CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Life in a Week : คนสองคน

    ประโยคที่ว่า 'คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า' หากหมายถึงการใช้ชีวิตคู่ย่อมเป็นการเปรียบเทียบที่สามารถมองเห็นภาพได้อย่างดียิ่ง

    มีเหตุผลที่สนับสนุนความหมายดังนี้กล่าวนี้ได้อย่างดี ทั้งกับคนรอบข้างที่ร่ำๆบ่นโอดครวญว่าอายุอานามเข้าเลขสามยังหา 'แฟน' หรือ 'คนรักไม่ได้' ให้ฟังอยู่ด้วยกันหลายต่อหลายคน บางผู้บ่นให้ฟังแล้วมองหน้าผมแกมด้วยความอิจฉา โทษฐานที่มีคนรักร่วมชีวิตมาเกือบสิบปี (รวมระยะเวลาที่เริ่มคบหา)

    ดูเหมือนเขาคิดว่าผมมีความสุขมากมายเสียอย่างนั้นละ กับการมีคนรักร่วมใช้ชีวิต!

    ผมสาธยายให้เขาผู้นั้นฟังว่า เกลอเอ๋ย เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า 'เมื่อใดมีรัก เมื่อนั้นย่อมมีทุกข์' บ้างหรือไม่? เมื่อเกลอเลือกที่จะรักเกลอต้องยอมทุกข์ในยามที่ไม่ได้เห็นหน้า... ยามมีไอ้หนุ่มคนอื่นเข้ามาวอแว... ยามที่ต้องควักเงินจ่ายค่าอาหาร หรือของขวัญสักชิ้น... เขาส่ายหน้ากลับบอกว่า หากเป็นเช่นนั้นก็ขอเลือกที่จะทุกข์ดีกว่า ตอนนี้มีความสุขมากพอแล้ว ทุกข์คนเดียวเบื่อแล้ว--

    คนมีชีวิตคู่บางผู้ก็มีเรื่องบ่นสนทนาให้ฟังไม่แพ้กัน ต่างกันที่เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับฝ่ายแรก ส่วนใหญ่มักออกอาการเพ้อฝัน เลื่อนลอย มักชอบคิดถึงอดีตด้วยการขึ้นต้นอารัมภบทโดยใช้คำว่า

    ถ้า...

    เป็นต้นว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะขอเลือกอยู่คนเดียว เป็นโสดดีกว่า หรือไม่ก็... ถ้าหากเป็นไปได้จะไม่ขอเลือกคู่ชีวิตคนนี้ เลือกคนนั้นเสียดีกว่า (ทั้งที่ความจริงเขามิอาจรู้ได้เลยว่าจะดี หรือเลวร้ายกว่า)-

    แล้วตัวผมล่ะ?... ในฐานะที่จัดอยู่ในพวกคนวงใน มีความคิด 'อยากออก' กับเขาบ้างหรือไม่?--มีบ้าง หากในบางครั้งเราสองคนเริ่มทำสร้าง 'ความงี่เง่า' ที่มีสาเหตุมาจากเรื่องเล็กๆน้อยๆเข้าใส่กัน ทำให้บางครั้งผมนึกถึงวันเก่าๆ... วันที่ยังเป็นยังโสด มีอิสระในชีวิตทุกอย่าง ไม่ต้องมีส่วนร่วมรับรู้ รับฟัง และร่วมรับผิดชอบกับชีวิตของคนอื่นมากกว่าของตัวเอง พาลโกรธโทษว่า 'ชีวิตคู่' คือสิ่งที่พรากเอาความเป็นส่วนตัวดั้งเดิมจากไป




    การที่คนสองคนตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันทุกวัน สิ่งเดียวที่จะยึดโยงให้ความสัมพันธ์ไม่คลอนแคลนกระทั่งขาดสะบั้นได้นั้นคือ 'การเอาใจเขามาใส่ใจเรา'

    ขวบปีแรกที่อยู่ร่วมกัน ทั้งผมและเธอ (คุณผู้หญิงของบ้าน) มีเหตุทำให้ต้องเกิดอารมณ์เสียด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากความเคยชิน จากนิสัยส่วนตัวของแต่ละคนที่นึกอยากจะทำอะไรเช่นใดก็ทำโดยที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายว่าจะรับการกระทำนั้นๆได้หรือไม่

    เมื่อย้อนคิดไปถึงวันก่อนหน้าแล้วให้ต้องนึกแปลกใจ แม้ว่าผมและเธอจะคบหากันมานาน นิสัยแย่ๆของแต่ละคนนั้นไม่เคยปรากฏให้เห็นจนเมื่อมาได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เมื่อลองใคร่ครวญมองลึกลงลงไปก็มิใช่เรื่องแปลกมากมายนัก หากเราจะยอมเข้าใจว่าทุกคนย่อมมีนิสัยส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป.. เราสองคนพบกันนอกบ้านเมื่อแยกย้ายกันต่างคนก็ต่างก็เดินเข้าสู่โลกส่วนตัวของตนเอง

    โลกส่วนตัวของเราที่อาจไม่เป็นที่ปรารถนาของอีกคนหนึ่ง!

    หลายครั้งที่ผมชอบเปิดวิทยุเสียงดังพอที่จะสร้างความรำคาญใจแก่เธอ หลายครั้งที่เธอเปิดเครื่องรับโทรทัศน์ชมละคร เกมส์โชว์เสียงดังในขณะที่ผมนั่งเขียนงาน หรืออ่านหนังสือ หลายครั้งที่ผมกลับบ้านดึกเพราะนั่งกินดื่มกับเพื่อนฝูงในขณะที่เธอนั่งรอกินข้าวเย็นพร้อมผม (แม้ว่าผมจะบอกล่วงหน้าแล้วว่าไม่ต้องรอ) ฯลฯ นี่คือ 'เรื่องเล็กน้อย' บางส่วนที่สวนทางกับความต้องการทั้งของผมและเธอ ทำให้หลายครั้งที่เราต้องมีปากเสียง ขุดค้นหาสิ่งที่ไม่ดีของแต่ละฝ่ายขึ้นมามาบริภาษใส่กัน

    เมื่อขุดค้นข้อเสียของแต่ละฝ่ายออกมาจนหมด ความเงียบจึงได้คืบคลานเข้ามาแทนที่ ในห้วงยามนั้นเราต่างถอยกันไปอยู่กันคนละมุมห้อง ต่างครุ่นคิดทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องมีปากเสียงกัน เรารักกันมิใช่หรือ? แล้วทำไมเราถึงไม่ยอมลงรอยให้กันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง!

    เราสองจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย หากต่างไม่ปรับตัวเข้าหากัน เลือกพบกัน 'คนละครึ่งทาง'

    ผมเองต้องปรับมุมมอง 'ชีวิตคู่' เสียใหม่ โดยเฉพาะเลิกพาลโกรธโทษว่า 'ชีวิตคู่' นั้นคือสิ่งที่พรากเอาความเป็นส่วนตัว - โลกส่วนตัวของตนเองออกไป หากว่ายังปรารถนาการมีชีวิตร่วมกันกับเธอ (หรือกับใครสักคน) ยอมรับกับความจริงที่ว่าเราต้องแบ่งความเป็นส่วนตัวไปให้ความเป็นส่วนรวม.. แม้ความเป็นส่วนตัวของผมจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่มันก็ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน เป็นเพียงแต่ผมมองข้ามยึดติดว่ามันหายไปเสียเองเท่านั้น

    เมื่อ 'คนนอก' ที่อยากเข้าถาม 'คนใน' อย่างผมว่า ชีวิตคู่นั้นทำให้เรามีความสุขหรือไม่? ผมมักเลี่ยงคำตอบปลายปิดที่ว่า 'ใช่' หรือ 'ไม่ใฃ่' แต่กลับมักยกเอาประสบการณ์ของตนเองมาบอกกล่าวให้เขาผู้นั้นได้ใช้สมองซีกซ้ายคิดตรองหาคำตอบให้กับตัวเขาเอง... หากว่าเขายอมสูญเสียและลดความเป็นส่วนตัวของตนเองได้ รักตัวเองน้อยลงได้ เสียสละทำเพื่อคนอื่นด้วยความเต็มใจได้... เขาก็จะได้คำตอบที่ต้องการ




    สัปดาห์ก่อนหน้า 'คนใน' คนหนึ่งร่ำๆกับผมว่าอยากจะออกจากวงโคจร 'ชีวิตคู่' ด้วยเหตุและผลที่ฟังแล้วน่าเห็นใจเธออยู่มิใช่น้อย

    วันนั้น... ผมพยายามพูดให้เธอใจเย็นๆ ค่อยๆคิดก็แล้ว ติดเสียอย่างเดียวว่าไม่ได้พูดให้เธอย้อนคิดถึงวันที่เธอและเขารักกันในครั้งแรก--ความรักและความเข้าใจทำให้คนทั้งสองร่วมชีวิตกันมาได้เกือบสองปี ผิดใจกันเพียงครั้งก็พาลจะเลิกลา?

    หากลองคิดถึงวันเก่าๆบ้าง ไม่แน่ว่า 'คนใน' เช่นเธอผู้นั้นอาจเกิดรอยยิ้มขึ้นมาเกลื่อนลบคราบน้ำตาออกไปก็เป็นได้
    ผมเองก็ทำ และเป็นเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง @



    ด้วยมิตรภาพ™

    13 กุมภาพันธ์ 2549
    kopkop90@hotmail.com

    จากคุณ : อานันท์-โจนาธาน - [ 14 ก.พ. 49 12:09:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป