพย์ตอบไปในขณะที่นิ้วของเธอก็ยังคงร่ายส่ายขยับราวกับหนวดปลาหมึก
" งั้นเรากลับก่อนนะ "
" จ้ะ "
ในไม่ช้า... ออฟฟิศอันกว้างใหญ่บนชั้นที่ 40 ของอาคารแห่งนั้นก็ว่างเปล่า ดวงไฟหลายดวงดับลง เหลือเพียงดวงเดียวเหนือศีรษะของเธอที่ยังคงส่องสว่างอย่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะดับไปง่ายๆ ตราบเท่าที่งานของเธอยังไม่เสร็จ
เสียงคีย์บอร์ดกระหน่ำซ้ำซัดอย่างต่อเนื่องราวกับบทเพลงอันไม่น่าฟัง เพียงทิพย์ขยับแขนขาและเอนหลังเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะร่ายนิ้วอันเรียวงามนั้นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ในที่สุด... งานอันน่าเบื่อหน่ายของเธอก็จบสิ้นลงอย่างงดงาม ทั้งนี้ก็ด้วยความปรีชาสามารถอย่างเลิศล้ำของเธอนั่นเอง
" เย้... เสร็จเสียที... อึ้ม เร็วกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก คราวนี้ก็ได้เวลาปริ้นงานแล้ว "
สาวสวยหันไปยังเครื่องปริ้นเตอร์ซูเปอร์ไฮสปีดตัวใหม่เอี่ยมที่เจ้านายเพิ่งจะทุ่มทุนหาซื้อมาให้เธอไว้ใช้งานเป็นการเฉพาะ แต่...
" อ้าว... กระดาษหมดเหรอนี่ "
เพียรทิพย์กล่าวพลางก็ลุกเดินเข้าไปในห้องพัสดุ ก่อนจะรื้อค้นหากระดาษออกมาห่อหนึ่ง เธอกลับมายังเครื่องปริ้นเตอร์แล้วใส่กระดาษนั้นเข้าไป
ในไม่ช้า เครื่องก็เริ่มทำงานของมัน สาวสวยหันมามองดูประสิทธิภาพอันล้ำเลิศของเครื่องด้วยความตื่นเต้น
" เดี๋ยวฉันก็ได้กลับบ้านแล้ว อึ้ม... พรุ่งนี้เจ้านายต้องออกปากชื่นชมฉันแน่ๆ และ...และฉันก็คงจะได้โบนัสเพิ่มอีกมากโขในปีนี้ อิ อิ อิ "
ฉับพลัน... เครื่องปริ้นเตอร์ก็หยุดทำงานลง
" โอ... ไม่ ?! ... อย่านะ อย่านะ ฉันอยากกลับบ้าน อย่ามารวนเวลานี้นะ "
ในที่สุด... เธอก็ต้องสวมวิญญาณเป็นช่างซ่อม เธอเปิดเครื่องปริ้นนั้นขึ้นมาและพบว่ามีกระดาษเข้าไปขัดกันอยู่ตรงซอกมุมหนึ่ง เธอจึงดึงมันออกมาแล้วจึงปิดเครื่องกลับก่อนเดินเครื่องต่อ เธอวางกระดาษอันยับยู่ยี่นั้นไว้บนโต๊ะทำงานของเธอก่อนหันไปสนใจกับงานที่ปริ้นออกมา
กระดาษดังกล่าวขยับตัวได้เอง... !!
มันรีดตัวขจัดความยับย่นออกไปจนกลายเป็นกระดาษแผ่นใหม่ที่เรียบสนิทสะท้อนแสงไฟจากหลอดนีออนวาบหนึ่ง
เหมือนว่ามัน... มีชีวิต
เพียรทิพย์ไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติดังกล่าวนั้นเลย เพราะเธอกำลังสนอกสนใจอยู่กับงานที่เธอทำ ซึ่งในไม่ช้า งานที่ปริ้นก็สำเร็จเสร็จสิ้นจนหมด เธอหอบงานเหล่านั้นมาวางบนโต๊ะ และทับลงไปบนกระดาษที่เธอดึงออกมาจากเครื่องก่อนหน้านี้ !!
สาวสวยเดินไปเข้าห้องน้ำ และในระหว่างที่เธอกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่นั้น เธอหูของเธอก็พลันได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บของกระดาษมากมาย ราวกับว่ามีใครหลายคนกำลังขยำขยี้กระดาษอยู่ ทั้งๆ ภายในออฟฟิศแห่งนี้ก็มีเธออยู่เพียงผู้เดียว
เพียงทิพย์เริ่งรีบทำธุระจนเสร็จก่อนจะค่อยๆ ย่องออกมาจากห้องน้ำแห่งนั้น
ฉับพลัน...
ดวงตาทั้งคู่ของเธอก็เบิกกว้างในทันที่ที่เห็นกระดาษมากมายลอยละล่องอยู่กลางอากาศและขยับเขยื้อนไปมาเองได้อย่างน่าอัศจรรย์
" กรี๊ดดดดด !! "
เธอกรีดร้องก้อง และกระดาษทั้งหมดก็หยุดส่ายขยับอยู่กับที่ ราวกับว่ามันมาตาหันมามองเธอเป็นจุดเดียวกระนั้น !!
หญิงสาวหันหลังกลับรีบวิ่งออกจากห้องแห่งนั้นไป และกระดาษมากมายก็พุ่งติดตามเธอมาอย่างกระชั้นชิด กระดาษแผ่นหนึ่งพุ่งเฉียดตัวเธอไปก่อนจะชนเข้ากับถังขยะล้มลง เธอหันมามองด้วยความตกตะลึง ในขณะที่กระดาษอีกแผ่นก็พุ่งเฉียดศีรษะของเธอแล้วไปชนฝาผนังปูนจนระเบิดออกเป็นผุยผงในพริบตา เธอถึงกับนัยน์ตาเหลือกค้าง
เพียรทิพย์ยังคงวิ่งหนีต่อไปตามทางอย่างไม่หยุดยั้ง และชั่วเวลานั้นเอง กระดาษแผ่นหนึ่งก็พุ่งเข้าหาร่างของเธอ มันบาดผิวกายของหญิงสาวอย่างแรงจนเกิดเป็นแผลเหวอะหวะ
" กรี๊ดดดด !! "
ในไม่ช้า กระดาษมากมายที่พุ่งติดตามเธอมาก็กระหน่ำเข้าหาร่างอันบอบบางอย่างไม่ยั้ง มันทั้งปาดซ้ายปาดขวา บาดทั้งแขน ขา หน้า และตัดผมของเธอจนขาดกระจุยก่อนจะพุ่งเข้าชนกระจกของอาคารจนแตกกระจาย
กระดาษแผ่นหนึ่งพุ่งตัดหูของเธอจนขาดกระเด็นและหญิงสาวล้มลงตะเกียกตะกายไปตามทางเดินก่อนจะคืบคลานไปยังลิฟท์ เธอพยุงตัวขึ้นมาในสภาพเลือกโชกเต็มร่างพลางกระหน่ำกดเรียกลิฟท์ให้มารับ ลิฟท์เคลื่อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้าผิดปกติ ในขณะที่บรรดากระดาษเหล่านั้นก็ยังคงห้ำหั่นร่างเธออย่างไม่ยั้ง
ฟิส ฟิส ฟิส !!! เสียงกระดาษกรีดผิวกายดังสนั่นต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา พร้อมๆ กับเลือดสีแดงสดที่สาดกระจายไปทั่วทิศ
ติ๊ง... !! เสียงลิฟท์มาถึงชั้นที่เธออยู่ และเมื่อนั้นเอง... กระดาษทั้งมวลก็หยุดลอยค้างอยู่กับที่ราวกับมีมนต์สะกดเอาไว้
ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เพียรทิพย์รีบเข้าไปข้างในก่อนจะกดชั้น 1 แล้วจึงกระหน่ำกดปุ่มปิดประตูก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เลื่อนปิดเข้าหากันอย่างช้าๆ มันช่างช้ามากราวกับเป็นภาพสโลวโมชั่นกระนั้น
นัยน์ตาอันตกประหวั่นของเพียรทิพย์ยังคงจ้องมองดูบรรดากระดาษมากมายที่ลอยค้างอยู่ภายนอกลิฟท์ด้วยใจระทึก และเมื่อประตูลิฟท์ใกล้จะปิดจนสนิทนั้นเอง...
ทันใด...
กระดาษทั้งหมดก็กระหน่ำพุ่งตรงแล้วสอดตัวเข้ามาในลิฟท์ทันที
" กรี๊ดดดดดดดดด !! "
ฟิส ฟิส ฟิส ฟิส ฟิส !!! เสียงกระดาษกรีดผิวกายไม่หยุดหย่อน ก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท
เช้าวันรุ่งขึ้น...
บนชั้น 1 ของอาคารหลังนั้น
รปภ. เดินตรงมายังลิฟท์ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่ม และประตูลิฟท์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ
ชิ้นส่วนร่างกายของเพียรทิพย์กระจายเกลื่อนเต็มลิฟท์ไปหมด...
จากคุณ :
ดงปีศาจ
- [
12 ก.พ. 49 13:08:36
A:202.183.130.120 X: TicketID:114829
]