สวนสาธาราณะในวันแห่งความรักดูเหมือนจะมีผู้คนไม่ใคร่
พลุกพล่านนัก
...แน่ล่ะ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ สิบสี่
เดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นได้...
...ก็มีใครบ้างล่ะที่จะไม่พาคู่รักไปฉลองในวันสำคัญแบบนี้
ส่วนคนไร้คู่ก็คงจะไปหาอะไรทำให้ผ่านพ้นไปไวๆ ไม่ใช่มานั่ง
เป็นบื้ออยู่กลางสวนสาธารณะอย่างผมแบบนี้ ...แล้วผมมานั่ง
ทำบื้อทำไมน่ะหรือ?
ผมเพิ่งถูกปฏิเสธมา!
ผมสู้อุตส่าห์เลือกวันขอแต่งงานเธอในวันนี้แล้วแท้ๆ ผมไป
หาเธอที่ที่ทำงานเพื่อทานอาหารกลางวัน หลังจากที่ผม
ปล่อยให้เธอจับพิรุธอยู่นาน ผมก็รวบรวมความกล้าที่จะควัก
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่บรรจุแหวนเพชรไว้ข้างในมาวาง
ไว้กลางโต๊ะ
แต่งงานกับเรานะ
....... เธอมองเจ้ากล่องกำมะหยี่นั่น แล้วก็มองหน้าผม
สลับกันไปมากว่ายี่สิบครั้ง โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผมได้แต่นั่งนิ่งรอฟังคำตอบของเธอ แต่เธอก็เงียบไปนาน...
นานจนผมเริ่มใจเสีย และแล้วเธอก็ลุกพรวดพร้อมกับเอ่ยคำ
ตอบที่ผมไม่ต้องการเลยสักนิด
เราขอโทษนะ...
แล้วเธอก็วิ่งออกไปนอกร้าน ปล่อยให้ผมนั่งทำตาค้างอยู่
หลายนาทีกับเจ้ากล่องกำมะหยี่นั้น ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดน
หมัดฮุคซ้ายของไมค์ ไทสัน และฮุคขวา ของออสการ์
เดอลา โฮยา กระหน่ำเข้ามาจนมึนไปหมด มึน...จนไม่รู้ว่า
ตัวเองได้ทำตัวเหมือนพระเอกมิวลิควิดีโอที่ชอบเดินเรื่อย
เปื่อย ท่ามกลางผู้คนกว่าร้อยละเก้าสิบที่มากันเป็นคู่
ยืนนิ่งอยู่หน้าร้านหนังสือประจำที่เธอชอบแวะ ซื้อกาแฟร้าน
โปรดของเธอมาดูแต่ไม่ได้ดื่ม แล้วโยนทิ้งถังขยะ ทำอะไร
ต่างๆ นาๆ ที่พวกผู้กำกับมิวสิควิดีโอจะรังสรรค์ออกมาได้
...และไม่รู้ตัวเลยว่าผมพาตัวเองมานั่งในสวนสาธารณะแห่งนี้
ได้อย่างไร จะว่าไป ที่นี่ก็เหมือนกัน... ผมจำได้ว่าผมได้พบ
เธอครั้งแรกก็ที่นี่... ใต้ต้นไม้ตรงหน้าเป็นที่ๆ เราเจอกันครั้ง
แรก ลู่วิ่งในสวนที่เรามักจะมาวิ่งด้วยกัน หรือแม้แต่ม้านั่งตัวนี้
ที่ผมกับเธอมักจะมานั่งรับลมเย็นๆ ริมบึงกว้างภายในสวน
สาธารณะ
ผมหัวเราะเยาะตัวเองที่ทำตัวงี่เง่าเต็มประดา คนเพิ่งอกหัก
มาหมาดๆ แต่กลับวนเวียนอยู่ในสถานที่เดิมๆ ความทรงจำ
เดิมๆ ยิ่งทำไปเท่าไร ก็เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่างที่หาทาง
ออกไม่ได้ก็หมดแรงตายอยู่ตรงนั้น นี่ก็นับว่าผมยังโชคดีที่ตัว
เองยังเกิดปัญญาก่อนที่จะคิดมากจนทำอะไรที่แย่ไปกว่านี้
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมยังค้างคาใจ...
ผมและเธอคบกันมานานหลายปีแล้ว แต่ทำไมเธอถึงปฏิเสธผม?
ผมนั่งคิดไตร่ตรองดูทีละข้อๆ พักหลังมานี้เธอมักทำตัวลึกลับ
มีพิรุธยังไงๆ อยู่เหมือนกัน เวลาชวนไปดูหนังในวันเสาร์ก็
ปฏิเสธ อ้างว่าปวดหัวบ้าง ไม่ว่างบ้าง แถมยังรีบไล่ผมกลับ
บ้านเร็วๆ เวลาผมมานั่งโอ้เอ้ที่บ้านของเธออีกต่างหาก
ปัจจัยที่ว่ามามันชวนให้ผมคิดว่าเธอมีคนอื่นไหมนี่.... แล้วที่
พูดว่า รักนะ... ที่พร่ำบอกผมบ่อยๆ นั่นเป็นคำลวงอย่างนั้น
น่ะหรือ?
แต่ก่อนที่ผมจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ คำตอบก็ยืนอยู่หน้าผมพอดี...
กะไว้แล้วว่าจะต้องอยู่ที่นี่ เธอกล่าวเมื่อนั่งลงข้างๆ ตัวผม
ผมพยายามหักห้ามใจที่จะไม่มองหน้าเธอ... ใบหน้าเรียวรูป
ไข่ที่ล้อมกรอบด้วยผมหยักศกยาวเคลียบ่า และริมฝีปากที่หาก
คลี่ยิ้มออกมาแล้วล่ะก็... ผมคงต้องอ่อนละลายอยู่แถวๆ นี้แน่
เพราะฉะนั้น...ถ้าผมไม่อยากให้เธอทำร้ายผมอีก... ผมจะไม่
มองเธอ
เราจะกลับแล้ว ผมทำท่าจะลุก แต่ก็ต้องหยุด เมื่อมือนิ่มๆ
ของเธอจับมือของผมไว้มั่น
แต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ
ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีก แค่นั้นเราก็เข้าใจแล้วว่าน้ำ
ต้องการอะไร เราไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ ...จะทำร้ายกัน
ไปอีกหรือไง ทำไมผมต้องมารับคมดาบที่เชือดเฉือนหัวใจ
ผมอีกเล่า
เธอเงียบไปนาน และผมเองก็ยังไม่คิดที่จะหันไปมองหน้า
เธอ เลยทำให้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอทำสีหน้าอย่างไร แต่ก็
นั่นแหละ...ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ทำไมอีก อยู่นานๆ เดี๋ยวก็ใจ
อ่อนหลงรักเธอไปอีกรอบพอดี สู้ไปจากเธอเสียแต่ตรงนี้ดีกว่า
ผมลุกขึ้นยืนได้โดยสะดวก มือนิ่มๆ นั้นปล่อยให้มือใหญ่ของ
ผมหลุดไปแต่โดยดี แม้จะรู้สึกใจหายบ้างที่ผมจะไม่ได้สัมผัส
มือนิ่มๆ ของเธออีกต่อไปแล้วก็ตาม ผมเดินหลังตรง ก้าวเท้า
ไปอย่างมั่นคง... แม้ว่าตอนนี้จิตใจของผมจะอ่อนไหว
รวดร้าว ยิ่งกว่าทหารที่บาดเจ็บมาจากสงครามเสียอีก
เท้าของผมยังคงก้าวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ...จนกระทั่งรู้สึก
เหมือนกับมีวัตถุบางอย่างกระแทกกลางหลังเข้าอย่างแรง
ผมหยุด... เพราะจุกที่โดนอะไรไม่รู้ขว้างใส่หลัง และเมื่อหัน
กลับมาก็พบว่าเป็นเธอที่กำลังยืนหน้าแดงก่ำอยู่
...แน่ล่ะ เธอไม่ได้หน้าแดงเพราะอายอย่างแน่นอน แต่เธอ
กำลังโมโหต่างหาก...โมโหมากเสียด้วย ริมฝีปากของเธอ
เม้มสนิท...แต่ก็ยังดูน่ารัก... และผมก็รักเธอเสียด้วย...
ผมทำร้ายตัวเองอีกแล้ว!!! ผมก้มหน้าเมื่อรู้ตัว แล้วก็พบกับ
เจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมจุก มันเป็นกล่องขนาดเล็กที่ห่อด้วย
กระดาษสาสีฟ้าอ่อน คาดทับด้วยเชือกสีน้ำเงิน
...ไม่ว่ามองยังไง มันก็มีรูปร่างคล้าย ของขวัญ มากเหลือเกิน
ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอ ใบหน้าของเธอยังคงเป็นสีแดง
ระเรื่อ... และริมฝีปากยังเม้มสนิทเหมือนเดิม ผมก้มลงหยิบ
เจ้าสิ่งนั้นแล้วเดินเข้าไปหาเธอ
นี่อะไร?
ตาบอดหรือไง ก็เห็นอยู่ว่าเป็นของขวัญ
ผมพยักหน้าก่อนจะเริ่มแกะมันออกมาดู เมื่อเปิดกล่องออกมา
ผมพบกับกรอบรูปที่ทำจากไม้ ลวดลายสีที่เขียนอยู่บนเนื้อ
ไม้ทำให้รู้ว่ามันเป็นงานแฮนด์เมด และรูปที่อยู่ในกรอบก็เป็น
ภาพของชายหญิงที่ดูคุ้นตาผมเหลือร้าย...
ของใครหรือ?
ก็มีกันอยู่สองคน นายคิดว่าของใครล่ะ เธอตอบด้วยน้ำเสียง
ที่เพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อยๆ
ของเธอเหรอ?
ไม่ใช่ของเรา!
และก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ เธอก็โถมเข้ามาทั้งทุบทั้งถอง
ผมเป็นการใหญ่ ปากก็พ่นคำพูดออกมายาวเหยียดแบบไม่
เปิดช่องให้ผมได้พูดเลย...
อีตาบ้า!! นายมันงี่เง่ายิ่งกว่าอะไร ซื่อบื้อ ขี้ใจน้อย ไร้สาระ
น้ำเน่า!!!
ผมปัดป้องเธอพัลวัน ก่อนที่จะรวบตัวเธอมากอดไว้แน่นๆ
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น... มีหวังผมคงได้ช้ำในตายก่อนแน่
และถึงแม้มือเธอจะไม่เป็นอิสระ แต่ปากของเธอยังใช้การได้ดี
ซื่อบื้อแล้วยังหูตึงอีก บอกว่า ขอโทษ...รอเดี๋ยวนะ ก็ไม่ได้ยิน
เรากลับไปเอาของแป๊บเดียว ก็หายไปแล้ว ปล่อยให้เราเดิน
ตามหาแทบแย่ รู้ไหมว่าคนเขาเป็นห่วง
เดี๋ยว...เมื่อกี้น้ำว่าอะไรนะ? ผมถามเธออีกครั้ง พร้อมกับ
พาเธอมานั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวเดิมที่เรานั่งด้วยกันเมื่อกี้
นายนี่หูตึงของแท้เลยนะเนี่ย เธอว่าพลางบิดหูของผมด้วย
ความหมั่นไส้ ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อกลางวันให้ผมฟัง
ด้วยความที่งานหนักมาหลายสัปดาห์ ทำให้เธอหลงๆ ลืมๆ
วันไปบ้าง แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำกรอบรูปไว้สำหรับวันนี้โดย
เฉพาะไว้ล่วงหน้า และเมื่อได้ยินคำขอแต่งงานของผม เธอก็
เพิ่งรู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร และรีบกล่าวขอโทษผมพร้อมกับ
รีบไปเอาของขวัญที่เก็บไว้ตรงลิ้นชักโต๊ะทำงาน แต่เมื่อกลับ
มาอีกรอบผมก็ไม่อยู่แล้ว เธอพยายามโทรศัพท์หาผม แต่ผม
ก็ปิดโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งมาพบผมที่นี่
สรุปแล้ว...น้ำไม่ได้ปฏิเสธเรา
ยังไม่ทันได้ตอบเลยด้วยซ้ำ นายก็มาหนีไปเสียก่อน
เธอทำท่ากระฟัดกระเฟียด ดูท่าจะยังโกรธผมไม่หายจริงๆ
ผมไม่รู้จะทำยังไงให้เธอหายโกรธดี ก็ได้แต่จับมือของเธอมา
กุมกระชับไว้
เมื่อก่อนหน้านี้ที่เราคิดว่าน้ำจะปฏิเสธเรา มันเหมือนโลกทั้ง
โลกจะถล่มเลยนะน้ำ มันเจ็บ...มันตื้อ...มันไม่รู้จะทำยังไงดี
เดินไปตรงไหนก็เจอแต่ที่ๆ เคยไปกับน้ำ...อันนี้น้ำชอบ....
อันนี้น้ำเคยซื้อให้...จนเราคิดว่าเรารักน้ำมากเกินไป
รัก...จนไม่เผื่อความผิดหวังไว้บ้าง ไม่เผื่อไว้ว่าถ้าไม่มีน้ำแล้ว
เราจะอยู่ได้ยังไง ผมถอนหายใจ ก่อนจะรวบรวมความกล้า
อีกครั้งเพื่อหยิบเจ้ากล่องกำมะหยี่ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋า
กางเกงของผมขึ้นมาอีกรอบ
เราอยากจะมีน้ำเคียงข้างในทุกวันและต่อจากนี้ตลอดไป...
แต่งงานกับเรานะน้ำ
ผมจ้องตาเธอ...เธอจ้องตาผม ก่อนจะมองของที่อยู่ในมือผม
คำตอบล่ะน้ำ
เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้งพลางถอนใจ
นายรู้หรือเปล่าว่านายทำให้การขอแต่งงานครั้งแรกในชีวิต
ของนายพังไม่เป็นท่า
ผมย่นคิ้ว รู้สิ...น่าเสียดายจริงๆ ที่เรางี่เง่าไปเอง
เธอหัวเราะ ใช่ น่าเสียดาย...แต่ก็ ตกลงค่ะ
ผมไม่รู้ตัวว่ายิ้มกว้างแค่ไหนเมื่อรั้งร่างเธอมากอดไว้แน่น
แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะสั่นๆ และความอุ่นชื้นที่เกิดขึ้นตรง
บริเวณอกเสื้อที่ใบหน้าเธอซุกอยู่
เรารักน้ำนะ และจะรักตลอดไป...
เธอมองแหวนเพชรที่กำลังสวมเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้าย
และใบหน้าแดงก่ำเมื่อผมก้มลงไปจูบหลังมือเธอแผ่วเบา
ก่อนจะเลื่อนไปซับน้ำตาที่แก้มเธอทั้งสองข้าง และคงจะ
เลื่อนไปที่ริมฝีปากแน่ๆ ถ้าหากเธอไม่พูดขึ้นมาก่อน
ถือว่าเป็นสถิติใหม่เลยนะเนี่ย โดนผู้ชายขอแต่งงานสองครั้ง
ในวันเดียวกัน
**********************************************
หุๆ ใกล้เทศกาลทั้งที เมื่อคืนเลยลองนั่งๆ เขียนเรื่องสั้น...(สั้นจริงๆ นะ)
เทศกาลวันแห่งความรัก ก็ขอให้สมหวังในความรักทุกคนนะคะ
Happy Valentine's Day และ มาฆบูชารำลึกค่ะ ^ ^
คนอ่านค่ะ
จากคุณ :
ตัว(Z)
- [
13 ก.พ. 49 09:47:27
]