CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพิ่งมาโพสเป็นครั้งแรกครับ

    หวัดดีชาว ถนนนักเขียนทุกท่านครับ คือผมเข้ามาอ่านหลายครั้งแล้วอ่ะ  คืออยาให้ ติ และ ชม ผลงานของผมด้วยครับ.




                “ ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร เธอคงยังไม่เข้าใจว่าฉันไม่ใช่คนเก่า เราคงยังเหมือนเพื่อนหยอกล้อเหมือนวันวานแต่ฉันคือคนใจสั่น   แต่ฉันคือคนหวั่นไหว  
    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย  ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่าง ที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน  กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ๆเธอ   กลายเป็นคนที่รอเกล้อเหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน    ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน แต่แล้วเธอยังมองผ่านและ ฉันก็ยังหวั่นไหว    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น   ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน ”

            ผมนั่งเพลงนี้อยู่หลายรอบ ภายในห้องที่มีแต่ความเงียบเหงา และ แสงแดดสีส้มอ่อนๆพร้อมกับสายลมแห่งความทรงจำพัดเอื่อยๆเป็นเพื่อน

            เมื่อฟังเพลงอีกรอบมันก็ทำให้ต้องหยิบรูปๆหนึ่ง ออกมาจากลิ้นซักแห่งความทรงจำ ในรูปนั้นมีผมและรูปผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นชื่อ อ้น ซึ่งถ่ายไว้ตอน ม.4 ถ่ายเป็นขาวดำ  อ้นเป็นเพื่อน สนิทและ เพื่อนรักของผม ผมและเธอคบกันมาตั้งแค่ ม.1 – ม.6 เป็นเวลา 6 ปี มันเป็นเวลาที่สั้นมากสำหรับผม

              ผมหยิบรูปขึ้นมาดูพร้อมกับนึกถึงวันเก่าๆ
               ม.1 เป็นปีนปีแรกที่ผมได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้  
    “ หวัดดีจ๊ะ ชื่อไรเหรอ เราชื่ออ้นน่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่  ร่าเริง แจ่มใส  นั่นเป็นบทสนทนาแรกที่เธอทักทายผม และผมก้อตอบเธอว่า “ หวัดไม่ดีนะ ถ้าเป็นแล้วต้องไปหาหมอ 5555 (เสียงหัวเราะ)  เราชื่อหมูนะ ยินดีที่ได้รู้จัก) แล้วเราก็คบกันเรื่อยมาจนกระทั่ง ม.3 เทอม2 ก่อนสอบปลายภาค
    หมู   :    นี่อ้นจบม.3 แล้วไปต่อ ม.4 ที่อื่นป่าว หรือจะต่อที่นี่
    อ้น    :    ยังไม่รู้เลย เห็นพ่อบอกว่าจะส่งไปเรียนนอกงะ
    หมู    :    อ้อ นอกโลก หรือป่าจ้ะ 5555(หัวเราะ)     ล้อเล่นงะ  จะไปต่อนอกเลยเหรอ
    อ้น    :     เดี๋ยวจะโดนส่งไปนอกโลก    ใช่เห็นพ่อบอกนะ  ไมเหรอ
    หมู    :    งั้นถ้าไปจริงๆเราก็คงไม่เจอแกแล้วดิ
    อ้น     :    ยังไม่แน่เว้ย พ่อบอกถ้าไม่ส่งไปนอกก็ต่อนี่  เดี๋ยวรู้เองล่ะว่าจะไปต่อไหน ถ้าเจอกันตอน ม.4 ก็แสดงว่าต่อนี่ ถ้าไม่เจอ ก็บายบ๊าย
    ม.4  “หวัดดีอีกครั้งจ้า”  เสียงของหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดีใจที่เจอเพื่อน เธอคนนั้นคืออ้น ผมเอ่ยขึ้นมาว่า “ เอ้ย อ้นแกไม่ไปนอกเหรอ ดีใจว่ะที่เจอแกอีก ”  และผมก็ได้คบกับเธออีก อย่างลึกซึ้ง จนผมเริ่มรู้สึกดีๆกับเธอ


    “ ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร เธอคงยังไม่เข้าใจว่าฉันไม่ใช่คนเก่า เราคงยังเหมือนเพื่อนหยอกล้อเมือนวันวานแต่
    ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว ”


           ม.5 เป็นช่วงเวลาผมและเธอสนิทกันมาก กว่าตอน ม.1-ม.4 สนิทชนิดที่ว่าเธอไปไหนผมไปด้วย เธอนั่งเรียนไหนผมนั่งเรียนด้วย จนผมเริ่มตกหลุมรักชนิดที่ว่าโยนเชือกลงไปผมก็ไม่สามารถจับเชือกเส้นนั้นได้  ผมอยากที่จะบอกเธอว่ารักแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะก้าวข้ามเส้นระหว่างคำว่าเพื่อนไปได้

             ม.6 ปีนี้เป็นปีสุดท้ายสินะ ที่ผมจะได้ใกล้เธออย่างคนขี้ขลาดคนหนึ่ง ปีนี้ผมก็คิดที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างให้เธอประทับใจ และผมก็ยังคิดหาวิธีบอกรักสารพัด เช่น การอัดเพลงที่มีความหมายตามความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอ  ผมอัดเสร็จแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าให้เธอ คงจะเป็นเพราะว่ามีคำว่าเพื่อนกั้นตรงกลางเลยทำให้ผมไม่กล้าที่จะข้ามไป

              วันที่รับประกาศนียบัตร(จบ ม.ปลาย) ผมก็ได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เลยได้แต่ทำใจยอมรับว่าขอแค่ได้คิดถึงเธอไกลๆก็พอ และ ก่อนที่จะจบผมได้บอกเธอว่า “ ขอให้โชคดีนะ ”


           “ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน  กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ๆเธอ กลายเป็นคนที่รอเกล้อเหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน แต่แล้วเธอยังมองผ่านและฉันก็ยังหวั่นไหว    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน ”

          หลังจากวันนั้น ผมและเธอ ก็ยังได้ติดต่อกันบ้าง ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเธอ (ในสายตาเธอ )
    จนกระทั่งอยู่ดีๆ เธอก็ไม่ติดต่อมา ผมก็โทรเข้าเครื่องของเค้า ปรากฏว่าเบอร์โทรเบอร์นี้ถูกยกเลิกแล้ว ผมก็ลองถามเพื่อนเธอดู เพื่อนของเธอก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธอเช่นเดียวกัน
               จนผมก็จำใจที่จะเก็บความทรงจำนี้ลงไปใน
                        “ ลิ้นชักแห่งความทรงจำ ”

        “ ในแววตาทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร เธอคงยังไม่เข้าใจว่าฉันไม่ใช่คนเก่า เราคงยังเหมือนเพื่อนหยอกล้อเมือนวันวานแต่
    ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว   ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน  กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ๆเธอ กลายเป็นคนที่รอเกล้อเหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน ตาคอยมองจ้องอยู่อยากให้รู้ใจกัน แต่แล้วเธอยังมองผ่านและฉันก็ยังหวั่นไหว    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน ”





    จบแล้วครับ ช่วยแนะนำ ติ ชม  หน่อยแนะครับ.

    จากคุณ : photomoo472 - [ 18 ก.พ. 49 19:24:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป