ฉันนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจากชั้นที่สิบสองของอาคารสำนักงานที่ฉันทำงานอยู่ เมื่อวานฉันยังมีความสุขอิ่มบุญเพราะฉันไปเวียนเทียนที่วัด เนื่องจากเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชา เห็นชาวพุทธไปทำบุญที่วัด ได้เห็นว่ายังมีเด็กๆ อีกมากมายที่ให้ความสำคัญกับวันนี้
แต่วันนี้ฉันกลับนั่งมองเหม่อเพราะมันเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวคริสต์ วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก วันนี้มองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ แต่ที่ฉันไม่เคยเข้าใจก็คือ ความรัก
ใช่... รักคืออะไร?
เคยมีใครหาคำตอบได้หรือเปล่าว่าแท้ที่จริงแล้ว ความรักคืออะไร
ไม่... ไม่เคยมีใครให้คำจำกัดความที่แน่นอนของความรักได้ว่าคืออะไร
รัก... ไม่เหมือนพีชคณิตที่มีกฎและสูตรตายตัว
รัก... ไม่เหมือนเลขดิจิตอล ที่เลข 4 แทนด้วย 100
เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่เคยมีใครบัญญัติไว้ได้แน่นอน ไม่มีหนังสือหรือตำราเล่มไหนที่ใช้อ้างอิงได้แน่นอน ฉันจึงต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง
ฉะนั้น ความรักของฉันจึงเป็น ปริศนา
ฉันพยายามค้นคว้า ค้นหา ว่าแท้ที่จริงแล้ว คำตอบของปริศนาข้อนี้คืออะไร หากแต่ว่าฉันก็ยังไม่เคยได้รับคำตอบสักที
ช่างมันเถอะ...
แต่พอพูดถึงความรักแล้ว ทุกคนจะพุ่งประเด็นไปยังความรักระหว่างหญิงและชาย แต่ทุกคนกลับลืมที่จะหันไปมองรอบกาย
ความรักอีกแบบหนึ่งอยู่ที่นั่นเสมอ
ชายและหญิงคู่หนึ่งที่ใช้สิ่งที่เรียกว่ารักทั้งหมด หล่อและหลอมเราขึ้นมาจนมีตัวตนอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
ชายและหญิงคู่หนึ่งที่มอบความรักให้เรา ตั้งแต่เรายังเป็นแค่ก้อนเลือดก้อนหนึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ขาว หรือดำ สวย หรือขี้เหร่แค่ไหน ท่านก็ไม่เคยสนใจ
ความรักของท่านไม่เคยมีข้อแม้
ความรักของท่านไม่เคยต้องการสิ่งตอบแทน
รักเพราะรัก...
ฉันคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของฉันขึ้นมา กดตัวเลขเพียงตัวเดียวที่ฉันจำได้ขึ้นใจว่าหมายเลขปลายทางสำหรับตัวเลขตัวนี้คืออะไร
เพียงไม่นานเสียงที่เคยคุ้นก็กรอกมาตามสาย... ฉันพูดคุยกับคนปลายสายอยู่พักใหญ่ จึงวางสายไป แล้วฉันก็ทำแบบเมื่อสักครู่นี้ กดหมายเลขตัวเดียวแต่เป็นอีกตัวหนึ่ง เพียงไม่นานฉันก็ได้คุยกับคนปลายสายอีกเช่นเดียวกัน
ฉันวางสายไปแล้ว แล้วก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว ปีนี้และปีก่อนๆ บทสนทนาระหว่างฉันกับคนปลายสายก็เหมือนเคย จะต่างกันก็แค่ ปีนี้ฉันต้องต่อโทรศัพท์สองครั้ง เพราะปีที่แล้วฉันโทรฯ ไปตอนเย็น พ่อกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ปีนี้ฉันโทรฯ ไปตอนสาย พ่อไปทำงาน ทำให้ฉันต้องต่อไปหาแม่อีกครั้งก็เท่านั้น
บทสนทนาเดิมๆ
วาเลนไทน์ปีนี้มีหนุ่มที่ไหนเอาดอกไม้มาให้หรือยัง
คำตอบก็คงเดิม ไม่มี
แล้ววาเลนไทน์ปีนี้ไปไหน
คำตอบก็คงเดิม อยู่บ้าน
ฉันไม่ได้บอกเล่าให้พ่อฟังว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้เป็นต้นมา มีแต่คนถามฉันด้วยประโยคลักษณะอย่างนี้ตั้งเท่าไรแล้ว มากจนไม่อยากจะนับ และก็ไม่อยากจะตอบ
แล้วโทรฯ มาหาพ่อทำไม
คำตอบก็คงเดิม
เปล่า โทรฯ มาเฉยๆ ไม่มีอะไร แค่กลัวตกเทรน เทรนที่ฉันว่าก็คือ คำรณรงค์ที่ให้บอกรักคนที่คุณรัก ในวันแห่งความรัก
วันนี้คุณบอกรักแล้วหรือยัง
พ่อหัวเราะเสียงดังกับประโยคดังกล่าวของฉัน เพราะพ่อรู้ใจฉันดีว่า ฉันจะไม่ชอบทำอะไรตามกระแสรณรงค์ดังกล่าว มันเหมือนต้องให้ใครมาบอก จึงคิดจะทำสิ่งดีๆ
พ่อรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้รักท่านแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยบอกรักท่านในวันแห่งความรักสักที เพราะท่านรู้ว่าทุกวันของฉันคือวันแห่งความรักไงล่ะ ฉันทำทุกวันให้เป็นวันแห่งความรักได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ต้องรอตั้งเป็นปี กว่าจะได้บอกรักพ่อครั้งหนึ่ง
ฉันไม่รอนานถึงขนาดนั้นหรอก...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากเขียนอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยเป็นสาระเท่าไร
แค่อยากให้คิดถึงคนอีกสองคนที่รักเราที่สุดบ้างแค่นั้นเองค่ะ
จากคุณ :
เนตรนภัส
- [
13 ก.พ. 49 14:09:31
]