ปี 200 AD
ปี Jian’an ที่ 5 200 AD
(3 กุมภาพันธ์ 200 – 20 กุมภาพันธ์ 201)
ในฤดูใบไม้ผลิเดือนแรก แผนของตังสินถูกเปิดเผย ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โจโฉฆ่าตังสิน อองฮู ตันอิบ และครอบครัวพวกเขาทั้งหมด
โจโฉต้องการนำทัพด้วยตัวเองไปโจมตีเล่าปี่ แต่ขุนนางของเขาแนะนำว่า อ้วนเสี้ยวเป็นคนที่จะสู้กับท่านเพื่อครอบครองแผ่นดิน และเขาอาจจะเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าท่านนำทัพไปตะวันออก และเขายกทัพมาตลบหลังท่าน อะไรจะเกิดขึ้น
โจโฉแย้งว่า เล่าปี่นั้นเป็นคนที่กล้าหาญยิ่งกว่าคนทั่วไป ถ้าข้าปล่อยเขาไป เขาจะต้องสร้างปัญหาให้แก่ข้าแน่
กุยแกพูดว่า อ้วนเสี้ยวนั้นทำการชักช้าและลังเลอยู่เสมอ เขาย่อมไม่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เล่าปี่ก่อการกบฏต่อท่านไม่นานนัก เขาย่อมไม่สามารถควบคุมทหารให้ทำตามคำสั่งได้เท่าไหร่นัก ถ้าท่านดำเนินการทันที ท่านจะต้องเอาชนะเขาได้แน่นอน โจโฉจึงนำทัพไปตะวันออก
เตียนห้อง แม่ทัพแห่งมณฑล Ji พูดกับอ้วนเสี้ยวว่า โจโฉยกทัพไปจัดการเล่าปี่ เขาไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายนัก ถ้าท่านยกทัพเข้าตลบหลังทัพเขา ท่านก็สามารถครอบครองแผ่นดินได้ อ้วนเสี้ยวตอบว่าบุตรชายของเขาป่วยอยู่ เขาจึงไม่อยากจะยกทัพไป เตียนห้องฟาดคฑาเขาลงกับพื้น พูดว่า ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ เขายังทิ้งโอกาสที่ดีไปเพราะว่าเด็กที่เจ็บป่วย ช่างน่าละอายยิ่งนัก โอกาสที่ดีได้สูญเสียไปแล้ว
โจโฉเอาชนะเล่าปี่และจับเมียและลูกเล่าปี่ไว้ เขายกทัพไปโจมตีแห้ฝือ และจับตัวกวนอู โจโฉโจมตี เซียงหู พ่ายแพ้ไป
เล่าปี่หนีไปหาอ้วนถำ ในมณฑลเฉงจิ๋ว และเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยว
เมื่ออ้วนเสี้ยวรู้ว่าเล่าปี่มาถึง เขาออกนอกเมือง Ye มาสองร้อยลี้เพื่อต้อนรับเล่าปี่ เล่าปี่พักที่ Ye ร่วมเดือน และทหารเขาที่พ่ายแพ้กระจัดกระจายไปก็มารวมตัวกับเขา
โจโฉนำกองทัพกลับมา กัวต๋อ อ้วนเสี้ยวจึงพิจารณาที่จะโจมตีเมืองฮูโต๋ เตียนห้องกล่าวว่า เมื่อโจโฉปราบเล่าปี่ได้แล้ว เมืองฮูโต๋ก็ยากที่จะโจมตี ยิ่งกว่านั้น ตัวโจโฉนั้นรู้กันดีว่า เป็นคนที่เชี่ยวชาญในการใช้ทหาร และเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเขาวางแผนจะทำอะไรต่อไป แม้ว่ากองทัพของเขาจะเล็กแต่การจะปราบเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
วิธีดีที่สุดในการปราบโจโฉ คือการเว้นระยะระหว่างสองฝ่ายและปล่อยให้เขาเฝ้าคอย ท่านต้องยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างเนินเขา แม่น้ำ แล้วก็สั่งการกองทัพสี่มณฑล ติดต่อกับเหล่าเจ้าเมืองนอกด่านและสนับสนุนการเพาะปลูกในดินแดนของเรา
เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็คัดเลือกทหารที่ดีที่สุดของท่าน ส่งกองทหารไปโจมตี อาศัยประโยชน์จากจุดด้อยของโจโฉ สร้างปัญหาขึ้นทีละจุดตามเขตแดนตอนใต้ของแม่น้ำเหลือง ถ้าเขาส่งกองทหารไปช่วยทางขวา ท่านก็เข้าโจมตีทางซ้าย ถ้าเขาส่งทัพไปช่วยเหลือทางซ้าย ท่านก็ยกพลโจมตีทางขวา ข้าศึกก็จะต้องยกทัพไปมาอยู่ตลอดและประชาชนในดินแดนโจโฉก็ไม่มีความสงบสุข กองทัพเราก็ไม่เหนื่อยล้า แต่ทหารโจโฉย่อมอิดโรย ไม่เกินสามปี ความสำเร็จจะมาถึงตามที่ท่านรอคอย
ถ้าท่านไม่ต้องการแผนที่ได้ชัยชนะแน่นอน แต่ต้องการที่ตัดสินรู้แพ้ชนะในการศึกครั้งเดียว ท่านอาจจะเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นใจต่อท่าน ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปที่ท่านจะเสียใจ
อ้วนเสี้ยวปฏิเสธคำแนะนำนี้ แต่เตียนห้องยืนยันเหตุผลของเขา อ้วนเสี้ยวเชื่อว่าเขาอาจบั่นทอนกำลังใจของกองทัพ จึงสั่งให้มัดตัวเขาไว้
แล้วอ้วนเสี้ยวก็เกณฑ์ทหารจากทุกหัวเมือง แล้วก็บันทึกความผิดและการกระทำมิชอบของโจโฉ ในเดือนที่สอง อ้วนเสี้ยวยกทัพไปยัง ลิหยง
เมื่อชีสิวกำลังจะออกเดินทัพไป เขาเรียกญาติ ๆ ของเขามา แบ่งทรัพย์สินให้แก่พวกเขาบอกว่า ถ้าเรารอดมาได้ อำนาจของข้าก็จะถูกจดจำไปทั่วแผ่นดิน แต่ถ้าเราแพ้ ข้าคงไม่สามารถรักษาชีวิตได้ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก Ju Zong น้องชายของเขาบอกว่า ทหารของโจโฉไม่สามารถเทียบทัพของเราได้ เหตุใดท่านต้องจึงเกรงกลัว
ชีสิวจึงว่า เพราะว่าโจโฉมีแผนการที่ชัดเจน และเขายังควบคุมองค์ฮ่องเต้ แม้ว่าเราจะปราบกองซุนจ้านได้ แต่ทหารของเราก็อ่อนล้า นายท่านของพวกเรานั้นภูมิใจในตัวเองส่วนขุนนางแต่ละคนก็หยิ่งยโส นี่จะนำความพินาศมาสู่กองทัพเรา
Yang Xiong ว่าไว้ว่า หกรัฐนั้นโง่เขลาเบาปัญญา พวกเขาบั่นทอนอำนาจราชวงศ์ Zhou เพื่อ ราชวงศ์ Ying (แคว้นฉิน) นี่ถือว่าเป็นคำพูดที่บรรยายสถานการณ์ตอนนี้
เทียหยกรักษาการณ์ที่ Juancheng พร้อมทหารเจ็ดร้อยนาย โจโฉต้องการส่งกำลังเสริมให้เขาอีกสองพันนาย แต่เทียหยกปฏิเสธ พูดว่า ด้วยกำลังทหารกว่าแสนคนของอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวย่อมมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดมาหยุดเขาได้ ถ้าเขาเห็นว่าข้ามีทหารน้อยนิด เขาย่อมไม่ใส่ใจและจะไม่โจมตี ในทางกลับกัน ถ้าท่านเพิ่มทหารให้ข้า เมื่อเขายกทัพผ่านมา เขาต้องโจมตีอย่างแน่นอน ถ้าเขาโจมตี เขาย่อมได้ชัยชนะแน่นอน ส่วนท่านกับข้าก็ต้องสูญเสียทหารไป ขออย่าได้โปรดสงสัยเลย
ความจริงแล้วเมื่ออ้วนเสี้ยวได้ยินว่าเทียหยกมีทหารจำนวนน้อยนิด เขาก็ไม่ยกทัพมาโจมตีเทียหยก โจโฉพูดกับกาเซี่ยงว่า เทียหยกนั้นฉลาดกว่า Meng Ben หรือ Xia Yu ซะอีก (ขุนนางที่มีชื่อในสมัย Zhou)
อ้วนเสี้ยวส่งงันเหลียงไปโจมตีเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตองกุ๋น ที่แปะแบ๊ ชีสิวพูดว่า งันเหลียงนั้นไม่ใส่ใจและไม่มีความอดทน แม้ว่าเขาจะอาจหาญ แต่เขาไม่สามารถจัดการกองทัพด้วยตัวคนเดียวได้ อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยกับชีสิว
ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ โจโฉยกทัพขึ้นเหนือไปช่วยเล่าเอี๋ยน ซุนฮกแนะว่า กองทัพของเรานั้นมีขนาดเล็กเกินกว่าจะไปสู้กับศัตรู เพื่อที่จะเอาชัยชนะ ท่านต้องแบ่งแยกกองทัพศัตรู เมื่อท่านยกทัพไปถึง ทางแยก Yan แกล้งทำเป็นส่งทหารข้ามแม่น้ำเข้าโจมตีด้านหลังพวกเขา อ้วนเสี้ยวต้องมุ่งหน้าไปตะวันตกเพื่อรับมือ ถ้าท่านส่งทหารอย่างรวดเร็วไปที่แปะแบ๊และโจมตีอย่างฉับพลัน ท่านจะปราบงันเหลียงได้แน่ โจโฉทำตามแผนการของเขา
ทันทีที่อ้วนเสี้ยวรู้ว่าศัตรูข้ามแม่น้ำเหลืองมา เขาส่งกองทหารย่อยไปตะวันตกเพื่อรับมือ แล้วโจโฉก็ยกทัพไปโจมตีแปะแบ๊ พวกเขายังอยู่ห่างจากทัพงันเหลียงมากกว่าสิบลี้ แต่งันเหลียงตื่นตระหนกยกทัพออกมาต่อสู้ด้วย
โจโฉส่งเตียวเลี้ยวและกวนอูนำทัพไปสู้ กวนอูมองเห็นธงประจำตัวของงันเหลียง เขาลงแส้ม้าของเขา ควบม้าถึงตัวงันเหลียงท่ามกลางทหารกว่าหมื่นคนของงันเหลียง กวนอูตัดหัวงันเหลียงแล้วควบม้ากลับมา ไม่มีทหารงันเหลียงคนไหนกล้าขัดขวางกวนอู การปิดล้อมที่แปะแบ๊จึงถูกทำลาย ผู้คนถูกอพยพไปตะวันตกทางแม่น้ำเหลือง
อ้วนเสี้ยวข้ามแม่น้ำเหลืองมาติดตามพวกเขา แต่ชีสิวแย้ง บอกว่า เมื่อท่านทำศึกสงคราม ท่านต้องใส่ใจในเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ทุกอย่าง แผนที่ดีที่สุดตอนนี้คือการรักษาค่ายที่ทางแยก Yan และส่งทัพหน้าไปที่ กัวต๋อ ถ้าพวกเขาสามารถยึดเมืองได้ ท่านก็ยังมีเวลาพอที่จะยกทัพตามทัพหน้าไปได้ แต่ถ้าท่านนำทัพทั้งหมดไปและเกิดสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมา ทหารซักคนก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แต่อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยกับเขา
ชีสิวมาถึงที่ทางแยกและถอนใจพูดว่า นายท่านมั่นใจมากเกินไป ขุนนางแต่ละคนก็ทะเยอทะยานสูง แม่น้ำเหลืองช่างกว้างใหญ่นัก ใยข้าต้องข้ามไป ชีสิวจึงอ้างว่าตัวเองป่าวยและขออนุญาตกลับเมือง แต่อ้วนเสี้ยวไม่อนุญาตและโกรธเคืองเขา อ้วนเสี้ยวยึดอำนาจสั่งการกองทัพของเขาและมอบให้กัวเต๋า
เมื่ออ้วนเสี้ยวนำทัพมุ่งใต้จากทางแยก Yan โจโฉให้ทหารของเขาตั้งค่ายที่เชิงเขาทางใต้ โจโฉส่งคนไปสอดแนม พวกเขากลับมารายงานว่า มีทหารม้าห้าพันถึงหกพันนาย ไม่นานพวกเขาก็กลับมารายงานอีกว่า ทหารม้าของอ้วนเสี้ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และพลเดินเท้านั้นมีมากเกินกว่าจะนับได้หมด โจโฉจึงสั่งพวกเขาไม่ต้องสอดแนมอีก
โจโฉให้ทหารม้าของพวกเขาลงจากอานม้าและปล่อยม้าไป สัมภาระต่าง ๆ ที่ขนจากแปะเบ๊ถูกวางไว้ตามหนทาง ขุนนางต่าง ๆ คิดว่าในเมื่อข้าศึกมีทหารม้าจำนวนมาก พวกเขาควรที่จะกลับไปป้องกันค่ายให้แข้มแข็ง แต่ซุนฮกกลับพูดว่า นี่คือกับดักสำหรับศัตรู แล้วเราจะหนีไปได้อย่างไร โจโฉมองเขาแล้วก็ยิ้ม
บุนทิวและเล่าปี่ แม่ทัพทหารม้าของอ้วนเสี้ยวนำทหารม้าห้าหกพันนายมุ่งหน้ามา เหล่าขุนนางของโจโฉต่างพูดว่า เราควรให้ทหารขึ้นบนหลังม้าเตรียมพร้อม แต่โจโฉพูดว่า ยังก่อน ทหารอ้วนเสี้ยวหยุดนิ่งไปชั่วครู่ แล้วก็เดินทัพต่อและแยกย้ายไปเก็บสัมภาระ โจโฉจึงบอกว่า ตอนนี้แหล่ะ แล้วพวกเขาก็กระโดดขึ้นหลังม้า
ทหารโจโฉมีจำนวนน้อยกว่าหกร้อยนาย แต่พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว และได้ชัยชนะเด็ดขาดเหนือศัตรู พวกเขายังสามารถตัดหัวของบุนทิวได้อีกด้วย
บุนทิวและงันเหลียงเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของอ้วนเสี้ยว แต่ในการรบแค่สองครั้ง พวกเขาทั้งสองก็ถูกสังหาร กองทัพของอ้วนเสี้ยวจึงไม่มีกำลังใจจะต่อส็
ก่อนหน้านั้น โจโฉมักจะชื่นชมกวนอูอยู่เสมอ แต่เขาสังเกตสีหน้ากวนอูว่า กวนอูยังอยู่กับเขาไม่นาน เขาจึงให้เตียวเลี้ยวไปไต่ถามสาเหตุกับกวนอู กวนอูถอนใจพูดว่า ข้ารู้เป็นอย่างดีว่าท่านโจโฉปฏิบัติต่อข้าอย่างดียิ่ง แต่ข้าก็ได้รับความเมตตาอย่างมากจากท่านเล่าปี่ และข้าได้สาบานว่าจะตายพร้อมกับเขา ข้าไม่อาจละทิ้งคำสาบานได้ ในที่สุดข้าก็ต้องจากท่านโจโฉไป ข้าจึงต้องการทำงานบางอย่างเพื่อท่านโจโฉเพื่อตอบแทนความดีของท่าน แล้วข้าค่อยจากไป
เตียวเลี้ยวบอกโจโฉถึงถ้อยคำกวนอู โจโฉก็คิดว่าเป็นการยุติธรรมดี และเมื่อกวนอูได้ฆ่างันเหลียง เมื่อโจโฉรู้ว่ากวนอูจะจากไปแน่นอน เขาก็มอบรางวัลมากมายให้กวนอู แต่กวนอูไม่เปิดของขวัญทุกอย่างที่เขาได้รับ เขาเขียนจดหมายขออภัยและหนีไปหาเล่าปี่ที่อยู่กับอ้วนเสี้ยว ลูกน้องโจโฉบางคนพยายามที่จะไล่ตามเขา แต่โจโฉพูดเขา ชายผู้นั้นได้เลือกนายของตัวเองแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ
เมื่อโจโฉนำกองทัพของเขากลับ กัวต๋อ Yan Rou ส่งสารมาหาเขา โจโฉตั้งให้เขาเป็นขุนพลผู้ปกป้อง Wuhuan Xianyu Fu มาเข้าพบโจโฉที่ กัวต๋อ โจโฉแต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพผู้ข้าม Liao ทางขวา และส่งเขากลับไปดูแลเขตแดนมณฑล You
ตันเต๋งเจ้าเมืองกองเหลง ที่มีเมืองเอกอยู่ที่ Sheyang เมื่อซุนเซ็กนำทัพไปตะวันตกเพื่อโจมตีหองจอ ตันเต๋งสนับสนุนลูกน้องของเงียมแปะฮอให้ก่อความวุ่นวายตอนที่ซุนเซ็กไม่อยู่ ซุนเซ็กจึงวกกลับมาโจมตีตันเต๋ง กองทัพของเขามาถึงที่ Dantu เขาพักทหารที่นั่นชั่วคราวเพื่อรอคอยเสบียง
ก่อนหน้านั้น ซุนเซ็กได้ฆ่าเค้าก๋อง เจ้าเมืองง่อ ลูกน้องของเค้าก๋องบางคนซ่อนตัวปะปนอยู่ท่ามกลางผู้คนด้วยความหวังที่จะล้างแค้นให้นายตัวเอง ซุนเซ็กเป็นคนที่ชอบล่าสัตว์และมักจะขี่ม้าออกไปนอกค่ายเสมอ ม้าของเขาเป็นม้าชั้นเยี่ยม จึงไม่มีผู้ติดตามคนใดตามเขาทัน
แล้วเขาก็พบกับลูกน้องของเค้าก๋องสามคน พวกเขายิงธนูใส่ขากรรไกรของเขา แล้วผู้ติดตามก็มาถึงตรงเข้าฆ่าลูกน้องของเค้าก๋องแต่ซุนเซ็กได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซุนเซ็กเรียกเตียวเจียวและขุนนางคนอื่นมา พูดกับพวกเขาว่า ภาคกลางนั้นยังวุ่นวาย ด้วยกำลังของง่อและ Yue และความมั่นคงของแม่น้ำแยงซีสามสาย เราสามารถสังเกตความสำเร็จและความล้มเหลวของเจ้าเมืองคนอื่นโดยไมต้องเกี่ยวข้อง พวกท่านต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อสนับสนุนน้องชายข้า
แล้วเขาก็เรียกซุนกวนมา เขาเอาตราตั้งและพู่ประจำตำแหน่งใส่ไว้ในเข็มขัดเขา และพูดกับเขาว่า การระดมกองทัพในแยงซีตะวันออก การตัดสินใจในการสงครามและการต่อสู้เพื่อช่วงชิงแผ่นดิน เรื่องเหล่านี้เจ้าสู้ข้าไม่ได้ แต่เรื่องการสรรหาผู้คนและมอบหมายหน้าที่ให้คนดีมีความสามารถ เพื่อที่พวกเขาจะได้นำความเจริญมาสู่แยงซีตะวันออก เรื่องเหล่านี้ข้าสู้เจ้าไม่ได้ ในวันที่ 5 พฤษภาคม ซุนเซ็กถึงแก่ความตายเมื่ออายุได้ 26 ปี
ซุนกวนร้องไห้เศร้าโศกเสียใจและไม่อยากร่วมประขุมขุนนาง แต่เตียวเจียวดุเขาเรียกเขาด้วยตำแหน่งขุนนางตำแหน่งแรกของเขา แล้วพูดว่า นี่เป็นเวลาสำหรับร้องไห้หรือไง เขาเปลี่ยนชุดไว้ทุกข์ของซุนกวนแล้วช่วยเขาขึ้นหลังม้าแล้วส่งเขาไปตรวจสอบกองทัพ
จากคุณ :
kazama
- [
20 ก.พ. 49 12:16:16
]